Chapter 3
สัญญาณเตือน (2)
ในห้องนอนที่ไฟยังคงส่องสว่าง เสียงหัวร่อต่อกระซิกดังหวานแว่ว คือช่วงเวลาแห่งความสุขของติณณภพและพิมพ์ลดา หลังจากที่หยอกเล่นกับยอดดวงใจและกอดรัดฟัดเหวี่ยงจนหนำใจ ชายหนุ่มก็หยิบบางอย่างออกมาจากถุงกระดาษใบสวย
“ไหนดูสิครับ น้าปุ้ยซื้ออะไรมาฝากคนสวยเอ่ย”
ในมือใหญ่คือชุดสำหรับเด็กทารก เขากางชุดแม้วไซส์มินิขึ้นมาตรงหน้าภรรยา พิมพ์ลดาหยิบมาพลิกดู ก่อนนำไปทาบไว้บนตัวลูกน้อย
“ชุดน่ารักจังเลยค่ะ พอดีตัวตั้งโอ๋เลย”
“ลองใส่ให้ลูกสิพิมพ์ว่าใส่ได้ไหม”
“น่าจะได้นะคะ”
พิมพ์ลดาลองสวมชุดให้ลูกแล้วขยับจับให้เข้าที่ หล่อนจับร่างจ่ำม่ำในชุดเด็กแม้วให้ยืนขึ้น แขนกลมป้อมชูร่าไปมาในอากาศ ขณะที่ติณณภพหยิบโทรศัพท์มาถ่ายรูปเอาไว้ ความน่ารักน่าชังนี้เขาอยากส่งต่อไปให้พิชญ์สินีได้ดู
“ฝากไปขอบใจปุ้ยด้วยนะคะ ที่อุตส่าห์นึกถึงน้อง”
ติณณภพคลี่ยิ้ม ก่อนเขาจะหยิบผ้าพันคอออกมาจากกล่อง ซึ่งเป็นของฝากจากเลขาสาวมาถึงภรรยาของตน
“ของพิมพ์ก็มีนะ ไม่รู้ว่าลายจะถูกใจพิมพ์ไหม”
ชายหนุ่มขยับเข้าไปใกล้ภรรยา เอาใจหล่อนด้วยการยื่นมือไปคล้องผ้าพันคอไว้รอบลำคอระหง แววตาเข้มมองผ้าพันคอสีหวานที่รับกับใบหน้ารูปไข่ที่ไม่ได้แต่งแต้ม สายตาที่มองอย่างชื่นชมทำให้พิมพ์ลดาอดประหม่าไม่ได้ หล่อนหลุบตาหนีพลางซ่อนยิ้มเอียงอาย
“มีแต่ของปุ้ยเหรอคะ”
เขารู้หล่อนหมายถึงอะไร ชายหนุ่มจับลูกน้อยให้นอนเล่นบนเตียง ก่อนเขาจะรั้งร่างแม่ของลูกให้ขึ้นมานั่งบนตัก กอดเอาไว้ด้วยแขนแข็งแรง เอาคางเกยไว้บนไหล่บาง
“จะพลาดได้ไงล่ะครับ”
ชายหนุ่มหยิบกล่องสี่เหลี่ยมขึ้นมา เขาบรรจงเปิดอย่างช้า ๆ ข้างในมีแหวนสองวงที่ลายเหมือนกันเป็นเซ็ทคู่ หากแต่คนละไซส์กัน
เขาหยิบวงเล็กมาสวมเข้ากับนิ้วเรียวข้างที่ยังว่าง ก่อนจะสวมอีกวงเข้ากับนิ้วตัวเอง มือใหญ่สอดประสานเข้ากับมือนุ่มแล้วบีบเบา ๆ ไออุ่นแผ่ซ่านซึมซาบไปถึงแก่นหัวใจพิมพ์ลดา
“แหวนคู่คือตัวแทนแห่งรักของเรา สัญญาสิพิมพ์ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พิมพ์จะไม่ถอดแหวนวงนี้ออกจากนิ้ว”
พิมพ์ลดาเอี้ยวหน้ามองใบหน้าคมคร้าม หล่อนรู้สึกแปลก ๆ กับคำขอร้องนั่น
“เอ…ชักสงสัยเสียแล้วสิคะ แอบไปทำความผิดอะไรไว้หรือเปล่าเนี่ย”
หล่อนพูดทีเล่นทีจริง เขาไม่ตอบ ได้แต่โอบกระชับอ้อมกอดจนแนบแน่นมากกว่าเดิม
“ถ้าลูกหลับแล้ว พี่เล่นกีตาร์ให้ฟังเอามั้ย”
“อารมณ์ไหนคะเนี่ย”
“ก็แค่นึกถึงวันเก่า ๆ ตอนที่เราคบกันใหม่ ๆ ไงล่ะครับ”
พิมพ์ลดาโอบกระชับท่อนแขนแข็งแรงแทนคำตอบ ในอ้อมกอดอันแสนอบอุ่นหล่อนสัมผัสได้ถึงจังหวะการเต้นของหัวใจที่มาจากกายแกร่ง ก้อนเนื้อที่แสนซับซ้อนยากแท้หยั่งถึง หล่อนยังคงเชื่อมั่นว่าใจดวงนั้นมีเพียงหล่อนซึ่งเป็นรักแท้และรักเดียว…ตลอดไป
ในอีกมุมหนึ่งไกลออกไป หล่อนจะรู้บ้างไหมว่ามีคนนอนคิดถึงเขาซึ่งเป็นพ่อของลูก ความคิดถึงที่ลอยตามลมแทรกลึกเข้ามาในห้วงคำนึงของติณณภพ แม้เขากำลังกอดคนที่ใจร้องบอกว่ารักมาก แต่ใจเขากลับคิดถึงแต่เรื่องคืนนั้นที่เชียงราย
ดึกแล้ว ลมเย็นพัดโชยเอื่อยมาระเรี่ยผิวกาย สายฝนยังคงโปรยปรายความชุ่มฉ่ำผ่านม่านความมืด ฝนจาง ๆ ช่วยสร้างบรรยากาศแสนโรแมนติก ตรงระเบียงห้องที่ถูกจับจอง ไฟเส้นเชอรี่ส่องประกายวิบวับเป็นสีเหลืองทอง บนโต๊ะเล็ก ๆ มีเครื่องดื่มหลายชนิดตั้งอยู่ เสียงร้องเพลงจากมือกีตาร์รูปหล่อดังคลอเคล้าสายฝนฉ่ำเย็น
"เธอรู้ไหม ที่ฉันพูดแต่คำหวาน ๆ บอกซ้ำ ๆ ว่ารักเธอมากมาย
หากเธอคิดจะเปรียบ เท่าแผ่นฟ้าผืนใหญ่ คงไม่พอ
เล่นเพลงรักที่เธอ เองชอบฟังซ้ำ ๆ เพื่อบอกย้ำให้รู้ไปสุด...หัวใจ
อยากจะเป็นคนบรรเลง บทเพลงในหัวใจ อยู่อย่างนี้ไป ...ก็เพราะเธอ
แค่ให้รู้ว่าเรา จะยังมีกัน ไม่ว่าวันเวลาเนินนานแค่ไหน
ความรักจะยังอยู่ และมั่นคงเสมอไป จะไม่มีอะไรสิ่งไหนมาแยกเรา
พิมพ์ลดาโยกกายไปตามจังหวะท่วงทำนอง หล่อนร้องคลอตามเบา ๆ ด้วยใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความสุข คือเพลงที่หล่อนชอบด้วยความหมายในตัวของคำร้อง ท่ามกลางแสงไฟสลัว แววตาสองคู่สบประสานยามบอกรักกันผ่านเสียงเพลงหวานซึ้ง ทุกครั้งที่มีเวลาได้ทำแบบนี้ร่วมกัน วันวานในอดีตก็หวนคืน พิมพ์ลดารู้สึกว่าตัวเองช่างโชคดีเหลือเกิน ที่ได้พบเจอกับผู้ชายอย่างติณณภพ
"แค่เธอกับฉันนะ แค่เราเท่านั้นนะ
จะเติมความหวาน ให้ควานรักเรา มีความหมาย
อัดเต็มในหัวใจ ที่เปี่ยมด้วยรักเรา
จะทำให้โลกใบนี้...นั้นอิจฉา
แค่เราเท่านั้นนะ แค่เธอกับฉันนะ
จะเติมความหวาน ให้กับโลกนี้ ...ได้ทั้งใบ
ก็ไม่รู้จะบอก ว่ารักเธอเท่าไร
โลกใบนี้คงเล็กไป...ถ้าเทียบรักเรา"
เสียงปรบมือเบา ๆ ให้กับนักดนตรีรูปหล่อเมื่อเพลงจบลง ก่อนจะตามมาด้วยแก้วเครื่องดื่มที่กระทบกันเบา ๆ ติณณภพจิบค็อกเทลฝีมือภรรยาเข้าปาก ส่วนของพิมพ์ลดาเป็นแค่น้ำผึ้งมะนาวเพราะหล่อนยังคงให้นมลูก จึงเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด
ในช่วงเวลาแห่งความสุข ก็มีเสียงเตือนจากโทรศัพท์ของติณณภพ ชายหนุ่มหยิบขึ้นมาดู ข้อความนั้นมาจากใครบางคน
“นอนหรือยังคะบอส ปุ้ยนอนไม่หลับ”
หล่อนส่งรูปตามมา เขาไม่คิดว่าหล่อนจะกล้าส่งรูปตัวเองในชุดนอนแนบเนื้อมาให้เขาดู แววตาเข้มซ่อนความลับเหลือบมองภรรยา เห็นแววตากลมโตมองมาคล้ายมีคำถาม
“ใครคะ”
“เพื่อนในกลุ่มไลน์น่ะ มันส่งลิ้งค์หนังโป๊เข้ามา”
“สุมหัวกันแต่เรื่องแบบเนี้ย”
กำปั้นเล็กทุบเบา ๆ ลงบนไหล่กว้าง ชายหนุ่มหัวเราะกลบเกลื่อน รีบเก็บโทรศัพท์โดยไม่ตอบคนปลายทาง เป็นอีกครั้งที่เขาโกหกภรรยา แต่ใครจะกล้าบอกความจริง ขืนบอกไปพิมพ์ลดาจะต้องคิดมากแน่นอน
“เอาละ ได้เวลาแล้วสินะ”
“อะไรคะ”
“ได้เวลาเสียตัวไงล่ะครับ”
ชายหนุ่มกรอกค็อกเทลที่เหลือลงคอ ก่อนจะวางกีตาร์พิงเอาไว้ ร่างสูงลุกขึ้นพลางดึงแขนภรรยาให้ลุกตาม สองแขนแข็งแรงช้อนร่างเล็กขึ้นมาไว้ในอ้อมกอด ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากจนพิมพ์ลดาตั้งหลักไม่ทัน
เขาอุ้มหล่อนเข้าไปในห้อง เสียงหัวร่อต่อกระซิกดังเบา ๆ เมื่อคนในอ้อมแขนทำทีเป็นขัดขืนไม่ยอมเสียตัวง่าย ๆ
+++++++