14 ป่วยท่าไหน

1394 คำ
วันต่อมา "นิสา นิสาเป็นยังไงบ้างลูก" เสียงนิดาแม่ของชนิสาถามขึ้นด้วยความเป็นห่วงลูก "แม่" เมื่อเธอลืมตาขึ้นมา ก็เห็นว่าเป็นแม่เธอที่เรียกอยู่ข้างๆ "ทำไมถึงไปกินปลากะพงได้ละลูก" แม่เธอถามอย่างคนใจเย็น "ฮึกๆ นิสาเผลอไปกินจ้ะแม่" เธอเลี่ยงที่จะพูดความจริงดีที่สุด "ร้องไห้ทำไมลูก" เมื่อเห็นว่าเธอร้องไห้แม่เธอก็สวมกอดเธอเอาไว้ "นิสากลัวว่าจะตาย นิสากลัวจะไม่ได้เห็นพ่อกับแม่อีก ฮือๆๆ" เพราะเป็นสิ่งเดียวที่เธอกลัวที่สุดในชีวิตแล้ว "ไม่ต้องร้องไห้นะลูก นิสาปลอดภัยแล้ว หมอบอกแม่ว่าให้นอนดูอาการอีก 2 วันค่อยกลับได้" "เป็นว่าต้องอยู่โรงพยาบาล 3 วันเลยหรอจ้ะแม่" "ใช่ลูก อีกสักคืนสองคืน ให้ผืนแดงมันหยุบลงด้วย" "แล้วนี่แม่มาได้ยังไง พ่ออยู่กับใครจ้ะ" เธอเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วงพ่อ "แม่ฝากไว้กับป้านุช แม่โทรมาหานิสาเมื่อเช้า หนูที่ชื่อแตงกวาเป็นคนรับสาย และบอกว่านิสานอนอยู่โรงพยาบาล แม่เลยรีบมาแต่เช้าเลย" "โธ่ แม่ ไม่เห็นต้องลำบากทิ้งพ่อมาเลย นี่ก็ไกลด้วย" "ทำยังไงได้ แม่เป็นห่วงลูก" แม่เธอพูดพร้อมลูบหัวเบาๆ "ขอบคุณนะจ๊ะแม่ นิสาก็ยังใจไม่ดีอยู่จริงๆ นิสากลัว กลัวจริงๆ" เธอพูดพร้อมกับกอดแม่เธอไว้แน่น "ไม่เป็นไรนะลูก คุณพระคุณเจ้าคุ้มครองนะ" "แล้วที่พ่อจะไปหาหมอละจ้ะแม่" "ไม่เป็นไร เดี๋ยวตาวันพาไป ไม่ต้องห่วง" "จ้ะ นิสาโอนเงินให้ให้แล้วนะ แม่อยากกินอะไรอร่อยๆ ก็กินนะจ๊ะ “ "แม่ว่าแม่ประหยัดเงินไว้ดีกว่า ลูกก็เก็บไว้ใช้บ้างนะ ส่งมานี่มีใช่บ้างไหม" แม่เธอพูดด้วยความเป็นห่วง "มีจ้ะ แม่ไม่ต้องห่วง" ความจริงก็แทบจะไม่มีหรอก เธอให้พ่อแม่เธอไปบ้าง และอีกส่วนหนึ่งก็ฝากประจำเป็นเงินเก็บไว้ไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ เธอก็อาศัยกินอาหารที่รีสอร์ท และก็แทบไม่ซื้อเสื้อผ้าเลย เพราะยังไงก็ได้ใส่แต่ชุดยูนิฟอร์มพนักงาน ส่วนเครื่องสำอางค์ อะไรที่สวยๆ งามๆ คุณขุนเขาเขาจะเป็นคนซื้อมาให้เธอทั้งหมด คงสมเพชที่เธอสภาพแย่แบบนี้ละมั้ง "แต่แม่ว่านิสาเก็บไว้ใช้อีกสักหน่อยก็ดีนะลูก" แม่ของเธอพูดพร้อมกับลูบหัวเบาๆ "ไม่เป็นไรจ้ะแม่ แม่ไม่ต้องคิดมากเรื่องเงินแล้วนะ ที่นิสาส่งให้แม่ใช้ได้หมดเลย แล้วที่ดินเรา เมื่อนิสาทำงานให้เขาครบ 2 ปี แล้วเขาจะคืนให้เราอย่างที่นิสาบอกแม่ไป" สองแม่ลูกก็กอดกันด้วยความรักความคิดถึง เธอบอกแม่ของเธอว่า เธอมีงานดีๆ ทำในไร่ 'สุขสมบูรณ์' และเมื่อทำงานให้เจ้านายนั่นคือ คุณขุนเขา ครบ 2 ปี คุณขุนเขาก็จะคืนที่ 6 ไร่ของเธอให้ ซึ่งเธอก็ไม่กล้าบอกจริงๆ ว่าเธออยู่ในฐานะนางบำเรอ และพ่วงด้วยตำแหน่งคนรับใช้... 3 วันผ่านไป ณ ไร่สุขสมบูรณ์ เมื่อรถแล่นเข้ามาจอดที่หน้ารีสอร์ท พนักงานหลายคนก็เดินกู่ เข้ามารอถามอาการของชนิสาเต็มไปหมด จนเธอยิ้มออกมาอย่างสดใส แตงกวาที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็ยิ้มตาม "นิสา,พี่นิสา,หนูนิสา,น้องนิสา" สรรพนามเรียกที่ต่างกัน แต่ก็ถามอาการของเธอในเรื่องเดียวกัน ส่วนคนที่ไม่ชอบเธอก็มองด้วยสายตาที่ผิดหวัง ว่าเธอไม่เป็นอะไรมาก "หนูนิสาอย่ากินปลาอีกนะ ลุงใจคอไม่ดีเลย ตอนนทีบอกว่า หนูหายใจไม่ออก" ลุงเจิมพูดขึ้น "ขอบคุณมากนะคะลุงเจิม ไม่กินแล้วค่ะ" "ป้าก็ว่า หนูนิสามาถามหาปลา ป้านี่ใจคอไม่ดีแล้ว ขวัญเอยขวัญมานะลูก" ป้าภาคนงานอวุโสเอ่ยขึ้นกับเธอ "ขอบคุณมากนะคะป้าภา" "ทุกคนโว้ย ต่อไปนี้ห้ามใครเอาเมนูปลาให้หนูนิสากินนะ เลี่ยงได้เลี่ยง ห้ามเอาเข้าใกล้เด็ดขาด" เสียงลุงเจิมดังขึ้น เสียงทุกคนพูดจารับทราบเป็นเสียงเดียวกันอย่างพร้อมเพียง เมื่อครั้งหนึ่งที่เธอเผลอกินน้ำซุปปลา ตั้งแต่เธอมาอยู่ที่นี่แรกๆ โชคดีที่ตอนนั้นมันเป็นแค่น้ำซุป ไม่ถึงขั้นกินเยอะแบบนี้ แค่กินยาแก้แพ้แล้วก็นอนพักผ่อนก็หาย แต่คนงานก็ยังตกใจกันถึงตอนนี้ เธอดีใจมากที่คนงานหลายคน รักและเอ็นดูเธอจริงๆ เมื่อถึงวันที่เธอต้องไปจากที่นี่ เธอคงจะคิดถึงคนที่นี่มากแน่ๆ ... "มาอู้งานอะไรกันตรงนี้" เป็นเสียงของขุนเขาพูดขึ้นมา ทำให้ทุกคนเงียบกันหมด "..." "ไปทำงาน!!!" เขาพูดเสียงดัง จนพนักงานแตกตื่น และแยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของใครของมัน แล้วนิสาก็มองหน้านที นทีก็พยักหน้าให้ และเดินแยกกันไปคนละทาง แต่ขุนเขาก็พูดขึ้นซะก่อน "เดี๋ยว!!!" ทั้งสองคนก็หันมาพร้อมกัน "นที มึงไปทำงาน ส่วนเธอตามฉันมา" "คุณขุนเขาครับนิสากำลังไม่สะ..." "มึงไปทำงานของมึง และไม่ต้องยุ่ง" เขาจ้องหน้านทีเขม่ง "แต่คุณขุน..." นทีมองหน้าขุนเขาด้วยความไม่ชอบใจ "ไป!!!" เขาพูดขึ้นเสียงดัง จนชนิสาพยักหน้าให้ นทีถึงได้เดินออกไป "ตามฉันมา" เขาพูดเสียงเรียบ เขาเดินนำเธอกลับมาที่บ้านของตัวเอง เปิดประตูอย่างช้าๆ และเดินไปหยุดที่โซฟา "คุณมีอะไรจะใช้ฉะ..." ทันทีที่เธอพูด เขาก็หันหน้ามาจูบเธอโดยทันที เขาบดปากหนาของตัวเองกับปากบางของเธอ เริ่มด้วยจังหวะที่รุณแรงและก็ค่อยๆ เชืองช้าลง ลิ้นร้อนของเขาก็สอดเข้าไปภายในโพรงปากของเธอ เธอก็ไม่ได้ขัดขืนอะไร ปล่อยให้เขาทำอยู่แบบนั้น เนิ่นนานหลายนาที เขาก็ผละออกให้เธอได้หายใจ โดยที่เธอไม่ได้ร้องขออะไร เขามองเธอที่ปากบวมเจ่อ พร้อมกับตาที่แดงก่ำ เหมือนจะร้องไห้ เขาก็หยุดทันที "เธอนี่มัน..." เมื่อเขาเห็นแววตานั้นของเธอ เขาก็ทำอะไรไม่ถูกแล้ว "คุณมีอะไรจะใช้ฉันคะ ฉันจะได้ทำ" "ป่วยไม่ทันไร ลืมหน้าที่ของตัวเองแล้วหรอ" "ไม่ลืมค่ะ แค่จะถามให้แน่ใจว่าจะให้ทำเรื่องอะไร" "หึ ไหนว่าป่วย ไหนว่านอนโรงบาล" "หายแล้วค่ะ พร้อมกลับมารับใช้" "รับใช้ที่บ้าน หรือรับใช้ที่เตียง" "แล้วแต่คุณจะสั่ง" คำพูดที่ดูถูกดูแคลนนี้ ทำให้หัวใจของเธอชาขึ้นมาอีกครั้ง สำหรับเขาเธอก็เป็นได้แค่นี้แหละ 'ไม่เป็นไร ไม่เป็นไรนะนิสา เธอต้องไม่เป็นไร' เธอได้แต่ปลอบใจตัวเองอยู่ในใจ แม้จะเจ็บปวดมากแค่ไหน ก็ห้ามแสดงออกมา "เก่งหนิ ไปป่วยมาท่าไหนล่ะ ไอ้นทีถึงลางานไปอยู่เฝ้าได้ 2-3 วัน" และเขาก็ยิ้มเย้ยหยันเธอ "ก็ทุกท่านั่นแหละค่ะ" เมื่อเขาไม่ยอมหยุดดูถูกเธอ เธอก็จะตามนั้นกับเขาไป อยากคิดอะไรก็คิดไปเถอะ เธอป่วยปางตายขนาดนี้ยังไม่คิดจะถามไถ่ ไม่เคยใยดีอะไร คนที่นอนด้วยกันเกือบทุกวัน จะไม่รู้สึกอะไรบ้าง นอกจากความใคร่จริงๆ หรอ นทีไม่ได้เป็นอะไรกับเธอเลย เขายังเห็นอกเห็นใจเธอได้ ในฐานะพนักงานที่ไร่เหมือนกัน แต่กับเขาแม้จะถามเธอว่า เธอเป็นยังไงบ้าง ยังไม่มี... "นี่เธอ!!!" เขาพูดขึ้นเสียงดัง "ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ฉันขอไปทำงานก่อนนะคะ บ้านไม่เรียบร้อยเลย" เมื่อพูดจบเธอก็รีบเดินเข้าไปห้องเก็บของ และเอาอุปกรณ์ทำงานบ้าน ออกมาทันที โดยไม่สนใจเขาที่มองเธอตาขวางอยู่ตรงนั้น
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม