บทที่3. ต้อนลูกแกะเข้าคอก

1522 คำ
“งั้นรึ! ผมคงคิดอะไรติดพันอยู่ล่ะสิ” เขาตอบแบบขอไปที ชำเรืองมองแม่สาวตัวป่วนด้วยหางตา เห็นทิชาเดินโฉบไปโฉบมาไม่ได้อยู่นิ่งกับที่สักนาที ใบหน้าหล่อนเปื้อนยิ้มตลอดเวลา แม็กซิมัสขมวดคิ้ว เขาเหล่มองไปด้านข้าง มีลูกค้านั่งอยู่หลายโต๊ะส่วนมากเป็นผู้ชาย! และคนส่วนใหญ่มองมาที่เขา          อาหารจานแรกทยอยยกมาเสิร์ฟที่โต๊ะ มีเสียงจิปากเบาๆ เมื่อสาวเสิร์ฟที่เป็นคนยกมาไม่ใช่แม่สาวแคระที่เขากำลังจับตามอง หล่อนสาละวนอยู่กับลูกค้ารายอื่น          แอนนาพยายามทิ้งหางตาให้มหาเศรษฐีหนุ่มรูปงาม แต่ดวงตาหลังแพขนตาหนาๆ นั้น กลับชำเรืองมองไปที่จุดอื่น เธอเลยยอมถอยมาแบบเสียดายหน่อยๆ แต่เมื่อมองตามสิ่งที่ชายหนุ่มสนใจ เธอก็ถึงกับอึ้ง!          ทิชากำลังเทคแคร์ลูกค้าอีกโต๊ะ มีเด็กเล็ก2คนที่กำลังอยู่ในวัยซนจัด          หนุ่มน้อยหยอกล้อกันจนอาหารเปรอะเลอะเทอะทั้งตัวเด็กน้อยและที่โต๊ะอาหาร ร้อนถึงบิดาที่ดูท่าว่าจะมาคนเดียว ไร้มารดาของเด็กๆ ต้องลุกขึ้นมากำหลาบ แต่เด็กทั้งสองนั่นก็ไม่ได้เกรงกลัว ยังคงตักอาหารหล่นเกลื่อน ทิชาเลยยื่นมือเข้าไปช่วย เธออิบายให้เด็กชายทั้งสองคนฟัง มีรอยยิ้มตลอดการสนทนา และดูเหมือนว่า...เด็กสองคนนั่น จะหลงเสน่ห์รอยยิ้มของทิชาเข้า เขาทั้งสองสงบลง คนเป็นพ่อเลยพลอยโล่งใจไปด้วย          แต่ที่แอนนาแปลกใจคือ ไม่ว่าจะแอบมองกี่ครั้ง เธอมักจะเห็นแม็กซิมัสมองตามทิชาไปตลอด ด้วยสายตาขวางๆ เหมือนไม่พอใจที่เพื่อนของเธอ แจกยิ้มให้หนุ่มคนอื่นมากเกินไป          “ไหนคุณว่ามีงานเร่งไงคะแม็ก?” ลอร่ากระซิบถาม หลังผ่านช่วงเวลาที่แม็กซิมัสกำหนดไปหลายนาที แต่เขาไม่มีทีท่าว่าจะขยับตัว          ชายหนุ่มยกแก้วน้ำขึ้นจิบ “ไม่แล้ว...งานไม่สำคัญเท่ากับเวลาที่มีคุณอยู่หรอกลอร่า” แม็กซิมัสแกล้งหยอด และดูเหมือนว่าจะได้ผล ลอร่าหมดความสนใจเรื่องที่เขาเปลี่ยนใจ เพราะหากเป็นทุกครั้ง แม็กซิมัสให้ความสำคัญกับงาน มากกว่าเธออยู่แล้ว          สาวไฮโซอายม้วน เธอเสยกแก้วน้ำขึ้นจิบแก้เขิน แต่ก็เกือบพ่นน้ำสีเขียวคล้ำๆ ที่ผ่านปากทิ้ง ทั้งรส ทั้งกลิ่นแปลกลิ้นจนอยากจะคาย          “น้ำอะไรคะนี่ รสชาติแปลกๆ” นี่เป็นการลิ้มรสอาหารไทยครั้งแรกของลอร่า เธอไม่ใคร่ชอบอาหารมันๆ รสแปร่งๆ นั่นเลย ยิ่งน้ำสีคล้ำที่เพิ่งได้ทดลองชิมครั้งแรก รสชาติไม่ถูกใจสักนิด แต่ไม่กล้าแผลงฤทธิ์เมื่อแม็กซิมัสดูชื่นชอบ เขาเติมข้าวสวยร้อนๆ ถึงสองครั้ง เอร็ดอร่อยกับอาหารที่แกล้มด้วยการมองตามสาวแคระตัวหอมที่ตนเองติดใจ          “ผมก็ไม่แน่ใจนะ แต่มันดีต่อสุขภาพน่ะ”          แม็กซิมัสเป็นเจ้าของภัตตาคารหรู เขารู้จักอาหารเกือบทั่วโลก เขาลิ้มลองมาเกือบทุกอย่าง และฟันธงให้อาหารไทยเป็นหนึ่งในอาหารสุขภาพที่ควรได้ลิ้มรส อาหารแต่ละชนิดประกอบไปด้วยสมุนไพรที่ช่วยเพิ่มความหน้าสนใจและเป็นประโยชน์กับร่างกาย          ลอร่าแอบเบ้ปาก เธอไม่ชินกับอาหารพื้นๆ แบบนี้ การที่เธอมาเหยียบร้านระดับกลางก็สาเหตุเดียว อยากกดคู่ปรับให้ต่ำลง ด้วยการควงผู้ชายที่คนทั้งอเมริการู้จักดี          แต่ดูเหมือนว่าทิชาจะไม่สนใจ          หล่อนทำงานอย่างแข็งขัน ไม่มีร่องรอยริษยาในแววตาของหล่อนเลย          แม็กซิมัสทำท่าเหมือนต้องการเรียกพนักงานเสิร์ฟ แอนนารีบเสนอหน้าเข้าไปใกล้ เธอชะงักหัวเกือบทิ่ม เมื่อลูกค้าหนุ่มชักสีหน้าใส่ สีหน้ากระด้างของชายหนุ่มทำให้แอนนาทำอะไรไม่ถูก ไม่คิดว่าคนที่ยิ้มแย้มผ่านสื่อ จะมีสีหน้าดุดันจนน่ากลัวแบบนี้          ชายหนุ่มเกือบตวาด! เขาต้องการสาวเสิร์ฟอีกคน แต่หล่อนเหมือนนกรู้          หลังจากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน?          ดูเหมือนว่าทิชาจะพยายามหลบหน้าเขา ทุกครั้งที่สายตาเวียนมาเจอกัน เป็นหล่อนทุกครั้งที่เบือนหน้าหลบ แม็กซิมัสได้แต่ฮึดฮัด! เขาไม่เคยโดนผู้หญิงเมินใส่ หล่อนเป็นคนแรกที่ทำท่ารังเกียจการแตะต้องจากเขา          “มีอะไรให้แอนนารับใช้ไหมคะ?” แอนนาถามเสียงสำรวม เธอก้มหน้าหลบแทบไม่ทัน ตอนที่สายตาขุ่นขวางตวัดผ่านมา          “ไม่...เช็คบิลได้เลย...”          ชายหนุ่มปฏิเสธเสียงห้วน เขายกผ้าเช็ดปากขึ้นซับรอยเปื้อนที่มุมปาก ทอดสายตาคมดุมองไปยังจุดที่ทิชายืนหลบอยู่ คาร์ลรีบเข้ามาจัดการเรื่องค่าอาหาร แม็กซิมัสดันตัวลุกขึ้นยืน เขาก้าวออกจากโต๊ะ มีลอร่าสอดมือคล้องแขนเขาและเดินเคียงกันออกไปด้านนอก ทิชาหันหลังให้ เธอเผลอตัวยกมือขึ้นปาดข้างแก้ม รู้สึกร้อนวูบวาบเหมือนเหตุการณ์บ้าๆ นั่นเพิ่งเกิดขึ้นเลย ชายหนุ่มคาดโทษแม่สาวเสิร์ฟร่างแคระในใจ...ในอนาคตไม่ไกลจากนี้แหละ เขาจะเปลี่ยนท่าทางรังเกียจของหล่อนให้จงได้ หลังลูกค้ากิตติมาศักดิ์เดินพ้นบริเวณร้านอาหาร ทิชาก็รีบเข้าไปจัดการเก็บโต๊ะ          “ขอบคุณนะแอนนา” หญิงสาวกระซิบขอบคุณเพื่อนร่วมงาน เมื่อแอนนาอาสาดูแลแม็กซิมัสและลอร่าแทนเธอ ทิชาวางหน้าไม่ถูก เธอไม่เคยถูก ‘จูบ’ ไม่ว่าจะผู้หญิงหรือผู้ชาย หญิงสาวเป็นคนหวงตัว มันเป็นนิสัยที่ติดตัวมา ดังนั้นเธอเลยปรับใจไม่ทัน แม้การถูกจูบครั้งนี้ มันจะมาจากความบังเอิญก็ตาม          “แค่จมูกชนแก้ม เขาไม่เรียกจูบหรอกมั้ง” ขณะที่ขมีขมันเก็บโต๊ะ เหตุการณ์ระทึกขวัญก็ย้อนมาให้ขบคิด เธอเผลอบ่นพึมพำออกมาแบบไม่รู้ตัว จนกระทั่งแอนนาร้องทัก ทิชาเลยเพิ่งรู้ เธอเผลอปูดความลับออกมาตอนเผลอนั่นเอง          “ใครจูบใครเหรอทีร่า?”          “ปะ เปล่า ไม่มีอะไร ฉันกำลังคิดถึงฉากละครที่ดูผ่านตาเมื่อคืนน่ะ” หญิงสาวแก้ตัวพัลวัน เลือดแล่นพล่าน รู้สึกร้อนวูบวาบไปทั้งใบหน้า          “ละครงั้นเหรอ มีฉากสวีทด้วยหรือไง?”          แอนนายังเกาะโต๊ะถามต่อ “อืม...” ทิชาพยักหน้ารับ เตรียมจะเผ่นแต่แอนนาไม่ยอม          “แบบไหนเหรอ มีจูบด้วยใช่ไหม?”          แววตาเพื่อนสาวระยิบระยับเหมือนกำลังอยู่ในห้วงฝัน          “ประมาณนั้นแหละ เพียงแต่...” ทิชากลั้นใจถามต่อเสียงตะกุกตะกักเลยทีเดียว          “แต่อะไรเหรอ?” แอนนาที่ดูเจนโลกกว่ารีบถามกลับ เธอรู้ดีประสบการณ์เรื่องรักๆ ใคร่ๆ ทิชานั่นแทบจะไร้เดียงสา          “คือ...” สาวเอเชียกลืนน้ำลายฝืดๆ “ไม่รู้ว่า การที่จมูกชนแก้ม เขาเรียกว่า...จูบหรือเปล่า?” ทิชาโพล่งถาม ผิวหน้าแดงก่ำลามไปถึงช่วงคอ          “ฮ่าๆ” แอนนาเงยหน้าหัวเราะร่วน เสียงหัวเราะของเพื่อนร่วมงาน พาลให้ทิชาพลอยหน้าเสียไปด้วย แอนนาหัวเราะจนเจ็บคอ กว่าจะยอมเฉลยคำตอบที่ทิชาถาม “แบบนั้นเขาเรียก...หอม ไม่ได้เรียกว่าจูบหรอกยะ ถ้าจูบน่ะ” แอนนาทำปากจู๋ประกอบคำพูด ริมฝีปากสีแดงสดยื่นออกมาข้างหน้า พร้อมทั้งพลิ้มเปลือกตาหลุบลง ก่อนจะพูดต่อ “มันต้องปากชนปาก แล้ว...ขยี้ๆ”          “พอเลยๆ ไม่ต้องแล้ว!!” ทิชาโบกมือห้ามพัลวัน เธอรีบยกจานใช้แล้วเดินหนีไปทางหลังร้าน ได้ยินเสียงหัวเราะของแอนนาตามหลังมาติดๆ            แม็กซิมัสไปส่งลอร่าถึงคฤหาสน์บาร์ว ก่อนจะปลีกตัวไปทำธุระต่อ คาร์ลชำเรืองมองเจ้านายที่นั่งเงียบอยู่ทางเบาะหลังรถยนต์ เจ้านายของเขามีสีหน้าไม่สู้ดีนัก แม็กซิมัสนั่งกอดอกนิ่งๆ เปลือกตาหลุบลงเหมือนกำลังใช้ความคิด เรียวปากสีเข้มขยับไปมาเหมือนกำลังพึมพำอะไรบางอย่าง สีหน้าวิตกกังวลจนคาร์ลเริ่มอยู่ไม่สุข เจ้านายไม่เคยมีทีท่าเช่นนี้ ไม่ว่าจะเรื่องงาน หรือเรื่องส่วนตัว          “คาร์ล ในอเมริกานี่มีผู้หญิงคนไหนไม่ชอบหน้ากูบ้างวะ?!”          การ์ดหนุ่มตอบโดยไม่ต้องคิด “ไม่มีครับ”          “นั่นสิวะ แล้วทำไมยัยนั่น” แม็กซิมัสลืมตา บ่นเสียงเซ็งสุดขีด          ท่าทีของทิชาหลังเขาถูกเนื้อต้องตัว แม่สาวเสิร์ฟร่างแคระแทบจะกระโจนหนี แถมหลังจากนั้นก็เอาแต่หลบหน้าหลบตา แบบนี้เท่ากับเป็นการเมินเขาแบบเจตนา          “ครับ” คาร์ลหมุนตัวมาถาม เขาได้ยินคำพูดเจ้านายไม่ชัด          “ไม่มีอะไร! ช่างเถอะ” มือแข็งแรงโบกไปมา หลุบเปลือกตาลงเหมือนเก่า แต่คิ้วเข้มก็ยังขมวดแน่น เมื่อมีสิ่งติดค้างที่ยากจะสลัดให้หลุด ในเมื่อยังไม่ได้ความกระจ่าง...   22:00 นาฬิกา          ทิชาเก็บอุปกรณ์ทำงาน เคลียร์โต๊ะ ทำความสะอาดพื้นจนเรียบร้อย เธอเดินคอห้อยเข้าไปเปลี่ยนชุดพนักงานเป็นชุดที่สวมมาจากบ้าน          “ทีร่า...” ประภายื่นหน้าผ่านช่องหน้าต่างมาตะโกนเรียก          “คะ” ทิชาเงยหน้ามอง         
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม