วันรุ่งขึ้น
วันนี้รามิลมาถึงบริษัทเก้าโมงกว่า ๆ ถ้าเป็นพนักงานก็ถือว่าเข้างานสายพอสมควร แต่กับประธานรามิลคนนี้ใครจะกล้ามาว่าเขาได้ แต่ยกเว้นคุณนายราตรีคนเดียวนั่นแหละ คุณนายผู้ไม่ได้บริหารบริษัท แต่เธอก็มีปากมีเสียงกับผู้บริหารระดับสูงอย่างเขาและพ่อเสียเหลือเกิน
ร่างสูงในชุดสูทเรียบกริบเดินเอื่อยเฉื่อยออกจากลิฟต์โดยสารเมื่อถึงชั้นห้องทำงานของตน ในมือหนาถือแก้วกาแฟจากร้านยี่ห้อดังที่เขาแวะซื้อที่ปั๊มน้ำมัน สายตามองตรงไปด้านหน้า ไม่สนใจสายตาประสงค์ขอเชื่อมความสัมพันธ์ของเหล่าพนักงานสาว ที่มีให้เห็นทุกวัน ใคร ๆ ก็อยากจะอยากจะเป็นสาวข้างกายของประธานหนุ่ม แต่หนุ่มหล่อคนนี้ถือคติไม่เป็นสมภารกินไก่วัด หากเขามายุ่งกับคนในบริษัทเข้าคงไม่วายมีปัญหาต่าง ๆ ตามมาอย่างแน่นอน
ขณะที่เดินผ่านทางเข้าห้องน้ำ เหตุไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นเมื่อมีแรงกระแทกทางแขนข้างซ้าย ซึ่งเป็นข้างที่ประธานถือแก้วกาแฟอยู่ ทำให้น้ำสีดำได้กระฉอกออกมาเปื้อนเสื้อสูทสีกรมท่าราคาแพงที่เขาใส่อยู่
ตุบ..
"ว้าย! ขอโทษค่ะ"
คนเดินชนร้องเสียงหลงจนทำให้คนที่อยู่บริเวณหันมามองอย่างสนใจ จะไม่ให้สนใจได้อย่างไร ก็คนที่ถูกเดินชนนี้เป็นถึงประธานบริษัทเชียวนะ
"เดินไม่รู้จักมองทาง" รามิลดุเสียงต่ำในลำคออย่างขุ่นเคืองในอารมณ์ ล้วงเอาผ้าเช็ดหน้าออกมาจากกระเป๋าเสื้อสูทออกมาซับน้ำกาแฟที่ซึมลงไปในใยผ้าไปแล้ว ไม่ได้มองหน้าคนที่เดินชนเลยว่าเธอคนนั้นจะหน้าซีดเพราะตกใจขนาดไหน
"ขะ..ขอโทษค่ะ" เสียงหวานระล่ำระลักขอโทษขอโพย สองมือน้อยทำท่าจะยื่นไปช่วยร่างสูงเช็ดคราบกาแฟแต่ก็ไม่กล้าไปแตะต้อง เพราะกลัวว่าจะโดนโกรธไปมากกว่านี้
"ช่างเถอะ.." รามิลเงยหน้าขึ้นมองคนตรงหน้า แล้วประธานหนุ่มก็ต้องชะงักงันเมื่อได้เห็นดวงตาโตมีแววตื่นตระหนกมองมาบริเวณอกของเขาที่มีคราบกาแฟเลอะ ใบหน้าเล็กเจื่อนดูน่าสงสาร แล้วจู่ ๆ ลมหายใจของเขาก็เกิดสะดุดอย่างหาสาเหตุไม่ได้ ว่าแต่หน้าตาแบบนี้เขาไม่เคยเห็นในชั้นนี้มาก่อน เธอเป็นพนักงานใหม่หรือเปล่า จะว่าไปหน้าก็คุ้น ๆ อยู่นะแต่จำไม่ได้ว่าเคยเจอที่ไหน
"ขอโทษนะคะ ให้ฉันออกค่าซักรีดให้นะคะ" หญิงสาวหน้าหวานเสนอความรับผิดชอบกับชายตัวสูงตรงหน้า ดูจากเนื้อผ้าและลักษณะการตัดเย็บ เชื่อว่าเสื้อตัวนี้ต้องมีราคาถึงห้าหลักอย่างแน่นอน
'มาทำงานวันแรกก็เสียเงินเลย ซวยจริง ๆ ขวัญเอ๊ย'
เสียงต่อว่าตัวเองดังขึ้นในหัวขณะที่สายตาจ้องมองอยู่ที่คราบเปื้อนเบื้องหน้าอย่างกังวล ว่าเธอจะต้องจ่ายค่าซักรีดกี่บาทกัน
"ไปทำงานต่อเถอะ" รามิลหลุดจากภวังค์ล่องลอยของตน เขาเอ่ยปากไล่สาวสวยไปทำงานต่อ ไม่ใช่ว่าไม่โมโหแต่เขาก็เห็นใจหากให้พนักเงินเดือนมาจ่ายซักรีดเสื้อสูทที่ซักแต่ละทีก็ตกหลักพัน
"แล้วเสื้อ.."
"เดี๋ยวผมจัดการเอง คุณไปเถอะ" พูดจบร่างสูงก็ผละจากไป เดินต่อเพื่อที่จะไปห้องทำงานห้องใหญ่ของตนซึ่งอยู่สุดทางเดิน
ขณะที่เดินผ่านโต๊ะทำงานสองโต๊ะหน้าห้องทำงานตัวเอง คิ้วเข้มก็ต้องขมวดมุ่นเข้าหากันเมื่อพบว่าโต๊ะทั้งสองนั้นไร้คนนั่งทำงาน โต๊ะของวุฒินันท์เลขาคู่ใจนั้นยังพอเข้าใจได้ว่าอาจจะไปติดต่องานกับแผนกอื่น แต่ว่าโต๊ะใหม่นั้น ไร้เงาเลขาเส้นใหญ่ของคุณนายราตรี วันแรกก็ออกลายมาทำงานสายเสียแล้วหรือนี่
รามิลกระแทกลมหายใจหงุดหงิดใส่โต๊ะเลขาคนใหม่ก่อนจะเดินเข้าห้องไป โดยไม่รู้เลยว่าหลังจากนั้นไม่ถึงห้านาที สาวสวยเจ้าของโต๊ะที่ประธานหนุ่มคิดอคติใส่ก็เดินถือปึ้งเอกสารกลับมา
หลังจากที่ขวัญนรีผ่านเรื่องตื่นเต้นเพราะไปทำให้สูทตัวแพงของชายคนหนึ่งเลอะ เธอก็เดินไปยังเครื่องถ่ายเอกสารที่ตั้งเรียงกันสามเครื่องอยู่อีกฝั่ง เมื่อครู่เพราะมีคนใช้งานเต็มทุกเครื่องเธอจึงไปเข้าห้องน้ำก่อน เสร็จแล้วจึงออกมาทำงานที่ได้รับมอบหมายจากเลขารุ่นพี่อย่างวุฒินันท์
"เอกสารเรียบร้อยไหมครับคุณขวัญ" วุฒินันท์เดินกลับมาหลังจากที่หายไปจากหน้าห้องประธานประมาณครึ่งชั่วโมง มาถึงเลขาหนุ่มก็ถามหาเอกสารที่สั่งให้เลขารุ่นน้องไปทำ
"นี่ค่ะ" ขวัญนรียกกองกระดาษมาให้เลขาหนุ่มพลางยิ้มหวานให้
"ประธานมาหรือยังนะ ทำไมวันนี้มาสายจัง?" วุฒินันท์มองไปยังประตูบานใหญ่ขณะที่เอ่ยบ่น ปกติเจ้านายไม่ค่อยมาสายเท่าไร แต่วันนี้ทำไมมาสายก็ไม่รู้
"ยังไม่เห็นนะคะ" ขวัญนรีตอบรุ่นพี่ เพราะตลอดที่เธอนั่งตรงนี้ เธอยังไม่เห็นใครเลย ถึงจะยังไม่เคยเห็นหน้าค่าตา แต่ทว่าถ้าหากใครเดินเข้าไปในห้องก็แสดงว่าคนนั้นเป็นเจ้านายของเธอ
"ใกล้ถึงเวลาประชุมแล้วน้า.." เลขาหนุ่มลากยาวแฝงการตำหนิเจ้านายกลาย ๆ ที่มาทำงานช้า
'มีใครอยู่ไหม?'
ขณะที่ทั้งคู่กำลังกังวลเรื่องเวลา ก็มีเสียงดังขึ้นจากเครื่องสื่อสารระหว่างห้องประธานและเลขาหน้าห้อง
"ครับประธาน" วุฒินันท์รีบกดปุ่มตอบรับแล้วกรอกเสียงลงไป ขณะที่ขวัญนรีขมวดคิ้วเรียวเข้าหากัน ประธานมาตอนไหนทำไมเธอไม่เห็น สงสัยจะมาตอนที่เธอลุกไปถ่ายเอกสารกระมัง
'ขอเอกสารการประชุมด้วย ทำไมถึงทำงานกันช้าจัง' เสียงสั่งการปนตำหนิจากท่านประธานที่มาถึงที่ทำงานช้ากว่าลูกน้องดังขึ้น แฝงการตำหนิลูกน้องไปด้วย ไม่รู้ว่าเลขาใหม่นั้นมาหรือยังแต่เขาหว่านแหบ่นให้ทั้งคู่ไปเลย เพราะตอนนี้เอกสารการประชุมควรจะวางอยู่บนโต๊ะแล้วแต่กลับไม่มี
"ได้ครับ" วุฒินันท์รับปาก
'เลขาใหม่มาหรือยัง?'
"มาตั้งแต่ตอนเจ็ดโมงครึ่งแล้วครับ มาก่อนผมอีก" วุฒินันท์ตอบพลางอวยเพราะอยากจะชื่นชมผู้ร่วมงานคนใหม่ถึงความไฟแรงของขวัญนรี
'ให้เขาเอาเอกสารมาให้ผม ทำไมมาแล้วไม่รู้จักเข้ามาแนะนำตัว' ประธานหนุ่มออกคำสั่ง เอ่ยสรรพนามของเลขาใหม่ว่าเขาเพราะไม่รู้ว่าเป็นผู้ชายหรือผู้หญิงและไม่คิดจะใส่ใจเด็กเส้นคนนี้ด้วย จากที่เมื่อกี้คิดอคติเรื่องการมาทำงานสาย เขาก็เปลี่ยนมาอคติเรื่องการไม่มีความสัมมาคารวะแทน
"ครับ" เลขาหนุ่มรับคำสั้น ๆ
"ทำไมวันนี้ประธานดูเหวี่ยง ๆ อันนี้นะคุณขวัญที่ประธานถามหา คุณรีบเข้าไปเถอะ" วุฒินันท์บ่นพลางเอียงคอเล็กน้อยอย่างฉงนกับปฏิกิริยาของคนในห้อง มือหนาเอื้อมไปหยิบแฟ้มสีดำไปให้เลขารุ่นน้อง เร่งให้เธอรีบเข้าไปรายงานตัวก่อนจะโดนเหวี่ยงไปมากกว่านี้
...........................
สงสัยพี่ท่านเมนส์จะมา ไล่กัดเขาไปทั่วเลย 5555