วันรุ่งขึ้น
ณ โต๊ะอาหารในคฤหาสน์หรู มีสามพ่อแม่ลูกนั่งร่วมโต๊ะอาหารกันในมื้อเช้า คุณนายของที่นี่ได้ขอร้องให้ลูกชายสุดที่รักมาร่วมโต๊ะอาหารทุกวันแม้จะไม่ได้รับประทานอาหารก็ตาม ใครจะดื่มชาหรือกาแฟก็ได้แต่ขอให้มารวมตัวกันก่อนจะแยกย้ายกันไปทำธุระ เพราะไม่เช่นนั้นสมาชิกในบ้านคงไม่ได้เจอหน้ากัน โดยเฉพาะลูกชายตัวดีที่มักจะกลับบ้านดึกดื่นทุกวัน
"เลขาผมก็มีอยู่แล้ว แล้วแม่จะหามาให้ผมอีกทำไมครับ?" ยิ่งเมาค้างจากเมื่อคืนแล้วยังมาเจอเรื่องให้ปวดหัวในตอนเช้า ตอนนี้หัวของรามิลนั้นปวดตุบไปหมดแล้ว ดีที่วันนี้เป็นวันหยุด พอรับประทานข้าวเสร็จเดี๋ยวคงต้องขึ้นไปนอนต่อเสียหน่อย
"ไม่รู้ล่ะ พ่อแกรับมาแล้ว พรุ่งนี้แกก็ได้เจอน้องแล้ว" คุณนายราตรีพูดปัดอย่างไม่ยี่หระ กรีดนิ้วหยิบหูแก้วน้ำชาขึ้นมาจิบอย่างมีจริตไม่สนใจหน้าตาบูดบึ้งของลูกชายที่นั่งฝั่งตรงข้ามเลยแม้แต่น้อย อะไรที่เธอตัดสินไปแล้ว ใครก็มาขวางไม่ได้
"จริงเหรอครับพ่อ?"
"ตามที่แม่แกพูดนั่นแหละ พ่อไปดูกล้วยไม้ดีกว่า" พูดจบ ท่านประธานใหญ่ก็ลุกขึ้นแล้วเดินออกไปนอกบ้าน ปล่อยให้แม่ของลูกจัดการเรื่องที่เธอบงการให้ท่านเซ็นรับเลขากับลูกชายเอาเอง เพราะท่านก็ขัดเมียบังเกิดเกล้าไม่ได้เหมือนกัน ลองใจแม่ท่านดูแล้วแทบจะเอาชีวิตไม่รอด เพราะฉะนั้นเออออตามเป็นดีที่สุด
"แล้วที่แม่เรียกว่าน้อง ทำไมถึงเรียกว่าน้องล่ะครับ" รามิลเพิ่งจะจับสังเกตคำสรรพนามที่มารดาเรียกเลขาคนใหม่ เรียกแบบนี้แสดงว่าเลขาคนนี้เป็นคนรู้จักของผู้หญิงทรงอิทธิพลคนนี้อย่างนั้นเหรอ
"น้องเป็นลูกของเพื่อนแม่น่ะ เห็นว่าเพิ่งถูกจ้างออกจากงาน แม่สงสารเลยให้พ่อแกรับไว้" พูดจบหญิงทรงอิทธิพลก็ยกถ้วยชาขึ้นมาจิบน้ำชาด้วยความสบายใจ จะไม่สบายใจได้อย่างไร ก็เธอเพิ่งสั่งให้ประธานใหญ่รับเลขาให้ลูกชายมาหมาด ๆ การมีสามีที่เชื่อฟังมันดีต่อใจแบบนี้นี่เอง
"เลขาเส้นใหญ่สินะ แล้วแม่รู้ได้ยังไงว่าเขาจะทำงานกับผมได้" รามิลถามมารดา ไม่ได้คิดจะอคติหรอกนะ แต่เมื่อครู่คุณนายราตรีบอกว่าเลขาคนนั้นเพิ่งโดนจ้างออกจากงาน ก็แสดงว่าเธออาจจะทำงานผิดพลาดในที่ทำงานเก่าก็อาจเป็นได้
"ทำไม่ได้แกก็สอนน้องสิยะ ไม่พูดด้วยแล้วไปสปาดีกว่า แม่รอบอกแกแค่นี้แหละ" คุณนายราตรีพูดก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกไปทันที ปล่อยให้ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนนั่งหน้ายุ่งอยู่ที่โต๊ะอาหารตัวใหญ่คนเดียว
วันนี้คุณนายราตรีรู้สึกปวดเมื่อยเนื้อตัวจึงอยากจะไปนวดตัวเสียหน่อย แต่ว่าต้องแจ้งเรื่องเลขาส่วนตัวให้ลูกชาย เธอจึงนั่งจิบชารอให้พ่อตัวดีที่ไปเที่ยวกลับมาดึก ๆ ดื่น ๆ ลงมารับประทานอาหารเช้า และบอกเพื่อให้ประธานหนุ่มได้เตรียมตัวคิดแบ่งงานจากเลขาเก่าให้กับเลขาคนใหม่
"ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้วะ!" รามิลสบถเสียงหงุดหงิดหลังจากมองตามหลังผู้เป็นแม่ที่เดินเฉิดฉายจนลับสายตาไปแล้ว
ไม่รู้ว่าคุณนายเธอคิดอะไรอยู่ถึงได้หาเลขามาให้ หรือว่าเงินเหลือใช้มากมายกัน ถึงได้เจียดมาจ้างพนักงานที่ไม่มีความจำเป็นต่อบริษัทอย่างเลขาคนนั้น นี่เขาต้องมานั่งปวดหัวกับการฝึกพนักงานจริง ๆ ใช่ไหม แบบนั้นมันเสียเวลากับการเที่ยวเล่นของเขามากเลยนะ แต่ไม่เป็นไรเขามีเลขามือโปรอย่างวุฒินันท์อยู่ เดี๋ยวให้สอนเลขาใหม่แทนเขาก็แล้วกัน
คิดได้แบบนั้น รามิลจึงได้คว้าโทรศัพท์เครื่องหรูของตนขึ้นมาเพื่อจะโยนงานไปให้เลขารู้ใจของตน
ตู๊ด.. ตู๊ด..
'ครับประธาน'
รอไม่กี่วินาทีเลขาหนุ่มก็รับสายเจ้านาย
"พรุ่งนี้จัดโต๊ะไว้หน้าห้องด้วยหนึ่งชุด"
'โต๊ะอะไรครับ?'
"โต๊ะทำงาน พรุ่งนี้จะมีเลขาไปใหม่ เด็กฝากคุณนายแม่เขาน่ะ" รามิลแจ้งความกระจ่างให้ลูกน้องคนสนิทแต่ก็ไม่วายเอ่ยประชดถึงแม่ตัวเอง
'ได้ครับ แล้วเขาจะเข้ามากี่โมงครับ?'
"ไม่รู้"
'แล้วเขาชื่ออะไรครับ?'
"ไม่รู้"
'ผู้หญิงหรือผู้ชายครับผมจะได้สั่งประชาสัมพันธ์ข้างล่างไว้'
"ไม่รู้"
'อ้าว แล้วแบบนี้ผมจะรู้ได้ยังไง?'
"ก็บอกไม่รู้ ๆ เขามาเดี๋ยวก็รู้เองแหละ แค่นี้นะผมง่วง จะไปนอน" รามิลตอบอย่างขอไปทีด้วยความรำคาญใจ ไม่ได้นึกจะสนใจเลขาของผู้เป็นแม่ที่จัดหามาให้เท่าไรนัก เอาเวลาไปส่องสาวสวยในโอนลี่แฟนยังมีประโยชน์กว่าเยอะ
.................................
ตอนนี้ทำเป็นไม่สนใจ แต่ต่อไปเชื่อว่าจะต้องมีคนพกน้องไปด้วยทุกที่แน่นอน ชิ