Chapter 2
รักแท้แพ้ใกล้ชิด (2)
ในห้องนอนที่อากาศเย็นสบาย เสียงหัวร่อต่อกระซิกดังหวานแว่วอบอวลอยู่รอบกาย พิมพ์ลดาอุ้มลูกน้อยนั่งบนตัก โดยหันหน้าไปทางหน้าจอไอแพด ซึ่งคนที่อยู่ในกล้องนั้นก็คือพ่อของลูก เขาคอลมาหาหลังจากผ่านพ้นมื้อเย็นไปได้ไม่นาน
สองพ่อลูกคุยกันเป็นภาษาอ้อแอ้ผสานเสียงหัวเราะอย่างมีความสุขถึงแม้ตัวจะอยู่ห่างไกลกัน เมื่อคุยกับลูกจนหายคิดถึง ก็ได้เวลาร่ำลาแม่ของลูกเพื่อที่จะได้พากันเข้านอนในเวลาที่ไม่ดึกเกินไป
"เดี๋ยวแค่นี้ก่อนนะพิมพ์ พี่ต้องกลับโรงแรมแล้วน่ะ"
"ทานข้าวเสร็จแล้วเหรอคะ"
"อืม...วันนี้พี่เหนื่อยมาก ๆ เลย อยากเอนหลังบนที่นอนนุ่ม ๆ เต็มที"
"โอเคค่ะ รีบกลับโรงแรมอาบน้ำนอนนะคะ พิมพ์ก็จะพาลูกนอนเหมือนกัน"
"งั้นพี่วางแล้วนะครับ"
"ค่ะ"
"รักเมียมากนะครับ ฝากจูบลาลูกแทนพี่ด้วยนะ"
เขาทำท่าส่งจูบมาให้ พิมพ์ลดาคลี่ยิ้มหวานแล้วโบมือบ๊ายบายคนที่อยู่ปลายสาย แม้ตัวอยู่ไกลแต่ใจนั้นหลอมรวมเป็นหนึ่ง ติณณภพทำให้หล่อนคิดเช่นนั้น และแม้คืนนี้จะต้องนอนอย่างเดียวดาย แต่หล่อนคงจะไม่ฝันร้ายเพราะได้พ่อของลูกมาส่งเข้านอน
++++++
ริมน้ำกกที่ไหลผ่านเมืองเชียงราย ค่ำคืนนี้มีแสงไฟทอประกายนวลตาสร้างบรรยากาศแสนโรแมนติก โต๊ะริมน้ำเริ่มว่างเปล่าเพราะแขกทยอยกลับกันไปบ้างแล้ว รวมทั้งโต๊ะของติณณภพที่เพื่อนร่วมโต๊ะลุกกลับกันไปก่อนหน้า คงเหลือเพียงแต่เขากับพิชญ์สินี ที่ยังคงนั่งดื่มกันอยู่เพียงลำพังสองคน
ติณณภพมองแก้วของคนข้างกายที่ว่างเปล่า เขาหยิบไวน์มารินเติมลงไปครึ่งแก้ว
"ดื่มให้หมดสิปุ้ย ไม่งั้นเธอไม่ได้กลับไปนอนนะ"
"ปุ้ยดื่มไม่ไหวแล้วค่ะบอส"
หล่อนทำตัวโคลงเคลงประคองหัวไม่อยู่ ก่อนเอนลงไปซบอยู่บนบ่ากว้างที่มีเจ้าของ หากแต่หล่อนแค่ขออาศัยพักพิงชั่วคราว ซึ่งเขาเองก็นิ่งไม่ได้ขยับหนี หรือไม่เขาก็อาจไม่ทันตั้งตัวและกำลังงง
อา...รู้สึกอบอุ่นในหัวใจเหลือเกิน หญิงสาวสอดแขนกอดตัวเองเอาไว้ ความรู้สึกดีแบบนี้มันคืออะไรกัน หล่อนถามตัวเองพลางหลับตาพริ้มเคลิ้มฝัน หัวใจดวงน้อยเต้นระบำราวมีผีเสื้อนับพันโบยบิน ได้กลิ่นหอมอ่อน ๆ เย็น ๆ ราวเกล็ดหิมะที่มาจากกายแกร่ง กลิ่นอันแสนสดชื่นเหมือนดอกเอเดลไวส์จากยอดเขามงบล็องแห่งสวิตเซอร์แลนด์
ใบหน้าสวยตอนนี้แดงก่ำ แววตาฉ่ำน้ำอ่อนเชื่อม หล่อนรู้สึกหนักอยู่ในหัวและสติเริ่มล่องลอยราวอยู่ในห้วงฝัน ซึ่งหล่อนไม่เคยดื่มไวน์มาก่อน เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ต้องดื่มน้ำหมักจากองุ่น เหตุเพราะต้องทำตัวกลมกลืนไปกับสังคมของเจ้านาย
มันไม่อร่อยเลยสักนิด ทั้งขม เปรี้ยวและฝาดเฝื่อน ไม่รู้ว่าพวกเขาชื่นชอบกันไปได้อย่างไร แต่หล่อนขัดติณณภพไม่ได้ แข็งใจดื่มไปหลายแก้วจนลุกไม่ขึ้น หล่อนไม่คิดด้วยซ้ำว่าจะพาร่างกายที่ไร้สตินี้กลับห้องพักได้อย่างไร
++++
รถคันหรูแล่นมาจอดเทียบที่หน้าทางเข้าล้อบบี้ ติณณภพเอี้ยวตัวไปเขย่าแขนคนข้าง ๆ เบา ๆ อีกฝ่ายส่ายหน้าไปมา สองตาลืมไม่ขึ้น ความรู้สึกคืออยากทิ้งตัวลงนอนแล้วหลับอยู่ตรงนี้โดยไม่สนใจอะไรอีก
“ปุ้ย ถึงโรงแรมแล้ว”
เสียงเรียกนุ่ม ๆ ดังอยู่ข้างหู พิชญ์สินีพยายามดึงหัวที่หนักอึ้งขึ้นมาจากเบาะรถ หล่อนปรือตามองคนข้างกาย ภาพตรงหน้าดูลาง ๆ เบลอ ๆ ราวกับอยู่ในห้วงฝัน และความเมาทำให้หล่อนขาดสติ ความกล้าถูกปลุกขึ้นมาจากส่วนลึก
“บอสขา…ปุ้ยเดินไม่ไหวค่ะ”
ติณณภพเหลียวซ้ายแลขวา นอกจากเขาแล้วก็ไม่มีใครที่จะช่วยหล่อนได้ และเขาคงต้องรับผิดชอบที่พาหล่อนดื่มจนเมามายไม่ได้สติ ชายหนุ่มเปิดประตูลงจากรถ เดินอ้อมท้ายรถไปยังฝั่งที่พิชญ์สินีนั่ง เขาดึงประตูให้เปิดกว้างแล้วค่อย ๆ โอบกอดประคองร่างอ่อนปวกเปียกลงมาจากรถ กว่าที่จะสำเร็จก็ทุลักทุเลพอดู
คนขับรถมองผ่านกระจกที่ติดฟิล์มดำมืด มองร่างสูงที่พยายามประคองคนเมาที่เดินโซเซให้เข้าไปในโรงแรม เขาไม่รู้หรอกมันจะจบลงแบบไหน แต่นั่นก็ไม่ใช่ธุระกงการอะไรของเขาที่จะต้องเข้าไปยุ่ง คิดพลางเหยียบคันเร่งเพื่อขับรถกลับที่พักของตน
ที่หน้าห้องพักของพิชญ์สินี ติณณภพควานหาคีย์การ์ดในกระเป๋าสะพายของเจ้าหล่อน เขาแตะมันแล้วผลักบานประตูให้เปิดกว้าง ค่อย ๆ พาร่างที่อ่อนปวกเปียกเข้าไปในห้อง และดูเหมือนสติของคนเมาจะดับวูบไป หล่อนทิ้งตัวเองจนแทบจะลงไปนอนกองกับพื้น ขนาดที่อ้อมแขนแข็งแรงของติณณภพยังประคองเอาไว้ไม่อยู่
เขานั่งลงแล้วสอดแขนช้อนร่างอ่อนระทวยขึ้นมาไว้ในอ้อมกอด คนเมาที่ทิ้งตัวดิ่งนั้นหนักกว่าปกติถึงสองเท่า เขาต้องใช้แรงมากขึ้นเพื่ออุ้มคนเมาไปส่งถึงเตียงนอน…บนเตียงกว้าง ชายหนุ่มวางร่างที่ไร้สติให้นอนหงายลงไปอย่างระมัดระวัง
เขาไม่ได้ตั้งใจมอง แต่แววตาเข้มก็ไปสะดุดเข้ากับชายกระโปรงสั้นที่ถลกขึ้นไปจนถึงหน้าขา แพนตี้สีชมพูหวานลายลูกไม้อำพรางซ่อนเร้นเนินเนื้ออวบอูมเอาไว้ไม่มิด เขาเผลอจ้องมองอย่างลืมตัว ปฏิเสธไม่ได้ว่าพิชญ์สินีนั้นสวยไปทั้งตัว ยามนี้ใจเขาเต้นแรงเมื่อกลิ่นอันแปลกใหม่แสนหอมหวานลอยกรุ่นอยู่รอบกาย
ชายหนุ่มสะบัดหัวเพื่อสลัดความฟุ้งซ่านทิ้ง ถอนหายใจยาวพลางยื่นมือไปจับชายกระโปรงสั้นให้ตลบลงมาปิดบังเนินเนื้อเอาไว้ แววตาเข้มไล่มองไปยังอกอิ่มที่ขยับขึ้นลงตามจังหวะการหายใจ สองเต้านั้นบดเบียดกันอยู่ใต้เดรสที่คอเสื้อคว้านลึก เขาได้แต่ถอนหายใจแล้วกระชากผ้าห่มมาคลุมกายหล่อนเพื่อตัดปัญหา ก่อนที่เขาจะตบะแตกควบคุมตัวเองไม่อยู่
“คุณติณห์…ปุ้ยร้อน”