ไอ้ยิมชักสีหน้าทำให้ผมสัมผัสได้ว่าบรรยากาศเริ่มไม่โอเคแล้ว และผมก็เข้าใจมันแหละเพราะผมกำลังทำให้มันรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ
“เฮ้ย จะบ้าเหรอ กูก็แค่พูดเฉยๆ เพราะกูก็ไม่แน่ใจว่ากูจะย้ายหอได้รึเปล่า เอาตรงๆ ของกูเยอะ กูก็ขี้เกียจอ่ะ” ผมบ่ายเบี่ยงที่จะบอกมันว่าเพราะอะไรผมถึงพูดอย่างนั้น แต่สิ่งที่ผมพูดไปก็มีความจริงอยู่ส่วนนึงนะ ย้ายของไป ย้ายของมา มันเหนื่อยอ่ะ!
“ไอ้ปืนก็หาคนหารอยู่นิ มึงก็อยู่กับเพื่อนไอ้ยีนส์ดิ” ไอ้ยิมโยนแล้วหันไปมองไอ้ปืนที่กำลังยืนเสือกอยู่เงียบๆ มันหัวเราะก่อนจะตอบกลับมา
“ไม่เอาเว้ย กูไม่ได้สนิทกับมันสักหน่อย”
“พวกมึงไม่ต้องจริงจังขนาดนั้นก็ได้ กูก็แค่พูดเฉยๆ” ผมหัวเราะเล็กๆ ให้เหมือนเป็นเรื่องตลก แต่กลับคิดไม่ตกเรื่องที่ไอ้เหี้ยหยกขู่
“แล้วนี่พวกมึงจะไปไหนกันต่อ” ผมเอ่ยถามและพยายามสลัดเรื่องไอ้เหี้ยหยกทิ้งไป ก่อนที่ผมจะประสาทไปมากกว่านี้ ท่องพุธโธ ธัมโมเพื่อเรียกความสงบมาบำบัดจิตใจที่แสนจะหงุดหงิด
“กูว่ากูจะกลับหอไปนอน” ไอ้ยิมตอบพร้อมกับหาวหวอดๆ เหมือนคนนอนไม่พอ แต่โดยปกติไอ้ยิมก็เป็นพวกโรคเตียงดูดอยู่แล้ว เห็นเตียงปุ๊ปอยากจะนอนปั๊ป ความใฝ่ฝันของมันคือการนอนทำลายสถิติโลก
“ละมึงอ่ะปืน”
“กูเหรอ? ก็วันนี้กูกับมึงนัดไปร้านการ์ตูนตรงสยามไง จำไม่ได้เหรอ?” ไอ้ปืนโพล่งขึ้นมาและนั่นก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้ไอ้ยิมเหล่มามองพวกผมด้วยนัยน์ตาไม่พอใจนัก
“พวกมึงนี่ไปไหนก็ไม่เคยชวนกูเลยนะ มีกันอยู่สองคนรึไง?” มันพูดติดตลกแต่ไม่รู้สึกตลกกับประโยคของมันเลย ผมยิ้มแห้งๆ เอาจริงๆ ผมก็จำไม่ได้ด้วยซ้ำว่านัดกับไอ้ปืนไว้
“มึงจะไปด้วยมั้ยล่ะ ถ้าจะไปก็ไปดิ” ไอ้ปืนว่า
“เออ ไม่ไปหรอก ถ้ามึงอยากให้กูไป มึงก็ชวนแต่แรกละ ที่มึงทำอยู่เนี่ยเค้าเรียกชวนตามมารยาท”
“อ่ะ เรื่องมากอีก เรื่องของมึง จะกลับหอไปนอนก็กลับไป” ไอ้ปืนทำให้บรรยากาศเลวร้ายขึ้นไปอีกด้วยการย้ำความไม่สำคัญของไอ้ยิม จากที่มันหงุดหงิดอยู่แล้วมันก็หงุดหงิดมากขึ้น
“เดี๋ยวมึงโดน ไอ้ปืน”
“จริงๆ ไปด้วยกันก็ดีนะมึง” ผมพยายามแก้สถานการณ์แต่ดูท่าจะแก้ไขไม่ได้ ไอ้ยิมถอนหายใจแล้วส่ายหัว ผมรู้ว่ามันน้อยใจแต่มันก็พยายามข่มอารมณ์ไม่ให้เหวี่ยง
“ไม่เป็นไรหรอกมึง กูง่วงละ กูว่าจะกลับไปนอน พวกมึงไปกันเหอะ”
“มึงเคืองปะเนี่ย?” ผมถามเพราะแอบเป็นห่วงความรู้สึก
“ไม่เคืองหรอก กูชินละ” ไอ้ยิมพูดแบบนั้น ไม่ได้หัวฟัดหัวเหวี่ยงใส่ผม แต่ผมกลับรู้สึกว่ามันน่ากลัวกว่าเดิมอีก ผมมองตามหลังมันไปก่อนจะถอนหายใจยาวๆ ด้วยความเครียดจัด ไอ้ปืนถือโอกาสตบไหล่ผมทีสองที
“เออ ปล่อยไอ้ยิมไปเหอะมึง เราไปดูการ์ตูนกัน ละกูก็มีเรื่องจะพูดกับมึงด้วย”
“เรื่องอะไรวะ” ผมย่นคิ้วเมื่อเห็นคนอย่างไอ้ปืนทำท่าซีเรียสอย่างที่มันไม่เคยเป็นมาก่อน ปกติมันไม่ทำตัวอย่างนี้ แต่วันนี้มันดูจริงจังแปลกๆ
“คือเรื่องย้ายหออ่ะ ที่กูบอกมึง จำได้ใช่ปะ?” มันกล่าวย้อนความและแน่นอนว่าผมจำได้ดี เพราะวันนั้นเป็นที่วิปโยคมากสำหรับผม ทั้งไอ้ยิมและไอ้ปืนชวนผมอยู่หอกับพวกมันโดยไม่ได้นัดหมาย
“เออ จำได้ ทำไมเหรอ?”
“คือ... ที่จริงแล้วกูยังไม่ได้บอกมึง” มันว่าพลางมองหน้าผมไปด้วย
“คือกูกำลังจะโดนไล่ออกจากหอเก่า”
100%
“ฮะ?” ผมชะงัก
“เออ มึงฟังไม่ผิดหรอก”
“แล้วทำไมจะโดนไล่วะ”
“มึงก็รู้ว่ากูอยู่หอใน แล้วแม่งก็มีกฎเหี้ยไรเยอะแยะ แค่กลับดึกแม่งก็มีปัญหาละ” ไอ้ปืนบ่นอย่างหัวเสีย “แล้วล่าสุด ไอ้ก็อตที่นอนห้องเดียวกับกูก็เสือกเอาก***าเข้ามาซุก กูก็เลยซวยไปด้วย เค้าเลยเชิญออก”
“เชี่ย มึงไม่เกี่ยวนี่ ทำไมถึงโดนวะ”
“ก็แม่งไม่เชื่อกูไง หน้ากูเหมือนคนชอบดูดก***ามั้งสัส”
“โคตรซวยอะ”
“เออ กูเลยต้องรีบหาหอก่อนอาทิตย์นี้ไง ละมึงเข้าใจปะ ตอนกูอยู่หอในค่าหอมันก็ถูกมาก ถ้ากูออกมาอยู่หอนอกคนเดียว พ่อแม่กูก็คงไม่ไหวหรอก”
“เออ... เข้าใจ” ผมพยักหน้าคล้อยตาม
“และตอนนี้กูก็ยังหาหอไม่ได้ กูก็เลยจะขอร้องมึง”
“ขอร้องอะไรวะ” ผมว่าก่อนจะสบตาไอ้ปืน มันทำหน้าเครียดและขอร้องผมด้วยท่าทีจริงจังมาก
“มึงไม่ต้องย้ายไปคอนโดที่กูส่งให้มึงดูก็ได้เว้ย แต่กูขอย้ายมาอยู่หอกับมึงก่อนได้ปะวะ? ยังไงกูก็คงหาหอไม่ทันในอาทิตย์นี้หรอกว่ะ”
เอาละ... งานเข้าผมจังเบอร์เลยทีนี้ ผมนิ่งไปไม่ได้ตอบไอ้ปืนในทันที ในหัวครุ่นคิดอยู่หลายอย่างไม่ว่าจะปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตหรือแม้แต่ในตอนนี้...
แต่ถ้าผมไม่ช่วยมัน แล้วมันจะไปอยู่ที่ไหน จะให้นอนข้างถนนมันก็ออกจะเกินไปนะ
ผมลังเลหนักมาก ไม่ใช่เพราะแค่ไอ้ยิมจะเคืองหรอก ผมแค่รู้สึกว่าไอ้ปืนมันพูดมากฉิบหายและถ้าอยู่ด้วยกันมันคงจ้อไม่หยุดจ้อจนลิงสูญพันธ์ก็ยังไม่เลิก
“น่ามึง กูขออยู่ด้วยก่อน เดี๋ยวถ้าหาหอใหม่ได้ กูจะย้ายออก”
“...” ผมเหล่มองมันอย่างไม่เชื่อใจนัก คนอย่างไอ้ปืนมันลูกเล่นเยอะจะตาย มันจะออกจากหอผมง่ายๆ เหรอ
ผมคิด และรู้ว่าคิดไปก็เท่านั้นแหละ เพื่อนลำบากแล้วใครเล่าจะไปปฏิเสธมันได้ สุดท้ายผมก็ต้องตกปากรับคำมันอยู่ดี
“อ่ะๆ เออ มาอยู่กับกูก่อนก็ได้ แต่มึงอธิบายไอ้ยิมด้วยนะ เดี๋ยวมันจะหาว่ากูงั้นงี้”
“ทำไมมึงจะต้องรายงานมันทุกเรื่องด้วยวะ ไม่จำเป็นม้างงงงงง” ไอ้ปืนว่าก่อนจะยิ้มร่าเมี่อรู้สึกว่าตัวเองรอดแล้ว มันก็รีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดยิกๆ ไม่รู้คุยกับใคร
“กูก็ไม่ได้จะรายงานอะไรหรอก กูก็แค่บอกให้รู้ แจ้งเพื่อทราบอ่ะ เข้าใจปะ?”
“แจ้งทำไมวะ”
“เออ ไม่เป็นไรหรอก คนอย่างมึงก็คงไม่ค่อยเข้าใจสิ่งที่เรียกว่ามารยาทนัก”
“อ้าวเชี่ย หลอกด่ากูเหรอ”
“ไม่ได้หลอกด่านะ กูแค่พูดเฉ๊ยยยย” ผมเสียงสูงแล้วหัวเราะเมื่อเห็นหน้าโง่ๆ ของไอ้ปืนย่นจมูกฮึ่มฮั่มทำท่าจะกระโจนใส่ผม แหม ผมก็แซวนิด แซวหน่อย... ไม่ได้ด่านะ!
“ละนี่มึงกดหาใครตั้งแต่เมื่อกี้ละ” ผมเปลี่ยนคำถามก่อนจะชะโงกหน้าไปดูหน้าจอมันอย่างถือวิสาสะ ไอ้ปืนเงยหน้าขึ้นจากจอแล้วยกยิ้มกว้าง นัยน์ตาคู่ใสนั่นฉายแววชั่วร้ายแปลบปลาบ
“กูกำลังทักพี่ที่มีรถกระบะให้มาช่วยกูขนของอยู่ไง”
“แหม กูอนุญาตปุ๊ป มึงก็ทักเขาปั๊ปเลยนะ”
“ใช่ และพอกูทักเขาปุ๊ป เขาก็จะมาปั๊ปด้วย” มันว่าก่อนจะหัวเราะในลำคอ
“ยังไงนะ”
“เดี๋ยวเขาจะมาถึงที่หอกูในอีกสิบนาที มึงช่วยกูเข้าไปเก็บของที่ห้องหน่อย” ไอ้ปืนไม่พูดเปล่า มันคว้าแขนผมและจะลากไปในทิศทางของหอมัน ผมหยุดเท้าและดึงมันกลับ ไม่แน่ใจว่าสิ่งที่ได้ยินมันถูกต้องหรือไม่
“ฮะ คือยังไงวะ มึงจะย้ายวันนี้เลยเหรอ?” ผมย่นคิ้ว
“เปล่า กูจะย้ายตอนนี้!!!”