Chapter 4 ในหัวใจที่แสนซับซ้อน (2)

1750 คำ
Chapter 4 ในหัวใจที่แสนซับซ้อน (2) "แล้ว...เธอคิดว่าไงล่ะปุ้ย เธอไม่รู้ตัวเองเลยเหรอว่ามันปกติหรือไม่ปกติน่ะ" "ปุ้ยไม่รู้ค่ะ ปุ้ยเมาจนจำอะไรไม่ได้" "ฉันหมายถึงหลังจากที่เธอหายเมาแล้ว" จู่​ ๆ​ ใบหน้าสวยก็แดงซ่าน​ หล่อนก้มหน้าหลุบตาหนี​ อุบอิบออกมาเบา​ ๆ "ปุ้ยไม่เคยเสียตัวนี่คะ​ จะไปรู้ได้ยังไงว่ามันปกติมั้ย​ แล้วปุ้ยก็ถามคุณก่อนนะคะ คุณแค่พูดมาตามตรงว่ามันเกิดขึ้นหรือเปล่า" "นั่นแสดงว่าเธอกำลังสงสัยฉัน เธอไม่ไว้ใจฉันใช่มั้ยว่าจะไม่ฉวยโอกาสทำอะไรเธอ" ชายหนุ่มจ้องใบหน้าสวยที่กำลังครุ่นคิด หล่อนส่ายหน้าปฏิเสธ "เปล่าค่ะ ปุ้ยไม่ได้ไม่ไว้ใจคุณ แต่ถ้ามันมีอะไรมากกว่านั้น คุณติณห์ลืม ๆ มันไปก็ได้ค่ะ ไม่ต้องรับผิดชอบอะไรทั้งนั้น สิ่งที่คุณทำ...ปุ้ยอดคิดไม่ได้ว่าคุณกำลังชดเชยความผิดยังไงก็ไม่รู้" การที่หล่อนพูดมาแบบนั้น ทำให้ติณณภพหัวเราะออกมาเบา ๆ "ไปกันใหญ่แล้วปุ้ย ความจริงคือมันไม่มีอะไรเกิดขึ้น สบายใจหรือยัง" ยังไม่ทันที่พิชญ์สินีจะพูดอะไรต่อ เสียงโทรศัพท์ของติณณภพก็ดังขึ้นขัดจังหวะ ชายหนุ่มหยิบขึ้นมาดู เป็นสายจากศจีที่โทร.เข้ามา พิชญ์สินีจับใจความได้ว่าศจีชวนลูกชายไปทานมื้อเย็นด้วยกันที่ร้านหนึ่ง​ และมีชื่อของหล่อนอยู่ในบทสนทนาด้วย หลังจากวางสาย​ ติณณภพก็เดินไปรูดม่านให้ปิดไว้ตามเดิม​ เขาดูเวลาที่ข้อมือแล้วคิดว่าควรจะไปจากที่นี่ได้แล้ว "คุณแม่ฉันชวนไปกินข้าว​ เธอจะไปด้วยกันมั้ย เดี๋ยวฉันแวะไปส่งเธอที่อพาร์ทเม้นท์" พิชญ์สินีทำท่าครุ่นคิด​ เหลือบมองคนยืนรอคำตอบ​ ที่จริงหล่อนจะปฏิเสธก็ย่อมได้​ แต่หล่อนเลือกที่จะไปต่อกับติณณภพ​ อดคิดเข้าข้างตัวเองไม่ได้​ ถ้าเขาไม่อยากให้ไปก็คงไม่เอ่ยปากชวน เขาทำเหมือนหล่อนเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต ไม่ว่าจะไปไหนก็ต้องลากหล่อนตามติดไปด้วยทุกครั้ง "ไปก็ได้ค่ะ" เมื่อได้คำตอบทั้งสองก็พากันเดินออกจากห้อง​ ตลอดทางเดินที่พาไปสู่ลิฟท์ หัวใจของพิชญ์สินีพองโตไปกับการกระทำของติณณภพ​ หล่อนไม่รู้ว่านั่นคือการสร้างความหวังหรือไม่​ แต่ที่แน่​ ๆ​ หล่อนตกลงไปในเกมที่เขาเป็นผู้เล่นเสียแล้ว​ ทุกคนอยู่ได้เพราะความหวังหล่อเลี้ยงใจ​ หล่อนไม่ผิดหากคิดหวังเมื่อมีโอกาส​ ถึงแม้ความหวังนั้นจะเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องก็ตาม อาหารทยอยมาเสิร์ฟตามหลังเครื่องดื่มไม่นาน​ ตรงโต๊ะอาหารในมุมหนึ่งของร้าน เสียงพูดคุยกันดังเบา​ ๆ ส่วนใหญ่เป็นเรื่องงานที่นำมาเป็นหัวข้อสนทนา​ ดูเหมือนศจีจะเอ็นดูพิชญ์สินีเป็นพิเศษ​ หลายเรื่องที่ถามไถ่ล้วนสื่อถึงความห่วงใย​ ราวกับเลขาของลูกชายเป็นลูกหลานแท้​ ๆ​ คนหนึ่ง "ทำไมไม่ซื้อรถสักคันล่ะจ๊ะ​ เผื่อวันไหนต้องกลับบ้านดึก​ ๆ​ ดื่น​ ๆ​ จะได้ไม่อันตราย" พิชญ์สินีคลี่ยิ้ม​ หล่อนมีแผนอื่นที่อยากไขว่คว้ามาให้ได้​ มันสำคัญกว่าการซื้อรถมากนัก "ปุ้ยต้องเก็บเงินค่ะ​ ปุ้ยจะเอาไว้ใช้เรื่องเรียน" "หืม..." "ปุ้ยมีแผนต่อโทค่ะ" "อ้อ...จะเรียนโทต่องั้นเหรอ" "ค่ะ" "ดีเหมือนกัน​ ฉันสนับสนุนนะหากเป็นเรื่องเรียน​ หากมีอะไรให้ช่วยก็บอกได้นะจ๊ะ" พิชญ์สินีคลี่ยิ้มให้ศจีแล้วตักอาหารเข้าปาก หล่อนเหลือบมองสบตากับติณณภพที่นั่งอยู่ตรงกันข้าม​ ไม่มีใครรู้ความจริงในใจของหล่อน มันคือการถีบตัวเองให้สูงขึ้น​ ทั้งติณณภพและพิมพ์ลดาจบโทด้วยกันทั้งคู่​ หล่อนอยากเท่าเทียมพิมพ์ลดา​ อะไรที่อีกฝ่ายมี หล่อนจะไขว่คว้าเพื่อให้ตัวเองมีบ้าง​ หากหล่อนคว้าปริญญาโทมาได้สำเร็จ ติณณภพจะต้องภูมิใจในตัวหล่อนอย่างแน่นอน ในโลกอันแสนโหดร้ายใบนี้​ ทุกคนต้องดิ้นรนเพื่อความอยู่รอดของตัวเองกันทั้งนั้น​ และหล่อนเป็นหนึ่งในนั้นที่ต้องทำทุกอย่างเพื่อความเท่าเทียมกันในสังคม​ บางครั้งหล่อนเอาแต่โทษโชคชะตา​ เหตุใดจึงไม่เกิดมาในครอบครัวที่สมบูรณ์แบบเช่นคนอื่น ๆ​ บ้าง เมื่อว่ายน้ำมาเจอหลักให้เกาะ​ หล่อนจึงไขว่คว้าโอกาสนั้นไว้​ ติณณภพคือคนที่ทำให้หล่อนอยากถีบตัวเองให้สูงกว่านี้​ เพื่อที่หล่อนจะได้มีที่ยืนในสังคมกับเขาบ้าง เสียงร้องเพลงผสานเสียงเคาะขวดดังลั่นอยู่ตรงด้านล่างอพาร์ทเม้นท์​ ดูก็รู้ว่าคนกลุ่มนั้นกำลังเมามายได้ที่​ ติณณภพมองผ่านม่านกระจกที่ติดฟิล์มดำมืด​ เขารู้สึกว่ามันไม่ปลอดภัยหากจะปล่อยให้พิชญ์สินีเดินขึ้นห้องไปเพียงลำพัง​ ซึ่งตอนนี้ก็มืดค่ำยิ่งทำให้บรรยากาศน่ากลัวมากขึ้น ชายหนุ่มปลดเข็มขัดนิรภัยออกจากตัว​ ท่ามกลางความงุนงงของพิชญ์สินี "คุณติณห์จะไปไหนคะ" "ฉันจะไปส่งเธอที่ห้อง​ ตรงนั้นมีแต่คนเมาน่ะเห็นมั้ย" "ไม่น่าจะมีอะไรมั้งคะ" ชายหนุ่มไม่ฟัง เขาเปิดประตูลงจากรถไปยืนรอ​ จนอีกฝ่ายต้องรีบตามลงไป ทั้งสองเดินตามกันเข้าไปในตัวอาคาร​ ผ่านกลุ่มคนเมาที่กำลังส่งเสียงดังลั่น ห้องของพิชญ์สินีนั้นอยู่ชั้นสอง​ ขึ้นบันไดไปนิดเดียวก็ถึง ที่หน้าห้อง​ ติณณภพยืนรอให้เจ้าของห้องไขกุญแจ​ เมื่ออีกฝ่ายเปิดประตูแล้วเดินเข้าไปในห้อง​ เขาก็ถือวิสาสะเดินตามเข้าไป​ ไม่เข้าใจตัวเอง​ เหตุใดจึงอยากรู้ถึงชีวิตความเป็นอยู่ของเลขาคนสวย เขากวาดตามองไปรอบ​ ๆ​ ห้อง​ ที่นี่เล็กกว่าคอนโดที่เขาเช่าไว้ให้หล่อน​ และนั่นทำให้รู้ว่าเขาคิดถูก​ ที่ให้หล่อนไปอยู่ในที่ ๆ​ มันดีกว่านี้ "เห็นแบบนี้แล้ว​ ฉันตัดสินใจแทนเธอได้เลยนะปุ้ย​ ย้ายที่อยู่ใหม่เถอะ​ คนเมาพวกนั้นไว้ใจได้เหรอ" เขาหว่านล้อม​ หากแต่พิชญ์สินียังคงไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ หล่อนต้องสงวนท่าทีไว้บ้าง​ ไม่ใช่อะไรก็ง่ายไปเสียหมด​ ไม่อย่างนั้นจะไม่มีค่าในสายตาของเขา ภายในห้องมีของแค่ไม่กี่ชิ้น​ แขกที่มาเยือนได้แต่ยืนเก้​ ๆ​ กัง​ ๆ​ เพราะไม่มีโซฟาให้นั่ง​ แต่สิ่งหนึ่งที่สะดุดตาติณณภพก็คือ​ กีตาร์ที่วางพิงไว้กับผนัง "ปุ้ย​ เธอเล่นเป็นด้วยเหรอ" หล่อนหันมายิ้มให้ จริง​ ๆ​ ​แล้วหล่อนเล่นไม่เป็นเลยต่างหาก "ปุ้ยอยากเล่นค่ะ​ กำลังหัดอยู่​ อาศัยดูคลิปตามยูทูป" เป็นอีกสิ่งที่หล่อนทำเพื่อเข้าถึงตัวติณณภพ​ ซึ่งหล่อนรู้มาว่าพิมพ์ลดาก็เล่นเครื่องดนตรีชนิดนี้เป็น​ และหากหล่อนหัดเล่นบ้างก็จะทำให้ถีบตัวเองขึ้นไปยืนเคียงคู่กับเมียของเขาได้​ ทุกสิ่งอย่างที่ติณณภพรักในตัวพิมพ์ลดา​ หล่อนพยายามจะเป็นแบบนั้น เหมือนมีแรงดึงดูด​ ติณณภพเดินไปหยิบกีตาร์ขึ้นมา​ เขาเดินไปนั่งบนขอบเตียงที่เล็กกว่าเตียงที่บ้านเขา​ นิ้วเรียวยาวกดไล่ไปตามสาย​ เขารู้สึกว่ามันหย่อนกว่าที่ควรจะเป็น "ฉันตั้งสายให้ใหม่เอาไหม​ แน่ใจนะว่าเธอเล่นเป็นจริง​ ๆ​ น่ะ" ชายหนุ่มหัวเราะออกมาเบา​ ๆ​ พิชญ์สินียิ้มเอียงอายแล้วเดินไปหย่อนกายนั่งลงเคียงข้างคนที่กำลังทำตัวเป็นครูสอนดนตรี​ สองมือยกขึ้นท้าวคางเอาไว้​ ลอบมองใบหน้าคมคร้ามที่กำลังจดจ่ออยู่กับสายกีตาร์ "ถ้าหากปุ้ยอยากเรียน บอสพอจะมีเวลาว่างสอนปุ้ยหรือเปล่าคะ" ติณณภพเงยหน้าขึ้นมอง​ สบตาคนข้าง​ ๆ​ แล้วเปรยยิ้ม “ฉันต้องเสียเวลาสอนเธอ​ แล้วเธอมีอะไรมาแลกหรือเปล่าล่ะ” “…..” คำถามที่ทำเอาคนฟังไปไม่เป็น​ รอยยิ้มแบบนี้ แววตาแบบนี้ ทำหล่อนคิดลึกไปกับคำถามกำกวมของเขา หล่อนลุกหนีแววตาชวนให้ใจไหวหวั่น​ เดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวมากอดเอาไว้ “ปุ้ยไปอาบน้ำก่อนดีกว่าค่ะ​ ร้อนเหนียวตัวจะแย่” หล่อนปล่อยให้เขาจูนสายกีตาร์อยู่เพียงลำพัง​ ก่อนเดินหนีเข้าห้องน้ำ​ เพียงบานประตูปิดสนิท​หล่อนก็เอาหลังพิงผนังห้องน้ำ​ เงยหน้าหลับตาคิดถึงสิ่งที่ติณณภพทำ เหมือนกำลังตีโจทย์อะไรสักอย่าง​ เป็นโจทย์เกี่ยวกับหัวใจอันแสนซับซ้อน​ มันจะดีไหมหากแสดงออกไปเลยว่าหล่อนเองก็คิดไม่ซื่อกับเขา​ หลอกล่อให้เขาเผยใจออกมามากกว่านี้​ จะได้ชัดเจนไม่คลุมเครือว่าหล่อนคิดไปเองฝ่ายเดียว…ท่ามกลางสายน้ำที่พร่างพรมลงบนกายเปลือยเปล่า​ หล่อนฝันหวานไปไกลแสนไกล​ อ้อมกอดที่ใฝ่หาเมื่อไหร่จะได้มาครอบครอง เสียงสายน้ำเงียบลง​ สักพักก็ตามมาด้วยเสียงเปิดประตู​ ในห้องสี่เหลี่ยมเล็ก​ ๆ​ เสียงดีดกีตาร์ดังแว่วมาจากเตียงนอน “คุณติณห์…เอ่อ…จะกลับตอนไหนคะ” นิ้วเรียวยาวที่ไล่ไปตามคอร์ดหยุดชะงัก​ ติณณภพเงยหน้าขึ้นมอง​ คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าห้องน้ำทำให้แววตาเข้มเผลอจ้องมองอย่างลืมตัว​ หล่อนอยู่ในสภาพผ้าขนหนูผืนเดียวพันกาย​ มันสั้นเต่ออวดปลีน่องเรียวขาวที่มีหยดน้ำเกาะพราว​ อกอิ่มไม่สามารถหลบซ่อนสายตาเขาได้​ มันแทบทะลุออกมานอกผืนผ้า​ขาวสะอาด​ หล่อนทำให้ลมหายใจเขาติดขัดและร้อนผ่าว​ ใจเต้นแรงกับกลิ่นของความสดใหม่ที่ลอยกรุ่นอยู่ตรงหน้า ใจแบ่งเป็นสอง​ มันต่อสู้กันอย่างหนัก​ ระหว่างวางกีตาร์แล้วเดินออกไปจากห้อง​เพื่อกลับไปหาลูกเมีย กับเดินเข้าหาร่างยั่วใจแล้วจับหล่อนโยนขึ้นเตียง​ เขาควรตัดสินใจเช่นไร
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม