หนึ่งเดือนผ่านไป...
บัวชมพูยืนมองหน้าคฤหาสน์หลังใหญ่ ก่อนพ่นลมหายใจออกมาอย่างสุดเซ็ง ผ่านมาหนึ่งเดือนเต็มแต่เรื่องของเธอกับผู้ชายคนนั้นยังเคลียร์กันไม่จบ พอตื่นมาในเช้าวันนั้น เธอก็มาส่งเขาที่นี่
จากนั้นมาหนึ่งเดือนเธอก็ไม่ได้เจอกับเขาอีกเลย แล้วจู่ๆ เช้าวันนี้ก็มีโทรศัพท์ของป้านวล แม่บ้านใหญ่ประจำคฤหาสน์เลิศภาณิชย์มาหาแล้วบอกว่าสามีที่เธอได้มาโดยไม่ตั้งใจไม่สบาย และต้องการพบเธอให้ได้ และด้วยเหตุผลนี้เธอจึงมายืนอยู่หน้าคฤหาสน์หลังใหญ่เบ้อเร่อ
“ขอโทษนะคะคุณเหมียวที่ชบามาเปิดประตูช้า”
สาวใช้เอ่ยขอโทษ แล้วรีบเปิดประตูเล็กให้ลูกสะใภ้ของคุณท่านอย่างรีบร้อน ชบาเปิดประตูแล้วยืนก้มหน้ารอรับการตำหนิ แต่ทุกอย่างเก็บเงียบสงบ ไม่มีเสียงกรีดร้องหรือโวยวายใส่เธอสักคำ
“คุณเหมียวไม่ด่าชบาหรือค่ะ ที่ชบามาเปิดประตูช้า”
“บ้าเหรอ? เรื่องแค่นี้ทำไมต้องด่ากันด้วย” บัวชมพูบ่นใส่สาวใช้นามชบาเสียงเขียว สองเท้ารีบเดินผ่านประตูเล็กเข้าไปภายในคฤหาสน์เลิศภาณิชย์
“ชบานึกว่าคุณเหมียวจะโกรธเรื่องที่ชบามาเปิดประตูช้า”
“ฉันไม่ใช่เจ้านายของชบาเสียหน่อย ฉันจะไปโกรธชบาทำไม หรือถ้าฉันเป็นเจ้านายของชบาจริง ฉันก็ไม่ด่าชบาเพราะเรื่องแค่นี้หรอก”
ชบามองสาวสวยที่เดินเข้าไปภายในคฤหาสน์ด้วยสายตาเบิกกว้างเล็กน้อย ก็ไหนบัวผันบอกว่าภรรยาของเจ้านายหนุ่มอารมณ์ร้าย เอาใจยาก ไม่พอใจอะไรนิดหน่อยก็โวยวาย ด่าทอ ขวางปาข้าวของ หรือทุบตีสาวใช้
‘มึงหลอกกูนี่หว่าอีบัวผัน เมียของคุณเสือ นิสัยดีจะตาย เสียงก็หวาน หน้าตาก็น่ารัก เดี๋ยวมึงเจอกูแน่อีบัวผัน ทำให้กูเกลียดคุณเหมียวดีนัก’
ชบาด่าทอบัวผันอย่างโมโห มันบอกว่าภรรยาของเข้าหนุ่มร้ายกาจ แล้วที่เธอเห็นอยู่นี่มันร้ายกาจ
นิสัยแย่ตรงไหนกัน น่ารักสุดๆ ล่ะไม่ว่า
******
นางพลับพลึงเดินออกมาต้อนรับลูกสะใภ้ของคุณท่านทั้งสองด้วยรอยยิ้มอบอุ่น คุณท่านบอกนางว่าวันนี้ลูกสะใภ้จะมาเยี่ยม การแต่งงานก็ผ่านมาได้หนึ่งเดือนแล้ว นางได้เจอลูกสะใภ้ของคุณท่านเป็นครั้งที่สอง
“สวัสดีค่ะป้าพลับพลึง” บัวชมพูทักทายและยกมือไหว้แม่บ้านประตำตระกูลเลิศภาณิชย์แล้วยื่นถุงขนมที่เธอลงมิทำเองกับมือให้นาง
“นี่ขนมที่เหมียวทำค่ะ เอามาป้าพลับพลึง”
“ที่จริงไม่ต้องก็ได้ค่ะคุณเหมียว ป้าเกรงใจ” นางพลับพลึงตอบกลับอย่างเอ็นดู มองลูกสะใภ้ของคุณท่านด้วยความชื่นชม
“ไม่ต้องเกรงใจหรอกค่ะ ที่จริงเหมียวต้องทำขนมพวกนี้ทุกวันอยู่แล้ว ทำเพิ่มอีกนิดไม่เสียเวลาหรอกค่ะ”
นางพลับพลึงเพียงแต่ยิ้ม รับถึงขนมมาจากมือของลูกสะใภ้คนเก่งของคุณท่านทั้งสอง ก่อนเอ่ยชวนเข้าไปในตัวตึก
“เชิญเข้ามาข้างในก่อนสิค่ะ คุณท่านรออยู่ในห้องโถงนะคะ”
“ค่ะ ป้าพลับพลึง”
บัวชมพูรับคำแล้วเดินตามนางพลับพลึงเข้าไปในตัวตึกอย่างเงียบเชียบ สายตากวาดมองไปรอบๆ อีกครั้งอย่างพิจารณา หนึ่งเดือนก่อนเธอไม่ได้ดูอะไรมากนัก มาส่งอธิปเสร็จ เธอก็รีบกลับบ้านทันที
ขณะที่กำลังคิดเรื่องที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ บัวชมพูเดินเข้ามาภายในห้องโถงก็พบมารดาของอธิปนั่งอยู่ หญิงสาวเดินเข้าไปหาแล้วยกมือไหว้หญิงสูงวัย ตามด้วยรอยยิ้มหวาน
“สวัสดีค่ะคุณป้า”
“สวัสดีจ้ะหนูเหมียว ตั้งแต่แต่งงานก็หายหน้าหายตาไปเลย ทำไมไม่มาเยี่ยมแม่บ้างล่ะลูก”
คุณขวัญฤดีรับไหว้แล้วถามลูกสะใภ้กลับอย่างอ่อนโยน ท่านหวังมาตลอดว่าจะได้เห็นเด็กสาวคนนี้มาเยี่ยมท่านบ้าง แต่ก็กลับเงียบหาย ไม่ยอมโผล่หน้ามาให้เห็นเลยสักครั้ง
“พอดีเหมียวต้องทำงานนะคะ แล้วอีกอย่างการแต่งงานก็เป็นแค่การแต่งหลอกเท่านั้น เหมียวไม่อยากรบกวนคุณป้านะคะ”
“ไม่เอาๆ หนูเหมียวอย่าเรียก...คุณป้าสิจ้ะ...หนูเหมียวต้องเรียกคุณแม่ตกลงนะ ตกลงนะลูก” คุณขวัญฤดีอธิบายเสียงอ่อนโยน ท่านต้องการให้เด็กสาวคนนี้มาเป็นลูกสะใภ้จริงๆ ต่างหาก ไม่ใช่แค่ตัวแทนลูกสะใภ้คนเก่า
บัวชมพูยิ้มแหย่กับคำพูดของมารดาอธิป ให้เธอไปเรียกแม่ก็กระดากปาก ไม่ได้เป็นอะไรกันเสียหน่อย ถึงตอนนี้เจ้าลูกชายตัวแสบของท่านยังไม่ยอมเซ็นใบหย่าให้ก็เถอะ
เฮ้อ! เธอไม่อยากเกี่ยวข้องกับคนตระกูลนี้เลย
“อย่าลืมสิว่าตอนนี้หนูเหมียวเป็นลูกสะใภ้ของแม่”
คุณขวัญฤดีเอ่ยบอกเสียงเศร้าเล็กน้อย เพราะรู้ดีว่าลูกสะใภ้เป็นพวกใจอ่อนกับเด็กและผู้สูงวัย โชคดีที่เจ้าลูกชายตัวแสบบอกท่านเอาไว้ก่อนหน้านี้
“ก็ได้ค่ะคุณแม่” บัวชมพูตอบรับไม่เต็มเสียงนัก
“ดีมากจ๊ะลูกรัก” ท่านตอบ ส่งยิ้มอบอุ่นให้ลูกสะใภ้คนงาม
“คุณแม่โทร. ไปตามเหมียวมามีเรื่องอะไรหรือค่ะ”
“ก็ตาเสือน่ะสิหนูเหมียว อารมณ์เสีย โวยวายตั้งแต่เช้า ไม่ยอมให้ใครเข้าไปในห้อง อาหารเช้าก็ยังไม่ได้ทาน แม่เป็นห่วง ไม่รู้จะทำยังไงดี เลยโทร. หาหนูเหมียวให้มาช่วยแม่หน่อย”
“แล้วเหมียวจะไปช่วยอะไรได้ล่ะค่ะ” บัวชมพูย้อนถามอย่างงุนงง อธิปอารมณ์ไม่ดี เกี่ยวไรกับเธอ
********
บทสนทนาระหว่างคุณขวัญฤดีกับบัวชมพูต้องหยุดชะงักเมื่อ สาวใช้นางหนึ่งวิ่งเข้ามารายงานด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
“เกิดอะไรขึ้นบัวผัน” คุณขวัญฤดีถามสาวใช้อย่างสงสัย วิ่งหน้าตื่นมาแบบนี้ สงสัยคงโดนบุตรชายตัวดีของท่านไล่ออกจากห้องแน่
“คุณเสือไล่บัวผันออกมาจากห้องค่ะคุณท่าน”
“แล้วคุณเสืออาบน้ำหรือยัง”
“คุณเสือไม่ยอมอาบน้ำค่ะ แถมโวยวายทำลายข้าวของด้วยค่ะ ช่วงนี้คุณเสือเป็นอะไรหรือค่ะคุณท่าน อารมณ์เสียทุกวันเลย”
บัวผันถาม นับวันอาการของเจ้านายหนุ่มยิ่งรุนแรงมากขึ้น ตั้งแต่แต่งงานมา อารมณ์ก็ขึ้นๆ ลงๆ ตลอด
“คุณเสือมีอาการแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไรค่ะคุณแม่” บัวชมพูถาม
“ก็ตั้งแต่แต่งงานนั่นแหละจ้ะหนูเหมียว”
คุณขวัญฤดีหันมาตอบลูกสะใภ้ ท่านรู้ดีว่าสาเหตุที่บุตรชายเป็นอยู่คืออะไร เพียงแต่นึกไม่ถึงว่าจะขนาดนี้ นี่ขนาดยังไม่ได้เห็นหน้าค่าตาของหนูเหมียว ยังออกอาการฉุนเฉียวตลอด ถ้าเจ้าตัวแสบของท่านได้เห็นหนูเหมียวจึง ปฏิกิริยาคงรุนแรงกว่านี้เป็นแน่
“นี่ถ้าเป็นผู้หญิง เหมียวคงต้องบอกว่าอาการที่คุณเสือเป็นอยู่...มันเป็นอาการของคนท้องค่ะคุณแม่ แต่เพราะคุณเสือเป็นผู้ชาย อาการที่เป็นอยู่ก็มีอยู่อย่างเดียวเท่านั้น คือ เรียกร้องความสนใจแถมยังเจ้าเล่ห์ เจ้ามารยาอีก เพิ่มสาไถไปด้วยดีไหมค่ะเนี่ย”
บัวชมพูสรุปอาการของอธิปให้คุณขวัญฤดีฟังด้วยสีหน้าบูดบึ้ง ไม่อยากเชื่อเลยว่าผู้ชายอายุสามสิบยังทำตัวเหมือนเด็ก ชอบเรียกร้องความสนใจกันอยู่อีก ตระกูลนี้เขาเลี้ยงลูกกันยังไง เธออยากรู้จริงๆ
คุณขวัญฤดีหัวเราะกับข้อสรุปของลูกสะใภ้ ท่านเองก็ไม่มีอะไรโต้แย้งด้วย เพราะสิ่งที่หนูเหมียวพูดเป็นจริงแทบทุกอย่าง เจ้าลูกชายตัวแสบของท่านกำลังทำตัวเหมือนเด็ก เรียกร้องความสนใจอยู่จริง และตอนนี้เป้าหมายก็นั่งอยู่ตรงหน้าท่านนี่ไง
“คุณเสือไม่ได้เป็นแบบนั้นเสียหน่อย คุณอย่าใส่ร้ายคุณเสือสิค่ะ”
บัวผันหันมาต่อว่าสาวสวยตรงหน้า เจ้านายสาวของเธอไม่มีทางทำนิสัยบ้าๆ อย่างที่ผู้หญิงคนนี้พูดแน่ เธอไม่เชื่อหรอก
“ดูเหมือนเธอจะรู้ใจคุณเสือไปเสียทุกอย่างเลยนะบัวผัน”
บัวชมพูย้อนถาม เหลือบมองสาวใช้อย่างพิจารณา เลิกคิ้วเล็กน้อย ก่อนแสยะยิ้มมองใบหน้าแดงก่ำของอีกฝ่าย
บัวผันถึงกับเงียบไป ก้มหน้าก้มตาหลบสายตาของสาวสวยและคุณท่านอย่างตื่นกลัว หากพวกเขารู้ว่าเธอหวังสิ่งใดอยู่ มีหวังเธอคงถูกไล่ออกจากคฤหาสน์เลิศภาณิชย์เป็นแน่แท้
คุณขวัญฤดีมองหลานสาวของแม่บ้านใหญ่อย่างสงสัยระคนแปลกใจ ก่อนฉุกคิดขึ้นมาได้ว่า บางทีสาวใช้คนนี้อาจคิดไม่ซื่อกับท่านบุตรชายของท่าน
“เธอจะมารู้ดีไปกว่าฉันได้ไงบัวผัน ในเมื่อฉันเป็นเมียของคุณเสือ ฉันก็ต้องรู้สิว่าสิ่งที่คุณเสือเป็นอยู่คืออะไร” บัวชมพูพูดขึ้น ทว่าสายตายังคงมองสาวใช้นามบัวผันอย่างกดดัน
“เมียคุณเสือ” บัวผันร้องออกมาอย่างตกใจ เงยหน้าขึ้นมองผู้หญิงที่แสดงตัวว่าเป็นภรรยาของเจ้านายหนุ่ม
“ใช่! ฉันนี่แหละเมียคุณเสือ ฉันชื่อ บัวชมพู เลิศภาณิชย์ หรือเรียกฉันว่า...เหมียว...ก็ได้” บัวชมพูตอบพลางแสยะยิ้มใส่บัวผัน
คุณขวัญฤดียิ้มกับอาการหึงหวงของลูกสะใภ้ที่ท่านได้มาอย่างไม่ตั้งใจ ท่านไม่ได้คิดเป็นเอง
อาการแบบนี้พอทำให้ท่านมีหวังแล้วสินะ?
ถึงไม่มากอย่างที่ท่านหวัง แต่ก็เป็นนิมิตรหมายที่ดีสำหรับความรักครั้งใหม่ของบุตรชาย
“มีปัญหาอะไรหรือเปล่าบัวผัน” บัวชมพูถามเสียงแข็ง
“มะ...ไม่มีค่ะ” บัวผันตอบเสียงสั่น
“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ก็ไปทำงานของเธอซะ ฉันขึ้นไปดูคุณเสือเอง”
“คะ...ค่ะคุณเหมียว” บัวผันรับคำแล้วรีบลุกออกมาจากห้องโถง ด้วยสีหน้าตื่นตกใจ เดินผ่านนางพลับพลึงไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ
******