ร่างบางตื่นนอนด้วยความเจ็บปวดที่เบ้าตาเพราะนางร้องไห้ทั้งคืน นางตัดสินใจแล้วว่าจะไปจากที่นี่ เรื่องของท่านพี่ก็ส่วนหนึ่งแต่อีกส่วนหนึ่งนางอยากไปฝึกวิชาพวกสมุนไพร,พิษ เพราะท่านพ่อและนางจะย้ายไปอยู่ที่เมืองฉาวอัน ที่ที่เต็มไปด้วยภูเขาน้ำตกลำธารและพวกสมุนไพรจะทำให้นางได้เรียนรู้ไวมากกว่าอยู่ที่เมืองแห่งนี้
''เยียนเอ๋อร์ ลูกไปบอกลาท่านลุงท่านป้าเฉินดีหรือไม่ถ้าหากเราไปโดยมิได้บอกลามันจะดูน่าเกลียดเกินไป'' คนเป็นพ่อพูดพลางยิ้มให้กับบุตรสาวของตน ''เจ้าค่ะ เดี๋ยวข้ากลับมานะเจ้าคะ''
ร่างบางลังเลใจว่าจะเข้าไปดีหรือไม่ถ้าหากว่านางเจอท่านพี่ล่ะนางจะทำหน้าเยี่ยงไรดีตอนนี้ท่านพี่คงเกลียดนางไปแล้ว ซิงเยียนลังเลเล็กน้อยแต่ก็สะดุ้งด้วยเสียงเรียก
''เยียนเยียนเจ้ามาหาลู่เจินงั้นรึ ตอนนี้เขาอยู่ที่ศาลากับแม่นางไป๋ข้าว่า...''
''เอ่อ..เปล่าหรอกเจ้าค่ะข้าเพียงมาหาท่านลุงกับท่านป้าเท่านั้นเจ้าค่ะ'' ร่างบางก้มหน้าลงพร้อมกลั้นน้ำตาเอาไว้นางแค่อยากจะมาเจอหน้าเขาเพียงครั้งสุดท้ายแต่ทันทีที่ได้ยินว่าเขาอยู่กับแม่นางไป๋ทำให้ในใจนางอยากจะร้องไห้ออกมาแต่ก็ร้องไม่ได้
''งั้นรึงั้นเชิญเจ้าด้านในเถิด เดี๋ยวข้าจะบอกให้บ่าวเตรียมชาขนมมาให้'' เฉินมู่อิ๋งพาเด็กสาวเดินมายังห้องโถงใหญ่
''วันนี้ที่ข้ามาพบท่านป้ากับท่านลุง ข้าเพียงจะมาลาเจ้าค่ะ'' ร่างบางพูดว่าจะมาลาทำให้เฉินมู่อิ๋งกับเฉินไฮ่ผิงถึงกับต้องชะงักลง
''หื้ม! เจ้าบอกข้าจะมาลาเจ้าจะไปไหนรึเยียนเยียน''
''ใช่ หนูจะไปที่ไหนงั้นรึ''
''ข้ากับท่านพ่อจะย้ายออกจากเมืองนี้จะไปอยู่ที่เมืองฉาวอันเจ้าค่ะ ''
''เหตุใดเจ้าถึงไปไกลขนาดนั้นกันเล่า แล้วลู่เจินนั้นรู้หรือไม่ว่าเจ้ากำลังจะไป'' เฉินมู่อิ๋งทำหน้าตาเศร้าสร้อยพลางถามเด็กสาว
''ท่านพี่มิรู้เจ้าค่ะ ถึงข้าอยากบอกแต่ตอนนี้ท่านพี่มิอยากเจอหน้าข้า...'' ร่างบางรู้สึกว่าหน้าอกของนางแน่นหายใจไม่ออก ความเจ็บปวดนี้มันเจ็บจนไม่มีผู้ใดรับรู้ถึงความเจ็บปวดของนางได้ เมื่อเฉินมู่อิ๋งเห็นเด็กสาวทำหน้าตาน่าสงสารแบบนี้ทำให้ในใจของนางไม่กล้าถามออกไปว่าเหตุใดนางกับบุตรชายของนางมีเรื่องผิดใจอันใดกันอยู่
''เอาล่ะ ข้าจะไม่ถามหรอกว่าเจ้ากับบุตรชายของข้ามีเรื่องอันใดกัน แต่ถ้าหากว่าเจ้านั้นตัดสินใจดีแล้วข้าก็ขอให้เจ้าเดินทางปลอดภัยกลับมาเยี่ยมเยือนกันบ้างนะเยียนเยียน''
เฉินมู่อิ๋งเข้าไปกอดเด็กสาวผู้นี้ นางยอมรับว่านางตกใจมิน้อยที่ได้รู้ข่าวว่าเยียนเยียนผู้นี้จะไปต่างเมืองแล้ว นางเห็นเด็กสาวผู้นี้มาตั้งแต่ยังเล็กรู้สึกเอ็นดูเหมือนลูกสาวของนางอีกคน แต่ก็จะไปบังคับใจของผู้อื่นได้เยี่ยงไร
''ข้าขอบคุณท่านลุงท่านป้ามากนะเจ้าคะที่คอยดูแลข้าเสมอมา ข้าจะมิลืมบุญคุณเลยเจ้าค่ะเดี๋ยวท่านพ่อของข้าจะมาลาพวกท่านตอนนี้ท่านเตรียมเก็บของอยู่เจ้าค่ะ''
''เจ้าจะไปวันนี้งั้นเลยรึ ทำไมกระทันหันเยี่ยงนี้ล่ะเยียนเยียน'' เฉินไฮ่ผิงถามเด็กสาวตรงหน้า
''เมืองฉาวอันนั้นมันไกลมาก ข้าและท่านพ่อของข้าเลยอยากจะออกเดินทางเร็วหน่อยเจ้าค่ะประเดี๋ยวจะมีพายุมาเสียก่อน''
ร่างบางบอกลาท่านลุงท่านป้าเสร็จแล้วนางกำลังเดินกลับไปที่บ้านของนางเพื่อเตรียมตัวที่จะเดินทางแต่ต้องหยุดฝีเท้าลงเพราะว่าทั้งสองคนนั้นกำลังเดินเข้ามาหานาง
''เอ้าแม่นางซิงเยียน'' ร่างงามถามออกไปด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม ทำให้ซิงเยียนมองหน้านางแล้วหันไปมองอีกคนหนึ่งที่ยืนอยู่ด้วยกันกับนางตอนนี้เขาหันหน้าไปอีกทาง สงสัยว่าตอนนี้เขาเกลียดนางไปแล้วจริงๆ
''วันนั้นข้าขอโทษเจ้าด้วยนะ ข้ามิได้ตั้งใจทำให้ขนมของแม่นางตกลงพื้นจริงๆ''
ร่างงามตั้งใจทำหน้าเศร้าสร้อยพลอยให้คนสงสารนาง แต่มีหรือที่ข้านั้นจะมิรู้ว่านี้คือการแสดงของนาง
''มีอะไรจะพูดกับข้าอีกหรือไม่'' ซิงเยียนตอบแล้วพลางมองไปที่คนทั้งสองด้วยใบหน้าที่เรียบเฉย
''นี่เจ้า!! เหตุใดถึงพูดไม่มีมารยาทเช่นนี้'' เฉินลู่เจินตะโกนใส่ร่างบางทำให้นางสะดุ้งเล็กน้อย แต่นางมิสนใจแล้วพูดกลับไปอีกว่า
''ถ้าหากไม่มีธุระอันใดกับข้าแล้วข้าขอตัว'' ทันทีที่ร่างบางนั้นพูดจบ นางเดินออกมาด้วยความรู้สึกที่เหมือนอยากจะร้องไห้แต่ก็ร้องไม่ออก หรือว่านางเจ็บจนชินชาไปเสียแล้ว
เฉินลู่เจินมองตามร่างบางที่เดินออกไปโดยที่วันนี้นางมิได้สนใจเขาหรือว่าวันนี้นางโกรธเขาเรื่องวันนั้นอยู่อีกทำให้ร่างหนามิได้สนใจนักแล้วก็เดินมาพร้อมกับแม่นางไป๋เหอ
ทั้งสองเดินเข้ามาที่ห้องโถงใหญ่แต่กลับเจอเฉินมู่อิ๋งท่านแม่ของเขาที่ตอนนี้นางมองตรงมาทางทั้งสองคนด้วยใบหน้าที่ยากจะอธิบาย
''ท่านแม่ขอรับ เหตุใดท่านถึงมานั่งที่นี้ล่ะขอรับเมื้อกี้ข้าเห็นเยียนเยียนนางมากวนท่านแม่อีกงั้นหรือขอรับ เดี๋ยวข้าจะไปจัดการนางให้''
เฉินมู่อิ๋งมองดูบุตรชายของตนที่พล่ามไม่หยุดทำให้นางรู้สึกเคืองนิดๆ ที่บุตรของตนนั้นมิรู้เรื่องอันใดเสียเลย
''เยียนเยียนมิได้มากวนข้าหรอก'' เฉินมู่อิ๋งนางนั้นอยากจะพูดออกไปเสียจริงว่าวันนี้เด็กสาวมาบอกลานางแต่ว่านางพูดออกไปมิได้เพราะว่าเด็กสาวขอร้องไว้มิให้บอก
''ว่าแต่พวกเจ้าสองคนเจอเยียนเยียนมางั้นรึ''
''ขอรับ แต่นางนั้นทำตัวไม่มีมารยาทเสีย แม่นางไป๋ขอโทษนางไปแล้ว แต่นางกลับทำตัวว่าตัวเองนั้นมิได้มีความผิดเลยสักนิด''
เฉินลู่เจินเล่าให้ท่านแม่ของเขาฟังเรื่องที่เกิดขึ้นวันนั้น แต่กลับกันนางกลับเชื่อเยียนเยียนมากกว่าเหตุใดเด็กสาวถึงทำอย่างนั้น นางต้องมีเหตุผลเป็นแน่เพราะว่านางรู้จักเด็กสาวผู้นี้เป็นอย่างดี ผิดกลับคนตรงหน้านางตอนนี้ที่ภายนอกนั้นนางทั้งเรียบร้อยอ่อนหวานแต่กลับรู้สึกว่าทั้งหมดที่นางทำอยู่นั้นคือการแสดง