ไม่! ข้าวหอมรีบวิ่งไปหยิบกระเป๋าถือ คว้าโทรศัพท์และกุญแจรถได้ ก็ลิ่วไปขึ้นรถและขับออกไปทันที ไม่สนใจเสียงเรียกให้จอดและใบหน้าบึ้งตึงขึ้งโกรธยิ่งกว่าเดิมของคนเป็นพี่ชายจอมเผด็จการสักนิด...
ข้าวหอมขับรถออกมาจากบ้านราวๆ ยี่สิบนาทีก็มาจอดที่ลานจอดรถในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง จากนั้นก็เดินเข้ามาหาที่นั่งในร้านอาหารที่มีกาแฟสดรสชาติดีจำหน่ายด้วย แต่ยังไม่ทันจะได้สั่งอะไรกิน เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นเสียก่อน
“มีอะไรคะ”
“กลับบ้านเดี๋ยวนี้นะยัยตัวแสบ” เสียงที่ดังออกมาจากโทรศัพท์บ่งบอกได้ดีว่าเจ้าตัวปวดหัวกับพฤติกรรมของเธอมากแค่ไหน
“ไม่เอา เรื่องอะไรจะกลับ กลับไปก็โดนตีโดยไม่มีเหตุผล”
“พี่ไม่ตีเราแล้ว รีบกลับบ้านมาเถอะตัวเล็ก ออกไปไหนคนเดียวแบบนั้นได้ยังไง เดี๋ยวก็ไปมีเรื่องกับนักข่าวอีก”
“ไม่ค่ะ ข้าวไม่กลับ ข้าวจะเดินเล่น จะชอปปิงให้เงินหมดไปเล้ยยย!”
“พี่เป็นห่วงเรานะ ยังไม่กลับก็ตามใจ แต่อย่าอยู่จนมืดล่ะ”
เสียงอ่อนโยนของเขาทำเอาคนที่ตั้งใจว่าจะดื้อให้ถึงที่สุดน้ำตาซึม สุดท้ายแล้วพี่ฟิวก็ใจดีเหมือนเดิม
“งั้น...ข้าวกลับก็ได้ค่ะ แต่พี่ฟิวมารับข้าวได้ไหมคะ ข้าวขี้เกียจขับรถ”
“ได้สิ เอ๊ย ไม่ได้ๆ เกือบลืมแน่ะ พี่ต้องไปคุยงาน”
ถ้อยคำของเขาทำเอาข้าวหอมหน้าบึ้ง
“คุยงานอะไรอีกแล้ว ก็ไหนว่าจะมา!”
“อย่าโวยวายสิ งานถ่ายแบบของเรานั่นแหละ ลูกค้าเขาติดต่อมา จะไปคุยรายละเอียดก่อน จะได้ไม่พลาดเหมือนคราวนั้น”
เข็มทิศหมายถึงรอบที่ผ่านมา ที่รับงานถ่ายแบบชุดว่ายน้ำแบบสปอร์ตบราไว้ให้ข้าวหอม แต่พอไปถึงสถานที่กลับกลายเป็นว่าดีลกันไม่ดี สื่อสารไม่ชัดเจน ทีมงานพวกนั้นต้องการให้ข้าวหอมถ่ายเปลือยวาบหวิวต่างหาก เข็มทิศจึงไม่อยากรับงานง่ายๆ แม้จะได้รับการติดต่อมาจากคนที่รู้จักมักคุ้นกันแค่ไหนก็ตาม รอบนี้เลยจะไปคุยกันให้แน่นอนก่อน
“น่าเบื่อ ข้าวไม่ชอบถ่ายแบบ ข้าวชอบเล่นละครมากกว่า”
“เถอะน่า มีงานทำก็ดีแล้ว”
“งั้น ข้าวรออยู่นี่ เสร็จแล้วพี่ฟิวมารับข้าวนะคะ”
“ไม่ได้ น่าจะนาน เรากลับเองน่ะดีแล้ว ระวังตัวด้วย”
“ใจร้าย นิสัยไม่ดี”
“อย่างอแง”
พูดจบเข็มทิศก็วางสายไปทันที ทิ้งให้ข้าวหอมนั่งหงุดหงิดด้วยอาการกระเง้ากระงอด โดยที่สาวน้อยไม่ได้รู้ตัวเลยว่า เธอกำลังทำให้คนที่นั่งโต๊ะติดกันหงุดหงิดเช่นกัน ก็นั่งหันหลังใส่กันเลยไม่รู้ว่าการกระทำของตนจะไปสร้างความไม่พอใจให้ใคร
เสียงงุ้งๆ ที่ดังอยู่ข้างหลัง ทำเอาคนที่กำลังจะยกกาแฟขึ้นจิบหยุดชะงักมือโดยพลัน ที่จริงเขาไม่ได้มีปัญหากับการได้ยินเสียงรบกวน แต่เจ้าหล่อนที่กำลังคุยตัดพ้อใครบางคนผ่านโทรศัพท์นั่นน่ารำคาญเสียเหลือเกิน ที่จริงเจ้าหล่อนเหมือนเลิกคุยไปรอบแล้วนะ แต่คงจะโทรไปโวยวายใส่กันใหม่ เพราะผ่านไปไม่ถึงห้านาทีเขาก็ได้ยินถ้อยคำเดิมๆ ซ้ำซาก
“ไม่เอา ข้าวไม่กลับ ถ้าไม่มารับ ข้าวก็ไม่กลับ”
“ข้าวไม่เชื่อ ไม่เชื่อๆ ทุกที ชอบหลอกข้าว ใจร้าย ข้าวไม่เชื่ออีกแล้ว”
“ไม่!”
“ไม่!”
“ไม่เอา!”
จบคำสุดท้าย แล้วก็เงียบเสียงไป
อา หุบปากได้สักที เขาเกือบเดินไปตบกบาลแล้วเมื่อกี้ ไม่ติดว่าต้องรอใครบางคนที่ตอนนี้ผ่านไปสิบนาทีแล้วก็ยังมาไม่ถึงล่ะก็ สถานที่นี้ต้องพังกันไปข้าง โทษฐานทำให้เขาเกิดความหงุดหงิดไม่พึงพอใจ
ที่แท้ก็งอนผัว ยัยเด็กใจแตก!
แต่ก่อนที่จะได้บ่นในใจต่อ โทรศัพท์เขาก็มีข้อความเข้า เนื้อความสั้นๆ นั้นบอกว่ามาไม่ได้แล้ว ติดธุระด่วน ทำเอาคนไม่เคยต้องมานั่งรอสาวคนไหนเริ่มอารมณ์ขึ้น ส่งสายตามองหาบอดี้การ์ด ก่อนจะพยักหน้าบอกให้รู้ว่า เขาจะไม่เสียเวลานั่งอยู่ตรงนี้อีกแล้ว
บริรักษ์จัดการอะไรต่างๆ ได้รวดเร็วทันใจเสมอ แต่พอเขาเดินออกมาจากร้านกาแฟนั้นได้ ก็เจอกับคนที่ยืนกดโทรศัพท์ขวางทาง ที่จริงจะเดินหลีกหลบกันก็ได้ แต่ไม่! ยัยนี่คือคนเมื่อกี้ที่รบกวนความสงบของเขา
สิ่งที่ชายหนุ่มทำจึงเป็นการเดินเข้าไปใกล้จนชิด เพื่อให้เจ้าหล่อนเงยหน้าขึ้นมาจากหน้าจอพร้อมกับหลบหลีกทางให้เขา
และก็ได้ผล คนตัวเล็กในชุดสุดเปรี้ยวเงยหน้าขึ้นมามองด้วยใบหน้าบูดบึ้ง ก่อนจะตาโตในเวลาต่อมา
“คุณนั่นเอง! มาเดินเล่นเหรอคะ” ข้าวหอมไม่อยากจะเชื่อสายตาว่าตัวเองจะได้เจอกับผู้ชายคนเมื่อคืน เจ้าพ่อมาเฟียหรือเจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้อะไรเทือกนั้น
“เธอเป็นใคร”
ให้ตายเถอะ เขาจำคนที่เขาบีบก้นกับบีบนมเมื่อคืนไม่ได้ ไอ้ผู้ชายไม่มีน้ำยาเอ๊ย!
“ข้าวไงคะ ข้าวหอมเอง”
“ฉันไม่ได้รู้จักเธอ”
“พี่โอ๊ตจำข้าวไม่ได้จริงๆ เหรอ” น่าแปลกที่อยู่ๆ ข้าวหอมก็รู้สึกสนุกกับการได้ต่อปากต่อคำกับเขา แม้จะแอบกลัวนิดหน่อยกับรูปลักษณ์มาเฟียที่พ่อคุณมีคนเดินตามเป็นโขยงก็เถอะ
“หยุดเรียกฉันแบบนั้นซะที ถ้าไม่อยากตาย”
“ก็ข้าวถามชื่อแล้วคุณไม่บอกนี่ จะให้ข้าวทำยังไงล่ะคะ”
อีกฝ่ายไม่ตอบ แต่กลับจ้องเธอนิ่ง ก่อนจะหันไปหาบอดี้การ์ดคู่ใจ