Chapter 2
รักแท้แพ้ใกล้ชิด (1)
"เอ่อ...ป้าขอโทษ ไม่ได้บอกว่าหนูไม่สวย แค่คนนั้นเขาเล่ามาอีกทีจ้ะ"
พิมพ์ลดาไม่ได้รู้สึกร้อนรุ่มตาม หล่อนยังคงเชื่อใจสามี เพราะมันไม่มีสัญญาณอะไรเลยที่บอกว่าเขามีคนอื่น ติณณภพดีกับหล่อนและก็นอนเตียงเดียวกันทุกคืน หล่อนเชื่อมั่นในสัญชาตญาณตนเอง และหล่อนรับไม่ได้หากเขาทำแบบนั้น จึงปิดหูปิดตาตัวเอง
"เขาอาจเห็นคืนที่พี่ติณห์ไปกินข้าวกับน้อง ๆ ที่ทำงานก็ได้ค่ะ คงไม่มีอะไรหรอก"
ดาวเรืองยิ้มเจื่อน เมื่อคนตรงหน้านิ่งเสียจนไม่กล้าพูดอะไรต่ออีก
"ก็...ก็คงงั้นมั้ง คนเรานี่ก็เนอะ ชอบทำให้เป็นเรื่อง ทั้งที่ความจริงผัวเมียเขารักกันจะตาย"
ดาวเรืองเปลี่ยนท่าทีเพราะการเป่าหูครั้งนี้ไม่ได้ผล หล่อนสัมผัสได้ถึงในแววตาคู่สวย มันบ่งบอกถึงความมั่นคงที่มีต่อสามี หากไม่ได้เห็นกับตาพิมพ์ลดาคงไม่มีทางเชื่อคำพูดใครง่าย ๆ แน่นอน
ดาวเรืองมองตามร่างเพรียวบางที่เดินอุ้มลูกกลับไปทางรั้วบ้านของตน หล่อนไม่คิดอย่างที่อีกฝ่ายคิด จากที่มีคนเล่ามาหล่อนเชื่อว่าติณณภพกำลังแอบนอกใจเมียด้วยการมีคนใหม่ และหล่อนจะต้องหาทางสืบให้ได้ว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร
+++++
ในห้องพักของโรงแรมหรู พิชญ์สินีหมุนซ้ายหมุนขวาเพื่อสำรวจความเรียบร้อยของเสื้อผ้าหน้าผม วันนี้หล่อนจัดเต็มเพราะติณณภพบอกให้หล่อนแต่งตัวสวย ๆ สำหรับการออกไปทานมื้อเย็นกับเขา แววตามุ่งมั่นมองเงาสะท้อนของตัวเองในกระจก เรียวปากอิ่มสีชมพูหวานคลี่ยิ้มอย่างพึงใจ หล่อนภูมิใจในรูปร่างและหน้าตาของตัวเองเหลือเกิน
หญิงสาวเดินออกมาจากลิฟต์และตรงไปที่ล้อบบี้ ก็พบว่าติณณภพนั่งรออยู่ก่อนแล้ว หล่อนสังเกตเห็นว่าแววตาเข้มมองมาที่หล่อนอย่างชื่นชม เขายิ้มมาให้ก่อนลุกขึ้นยืนเต็มความสูง
"ทำไมคุณติณห์ถึงต้องกำชับให้ปุ้ยแต่งตัวสวย ๆ คะ"
"วันนี้ฉันจะพาเธอไปรู้จักกับผู้หลักผู้ใหญ่ในวงการ ฉะนั้นเลขาของฉันจะต้องดูดีมีเสน่ห์ แบบที่ควงไปแล้วไม่อายใครน่ะ"
ชายหนุ่มขยับขาเดินนำหน้าไป พิชญ์สินีก้าวเร็ว ๆ ไปเดินเคียงคู่เจ้านาย ระหว่างนั้นก็รู้สึกงอนเขาอยู่นิด ๆ จากคำพูดก่อนหน้า
"แล้วทุกวันปุ้ยไม่สวยเหรอคะ"
ชายหนุ่มหยุดเดิน ก่อนหันมาหัวเราะเล็ก ๆ แล้วมองหล่อนตั้งแต่หัวจรดเท้า
"เธอก็สวยทุกวันนั่นแหละ แต่วันนี้ฉันอยากให้เธอสวยเป็นพิเศษ จำเอาไว้ปุ้ย เลขาที่สวยและเก่งคือใบเบิกทางของเจ้านาย"
พิชญ์สินียิ้มออกมาได้ ก่อนที่ทั้งสองจะเดินเคียงข้างกันไปขึ้นรถที่ติดเครื่องรออยู่ก่อนแล้ว เป็นอีกครั้งที่หล่อนได้ออกงานกับเจ้านาย หล่อนไม่รู้เลยว่าทุกวันนี้คิดอย่างไรกับบอสของตัวเอง รู้แต่ว่าเวลาอยู่ใกล้เขาแล้วมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก เขาทำให้หล่อนนอนฝันหวาน ผู้ชายอย่างติณณภพไม่ควรมีคนเดียว
+++++++
เมื่อโลกซีกตะวันออกหมุนตัวเองหนีดวงอาทิตย์ ความมืดก็โรยตัวมาห่มคลุมทั่วทุกพื้นที่ เป็นสัญญาณว่าเวลากำลังจะหมดไปอีกหนึ่งวัน...ภายในอาณาเขตบ้านลือวิเศษกุล บริเวณทางเดินโคมไฟจากพลังงานแสงอาทิตย์สาดแสงส่องพอให้มองเห็น ตรงห้องอาหารในบ้านหลังใหญ่มีเสียงพูดคุยกันเบา ๆ ซึ่งคนในบ้านมารวมตัวกันเพราะได้เวลาอาหารเย็น
พิมพ์ลดาเป็นคนสุดท้ายที่ไปถึง เมื่อหล่อนเดินเข้าไปเสียงสนทนาก็หยุดลง และสายตาทุกคู่ก็โฟกัสมาที่หล่อนราวนัดกันเอาไว้
หล่อนโทษตัวเองที่มาช้า น่าจะจำเอาไว้ว่าบ้านนี้ซีเรียสเรื่องทานอาหารพร้อมกันมากแค่ไหน
"ขอโทษที่ทำให้รอนะคะ"
หล่อนไม่อยากแก้ตัว ไม่อยากยกเหตุผลร้อยแปดมาอ้าง แต่เพราะลูกเพิ่งจะคลายจากอาการพยศ เมื่อส่งต่อให้แม่บ้านรับช่วงชั่วคราว หล่อนก็รีบมายังห้องอาหารทันที
"ทีหลังพิมพ์ควรจะรู้เวลามากกว่านี้นะจ๊ะ ไม่ใช่ให้ผู้ใหญ่นั่งแขวนท้องรอ"
คำตำหนิมาจากศจี มารดาของติณณภพ ทั้งคำพูดและท่าทางบอกได้ทันทีว่าเจ้าตัวมีความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยดีกับลูกสะใภ้มากนัก
"ขอโทษค่ะคุณแม่ วันนี้ตั้งโอ๋โกงหนัก เขาเพิ่งจะหายพยศค่ะ"
"พิมพ์ก็รู้ว่าแม่ต้องกินยาหลังอาหารให้ตรงเวลาทุกวัน"
"เอาเถอะคุณ หนูพิมพ์ต้องเลี้ยงลูก ช้านิดช้าหน่อยจะเป็นอะไรไป เขาก็บอกอยู่ว่าหลานงอแง"
ตรัยเอ่ยตัดบท เรียกหางตาที่ตวัดมาให้เขาทันควัน บรรยากาศเริ่มตึงเครียดจนพิมพ์ลดาไม่กล้าเข้าไปนั่ง เปมนีย์ที่นั่งอยู่เยื้อง ๆ กับบิดาจึงรีบคลายความอึดอัดออกไป
"เอ้อ...เริ่มทานกันเถอะค่ะ ตักข้าวเลยค่ะป้านุ่น มาสิคะพี่พิมพ์ ลูกปลาหิวแล้ว"
เปมนีย์ลุกจากเก้าอี้เพื่อไปลากแขนพิมพ์ลดาให้ตามเข้าไปนั่งร่วมโต๊ะ เมื่อทุกคนพร้อมก็เริ่มทานมื้อเย็นท่ามกลางความอึดอัดใจของพิมพ์ลดา จะเป็นเช่นนี้ทุกครั้งเวลาที่ติณณภพไม่อยู่ เหตุเพราะพิมพ์ลดาเป็นลูกสะใภ้ที่ศจีไม่เต็มใจยอมรับเพราะความแตกต่างทางสังคม หากแต่หล่อนก็ขัดลูกชายไม่ได้ เมื่อติณณภพยืนกรานที่จะแต่งงานกับพิมพ์ลดา
โดยทิ้งผู้หญิงที่แม่หาให้อย่างไร้ซึ่งเยื่อใย
ยิ่งตอนนี้ติณณภพให้พิมพ์ลดาอยู่บ้านเลี้ยงลูกโดยไม่ต้องทำงาน ก็ยิ่งขัดหูขัดตาศจีเพราะหล่อนมองว่าพิมพ์ลดาไม่ยอมช่วยคนในบ้านหาเงิน เอาแต่นั่งกินนอนกิน หากแต่เพราะความสงสารลูก อยากฟูมฟักเลี้ยงดูลูกน้อยให้เติบโตขึ้นมาด้วยสองมือของตนเอง พิมพ์ลดาจึงอดทนเรื่อยมา หล่อนอยู่ได้โดยอาศัยความรักของติณณภพหล่อเลี้ยงหัวใจ รักของเขาฝังรากลึกอยู่ในใจจนมั่นคง ยากที่จะโค่นล้มลงไปอย่างง่ายดาย