ตอนที่ 6 #เกมเริ่มต้นขึ้นแล้ว (25%)

1234 คำ
เรื่อง : ซ้อนกลรัก ตอนที่ 6 #เกมเริ่มต้นขึ้นแล้ว (25%) โดย : Kwitch (เขียนเป็นภาษาไทยว่า กวิชญ์ (อ่านว่า กะ-วิช (ออกเสียง “เฉอะ”))) หญิงสาวยกมุมปากขึ้นยิ้มหวานละมุนละไมแผ่ลามไปถึงดวงตาขณะเอ่ยเรียบ ๆ ‘ขอบคุณที่มาส่งนะกันต์’ ชายหนุ่มพยักหน้า ‘ไม่เป็นไรครับ’ ใบหน้าหล่อเหลาของเขาฉายแววสับสนราวกับกำลังใช้ความคิดอย่างหนัก ‘เอิ่ม! ดีใจที่ได้เจอกันนะใบบัว’ ดวงหน้าน้อย ๆ ของหญิงสาวร้อนผ่าวขึ้นมาอย่างเฉียบพลัน แถมหัวใจก็ยังเต้นรัวไม่เป็นจังหวะ แต่ถึงกระนั้นเธอก็พยายามเก็บอาการในขณะที่หันไปมองเขาแล้วส่งยิ้มให้อย่างเป็นปกติ ‘เราก็ดีใจเหมือนกันจ้ะ...แล้วเจอกันใหม่นะ’ หญิงสาวเปิดประตูรถและรีบก้าวลงจากรถของเขา เนื่องจากเกรงว่าถ้าอยู่นานกว่านี้ ความหวั่นไหวที่มันได้ถูกปิดตายมานานแล้วนั้น จะถูกเปิดขึ้นมาอีกครั้ง ซึ่งเป็นไปได้ว่าการเปิดในครั้งนี้ อาจจะสร้างความเจ็บปวดให้กับเธอมากกว่าครั้งก่อนก็เป็นได้ เจ้าหล่อนเร่งฝีเท้าก้าวเข้าบ้าน เพราะใจนั้นอยากจะสะสางกับต้นตอของเรื่องราวในวันนี้เสียเต็มประดา ทันทีที่เดินขึ้นไปถึงห้องนอน เธอรีบหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาทันที เพื่อต่อสายถึงใครบางคน ซึ่งไม่ต้องเดาเลยว่าปลายสายนั้นจะเป็นใครไปได้ นอกจาก ‘ยัยคี!...เธออยู่ไหนเนี่ย’ ‘เรายังอยู่ข้างนอกอยู่เลย...แต่กำลังจะกลับบ้านแล้ว’ ‘นี่! ยัยตัวแสบ...ไปรู้จักกับกันต์ได้ยังไงเนี่ย’ ‘เรื่องมันค่อนข้างแปลกประหลาดน่ะ’ น้ำเสียงทางปลายสายแฝงความเบื่อหน่ายอยู่ในที ‘แปลกยังไง’ ‘ก็แบบ...เฮ้อ!...เราไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นที่ตรงไหนเลยอะ’ ‘เล่ามา’ น้ำเสียงคาดคั้นและเปี่ยมไปด้วยความเฉียบขาดจริงจัง ‘อยู่ดี ๆ คุณย่าของเรา ก็อยากจะให้เราหมั้น’ คีตาตอบด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำราบเรียบ ‘เอ๊ย! จริงเหรอ...แล้วคีจะหมั้นกับใคร’ ‘กะ...ก็...เอ่อ...ยังไงดีนะ!’ หญิงสาวเดินวนไปวนมาในห้องนอนด้วยความกระวนกระวายร้อนอกร้อนใจแทนคีตา ‘อะไร...ยังไง...รีบบอกมา...นี่เราตื่นเต้นไปหมดแล้วเนี่ย’ ‘ไม่รู้ว่าคุณย่าของเราไปรู้จักกับตากันต์ได้ยังไงน่ะสิ’ ความกังวลเจือปนอยู่ในน้ำเสียงของคีตา ‘หืม! แล้วเกี่ยวอะไรกับกันต์’ ‘ก็...เอิ่ม...คุณย่าจะให้เราหมั้นกับตากันต์’ ‘ฮะ! อะไรนะ...ว่ายังไงนะ’ ‘เราบอกว่า...คุณย่าจะให้เราหมั้นกับตากันต์...แต่ใบบัวไม่ต้องห่วงหรอกนะ...เราไม่หมั้นหรอก’ แม้จะตอบมาอย่างมั่นใจแต่น้ำเสียงนั้นเจือไปด้วยความกังวลอยู่ไม่น้อย ‘แล้วคีจะทำยังไงอะ’ ‘ยังไม่รู้เลย...แต่ใบบัวน่าจะช่วยเราได้นะ...ใช่มั้ย’ ‘ก็ไม่รู้สินะ’ เพื่อนสาวมีน้ำเสียงลังเล ‘ใบบัว...เราจริงจังเลยนะ...ใบบัวยังชอบตากันต์อยู่มั้ย’ เพื่อนสาวของคีตาตรึกตรองอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะเอ่ยคำตอบให้กับปลายสาย ‘เอิ่ม!...ไม่รู้สิ...เรื่องมันก็นานมาก จนเราเกือบจะลืมไปหมดแล้ว’ น้ำเสียงแฝงไปด้วยความลังเล อาจเป็นเพราะหล่อนก็ไม่แน่ใจในความรู้สึกของตนเองในขณะนี้เช่นกัน ‘เราเข้าใจ’ ‘ตกลงคีจะเอายังไงต่อไป’ ‘ก็ปฏิเสธไปก่อนแหละ...แล้วก็คงไปถามเหตุผลที่แท้จริงกับคุณย่าอะ...จากนี้ค่อยมาคิดต่อว่าจะทำยังไงดี’ ‘มีอะไรให้เราช่วยก็บอกนะคี’ ‘จ้ะ..ขอบคุณมาก’ หญิงสาวมองพาดผ่านยาวออกไปนอกหน้าต่าง พลันครุ่นคิดถึงคีตาเพื่อนสนิทของเธอตั้งแต่สมัยเรียนชั้นมัธยมศึกษา หล่อนสงสัยปนสับสนกับสิ่งที่เกิดขึ้นและได้รับรู้ในวันนี้ ทำไมคีตาถึงจะหมั้นกับกันตภัทร์ มันช่างดูเป็นเรื่องที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้เอาเสียเลย ไม่ว่าจะคิดยังไง หญิงสาวก็ยังหาจุดเชื่อมโยงไม่เจอ หล่อนนึกถึงใบหน้าหล่อเหลาของกันตภัทร์ แล้วกลับมาทบทวนความรู้สึกของตัวเอง หล่อนพยายามคิดหาคำตอบ แต่มันก็ยากเหลือเกินที่จะได้คำตอบที่เที่ยงตรงและแม่นยำได้ในตอนนี้ เพราะมันไม่ใช่สิ่งที่จะสามารถใช้เครื่องอะไรมาวัดได้ แม้แต่ตัวเจ้าหล่อนเอง ซึ่งเป็นเจ้าของความรู้สึก ก็ยังคงไม่มั่นใจในสิ่งที่แสดงผลอยู่ในตอนนี้นัก ..... ณ บ้านของคีตา คีตาเปิดประตูบ้านเข้ามาด้วยหน้าตาที่ไม่สดใสนัก เพราะในหัวของเจ้าหล่อนในตอนนี้มีแต่เรื่องของชายหนุ่มว่าที่คู่หมั้น เธอพยายามคิดหาวิธีที่จะจบเรื่องนี้ได้ให้เร็วที่สุด แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ยังคงคิดไม่ออก สุดท้ายแล้ว เธอตัดสินใจกลับมาหาเหตุแห่งทุกข์ ซึ่งเธอก็ได้เจอกับเจ้าของเหตุนั้นพอดี ‘กลับมาแล้วเหรอลูก’ ณปภัชเอ่ยถามเรียบ ๆ ผ่านรอยยิ้มละไม ‘ค่ะ’ ‘เป็นยังไงบ้าง’ ดวงตาของณปภัชฉายแววอยากรู้อยากเห็นวูบหนึ่ง ‘ก็ไม่เป็นยังไงหรอกค่ะ’ แต่เมื่อตัดสินใจได้ว่าจะต้องทำอะไรสักอย่างกับเหตุการณ์นี้ เธอก็จัดการดับอารมณ์ตายด้านเสียทันควัน แล้วเปลี่ยนไปใช้โหมดน้ำเสียงหนักแน่นเด็ดขาดรวมถึงสีหน้าเคร่งขรึมจริงจัง ‘แต่!...คุณย่าคะ...คีไม่เข้าใจเลยค่ะ...ถ้าคุณย่าลองให้เหตุผลกับคีในเรื่องนี้ คีก็อาจจะยอมรับได้ก็ได้นะคะ’ ‘จริง ๆ แล้วมันก็มีเหตุผลของมันอยู่นั่นแหละ...คีพร้อมจะฟังแล้วรึยังล่ะ’ หญิงชราลูบศีรษะคีตาอย่างอ่อนโยน คีตาสูดหายใจเข้าลึกและยาวมาก ‘พร้อมค่ะ’ ‘คีเคยได้ยิน หรือรู้จักตระกูลสุริยะโยธินมั้ยลูก’ ดวงหน้าเรียวกลอกตาไปมา เพื่อพยายามทบทวนความทรงจำ แต่ทว่าหญิงสาวกลับไม่รู้สึกคุ้นหูกับสิ่งที่ณปภัชเพิ่งบอกกับเธอ ‘ไม่เคยค่ะ’ ‘ตอนนั้นคุณทวดทำธุรกิจล้มเหลวและประสบปัญหาทางการเงิน จึงตัดสินใจไปกู้ยืมเงินจากสุริยะโยธิน จำนวนสามร้อยล้านบาท หลังจากนั้นธุรกิจของคุณทวดก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะฟื้นตัวหรือทำกำไรให้กับตระกูลของเราเลย...ต่อมาคุณกวินทร์ทวดของกันต์ได้ทำพินัยกรรมไว้ว่า ถ้าทายาทของสัตยธนะวงศ์ไม่เกินสามรุ่นต่อจากคุณทวด แต่งงานกับทายาทของสุริยะโยธิน...สุริยะโยธินก็จะปลดหนี้ให้สัตยธนะวงศ์ทั้งหมด...ซึ่งตอนนี้ถ้ารวมดอกเบี้ยแล้ว ก็ประมาณเจ็ดร้อยกว่าล้านแล้วล่ะ’ ครั้งนี้เป็นฝ่ายณปภัชบ้างที่ถอนหายใจ ดวงตาฉายแววปวดร้าวแฝงอยู่ แต่เธอก็ไม่ลืมที่จะดูแลความรู้สึกของหลานสาวด้วยการลูบศีรษะอีกครั้งเสมือนหนึ่งเป็นการปลอบประโลมหัวใจดวงน้อยที่กำลังสับสนวุ่นวายอยู่ในขณะนี้ คีตานิ่งอึ้ง เพราะคาดไม่ถึงว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ในชีวิตของเธอ และตระกูลของเธอ ‘เจ็ดร้อยกว่าล้านเลยเหรอคะ’ คำถามหลุดออกจากปากในขณะที่ยังมีอาการเหม่อลอยอยู่ ณปภัชพยักหน้าแทนคำตอบ ‘ถ้าคีหาเงินมาคืนเขาได้ คีก็ไม่ต้องแต่งงานใช่มั้ยคะ’ อีกฝ่ายเอ่ยตอบพร้อมยิ้มน้อย ๆ ‘จ้ะ’
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม