นางพลับพลึงทำหน้ายุ่งมองหลานสาวอย่างสงสัย วันนี้เกิดอะไรขึ้นกับมันอีกล่ะ ผีเข้าผีออกตลอด นางคิดถูกแล้วแน่หรือที่พาหลานสาวคนนี้เข้ามาทำงานในคฤหาสน์เลิศภาณิชย์
“ทำไมถึงคงเพิ่งมาล่ะพลับพลึง” คุณขวัญฤดีถามแม่บ้านใหญ่ด้วยรอยยิ้มอบอุ่นเช่นกัน
“อิฉันเอาขนมที่คุณเหมียวนำมาฝากไปเก็บไว้ในครัวนะคะคุณท่าน ว่าแต่เกิดอะไรขึ้นหรือค่ะคุณท่าน อิฉันเห็นนังบัวผันมันวิ่งหน้าตื่นออกไปเมื่อกี้นี่เอง” นางพลับพลึงถามอย่างสงสัย
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะป้าพลับพลึง เรื่องไร้สาระนะคะ เหมียวว่าป้าพลับพลึงอย่าไปสนใจเลยค่ะ” บัวชมพูบอกแม่บ้านใหญ่ให้คลายความกังวล
“นังบัวผันไม่ได้ก่อเรื่องอะไรใช่ไหมค่ะคุณเหมียว”
“ไม่มีหรอกค่ะ ป้าพลับพลึงทำข้าวต้มให้เหมียวสักถ้วยได้ไหมค่ะ เดี๋ยวเหมียวขึ้นไปดูคนไอ้ชอบเรียกร้องความสนใจหน่อยนะคะ ขอเวลาครึ่งชั่วโมง เหมียวจะลากคุณเสือของป้าพลับพลึงลงมาทานข้าวเอง”
บัวชมพูหันมาบอกแกมสั่งแม่บ้านใหญ่ด้วยรอยยิ้มอ่อนหวาน ส่งสายตาคู่งามแปลกตาอย่างเว้าวอน จนคนถูกขอถึงกับหน้าแดงเล็กน้อย
“ได้สิค่ะคุณเหมียว เรื่องแค่นี้ป้าทำให้คุณเหมียวได้อยู่แล้ว”
“ขอบคุณค่ะป้าพลับพลึง” บัวชมพูเอ่ยขอบคุณ
“แม่ฝากพี่เสือเค้าด้วยนะลูก” คุณขวัญฤดีบอกลูกสะใภ้
“ค่ะคุณแม่” บัวชมพูรับคำแม่สามีแล้วลุกออกมาจากห้องโถงเดินขึ้นบันไดมุ่งหน้าสู่ห้องนอนของอธิปซึ่งอยู่บนชั้นสอง
หลังจากบัวชมพูเดินออกมาจากห้องโถง คุณขวัญฤดีก็หันมามองแม่บ้านใหญ่ประจำคฤหาสน์เลิศภาณิชย์ด้วยรอยยิ้มหยอกเย้า
“เจอคำพูดออดอ้อนกับสายตาคู่งามของหนูเหมียวจ้องเอาเข้าหน่อยถึงกับหน้าแดงเลยหรือพลับพลึง”
“ถ้าคุณท่านเจอแบบอิฉัน คุณท่านก็ต้องเป็นเหมือนอิฉันนี่แหละค่ะ”
นางพลับพลึงบอกผู้เป็นนายด้วยใบหน้าแดงก่ำ ตอนนี้นางไม่แปลกใจแล้วว่าเพราะอะไรคุณอติเทพกับคุณขวัญฤดีผู้เป็นนายถึงอยากได้แม่หนูบัวชมพูคนนี้มาเป็นสะใภ้มากกว่าหนูพรทิพาว่าที่ลูกสะใภ้คนเก่า
“นั่นสินะ”
คุณขวัญฤดียิ้มกับคำสรรพยอกของแม่บ้านใหญ่ ท่านก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน ลูกสะใภ้คนนี้ถูกใจท่านมากกว่าคนเก่าเสียอีก
เพราะเหตุนี้หลังจากงานแต่งผ่านไปได้หนึ่งอาทิตย์ท่านกับสามีจึงเดินทางไปกราบขอขมาบิดามารดาบุญธรรมของบัวชมพู และเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้ฟังทั้งหมดโดยไม่ปิดบัง
ตอนแรกท่านและสามีคิดว่าคงถูกตำหนิหรือด่าทอจากคุณชิตพงษ์และคุณปนัดดา ทว่าเปล่าเลยทั้งสองกลับเข้าใจแถมไม่โกรธ กลับบอกว่าอย่างน้อยครั้งหนึ่งก็ให้บุตรสาวทำเพื่อบิดามารดาผู้ให้กำเนิดก็แล้วกัน ต่อไปจะได้ไม่มีอะไรติดค้างกันอีก
ส่วนเรื่องที่มันเกิดขึ้นแล้ว ก็ต้องหาทางแก้ไขกันต่อไป สิ่งที่คนเป็นพ่อแม่ทำได้ในเวลานี้ก็คือต้องช่วยกันประคับประคองชีวิตคู่ของลูกๆ ให้ไปได้ตลอดรอดฝั่ง หากถึงที่สุดแล้วทั้งสองยังไม่รักกัน ก็ถือเสียว่าสวรรค์ไม่ได้ลิขิตมาให้พวกเขาคู่กัน เมื่อฟังคำพูดของคุณชิตพงษ์ ท่านกับสามีถึงเข้าใจว่าพวกท่านโชคดีแค่ไหนที่ได้บุตรสาวของครอบครัวนี้มาเป็นสะใภ้
“คิดอะไรอยู่หรือค่ะคุณท่าน อิฉันเห็นคุณท่านเงียบไปเลยเป็นห่วง”
“ฉันดีใจที่ได้หนูเหมียวมาเป็นสะใภ้แทนที่จะหนูพลอยนะพลับพลึง”
“คุณท่านคิดเหมือนอิฉันเลยค่ะ คุณหนูเหมียวน่ารักและนิสัยดีกว่าคุณหนูพลอยเยอะเลย ถึงคุณหนูเหมียวดูแก่นๆ ไปหน่อยแต่ก็น่ารักนะคะ”
“ฉันขอแค่หนูเหมียวรักลูกชายฉันก็พอพลับพลึง”
ผู้หญิงยอมรับในสิ่งที่คนรักเป็นได้ ไม่ได้หาได้ในสังคมปัจจุบัน ถึงท่านไม่รู้จักและสนิทกับลูกสะใภ้คนนี้เหมือนว่าที่ลูกสะใภ้คนเก่า ท่านก็มั่นใจว่าชีวิตคู่ของบุตรชายต้องดำเนินไปได้ด้วยดี
********
ก๊อก...ก๊อก...ก๊อก
เสียงเคาะประตูดังขึ้นพร้อมกับประตูถูกเปิดและปิดลงอย่างเบามือ สายตาคู่งามแปลกตากวาดสายตามองไปรอบห้องก็พบข้าวของเกลื่อนกราดเต็มห้องไปหมด
“ฉันบอกแล้วใช่ไหมบัวผัน อย่าเข้ามาในห้องของฉันอีก ไม่งั้นฉันจะให้ป้าพลับพลึงส่งเธอกลับต่างจังหวัด” อธิปตวาดใส่สาวใช้อย่างไม่พอใจ เขาเผลอนิดเดียวผู้หญิงหน้าด้านคนนี้ก็บุกขึ้นเตียงของเขาอย่างหน้าไม่อาย
“ออกจากห้องฉันไปเดี๋ยวนี้ บัวผัน!”
“ฉันไม่ใช่บัวผัน แล้วเลิกโวยวายได้แล้วคุณเสือ” บัวชมพูบอกให้อธิปหุบปากเงียบ เลิกโวยวายใส่เธอ เข้าใจแล้วว่าทำไมผู้ชายคนนี้ถึงอารมณ์เสียแล้วพาลพาโลใส่บัวผัน
“อ้าว...หนูเหมียวเองเหรอ” อธิปเปลี่ยนน้ำเสียงทันทีเมื่อรู้ว่าคนที่เข้าในห้องนอนของเขาเป็นใคร
“ใช่...ฉันเอง แล้วคุณคิดว่าเป็นใครล่ะ” บัวชมพูบอกเสียงขุ่น
“ฉันนึกว่าหนูเหมียวเป็นบัวผัน” อธิปตอบ ยกมือขึ้นเสยผมที่หล่นลงมาปิดหน้าอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์นัก
“นี่อย่าบอกนะว่าคุณถูกบัวผันบุกรุกพื้นที่ส่วนตัว”
บัวชมพูถามพลางหัวเราะกับอาการของชายหนุ่ม ใบหน้าแดงก่ำ เนื้อตัวก็สั่นแปลกๆ พลันดวงตาคู่งามแปลกตาก็เบิกกว้างเมื่อเข้าในสถานการณ์ที่เกิดขึ้นภายในห้อง
“ใช่เลยหนูเหมียว ฉันถูกบุกรุกพื้นที่ส่วนตัว ตอนนี้อาการหนักสุดๆ เพราะหาที่ระบายไม่ได้”
อธิปบอกอย่างไม่อาย เขานอนของเขาอยู่ดีๆ บัวผันก็เปิดประตูเข้ามาแล้วบุกขึ้นเตียงเขาแถมยังเรื่องน่าละอายนั่นอีก ตอนแรกเขาคิดว่ากำลังฝันอยู่เลยไม่ได้ปัดป้อง เพราะคนในฝันของเขาดันเป็นผู้หญิงที่เขาแต่งงานด้วย เลยไม่ได้ปัดป้องหรือขัดขืน
“แล้วคุณไปทำอีท่าไหน ถึงถูกบัวผันปล้ำได้ล่ะ”
“ฉันจะไปรู้เหรอหนูเหมียว ฉันก็นอนของฉันอยู่ดีๆ รู้สึกตัวอีกทีบัวผันก็ขึ้นมาคร่อมทับร่างฉันแล้ว”
ที่จริงต้องโทษว่าเป็นความผิดของแม่ตัวดีคนนี้นั่นแหละที่ทำให้เขาไม่คิดปัดป้องหรือขัดขืน อธิปเม้มปากเน้น ทั้งโกรธตัวเองและโกรธบัวชมพูที่ดันสะเออะเข้ามาอยู่ในฝัน เรื่องมันถึงได้เป็นแบบนี้
“เดี๋ยวฉันจะพาคุณไปอาบน้ำก็แล้วกัน อาการจะได้ดีขึ้น”
บัวชมพูบอกอย่างเห็นใจ เดินเข้าไปประคองร่างหนาให้ลุกขึ้น แต่เมื่อขยับร่างอธิป ใบหน้างามถึงกับแดงก่ำกับหลักฐานที่ปรากฏอยู่ตรงหน้า
“ยี้! ไอ้คนลามก”
“ลามกที่ไหน ถูกกระตุ้นซะขนาดนั้น ถ้าไม่แข็ง...โป๊กแบบนี้ ฉันก็ไม่ใช่ผู้ชายแล้วหนูเหมียว”
อธิปต่อว่าคนตัวเล็กอย่างหมั่นไส้ ออกแรงตวัดแขนทั้งสองข้างคว้าร่างคนบัวชมพูเข้ามากอด ยกร่างเพรียวระหงขึ้นมาวางบนตักอุ่น
“ปล่อยฉันเดี๋ยวนะคุณเสือ ไม่งั้นคุณสูญพันธุ์แน่”
บัวชมพูขู่ฟ่อเมื่อถูกอธิปดึงเข้ามากอดจนร่างกายเธอกับเขาแทบกลายเป็นเนื้อเดียวกันและความซวยยังไม่จบแค่นั้น เพราะเวลานี้สะโพกดันนั่งทับหลักฐานความลามกของอธิปจนเต็มรัก
“ซี๊ดดด!”
“ไอ้คุณเสือบ้า! ทำไมต้องทำเสียงแบบนั้นด้วย”
บัวชมพูร้องโวยวาย สบถด่าอธิปหน้าแดงก่ำ โชคดีที่เขามองไม่เห็น ไม่อย่างนั้นเธอคงได้อายยิ่งกว่านี้
“ก็หนูเหมียวทับน้องชายของฉันอยู่ แต่มันได้อารมณ์มากเลย”
อธิปบอกหน้าตาแดงก่ำ เพิ่มแรงรัดร่างเพรียวระหงเข้ามาแนบอกมากยิ่งขึ้น ใบหน้าหล่อคมสันก้มลงมาซบซอกคอหอมกรุ่น
“ขอฉันนั่งแบบนี้สักพักได้ไหมหนูเหมียว ถือว่าฉันขอร้อง”
“พระเจ้าช่วย! คุณทำเรื่องหน้าอายแบบนี้กับสาวบริสุทธิ์เนี่ยนะ! ฉันไม่อยากเชื่อเลย ว่าคุณจะหื่นกาม โรคจิตได้ขนาดนี้” บัวชมพูต่อว่าคนขอทำเรื่องหน้าอายเสียงเขียวปั๊ด สลัดยังไงก็สลัดไม่หลุดเกาะติดอย่างกับตุ๊กแก
“ถ้าไม่ให้ฉันทำหนูเหมียว แล้วจะให้ฉันไปทำกับใคร อย่าสิว่าฉันกับหนูเหมียวแต่งงานกันแล้ว” อธิปเอาเรื่องแต่งงานมาอ้าง ใบหน้าหล่อคมสันยงคงซุกซบซอกคอหอมกรุ่นของภรรยาตัวน้อยอย่างพอใจ
“อย่ามาพูดบ้าๆ นะไอ้คุณเสือ พวกเราสองคนแต่งงานกันจริงๆ ที่ไหน ฉันเป็นแค่ตัวแทนคนรักของคุณเท่านั้น อย่ามาโมเม ทึกทักเอาเองสิว่าฉันแต่งงานเป็นเมียของคุณจริงๆ” บัวชมพูต่อเสียงเขียว
“ถึงจะเป็นตัวแทน แต่หนูเหมียวก็จดทะเบียนสมรสกับฉันจริงๆ นี่นา เราเป็นสามีภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายนะหนูเหมียว”
“คุณก็หย่าให้ฉันสิ” บัวชมพูย้อนเสียงสูง
“เพิ่งแต่งกันเมื่อเดือนที่แล้ว จะหย่ากันได้ยังไงล่ะหนูเหมียว หรือแฟนหนูเหมียวไม่พอใจที่หนูเหมียวมาแต่งงานกับฉัน”
อธิปถามเสียงขุ่น เริ่มพาลใส่คนในอ้อมกอดเล็กน้อย เพิ่งแต่งงานกันแท้ๆ จะมาชวนหย่าได้ยังไง เขาไม่ยอมหรอก
“ตอนนี้ยังไม่มีหรอก แต่อนาคตไม่แน่”
“ก็รอให้หนูเหมียวมีแฟนก่อนก็แล้วกัน ฉันถึงจะหย่าให้ ตอนนี้หนูเหมียวก็เป็นเมียของฉันไปก่อน โอ๊ย!”
อธิปร้องลั่น เมื่อถูกกำปั้นเล็กต่อยเข้าที่ท้องน้อย
“หนูเหมียวต่อยฉันทำไมเนี่ย!”
“ก็คุณอยากพูดน่าเกลียดทำไม ฉันไปเป็นเมียคุณเมื่อไร ใครมาได้ยินเข้า มันไม่ดี ไม่รู้หรือไง”
บัวชมพูตำหนิ ดันร่างหนาให้ออกห่าง แต่ก็ยากเหลือเกิน ถึงตามองไม่เห็นแต่เรี่ยวแรงก็เยอะ ต่อไปเธอต้องระวังผู้ชายคนนี้เอาไว้ให้มากๆ
*********