ผ่านไปประมาณหนึ่งชั่วโมง รามิลก็ขับรถมาจอดหน้าบ้านของเลขาสาว ถ้าเธอกลับมาเองอาจจะต้องใช้เวลาประมาณสองชั่วโมงแน่ ๆ
"ขอบคุณประธานมากนะคะที่มาส่ง" ขวัญนรียกมือพนมไหว้อย่างนอบน้อมที่เขามีน้ำใจมาส่งจนถึงหน้าบ้าน ก่อนจะพับเสื้อสูทที่ใช้ห่มมาตลอดทางคืนให้แก่เจ้าของ ทันใดนั้นก็รู้สึกหนาวเย็นยะเยือกขึ้นมาอีกครั้งครั้นตัวไร้ผ้าเนื้อดีห่อคลุม
"อืม.." รามิลรับคำในลำคอ ยื่นมือไปรับเสื้อสูทคืนมาด้วยความเชื่องช้าอ้อยอิ่ง อยากจะอยู่แบบนี้ไปนาน ๆ แต่ก็ต้องปล่อยให้เลขาคนสวยกลับเข้าบ้านไป ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะรั้งให้เธออยู่ต่อได้ หัวก็คิดอย่างนั้นแต่ใจก็ร่ำร้อง เร่งคิดหาเหตุผลจะใกล้ชิดเธออีกในครั้งต่อไป
"ขวัญเข้าบ้านแล้วนะคะ" ขวัญนรีพูดขึ้น หลังจากที่เธอรอเจ้านายหนุ่มที่ทำท่าจะพูดอะไรสักอย่างแต่ก็ไม่ยอมพูดออกมาสักที ลาเสร็จก็หันไปเปิดประตูรถ ดีที่ตอนนี้ฝนเหลือแค่ละอองปรอย ๆ เธอเลยไม่ต้องเปียกอีกตอนเดินเข้าบ้าน
"เดี๋ยว!" รามิลเรียกคนที่กำลังจะจากไปเสียงดังเมื่อคิดอะไรบางอย่างได้ ในที่สุดเขาก็คิดแผนออกเสียที
"คะ?" เลขาสาวจึงชะงักเท้าที่จะก้าวออกจากตัวรถ หันกลับไปมองประธานหนุ่มที่กำลังดึงสีหน้าขรึม เขาคงกำลังจะพูดเรื่องเครียดกับเธอแน่ ๆ
"ที่คุณทำเสื้อผมเลอะน่ะ ทีแรกว่าจะไม่เอาค่าเสียหาย แต่ตอนนี้ผมเปลี่ยนใจแล้ว" รามิลพูดเสียงเป็นการเป็นงาน ปกติเขาไม่ใช่คนขี้เหนียวหรือใจแคบ แต่ครั้งนี้ต้องลองเป็นเสียหน่อย
"ท่าน.. ท่านจะเอาเท่าไหร่คะ?" ขวัญนรีขยับตัวหันมานั่งตัวตรงท่าเดิมก่อนดึงประตูรถปิดดังเดิมป้องละอองฝนเข้ามาในรถ เพราะท่าทางจริงจังของเจ้านายหนุ่มทำให้เสียงที่ถามออกไปตะกุกตะกักอย่างไม่ได้ตั้งใจ ในหัวเร่งคำนวณค่าเสียหายที่เขาจะเรียก ถึงจำนวนเงินจะมากเกินคาดแต่เธอก็ต้องยอมจ่าย
"ก็..ไม่มาก" รามิลตอบสั้น ๆ เมื่อเห็นเลขาหน้าหวานจ้องมองมาตาไม่กะพริบรอคอยคำพูดต่อไป เขาเลยต้องพูดต่อ
"อาหารกลางวันทุกวันเป็นเวลาหนึ่งเดือน" ใจจริงอยากจะบอกนานกว่านี้ แต่กลัวเธอจะสงสัยในจุดประสงค์หลัก
"เอ๋? อาหารกลางวันเหรอคะ?" ขวัญนรีทวนคำพร้อมกับทำหน้าฉงน ไม่คิดว่าข้อเรียกร้องความเสียหายจะเป็นอย่างนี้ไปได้
"ทำอาหารเป็นใช่ไหมล่ะ ห่อข้าวกลางวันมากินกับผมที่บริษัท ผมขี้เกียจออกไปหากินข้างนอก" ประธานหนุ่มให้เหตุผลที่คิดว่าฟังขึ้นที่สุดแล้ว แต่เมื่อเห็นหน้าเหวอ ๆ ของเลขาสาวก็เริ่มจะคิดหนักเสียแล้ว ปกติเขาเป็นคนที่มั่นใจในมุกป้อหญิงมาก แต่กับคนซื่อ ๆ อย่างขวัญนรีทำเอาเขาคิดมุกแทบไม่ออก เธอทำเขาเสียความมั่นใจเพียงใช้ตาโต ๆ น่าเอ็นดูคู่นั้นมองมา
"อ้อ.. ทำเป็นค่ะ เริ่มพรุ่งนี้หรือเปล่าคะ?" แล้วขวัญนรีก็เข้าใจข้อเรียกร้องของเขา ทำกับข้าวไปรับประทานตอนกลางวันไม่ใช่เรื่องยุ่งยากสำหรับเธอเท่าไรนัก เป็นการดีเสียอีกที่จะได้ประหยัดค่าอาหารหลางวัน บางทีต้องเดินออกไปนอกบริษัทตากแดดเปรี้ยง ๆ แถมต้องไปรอคิวเข้าร้านอีก เธอว่าแบบนั้นลำบากกว่าอีก
"สะดวกวันไหนก็เริ่มวันนั้นแหละ" รามิลลอบถอนหายใจที่ลูกน้องสาวไม่ได้ระแคะระคายข้อเรียกร้อง เป็นจริงที่เขาไม่ชอบการออกไปรับประทานอาหารกลางวัน แต่ที่เรียกร้องไปแบบนั้นเป็นเพราะเขาอยากอยู่กับเลขาคนสวยมากกว่า
"ได้ค่ะ งั้นขวัญไปแล้วนะคะ ขอบคุณอีกครั้งนะคะ" ขวัญนรียิ้มหวานให้เจ้านายหน้าหล่ออย่างโล่งอกที่ค่าเสียหายของเขาไม่ใช่เงิน ฐานะทางครอบครัวเธอไม่ได้ลำบากอะไร แต่เพราะนิสัยประหยัดมัธยัสถ์ของเธอต่างหาก ที่ทำให้เธอไม่อยากเสียเงิน
ลาเจ้านายเสร็จเลขาสาวก็ลงจากรถไป รามิลมองตามหลังร่างอรชรที่มีทรวดทรงกระตุ้นความเป็นชาย สะโพกกลมย้ายดุกดิกยามเธอเร่งก้าวเกินหนีละอองฝนทำให้อยากฟาดก้นงอน ๆ สักป้าบ ขนาดว่าซ่อนอยู่ในร่มผ้ายังน่ามันเขี้ยวขนาดนี้ ถ้าเกิดมีแต่ก้นเปลือย ๆ จะน่าฟาดน่าขยำเพียงใด คิดแล้วเจ้าลูกชายกลางหว่างขาก็แข็งขืนขึ้นมาอีกแล้ว เดี๋ยวขากลับต้องแวะอาบอบนวดลากสาวไปฟาดแก้ขัดสักคนเสียแล้ว
คิดได้ดังนั้น รามิลก็ขับรถออกจากหมู่บ้านจัดสรรของขวัญนรี เขาขับมุ่งไปยังร้านอาบอบนวดที่เคยไปประจำ ประธานหนุ่มหมุนพวงมาลัยไปจอดยังที่จอดรถของร้าน ตั้งท่าจะดับเครื่องยนต์ขณะที่สายตาก็มองเข้าไปด้านในร้าน เห็นพนักงานสาวสวยนุ่งห่มเสื้อผ้ารัดติ้วสั้นจู๋จนแทบจะเห็นของลับ แต่มองแล้วทำไมเขาไม่ตื่นเต้นอย่างที่มองเลขาคนสวยของเขา เจ้าลูกชายที่ตั้งใจจะพามันมาปลดปล่อยก็นอนนิ่งสงบ ไม่ตื่นเอา ๆ เหมือนกับตอนอยู่กับขวัญนรี แถมอารมณ์ของเขาที่มองไปยังผู้หญิงพวกนั้นก็เฉื่อยชาเบื่อหน่ายไร้อารมณ์กระสันเหมือนตอนที่มองลูกน้องสาวสวยคนนั้น เกิดอะไรขึ้นกับเขากันล่ะนี่
รามิลนั่งมองบรรดาสาว ๆ ในร้านอาบอบนวดที่เดินไปมาอวดเรือนร่างอวบอัดเพื่อตรวจสอบอารมณ์ตนเอง แต่มองเท่าไรก็ไม่มีอาการอยากปลดปล่อยเลยสักนิด ไม่อยากจะเสียเวลาอยู่ตรงนี้อีกต่อไปจึงได้ขับรถออกจากสถานบันเทิงมุ่งหน้ากลับบ้าน กลับบ้านเวลานี้ถ้าคุณนายราตรีเห็นต้องทักแน่ ๆ
"ทำไมวันนี้แกกลับเร็ว ไม่ไปแรดที่ไหนเหรอยะ?"
เดาผิดเสียที่ไหน พอลูกชายเดินเข้าบ้านก็โดนคุณนายแม่ที่นั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นทักปนเหน็บแนมทันที เพราะมีโอกาสน้อยมาที่เขาจะเข้าบ้านก่อนสองทุ่มอย่างเช่นวันนี้
"ลูกชายกลับเร็วแทนที่แม่จะดีใจ" รามิลตัดพ้อมารดาไม่จริงจังพลางตั้งท่าจะเดินขึ้นห้องไปอาบน้ำแล้วจะได้ลงมาหาอะไรใส่ท้อง
"แกเคยกลับเวลานี้เสียที่ไหน นี่ ๆ เจอน้องแล้วเป็นไงบ้าง น้องสวยไหม?" คุณนายราตรีค้อนให้ลูกชายตัวดี ก่อนจะถามถึงเลขาคนใหม่ที่ได้จัดสรรให้ลูกชาย สายตาแวววับอย่างอยากรู้อยากเห็น
"ก็สวยดี" รามิลตอบอย่างขอไปที แต่ภายในอกนั้นใจแกร่งเต้นระรัวเมื่อพูดถึงลูกน้องสาวน่าฟัดคนนั้น เป็นปฏิกิริยาตรงกันข้ามกับตอนอยู่หน้าร้านอบนวดราวฟ้ากับเหว
"แต่แม่ว่าน้องสวยมากเลยนะ น่ารักดีด้วย หน้าจิ้มลิ้มปากนิดจมูกหน่อย ตาก็โตอย่างกับตุ๊กตาแน่ะ แกว่าไหมตาราม?" คุณนายราตรีพูดจี้จุดเด่นของลูกสาวเพื่อนพลางลอบมองอาการของลูกชายตัวแสบ จากท่าทางอึกอักล่อกแล่กของมันแล้ว คิดว่าเด็กคนนั้นคงมีอิทธิพลต่อใจประธานหนุ่มคนนี้บ้างล่ะ
"ก็ดีครับ" คำตอบสั้น ๆ ออกมาจากปากประธานหนุ่ม ยิ่งได้ยินแม่พรรณนาถึงความน่ารักของลูกน้องคนสวย ก็ยิ่งทำให้เขาอึดอัดที่จุดใต้ร่มผ้ากลางหว่างขาที่มันเอาแต่พองเอา ๆ จึงรีบเอาเสื้อสูทที่ถือมาปิดไว้ไม่ให้ผู้เป็นแม่ได้เห็นความอุจาดนี้
"แค่นั้น?" คุณนายราตรียังคงคาดคั้นต่อ อมยิ้มกรุ้มกริ่มเจ้าเล่ห์แบบที่ประธานหนุ่มชอบยิ้ม ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าลูกชายของเธอนิสัยได้มาจากใคร
"ผมไปอาบน้ำก่อนดีกว่า" รามิลเลี่ยงไม่ยอมเล่นตามเกมมารดา เขาจะไม่ยอมจนมุมกับเรื่องน่าขายหน้าแบบนี้เด็ดขาด จะให้แม่รู้ไม่ได้ว่าเสือผู้หญิงอย่างเขาเสียอาการกับว่าที่เหยื่อตัวน้อย นึกโมโหไอ้งูตัวเขื่องที่เหยียดขยายเต็มเป้ากางเกง ที่มันมาทำความอับอายให้เจ้าของ แบบนี้ต้องขึ้นไปเอาน้ำหัวมันออกเสียแล้ว
.....................................
ท่านประธานน่าสงสารจัง55555