บัวชมพูเดินพยุงอธิปเข้ามาหยุดอยู่ในห้องโถง ส่งรอยยิ้มหวานไปให้แม่สามีกับแม่บ้านใหญ่ เห็นรอยยิ้มแปลกๆ ของทั้งสอง เธอก็ยิ่งรู้สึกไม่ดี ไม่รู้บัวผันมาพูดอะไรหรือเปล่า คงไม่ได้เอาเรื่องน่าอายที่อธิปแกล้งเธอมาเล่าให้คนแก่ๆ ฟังหรอกนะ
“มีอะไรหรือค่ะคุณแม่ ป้าพลับพลึง ทำไมมองหน้าเหมียวแบบนั้น”
“เปล่าหรอกจ้ะหนูเหมียว” คุณขวัญฤดีตอบ
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ ป้ากับคุณท่านกำลังคุยเรื่องละครที่ฉายเมื่อคืนนะคะคุณเหมียว” นางพลับพลึงอธิบายพลางหัวเราะกับสีหน้าของเจ้านายสาวคนใหม่ของตระกูลเลิศภาณิชย์
บัวชมพูมองแม่สามีกับแม่บ้านใหญ่อย่างไม่ค่อยเชื่อใจนัก สีหน้า ท่าทางและคำพูดดูสวนทางกันมากเลยไม่ใช่หรือ?
‘อีแบบนี้ ไม่ต้องสงสัยเลย ยัยสาวใช้ปากสว่างนั่น คงเอาเรื่องที่เธอถูกแกล้งมาเล่าให้คุณแม่กับป้าพลับพลึงฟังแน่ ไอ้เสียงที่คุณเสือทำก็ชวนให้คิดลึกเสียด้วย เวรกรรมจริงๆ เลย ให้ตายสิ!’
“ยัยสาวใช้ของคุณคงเอาเรื่องที่ได้ยินมาเล่าให้คุณแม่กับป้าพลับพลึงแน่เลยคุณเสือ ไม่งั้นพวกท่านคงไม่มองคุณกับฉันด้วยสายตาเจ้าเล่ห์แบบนั้น เพราะคุณคนเดียว ทุกคนถึงได้เข้าใจผิดกันไปหมด”
บัวชมพูหันมาตำหนิคนสร้างเรื่องทั้งหมดอย่างโมโห แต่ก็พยุงร่างสูงเดินไปนั่งบนโซฟาตัวที่ว่างอยู่
“เดี๋ยวป้าไปนำข้าวต้มมาให้นะคะคุณเสือ”
นางพลับพลึงเอ่ยขึ้น ลุกเดินออกมาจากห้องโถงไปนำข้าวต้มที่นางเตรียมเอาไว้ให้เจ้านายหนุ่ม
“นั่งลงตรงนี้นะคุณเสือ นั่งดีๆ ล่ะ” หญิงสาวเตือนแกมสั่ง
“ขอบคุณนะหนูเหมียว” อธิปเอ่ยขอบคุณบัวชมพู
“อืมม์” บัวชมพูพยักหน้าตอบ
“แล้วอาการเป็นยังไงบ้างตาเสือ ดีขึ้นหรือยัง” คุณขวัญฤดีถามอย่างเป็นห่วง พลางสังเกตท่าทางของบุตรชายกับลูกสะใภ้ไปด้วย
ท่านก็ไม่เห็นมีอะไรแปลกไป
“ดีขึ้นแล้วครับคุณแม่” อธิปตอบมารดา
“คุณแม่ค่ะ คุณเสือจะเข้ารับการผ่าตัดอีกครั้งเมื่อไรค่ะ” บัวชมพูถามในสิ่งที่เธออยากรู้ เพราะอธิปเอาแต่ทำหน้าเศร้า พยายามขอคำสัญญาจากเธอ
“อีกสามเดือนจ้ะหนูเหมียว ช่วงนี้คุณหมอบอกให้ตาเสือพักผ่อน ดูแลตัวเองให้ดีๆ อย่าเครียด พยายามทำให้ร่างกายผ่อนคลายให้มากที่สุด เพื่อที่การผ่าตัดจะผ่านไปได้ด้วยดี” ท่านบอกเสียงอบอุ่น
“ก็ไม่นานแล้วนิค่ะคุณแม่”
“หนูเหมียวถามแม่ทำไมหรือลูก เป็นห่วงพี่เค้าหรือจ้ะ” คุณขวัญฤดีเงยหน้าขึ้นถามลูกสะใภ้อย่างอ่อนโยน
“หนูเหมียวก็ต้องเป็นห่วงผมอยู่แล้วครับคุณแม่” อธิปตอบแทนบัวชมพู ความรู้สึกเขาบอกว่าสาวน้อยคนนี้เป็นห่วงเขา ถึงไม่มากอย่างที่คิดแต่ก็ดีกว่าไม่เป็นห่วงเลย
“แม่ดีใจนะที่ลูกสองคนเข้ากันได้ ชีวิตคู่จากนี้ไปคงมีแต่ความสุข”
คุณขวีญฤดีเอ่ยขึ้น ถึงการแต่งงานของทั้งคู่ดูไม่เหมือนคู่อื่นๆ ก็เถอะ ท่านเชื่อว่าสวรรค์คงไม่ทอดทิ้งคนดี และสิ่งที่เกิดขึ้นกับครอบครัวของท่านถือเป็นการยืนยันได้ดีที่สุด
บัวชมพูทำหน้าปูเลี่ยนเมื่อเจอกับพูดของมารดาอธิป พูดมาได้ยังไงว่าให้เธอกับลูกชายของท่านมีความสุข เธอไม่ได้อยากแต่งงานเสียหน่อย แต่ดวงเธอดันไม่ดีเองที่ไปอยู่ในโรงแรม ณ เวลานั้น
ตอนนี้ก็พยายามหาทางให้ชายหนุ่มยอมเซ็นต์ใบหย่าให้เธออยู่
อธิปยิ้มกับคำอวยพรของมารดา เขาทบทวนความรู้สึกของตัวเองมาตลอดหนึ่งเดือน เขามั่นใจว่าไม่ได้รักพรทิพา
และ...
ยิ่งมั่นใจอีกว่าเขาสามารถรักบัวชมพูได้!
เพียงแต่ไม่มั่นใจว่าหญิงสาวจะยอมให้โอกาสเขาหรือเปล่า? แต่มันไม่ใช่อุปสรรคที่ยากเย็นอะไรเลย หากทำให้บัวชมพูรับรักเขา
*********
คุณขวัญฤดีนั่งคุยกับบุตรชายและลูกสะใภ้ได้เกือบสิบห้านาที นางพลับพลึงก็ถือถาดข้าวต้มเดินเข้ามาในห้องโถงด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มแห่งความสุข
สายตามองไปยังเจ้านายหนุ่มกับภรรยาซึ่งขณะนี้กำลังซุบซิบอะไรกัน นางก็ไม่อาจทราบได้ แต่สีหน้าที่ระบายไปด้วยรอยยิ้มของผู้เป็นนายหนุ่ม ยืนยันได้เป็นอย่างดีว่ามีความสุขแค่ไหน
ชบาเดินถือถาดขนมและน้ำผลไม้ตามหลังมารดาเข้ามาในห้องโถง ตาก็พิจารณาภรรยาของเจ้านายหนุ่มเพราะน่ารัก นิสัยดีแบบนี้นี่เอง คุณท่านทั้งสองถึงได้รักนักรักหนา
ถึงขนาดประกาศออกมาว่าสะใภ้ของตระกูลเลิศภาณิชย์ต้องเป็นคุณบัวคุณชมพู บวรนันท์ ไม่ใช่ คุณพรทิพา สิริกร ถึงหน้าตาเหมือนกันก็จริง แต่นิสัยต่างกันสุดขั้ว
‘นับเป็นความโชคดีของคุณเสือจริงๆ เล้ย...ที่ได้คุณเหมียวมาเป็นเมียแทนที่จะเป็นคุณพลอย’
“ขนมและน้ำผลไม้มาแล้วค่ะ”
“ขอบใจจ้ะชบา” บัวชมพูหันมาบอกแล้วรับน้ำผลไม้จากมือของชบา ก่อนวางลงบนโต๊ะแล้วรับถ้วยใส่ขนมสีสันน่าทานเอาไว้ตรงหน้า
“ไม่เป็นไรค่ะคุณเหมียว ชบายินดีรับใช้คุณเหมียวเสมอ”
ชบาตอบแล้วยิ้มกว้าง ก่อนขยับเข้าไปข้างเจ้านายหนุ่ม หน้าที่ต่อไปของเธอคือต้องป้อนอาหารให้ผู้เป็นนายในช่วงที่ตายังไม่หายเป็นปกติ
“ไม่เป็นไรหรอกชบา เดี๋ยวคุณเหมียวจะเป็นคนป้อนฉันเอง”
อธิปบอกสาวใช้ ภายในบ้านนี้มีแต่ชบา กานดาแล้ววารินนี่แหละที่เชื่อใจให้ดูแลเขาได้ มีเพียงยัยหลานสาวตัวแสบของแม่บ้านใหญ่ควรถอยให้ห่าง รอให้หายดีก่อนเถอะ เขาต้องเอาคืนให้สาสม
บัวชมพูเหลือบมองอธิปตาเขียวปั๊ด อะไรกันนักกันหนา ใช้เธออย่างกับทาส รอให้หายเป็นปกติเสียก่อน เธอต้องเอาคืนเขาแน่
“อย่างที่คุณเสือบอกนั่นแหละจ้ะชบา เดี๋ยวฉันดูแลคุณเสือเอง”
“ค่ะคุณเหมียว” ชบาพยักหน้าตอบ
“แม่ว่าหนูเหมียวย้ายเข้ามาอยู่ที่นี่ดีไหมลูก” คุณขวัญฤดีพูดขึ้น เมื่อเห็นการดูแลเอาใจใส่บุตรชายของลูกสะใภ้ การให้ทั้งสองมาอยู่ด้วยกัน อาจทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งสองพัฒนาขึ้นก็ได้
“ช่วงนี้เหมียวงานยุ่งนะคะคุณแม่ เหมียวคงมาอยู่ที่นี่ไม่ได้”
เรื่องอะไรที่เธอต้องมาอยู่ที่นี่ด้วย ทั้งที่กำลังพยายามหาทางให้บุตรชายของท่านเซ็นต์ใบหย่าให้เธออยู่ ถ้าเข้ามาอยู่ที่นี่ แทนที่จะได้ใบหย่า เธออาจพลาดท่าจนต้องใช้ชีวิตคู่กับอธิปจริงๆ ก็ได้
“ผมคิดจะไปอยู่กับเหมียวนะครับคุณแม่” อธิปเอ่ยขึ้นเมื่อกลืนข้าวต้มคำสุดท้ายที่บัวชมพูป้อนให้ เขาคิดดีแล้ว ถ้าหญิงสาวไม่ยอมมาอยู่ที่คฤหาสน์เลิศภาณิชย์ เขาก็เก็บเสื้อผ้าไปอยู่ที่คอนโดฯ ของเธอก็ได้
“นั่นสิ แม่ลืมนึกถึงเรื่องนี้ไปเลย ถ้าหนูเหมียวยังมาอยู่ที่นี่ไม่ได้ ก็ให้ตาเสือไปอยู่กับหนูเหมียวที่คอนโดฯ ก็ได้นิจ้ะ”
“ใช่แล้วครับคุณแม่ ชบาขึ้นไปเก็บเสื้อใส่กระเป๋าให้ฉันด้วยนะ”
“ค่ะคุณเสือ ชบาจะรีบไปจัดการให้เดี๋ยวนี้เลยค่ะ” ชบาบอกแล้วรีบไปทำตามคำสั่งของเจ้านายหนุ่มทันที
“ฉันว่าคุณอยู่ที่นี่ไม่ดีกว่าเหรอ มีสาวใช้คอยดูแลอยู่ใกล้ๆ ฉันว่าคุณน่าจะสะดวกกว่าไปอยู่กับฉัน” บัวชมพูหันมาบอกเสียงเข้ม นึกโมโหกับสิ่งที่อธิปทำอยู่ ทำไมเขาถึงไม่ปรึกษาเธอก่อน เรื่องที่จะไปอยู่คอนโดฯ กับเธอ
“เห็นเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อเช้ากับฉันแล้วใช่ไหมหนูเหมียว หรือหนูเหมียวอยากให้ฉันพลาดท่าเสียทีบัวผันอีกเป็นครั้งที่สอง”
“เอ่อ...” บัวชมพูถึงกับอึ้ง หน้าแดงก่ำกับเรื่องที่อธิปกระซิบบอก
“อย่าลืมนะว่าตอนนี้หนูเหมียวเป็นเมียฉัน หรือหนูเหมียวอยากให้ฉันมีเมียเพิ่มมาอีกคน ถ้ายังไม่หย่ากัน ฉันคิดว่าหนูเหมียวควรรักษาสิทธิ์ของตัวเองบ้างนะ”
“นั่นสินะ ที่คุณพูดมามันก็ถูก เอาอย่างนั้นก็ได้ คุณไปพักอยู่กับฉันที่คอนโดฯ ก็แล้วกัน เสาร์- อาทิตย์ค่อยกลับมานอนที่นี่ แต่วันจันทร์กับอังคาร คุณต้องไปนอนบ้านคุณพ่อคุณแม่ของฉัน”
บัวชมพูสรุปให้อธิปฟัง ก่อนหันมายิ้มให้กับแม่สามี ซึ่งตอนนี้นั่งมองเธอกับอธิปแล้วก็ส่งยิ้มแปลกๆ มาให้
“แม่ว่าเป็นก็ดีนะ เปลี่ยนบรรยากาศเสียบ้าง สุขภาพร่างกาย สุขภาพจิตของลูกจะได้ดีขึ้น อีกสามเดือนก็ต้องเข้ารับการผ่าตัดแล้ว”
“ใช่แล้วค่ะ ป้าเห็นด้วยกับคุณท่านนะคะคุณเหมียว ช่วงนี้บรรยากาศในบ้านก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่”
นางพลับพลึงนึกไปถึงสิ่งที่หลานสาวพูดก่อนหน้านี้ นางรู้สึกกังวล กลัวว่าบัวผันจะก่อเรื่อง แต่ตอนนี้นางรู้สึกโล่งใจ ที่เจ้านายหนุ่มตัดสินใจไปพักอยู่กับคุณเหมียวที่คอนโดฯ
บัวชมพูนั่งหน้าเครียด คิดทบทวนเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดในวันนี้ ถ้าเกิดปล่อยให้อธิปอยู่ที่นี่ บัวผันอาจก่อเรื่องขึ้นมาอีก
สิ่งที่อธิปพูดก็ถูกต้องเกือบทั้งหมด ตอนนี้เธอกับเขาแต่งงานกันแล้วแถมยังจดทะเบียนสมรสกันอีก
ไม่ว่าการแต่งงานด้วยเหตุผลใด!
เธอก็กลายเป็นสะใภ้ของตระกูลเลิศภาณิชย์แล้วจริงๆ...
ดังนั้นเธอควรรักษาสิทธิ์ที่ควรได้เอาไว้ก่อน จนกว่าอธิปจะยอมเซ็นใบหย่าให้ หลังจากนั้นเขาจะไปทำอะไรของเป็นเรื่องของเขาไม่เกี่ยวกับเธออีก
“เอาตามนั้นก็ได้ค่ะคุณแม่”
บัวชมพูตอบรับคำพูดของแม่สามีในที่สุด พลางเหลือบมองเจ้าของร่างสูง ที่นั่งยิ้มอารมณ์ดีอยู่อย่างหมั่นไส้
เสียงหัวเราะภายในห้องโถงยังดังเป็นระยะ จนคนที่แอบมองอยู่ไม่ไกล กำหมัดแน่น เม้มริมฝีปากเข้าหากันอย่างแค้นใจ ถ้าวันนี้ผู้หญิงคนนั้นไม่มา แผนที่วางเอาไว้คงสำเร็จไปแล้ว
“ฉันไม่ยอมแพ้เพราะอุปสรรคเพียงแค่นี้หรอก ถึงตอนนี้ตำแหน่งสะใภ้ของเลิศภาณิชย์เป็นของแก แต่สักวันหนึ่งมันต้องเป็นของฉัน”
บัวผันพึมพำออกมา มองศัตรูความรักอย่างความเกลียดชัง สักวันโอกาสต้องกลับมาเป็นของเธอ
*******