บทที่3.ต้อนแกะเข้าคอก...

1580 คำ
 “มารับสตางค์ค่าแรงเร็ว พี่ทำเสร็จพอดี” สาวไทยเจ้าของร้านยิ้มแฉ่ง          หญิงสาวสาวเท้าเดินไปยังห้องทำงานของเจ้าของร้าน เธอดันประตูเข้าไป แอนนาก็เดินสวนออกมาพอดี          ‘ฉันกลับก่อนนะ’ ทิชาอ่านปากเพื่อนได้ใจความแบบนั้น          เธอพยักหน้าให้เดินเข้าไปด้านในและยืนรอ เมื่อประภายังไม่เสร็จธุระ          ซองสีขาวประภายื่นส่งให้พนักงานคนขยัน หล่อนขยิบตาให้ หลังทิชาเปิดซองแล้วทำตาโต “พี่เพิ่มให้น่ะ จะได้ไม่ต้องหางานทำเพิ่ม แค่นี้เราก็ผอมแทบจะปลิวลมแล้วนะ นอนซะบ้าง เดี๋ยวป่วยไปจะยุ่ง” คำติติงผสมความห่วงใยที่เพื่อนมนุษย์มีให้กัน ประภารู้ดี ค่าครองชีพในอเมริกานั้นมันมหาโหดแค่ไหน ต่อให้ทิชาวิ่งทำงานพิเศษเพิ่มอีกสักที่ ค่าใช้จ่ายที่เป็นเงาตามตัวก็ไม่ทำให้รายได้ที่ได้รับเพียงพอสำหรับทิชาเลย          หญิงสาวยกมือพนมที่หว่างอก ก้มศีรษะชิดปลายนิ้ว พร้อมกับน้ำตาที่ซึมออกมาเพราะความตื้นตัน          “ขอบคุณนะคะ”          “ไม่เป็นไรหรอก ช่วยๆ กัน” ประภายกมือรับไหว้ เธอยิ้มให้สาวรุ่นน้อง          ซองเงินเดือนถูกยัดใส่กระเป๋ากางเกงยีนส์ “หนูกลับก่อนนะคะพี่แอ้ ง่วงนอนชะมัดยาด” ทิชาอ้าปากหาวประกอบคำพูด สองวันก่อน เธอทำงานหนัก แถมยังมีรายงานที่ต้องส่งจนต้องอยู่โยงจนถึงเช้ามา2คืนติดๆ วันนี้เลิกงานเร็วหน่อย รายงานก็เสร็จเรียบร้อย เธอมีเวลาพักถึงหกชั่วโมง เมื่อมีเรียนตอนสาย ช่วงเวลาแสนสุขนี่ ทิชาคงนอนให้เต็มอิ่ม สะสมไว้ในวันที่เธอจะไม่มีเวลานอนอีกครั้ง          “ทีร่า อย่าลืมแวะเอาข้าวกล่องกลับไปด้วยล่ะ”          สำหรับทิชาแล้ว ประภารักเหมือนน้องสาว เธอมีสิทธิพิเศษหลายอย่าง ในหนึ่งในนั้นคืออาหารที่ทิชาสามารถนำกลับไปกินที่หอพักได้ เป็นการช่วยลดค่าใช้จ่ายเรื่องกินให้หญิงสาวได้อย่างดีทีเดียว          “ค่ะ”          สาวเอเชียร่างเล็กเดินออกจากห้องทำงานของเจ้าของร้าน เธอไม่ลืมแวะเข้าไปในครัว เพื่อเอาข้าวกล่องที่ประภาสั่งสามีให้จัดไว้ให้ทิชา อเล็กยิ้มแฉ่งส่งกล่องอาหารให้พนักงานสาวที่เป็นเหมือนครอบครัวของเขาเช่นกัน เมื่อภรรยารักและห่วงหล่อน เขาที่เป็นสามีก็พลอยเป็นห่วงไปด้วย          “ขอบคุณค่ะ” ทิชายัดกล่องข้าวใส่เป้สะพายหลัง เดินเลยไปหลังร้าน เพื่อจูงจักรยานคันเก่งออกมาจากตรงนั้น เธอโบกมือให้อเล็กที่ยื่นหน้าออกมามองดู หญิงสาวปั่นจักรยานกลับไปทางเดิม ด้วยความรู้สึกเต็มตื้น เธอไม่ได้เดียวดายในมหานครใหญ่อย่างนิวยอร์ค ยังมีเพื่อน มีพี่ และคนที่ห่วงใยอยู่ข้างหลัง          เช้าวันใหม่อากาศยามเช้าก็ยังสดชื่นไม่ต่างกับวันก่อน...ทิชาปั่นจักรยานเอื่อยๆ ไปตามเส้นทางที่มีไว้ให้จักรยานเท่านั้นที่ใช้สัญจร อีกไม่เกิน800เมตรก็จะถึงมหาวิทยาลัย’ แต่สัญญาณจราจรเปลี่ยนปุบปับ จากไฟเขียว เป็นไฟเหลือง ทิชาจึงชลอความเร็วและจอดสนิทเมื่อสัญญาณจราจรขึ้นสีแดงพอดี          ในรถยนต์คันหรู แม็กซิมัสกำลังนั่งเพ่งจอแล็บท็อปในมือ อารมณ์ที่สงบนิ่งเริ่มเดือดปุดๆ สาเหตุเพราะข่าวซุบซิบของตนเองนั่นเอง ภาพกรอบเล็กๆ ขึ้นโชว์หรา ภาพที่เขากำลังคล้องสร้อยเพชรระย้าน้ำงามนั่นให้กับลอร่า แต่ดันมีมือดีเก็บภาพนั้นไว้ได้ แม็กซิมัสไม่ได้สนเรื่องการเป็นข่าว แต่เขารู้สึกถึงการคุกคามความเป็นส่วนตัว          เป็นไปไม่ได้เลยที่ห้อง VIP จะมีปาปารัสซีหลุดรอดเข้าไปได้          มันแสดงให้เขารู้ มีคนในบางคนที่ทำตัวเป็นหนอนบ่อนไส้เก็บความลับที่เขายังไม่พร้อมจะเปิดเผยให้คนนอกรู้ก่อนเวลาอันควร          “คาร์ล” เสียงเข้มๆ ร้องเรียกลูกน้องคนสนิท          “ครับ”          “สืบให้หน่อยใครที่เป็นคนปล่อยภาพชุดนี้”          ถึงเขาจะกำลังควงกับลอร่า แต่ก็ไม่ได้หมายความถึงความพิเศษนอกเหนือคนอื่น ยังมีบรรดาสาวๆ อีกหลายคนที่แม็กซิมัสสนิทสนมด้วย          “ครับ” คาร์ลรับคำ          “เอะ!” เสียงอุทานของเจ้านายทำให้คาร์ลเหลียวมามองซ้ำ เขาจึงได้เห็นสิ่งเดียวกับที่แม็กซิมัสกำลังมอง          ใครบางคนนั่งคร่อมอานรถจักรยาน หล่อนไม่ได้เหลือบแลมาทางรถยนต์ สายตาของหล่อนมองป้ายไฟจราจรตาเขม็ง          ทิชา แม่สาวเสิร์ฟร่างแคระที่เจอเมื่อคืนก่อน คาร์ลรู้สึกได้เอง เจ้านายของเขากำลังสนใจหล่อนเป็นพิเศษ          ก่อนที่ใครจะทันได้คิด ประตูด้านที่แม็กซิมัสนั่งก็เปิดผ่าง!          กรอบประตูกระแทกจักรยานที่จอดนิ่งๆ และมันเป็นเหตุสุดวิสัยเมื่อคนปั่นจักรยานคันนั้นไม่ได้ปักหลักให้แน่นหนาอะไรเลย หล่อนคร่อมจักรยาน ใช้ขาดันพื้นไว้เฉยๆ รถจักรยานคันเก่าๆ จึงเอียงกระเท่เล่ และล้มลงไปบนพื้นในที่สุด          “โอ้ย!”          เหล็กบางๆ แต่แรงกระแทกไม่เบาสักนิด ทำให้ทิชาเจ็บตัวไม่น้อย          หลังตั้งสติได้ หญิงสาวดันจักรยานที่ล้มทับตัวไว้ขึ้น พยุงตัวลุกขึ้นยืนอย่างทุลักทุเล เจ็บแปลบที่หัวเข่า เมื่อก้มมองจึงเห็นรอยแผลถลอกที่มีเลือดซึมออกมาตรงหัวเข่า เนื่องจากกางเกงยีนส์ช่วงนั้นมีรอยขาด เนื้อของเธอจึงเสียดสีกับผิวคอนกรีตของท้องถนนจนเกิดรอยแผลที่มาพร้อมเลือด          “คุณเปิดประตูไม่ดูตาม้าตาเรือเลยนะ!”          เสียงแหวแหลมปรี๊ด! ใบหน้าเล็กๆ แดงก่ำ ทิชาเขย่าประตูด้านข้าง ตำแหน่งที่คนในรถยนต์คันนั้นเปิดออกมาจนทำให้เธอเจ็บตัว          มุมปากสีเข้มมีรอยยิ้มเยาะ เขาเตรียมจะเปิดประตูลงไปเจรจา แต่สัญญาณไฟจราจรเปลี่ยนเป็นสีเขียวเสียก่อน          ทิชากัดฟันกรอดๆ มองตามท้ายรถจนต์หรูที่ทำให้ตนเองเจ็บตัวด้วยสายตาขึ้งโกรธ          เธอเข็นจักรยานเข้าแอบชิดริมถนน “ขับรถแพ๊งแพง แต่ไม่มีน้ำใจเลย!! คนอะไรวะ” หญิงสาวทิ้งตัวลงนั่ง สูดปากเบาๆ เมื่อแผลสดที่เกิดขึ้นตอนที่ขยับตัวมันจึงส่งผลให้เกิดอาการเจ็บ “อูยยย ซวยอะไรแต่เช้าเลยฉัน!”          ทิชาควานหาผ้าเช็ดหน้าจากกระเป๋าเป้สะพายหลัง เธอใช้ผ้าชุ่มน้ำแตะเบาๆ กับรอยแผลเพื่อทำความสะอาดและซับเลือดที่ไหลซึมออกมา “ซี๊ดดดดด เจ็บเหมือนกันแฮะ!” หญิงสาวบ่นพึมพำ สนใจแต่ตัวเอง ไม่ได้สนใจการเปลี่ยนแปลงรอบตัว          เงาดำๆ บังแสงแดดยามสาย ทิชาเหลือบตามองปลายรองเท้าหนังดำเป็นมันตรงหน้า          เธอกำลังจะเงยหน้ามอง แต่...ใครก็ไม่รู้รั้งให้เธอยืนขึ้น โดยไม่ได้สนเลยว่าเธออยู่ในสภาพไม่พร้อมแค่ไหน!! จน ทิชาแทบกระเด็นจักรยานเจ้ากรรมที่พิงไว้หมิ่นๆ ล้มโครมลงไปอีกครั้ง หญิงสาวผวา! เธอเขย่งปลายเท้าเลยทำท่าจะล้มลงไปบนพื้นอีกครั้ง ในขณะที่คน คนนั้นเร็วมากพอที่จะตวัดวงแขนล่ำสันรัดร่างของเธอเอาไว้ได้ทัน ก่อนที่เธอจะล้มหน้าคมำลงไปบนพื้นคอนกรีตซ้ำ วงหน้าเล็กๆ เอนซบแผ่นอกกว้าง มือใหญ่โอบรัดอยู่ที่รอบเอวของเธออย่างวิสาสะ ทิชาย่นปลายจมูก กลิ่นอาฟเตอเชฟเข้มข้นโชยอยู่รอบคนตัวใหญ่ มันมีกลิ่นความแข็งแกร่งและแฝงไว้ด้วยความเซ็กซี่ที่ทำให้ทิชารู้สึกมึนเมาอย่างไม่มีเหตุผล หญิงสาวเงยหน้ามองคนโอบ ตาพร่าไปชั่วขณะ เมื่อใบหน้าคมเข้มนั่นก้มต่ำลงมา และกำลังจ้องมองมาที่เธอเช่นกัน “เธอนี่ ทั้งโง่! แล้วก็ซุ่มซ่ามวายร้าย” เสียงติดดุบ่นเบาๆ ทิชาชักฉุน เธอนั่งอยู่ดีๆ เขาต่างหากที่เดินเข้ามาฉุดกระชากเธอ ทำให้เธอเจ็บตัวมากขึ้น ที่สำคัญเขาเป็นใครมีสิทธิ์อะไรมาตำหนิเธอ “ฉันไม่ได้โง่ค่ะ คุณลองคิดดีๆ ใครกันแน่ที่โง่” หญิงสาวเถียงเสียงขุ่น ยกมือดันแผ่นอกหนาหนั่นตรงหน้า พยายามขืนตัวออกห่าง แต่คนตัวใหญ่ไม่ยอม แม็กซิมัสเกร็งตัวกดมือกับสะโพกของทิชาหนักขึ้น เขาแสยะยิ้ม พร้อมทั้งโน้มใบหน้าลงมาอีกนิด จนปลายจมูกของเขาเกือบชนหน้าผากของเธอ “ผมก็ไม่ใช่คนโง่ คนที่เซ่อน่ะคือเธอยัยตัวเล็ก!” “เอะ!” ทิชามองแม็กซิมัสตาขวาง เธอกัดริมฝีปากล่างแรงๆ แต่คนบ้าที่แข็งแรงกว่ายื่นปลายนิ้วมากดริมฝีปากเธอไว้ แถมยังเกลี่ยปลายนิ้วไปมาบนริมฝีปากของเธอจนเธอรู้สึกแปลกๆ “ที่ดีที่สุดในตัวเธอก็คงเป็นปากนี่แหละ จะกัดปากทำไม ช้ำพอดี” สายตาอ่อนเชื่อมมองที่กลีบปากอิ่ม เขากดปลายนิ้วแรงขึ้นจนทิชาเลิกกัดปากตนเองในที่สุด หล่อนโก่งตัวจนแผ่นหลังแอ่น การที่หล่อนทำแบบนั้นเพราะอยากให้ใบหน้าตนเองขยับห่างจากหน้าของเขา แต่กลับเป็นการดันส่วนอื่นให้แนบชิดกับแผ่นอกเขามากขึ้น แม็กซิมัสสัมผัสได้ถึงความนุ่มหยุ่นใต้เสื้อยืดแขนยาวสีน้ำตาลไหม้ เนินอกขนาดไม่เล็กเลยหากเทียบกับขนาดเรือนกาย ทรวงอกแตกผลินั่น ใหญ่จนเขาอยากสัมผัสด้วยมือตนเอง
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม