Chapter 4
ในหัวใจที่แสนซับซ้อน (1)
ท่ามกลางแสงไฟสลัว ร่างนุ่มถูกโยนลงบนเตียง แววตาอ่อนเชื่อมเชื้อเชิญมองสองมือแกร่งที่ค่อย ๆ แกะกระดุมเสื้อเม็ดบนออกแล้วไล่ลงต่ำไปเรื่อย ๆ ชายหนุ่มขบริมฝีปากยามแหวกสาบเสื้อออกเผยแผงอกกำยำน่าซบ เขาสลัดเชิ๊ตขาวออกจากร่างด้วยลีลากระชากรัก ยามนี้กายท่อนบนเปลือยเปล่าอวดซิกแพคแน่นหนั่นน่าลูบไล้ ร่างสูงโถมกายลงบนเตียงไปคร่อมร่างเล็กเอาไว้ เขารวบสองแขนของหล่อนขึ้นเหนือหัวแล้วกดเอาไว้กับหมอน พิมพ์ลดานอนหายใจแรงถี่กระชั้น ยามที่ใบหน้าคมคร้ามก้มลงมา
ลิ้นร้อนลากไล้เลียไปตามลำคอขาวผ่องเคลื่อนขึ้นไปถึงใบหูนุ่ม สัมผัสที่ทำเอาขนอ่อนบนกายสาวลุกเกรียว แม้จะมีสัมพันธ์รักลึกซึ้งกันจนได้โซ่ทองคล้องใจมาหนึ่งเส้น แต่เขามักทำให้หล่อนตื่นเต้นทุกครั้งยามขึ้นเตียง คาดเดาไม่ได้เลยว่าวันไหนจะเจอบทรักแบบใด อาจเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้หล่อนหลงผู้ชายคนนี้จนหัวปักหัวปำ
ในรสจูบที่แสนลึกล้ำดำดิ่ง ลิ้นร้อนเกี่ยวกระหวัดรัดรึงพร้อมกับเรียวปากนุ่มที่ถูกบดขยี้หน่วงหนักจนแสบร้อน มือใหญ่ก็ฟอนเฟ้นเคล้นคลึงสองเต้าอวบใหญ่ด้วยอารมณ์ร้อนรัก ลมหายใจแรง ๆ อุ่นร้อนเป่ารดผิวกายสาวยามใบหน้าคมคร้ามเลื่อนลงต่ำเข้าสองเต้าคู่งาม พิมพ์ลดาแอ่นร่างขึ้นหากายแกร่งอย่างร่านรัก เมื่อสัมผัสสากระคายจากไรหนวดส่งอารมณ์หวามแล่นปราดไปถึงปลายเท้า สองขาไขว้เกี่ยวรั้งเอาของเขาเอาไว้ตามกระแสปรารถนาแสนเชี่ยวกราก
“อื๊อ…พี่ติณห์…”
มือนุ่มกดหัวคนบนร่างเอาไว้เมื่อลิ้นสากร้อนลากเลียตวัดหมุนวนกับยอดอกสีสวยด้วยอารมณ์หน่วงหนัก มือใหญ่ก็บีบเคล้นฟอนเฟ้นไปพร้อมกัน ในอารมณ์หวามที่ซึมซาบไปทั้งร่าง ชายหนุ่มสัมผัสได้ถึงของเหลวรสชาติปร่าแปร่งที่ซึมออกมาจากยอดอกทั้งข้างที่เขาสลับกันดูดดึงราวหิวกระหาย เขากวาดลิ้นกลืนกินลงคอราวกับกลัวใครจะมาแย่ง ทำตัวเหมือนเด็กที่หวงทุกสิ่งอย่างอันเป็นของตน
เมื่อดื่มด่ำกับรสชาติหวานล้ำจนหนำใจ ร่างแกร่งยันกายลุกนั่ง มือร้อนสอดขึ้นหาขอบเอวกางเกงนอนแล้วดึงรั้งลงมา เขารูดมันออกจากเรียวขาขาว ตามมาด้วยแพนตี้ที่ขวางกั้นเส้นทางรักอุ่นซ่าน ก่อนจะหยิบหมอนสองใบมาซ้อนกัน แล้วสอดเข้าไปใต้แก้มก้นขาวเนียน…อา…ความอวบอูมที่ยังสวยสดลอยเด่นอยู่ใกล้สายตา เขามองตรงนั้นด้วยแววตาวาววับราวนักล่าแห่งผืนป่าลึก ริมฝีปากได้รูปขบเข้าหากัน ลำคอแห้งผากจนต้องกลืนน้ำลายลงไป
พิมพ์ลดานอนหายใจแรงจนอกอิ่มขยับขึ้นลงตามหวะที่หัวใจสูบฉีดเพราะความตื่นเต้น เขาก้มหน้าลงต่ำแล้วจับสองขาของหล่อนพาดบนบ่าแข็งแรง หล่อนรู้ว่าอะไรจะตามมา รสชาติความสุขที่มาจากลิ้นร้ายกาจนั้นทำให้หล่อนติดปีกบินไปคว้าสายรุ้งก่อนเขาทุกครั้ง ไม่มีครั้งไหนเลยที่จะทานทนกับสัมผัสหวามหวานจากรสรักที่มาจากลิ้นและนิ้วแสนชาญเชี่ยวนั้นได้
ในห้วงอารมณ์พิสวาสหวามไหว เสียงหนึ่งที่ดังขึ้นกลางดึกสงัด ทำให้ติณณภพเงยหน้าขึ้นมา เขาถอนหายใจยาวอย่างแสนเสียดาย
“ลูกจ๋า…จะมาร้องหิวนมอะไรตอนนี้”
หากแต่เขายังไม่ยอมลูก สองมือยังคงกดสองขาแม่ของลูกเอาไว้ พิมพ์ลดายันกายลุกนั่งแล้วแกะมือใหญ่ออกจากขาของตน
“ปล่อยก่อนค่ะพี่ติณห์ ลูกหิวนม”
“ตั้งโอ๋นะตั้งโอ๋ ฆ่าพ่ออีกแล้ว”
เขายอมปล่อยเมียไปให้นมลูก แววตายังไม่จางจากกระแสปรารถนามองตามทุกการเคลื่อนไหวของพิมพ์ลดา จนกระทั่งหล่อนอุ้มลูกให้ขยับมาบนเตียงใหญ่ หญิงสาวเอนกายลงนอนตะแคงแล้วจับลูกให้อยู่ในท่าที่เหมาะสม เมื่อปากน้อย ๆ ได้ครอบครองยอดอกอิ่ม เสียงดูดนมอย่างหิวกระหายก็ดังแทนเสียงร้องไห้จ้าเมื่อสักครู่
ติณณภพเอนกายลงนอนตะแคงบ้าง เขาขยับเข้าหาเมียและลูกจากทางด้านหลังจนไปนอนเบียดอีกฝ่าย ท่อนแขนแกร่งพาดผ่านเอวคอดแล้วกอดเอาไว้ เขาก่ายขาไปบนขาเรียวขาว กระซิบเบา ๆ
“ถ้าลูกอิ่มแล้วเรามาต่อกันให้จบนะที่รัก พี่หิว ยังกินไม่อิ่มเลย”
พิมพ์ลดาถองข้อศอกเบา ๆ หล่อนนอนยิ้มไม่พูดอะไร ยังคงนอนให้นมลูกต่อไป หากแต่พ่อของลูกก็กวนใจเหลือเกิน มือไม้ไม่ได้อยู่นิ่งวนเวียนจับตรงโน้นตรงนี้อยู่ตลอดเวลา
ณ คอนโดหรูแห่งหนึ่ง ลิฟท์เคลื่อนที่มาหยุดอยู่ที่ชั้นสิบเอ็ด ติณณภพก้าวเดินออกมาจากลิฟต์เมื่อประตูเปิดออก พิชญ์สินีเดินตามร่างสูงไปตามทางเดินหินอ่อนที่ทอดยาวไปจนจรดผนังตึก เขาเดินไปหยุดที่ห้องริมสุดที่ติดบันใดขึ้นลง ก่อนจะไขกุญแจแล้วผลักบานประตูเข้าไป
ชายหนุ่มเดินเข้าไปในห้อง พิชญ์สินีตามเข้าไปแล้วปิดประตูตามหลัง หล่อนกวาดตามองไปโดยรอบ ในห้องขนาดยี่สิบแปดตารางเมตรถูกตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ครบครัน หล่อนคาดเดา ราคาค่าเช่าต้องไม่ธรรมดาแน่นอน
ติณณภพเดินสำรวจไปรอบ ๆ ห้อง ในขณะที่พิชญ์สินียังคงยืนนิ่งอยู่กลางห้อง หล่อนกำลังสับสนหนักกับความหวังดีของติณณภพ เพราะที่นี่มันดูหรูหราเกินกว่าที่หล่อนคิดเอาไว้
"เป็นไงบ้างปุ้ย ถูกใจเธอไหม"
พิชญ์สินีกระอึกกระอัก หล่อนสบตากับแววตาเข้ม ยิ้มฝาดเฝื่อนออกมา
"เอ่อ...คือ...ปุ้ยคิดว่า...คงสู้ค่าเช่าไม่ได้แน่ ๆ เลยค่ะ"
ติณณภพเดินไปรูดม่านให้เปิดออก แสงสว่างช่วยทำให้ห้องดูโปร่งโล่งขึ้น เขาทอดสายตามองไปยังทิวทัศน์ข้างนอก เห็นเพียงตึกสูงลดหลั่นและรถราที่วิ่งสวนกันขวักไขว่
"แต่ที่นี่ก็ยังปลอดภัยกว่าที่อยู่เดิมของเธอ เธอไม่ต้องเตรียมอะไรเลย แค่หิ้วกระเป๋ามาใบเดียวก็เข้าอยู่ได้ทันที"
"แล้ว...ค่าเช่าต่อเดือนเท่าไหร่คะ"
ดูเหมือนเขาไม่อยากพูดถึง จึงเลี่ยงที่จะตอบ
"เธอชอบที่นี่มั้ยล่ะ"
หล่อนนิ่งเงียบราวใช้ความคิด กวาดตามองไปโดยรอบก่อนพยักหน้าเบา ๆ
"ชอบค่ะ"
"งั้นเธอก็ย้ายมาอยู่ที่นี่...ส่วนเรื่องค่าเช่า ฉันจ่ายไปก่อนแล้วเป็นเวลาหนึ่งปี แล้วเธอก็ค่อยมาผ่อนให้ฉันก็แล้วกัน"
"คุณติณห์..."
หล่อนเงยหน้าสบตากับแววตาเข้ม เมื่อไม่อยากจะเชื่อว่าเขาจะพูดออกมาแบบนั้น สิ่งที่เขาทำมันทำให้หล่อนสับสนหนัก อดคิดเข้าข้างตัวเองไม่ได้ เขาคิดเช่นไรกับเธอ
"ทำไมคะ...ทำไมคุณถึงทำให้ปุ้ยขนาดนี้ ทั้งที่...เราไม่ได้เป็นอะไรกัน"
หล่อนพยายามเค้นความรู้สึกส่วนลึกออกมาจากแววตาของเขา หากหล่อนคิดเข้าข้างตัวเองก็เหมือนกับว่าเขากำลังทอดสะพานเพื่อหยั่งเชิง อยู่ที่ว่าหล่อนจะก้าวข้ามไปหรือไม่ ความที่หล่อนโหยหาความรักมาตั้งแต่เด็ก ๆ เหตุเพราะเติบโตมาท่ามกลางการเลี้ยงดูแบบไม่ใส่ใจ เมื่อเจอใครสักคนที่ดีกับตนมาก ๆ ใจนั้นก็อดที่จะหวั่นไหวไม่ได้
และติณณภพก็เป็นคนแรก ที่ทำให้หล่อนเห็นว่าตัวเองยังมีค่า ยังมีความสำคัญสำหรับคน ๆ หนึ่ง
ความเงียบมาห่มคลุม ในความรู้สึกของติณณภพ เขาแค่รู้สึกสงสารหล่อนเท่านั้น ไม่ได้มีอะไรแอบแฝง แต่เขาก็เลี่ยงที่จะพูดตรง ๆ
"ฉันแค่อยากให้เธอไปทำงานให้มันเร็วขึ้นกว่าเดิม เพราะที่นี่ใกล้กับออฟฟิศมากกว่าที่อยู่เก่าของเธอ"
"แล้ว...พี่พิมพ์รู้เรื่องนี้มั้ยคะ ปุ้ยไม่อยากให้มีปัญหาตามมาทีหลัง"
"เธอก็อยู่ในที่ของเธอ ไม่ต้องไปยุ่งกับพิมพ์เข้าใจมั้ย!"
เสียงนั้นเข้มขึ้น พิชญ์สินีก้มหน้าหนีเมื่อเขาทำให้รู้สึกว่าพิมพ์ลดาไม่ใช่คนที่หล่อนควรจะไปแตะต้องหรือพูดถึง นั่นยิ่งทำให้หล่อนอยากรู้ สรุปในหัวใจที่แสนซับซ้อนนั้นคิดเช่นไรกับเธอกันแน่
"งั้นปุ้ยถามเรื่องนึงได้มั้ยคะ"
"ว่ามาสิ"
พิชญ์สินีรวบรวมความกล้า สูดหายใจเข้าจนเต็มปอด เรื่องที่จะถามคือความคาใจมาตลอดหลายวัน
"ที่เชียงรายคืนนั้น...เกิดอะไรขึ้นระหว่างเราสองคนหรือเปล่าคะ!"
แววตาเข้มตวัดมองเจ้าของคำถาม หล่อนสบตาเขาจังจริงเพื่อคาดคั้น การที่หล่อนรื้อฟื้นมันขึ้นมาทำให้เขาลำบากใจที่จะพูดถึงมัน