กระเป๋าใบเล็กวางลงบนเก้าอี้ข้างลำตัว อัจจิมาหันหน้าเข้าหากระจกบานใหญ่ หยิบเครื่องประทินโฉมออกมาจัดการเติมหน้าทาปาก ไม่สนใจจะเข้าร่วมวงสนทนากับเพื่อนร่วมงานที่กำลังคุยจ้อถึงลูกค้ากระเป๋าหนักรายหนึ่ง
“พี่รี่วันนี้คุณโจ้จะมาเหรอ”
“ก็ใช่น่ะสิ วันนี้ถึงต้องสวยเป็นพิเศษไง” เชอร์รี่ สาวอกอึ๋มในชุดเดรสผ่ายาวถึงกลางหลังหยิบแท่งลิปสติกสีเลือดนกทาปากอย่างประณีต
อรรถนพ เป็นหนุ่มนักธุรกิจ คนในสังคมเรียกว่า คุณโจ้ แวะเวียนมาแต่ละครั้งแทบไม่ต้องเชียร์ดริ๊งให้ลูกค้าคนอื่น
“งั้นหมวยเปลี่ยนชุดใหม่ดีกว่า ชุดนี้ยังไม่น่ากินเท่าไหร่” สาวตัวเล็กในวัยยี่สิบปีต้น ๆ บอกด้วยท่าทางระริกระรี้
“อย่างเธอไม่ใช่สเปคคุณโจ้หรอกเสนอหน้าไปก็เท่านั้น”
“พี่รี่อ่ะ” ทำปากย่นใส่รุ่นพี่คนสนิทอย่างเถียงไม่ออก เมื่อความจริงเป็นอย่างว่า
“นั่นสิ ขนาดบางคนขยันไปอ่อยทุกครั้งแต่ไม่ยักเห็นคุณโจ้จะเรียกไปนั่งด้วย” มิลลิ หนึ่งในตัวท็อปของบรรดาสาวสวย พูดขึ้นลอย ๆ หากแต่มันก็ชัดเจนว่าตั้งใจจะเหน็บใคร เชอร์รีเลยสวนขึ้นทันที
“ว่าให้ใคร”
“ใครอยากรับก็รับไปสิ”
“นี่…!”
“ทำไม…!” ทั้งสองคนลุกจากเก้าอี้ง้างฝ่ามือเตรียมฉะกับอีกฝ่าย แต่ในตอนนั้น รุ้งรวี ผู้มีตำแหน่งใหญ่สุดผลักประตูเข้ามา ทุกคนต่างก็หน้าถอดสีถอยออกไปนั่งกันคนละมุม บรรยากาศเริ่มกร่อยต่างจากก่อนหน้าลิบลับ
“กัดกันทุกวันไม่เบื่อบ้างเหรอ แล้วลืมกฎของที่นี่ไปแล้วเหรอ คิดว่าทำงานในอาบอบนวดรึไงถึงต้องออกไปโชว์ตัวให้ลูกค้าเลือก” ดวงตาสวยเฉี่ยวคมของผู้จัดการสาวเข้มขึ้น แม้จะเป็นการบริการที่เห็นลูกค้าเป็นพระเจ้าแต่ ‘ฟาวเวอร์ ไนต์คลับ’ ก็อยู่ในระดับที่ไม่อนุญาตให้พนักงานมาร้องแรกแหกกระเชอแย่งลูกค้ากัน
บรรดาสาวสวยพากันสงบปากสงบคำ เพราะการจะเข้ามาทำงานที่นี่ได้ไม่ใช่เรื่องง่าย นอกจากหน้าตารูปร่างต้องผ่านเกณฑ์ ยังต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าไม่มีประวัติเสียหายรวมถึงการทะเลาะวิวาท
ถ้ากล่าวตักเตือนแล้วยังสร้างปัญหาก็เตรียมตัวตกงานได้เลย
พอสถานการณ์ในห้องกลับมาสงบแล้วรุ่งรวีก็หันไปพูดกับอัจจิมาที่นั่งแต่งหน้าอย่างไม่ได้สนใจรอบข้าง
“เตรียมตัวไว้นะคุณโจ้จะมาถึงประมาณสี่ทุ่ม”
“ค่ะ” เธอพยักหน้ารับคำสั่ง
“พี่จี๊ดอีกแล้วเหรอ เมื่อไหร่คุณโจ้เขาจะมองเห็นความสวยความใสของหมวยบ้างนะ” สาวร่างเล็กบ่นอุบอิบด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ ไม่ได้อิจฉาอะไรในตัวอัจจิมาผิดจากรุ่นพี่คนสนิทของเธอ
“ทำไงได้ก็วาสนาคนเรามันไม่เท่ากัน” คนพูดปรายตามองไปที่อัจจิมาด้วยความริษยา ทั้งสองคนไม่กินเส้นกันเพราะต่างฝ่ายต่างก็เป็นตัวท็อปของที่นี่ แต่ถ้าจะพูดให้ถูก คงมีแค่เชอร์รี่ฝ่ายเดียวที่ชอบทำตัวเป็นศัตรูกับเธอ
“มันไม่เกี่ยวกับวาสนาหรอก ถ้ามีดีวันนึงก็ต้องมีผู้ชายเห็น แต่ถ้ายังไม่มีใครเห็นก็คงต้องพิจารณาตัวเอง” สั่งสอนเสร็จรุ้งรวีก็เดินออกไปจากห้อง ด้วยรู้นิสัยของเชอร์รี่ดีกว่าใคร ถ้าไม่ติดว่าผู้ใหญ่ขอไว้คงโดนไล่ออกไปนานแล้ว
‘ฟาวเวอร์ ไนต์คลับ’ สถานบันเทิงหรูมีบริการรองรับลูกค้าหลากหลายกลุ่ม ไม่ว่าจะเน้นดื่มเพื่อความผ่อนคลาย หรือคนที่มาหาความจากนอกบ้าน หรือมาด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ สถานบันเทิงแห่งนี้มีการบริการต่างไปจากผับบาร์ทั่วไป จัดแยกอย่างเป็นสัดเป็นส่วนอยู่บริเวณชั้นสอง
และถ้าใครได้ออกไปกับลูกค้า วันรุ่งขึ้นก็เตรียมถอยกระเป๋าใบใหม่มาใช้ได้เลย
ทุกค่ำคืนสถานบันเทิงชื่อดังอัดแน่นไปด้วยนักท่องราตรี เสียงเพลงเคล้าคลอกับแอลกอฮอล์ราคาแพงเป็นตัวขับเคลื่อนความสนุก
ท่ามกลางผู้คนที่กำลังดื่มด่ำกับบรรยากาศเบื้องหน้า อัจจิมาอยู่ในเดรสรัดรูป ร่างระหงเดินขึ้นไปยังโซน วีไอพี เมื่อมีลูกค้าเรียกให้เธอไปนั่งเอาใจในบริการ solf
“ขอโทษนะคะจี๊ดมาช้าไปหน่อย” เจ้าของร่างบางนั่งห่างจากชายหนุ่มเล็กน้อย
“ไม่เป็นไรครับ สำหรับคุณจี๊ดผมรอได้เสมอ” อรรถนพพึงพอใจในตัวอัจจิมาถึงขั้นเคยเสนอเงินเลี้ยงดูหากแต่ก็ถูกเธอปฏิเสธ โดยให้เหตุผลว่าอีกฝ่ายมีครอบครัวแล้ว
“วันนี้ดื่มอะไรดีคะ”
“ตามใจคุณจี๊ดเลยครับ ว่าแต่คืนนี้คุณจี๊ดจะให้เกียรติออกไปต่อที่อื่นกับผมได้ไหม ไปนั่งดื่มเฉยๆ ก็ได้เดี๋ยวผมขับรถไปส่งที่บ้าน” แม้จะวางตัวดี ทว่าสายตาของเจ้าตัวก็ไม่อาจปกปิดความคิดภายในใจได้ หนุ่มมาดธุรกิจจ้องมองใบหน้างดงาม แทบจะพ่นลมหายใจออกมารดต้นคอ
“ให้จี๊ดดูแลคุณโจ้แค่ตรงนี้ก็พอนะคะ” ปฏิเสธด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน มือเล็กวางลงไปที่แผงอกอย่างนุ่มนวล ดวงตาคู่สวยมองลูกค้าหนุ่มหวานเยิ้ม มารยาหญิงที่เธองัดออกมาใช้ทำให้อรรถนพยิ่งอยากได้เธอมาครอบครอง
“รู้ตัวไหมครับว่าคุณจี๊ดปฏิเสธผมได้ยั่วยวนสุดๆ” เขาแทบอยากจะกดอัจจิมาให้นอนลงไป ชื่นชมความงดงามที่ซ่อนอยู่ภายในเดรสตัวบางดูสักครั้ง
“แต่จี๊ดยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะคะ” มือเล็กลูบคลำแผงอกของลูกค้าหนุ่มผ่านเชิ้ตก่อนที่นิ้วนั้นจะหยุดอยู่ที่ริมฝีปากสีคล้ำจากการสูบบุหรี่ แก้วทรงสวยที่จ่อรอตรงหน้าด้วยท่าทางเย้ายวนจนอรรถนพอยากให้เจ้าของหน้าอกคู่โตเสิร์ฟเขาด้วยจูบดูดดื่มแทน
แต่ก็ต้องผิดหวังเหมือนทุกครั้ง เมื่ออัจจิมาแค่ล่อลวงให้เขาอยากเข้าไปสัมผัสแต่แล้วก็ถูกทิ้งไว้กลางทาง “เดี๋ยวจี๊ดดื่มเป็นเพื่อนนะคะ”
จังหวะหันกลับมาที่โต๊ะเธอก็ถูกอรรถนพดึงเข้าไปประชิดตัว มือใหญ่โอบสะโพกโค้งมน อีกข้างลูบไล้ต้นแขนขาวเนียนอย่างถือวิสาสะ อัจจิมานั่งด้วยความระวังตัว ไม่ให้อีกฝ่ายเกินเลยไปมากกว่านี้
ทุกอย่างดำเนินไปเหมือนเช่นทุกวัน กระทั่งมองนาฬิกาเป็นเวลาเที่ยงคืนเศษ อัจจิมาก็ขอลูกค้าหนุ่มไปเข้าห้องน้ำ พ้นสายตาเธอก็รีบเช็คโทรศัพท์มือถือ เผื่อว่าจะมีใครโทรเข้าหรือฝากข้อความทิ้งไว้
จิตใจพลันห่อเหี่ยว นอกจากแจ้งเตือนให้ชำระค่าบริการอินเทอร์เน็ต ก็ไม่มีอะไรที่บ่งบอกว่าแฟนของเธอติดต่อกลับมา
ป่านนี้เขายังไม่เลิกงานอีกเหรอ หรืองานจะลากยาวกว่ากำหนด
หญิงสาวครุ่นคิด ในใจว้าวุ่นจนต้องรีบต่อสายไปหาอีกฝ่าย หญิงสาวเดินออกมาโทรศัพท์ข้างนอก แต่โทรไปกี่ครั้งก็ไม่มีวี่แววว่าปลายทางจะกดรับ จนเสียงสัญญาณตัดไปเอง
เมื่อสามปีก่อนเพื่อนร่วมงานแนะนำให้เธอรู้จักกับแฟนหนุ่มคนนี้ สองเดือนให้หลังทั้งคู่ตัดสินใจคบหากัน ตอนนั้นแฟนของเธอเพิ่งจะบรรจุเข้าทำงานได้ไม่นาน ปัจจุบัน นิรุท เป็นหมอประจำแผนกสูติฯ ของโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง
ยุ่งอยู่มั้ง
อัจจิมาถอนหายใจยาว คิดในทางที่ดี บางทีแฟนหนุ่มอาจจะยังไม่เลิกงาน พอติดต่อไม่ได้เธอจึงเตรียมจะกลับเข้าไปทำงานต่อ ถึงบ้านเธอค่อยโทรลองไปใหม่
ทว่ารถยนต์ค่ายดังที่ขับเข้ามาจอดไม่ห่างจากเธอมากนัก ทำให้ดวงตาเรียวรีหยุดมอง จิตใจวูบไหวพลันเกิดคำถามกับภาพที่เห็น
นิรุทมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง เขาไปสัมมนาที่ต่างจังหวัดไม่ใช่เหรอ
ยังไม่ทันจะมีคำตอบให้กับหัวใจผู้หญิงรูปร่างดีก็ก้าวลงมาจากรถของแฟนหนุ่ม ภาพตรงหน้าทำให้อัจจิมายืนมองด้วยหัวใจไหวสะท้าน ในหัวหนักอึ้ง มือทั้งสองข้างชื้นไปด้วยเหงื่อระหว่างยืนมองดูนิรุทจูบกับผู้หญิงคนนั้น