5.1 แพ็กเกจหายนะ

1741 คำ
ห้า แพ็กเกจหายนะ จันทราข้างแรมส่องแสงบนผืนฟ้ายามราตรี มหานครหมอกอสูรเข้าสู่ห้วงเวลาแห่งการหลับใหล ทว่าเซียงรื่อกลับนอนไม่หลับ ไม่สิ...ไม่ใช่แค่นอนไม่หลับ แต่ร่างกายของเธอยังร้อนรุ่มราวกับมีเปลวเพลิงสุมอยู่ภายใน นอกจากนี้ยังมีอาการหวิวๆ ราวกับขาดสิ่งสำคัญบางอย่าง ทำให้เธอกระวนกระวายใจอย่างบอกไม่ถูก ผู้ที่นอนไม่หลับเริ่มบิดและพลิกตัวไปมาอย่างกระสับกระส่าย ผ้านวมที่เคยห่อคลุมร่างถูกเธอเตะออกไปจนหมด ความรู้สึกหงุดหงิดพุ่งทะยานสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ชั่วขณะนั้นราวกับโสตประสาทของเธอฉับไวกว่าปกติ ใบหูทรงสามเหลี่ยมบนศีรษะกระดิกอย่างรวดเร็วเมื่อได้ยินเสียงลมหายใจจากอีกฟากหนึ่งของเตียง เซียงรื่อหันหน้าไปยังทิศทางดังกล่าว ภาพเงาร่างกำยำของบุรุษที่นอนหงายอย่างไร้เรี่ยวแรงกลับกระตุ้นสัญชาตญาณบางอย่างที่เก็บซ่อนอยู่ในตัวให้ปะทุขึ้นมา ม่านตาของหญิงสาวขยายใหญ่ ขณะที่เจ้าตัวคลานเข่าเข้าไปหาฝูหมิงอย่างแช่มช้า พวงหางสีอ่อนกวัดแกว่งไปมาในความสลัว ก่อนจะหยุดลงหน้าเป้าหมาย เธอไม่อาจหักห้ามความรู้สึกอยากสัมผัสอุณหภูมิร่างกายของผู้อื่น ราวกับเด็กน้อยที่โหยหาความอบอุ่นในค่ำคืนที่หิมะโปรยปราย เซียงรื่อก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเธอจะเปรียบเทียบให้มันฟังดูโรแมนติกไปทำไม สมองของเธอดูจะเพี้ยนๆ ชอบกล ประหนึ่งคนเมาไม่มีผิด ไวเท่าความคิด มือเรียวขาวที่สั่นน้อยๆ ก็เคลื่อนไปแตะลงตรงโคนขาของฝูหมิงอย่างแผ่วเบา จอมมารฝูหมิงรูปร่างกำยำล่ำสัน ขนาดต้นขายังฟิตแน่นเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ มันทำให้เธออดจินตนาการไม่ได้ว่าตรงส่วนอื่นเองก็คงไม่ต่างกัน อึก! เซียงรื่อกลืนน้ำลายผ่านลำคอที่แห้งผาก หัวใจที่เต้นแรงส่งผลให้เลือดลมสูบฉีดขึ้นใบหน้า ทั้งดวงตาและพวงแก้มของเธอร้อนผ่าวราวกับจะเป็นไข้ไปด้วยอีกคน ราวกับร่างกายนี้กำลังเคลื่อนไหวไปตามสัญชาตญาณดิบที่ซุกซ่อนอยู่ภายใน การเคลื่อนไหวทุกอย่างเป็นไปได้โดยอยู่เหนือการควบคุมของจิตใจ หญิงสาวโน้มใบหน้าเข้าหาผู้ที่หลับใหล จุมพิตแผ่วเบาลงที่ปลายจมูกโด่ง ร่างเล็กขึ้นคร่อมอยู่บนหน้าท้องซึ่งห่อทับด้วยผ้าพันแผล ปากที่เผยอออกเผยให้เห็นเขี้ยวเล็กๆ ที่เล็งเป้าหมายไปยังใบหูที่โผล่พ้นเรือนผมสีรัตติกาล “อือ...” เสียงครางทุ้มต่ำที่เล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากของเขา ปลุกเร้าให้ร่างเล็กยิ่งตื่นเต้น มือเล็กของเธอเริ่มปัดป่ายไปยังแผงอกกำยำและลูบคลำอย่างหนักหน่วง เธอเลิกขบเม้มใบหูของเขาแล้วจุมพิตไล่ลงมายังลำคอที่ร้อนจัด ลิ้นเล็กลากสะกิดเบาๆ ราวกับเด็กที่กำลังเลียไอศกรีมที่แสนอร่อย ความร้อนจากอุณหภูมิร่างกายของเขาเรียกเสียงครางหวานแผ่วเบาจากริมฝีปากสีชมพูระเรื่อ ครั้นเซียงรื่อผละใบหน้าออกห่าง นัยน์ตาที่เห่อร้อนก็มองสำรวจอีกฝ่ายอย่างละเอียดลออ กล้ามแขนของฝูหมิงที่ไม่ได้ถูกปกปิดด้วยผ้าพันแผลดูสวยงามและแข็งแกร่งจากการฝึกฝนร่างกายอย่างสม่ำเสมอ ลูกกระเดือกที่นูนเด่นออกมาจากลำคอและไรหนวดบางๆ ซึ่งไม่ได้ผ่านการโกนมาพักหนึ่งส่งผลให้เขาดูเซ็กซี่ไม่เบา เธอคิดพลางเลียกลีบปากของตนเอง ก้อนเนื้อในอกเต้นแรงกระหน่ำถี่ด้วยความตื่นเต้น ตึกตัก...ตึกตัก ทันใดนั้นสายตาของเธอก็เริ่มลากต่ำลงเรื่อยๆ จนไปถึงขอบกางเกงสีทึมซึ่งมีคราบเปื้อนโลหิตแห้งกรัง หญิงสาวระลึกได้ว่าเธอไม่ได้สั่งให้เด็กหนุ่มแฝดสามเปลี่ยนกางเกงให้เขา ถ้าปล่อยไว้แบบนี้รังแต่จะทำให้เตียงของเธอเลอะและเหม็น เธอไม่ชอบนอนเวลาที่เตียงมันสกปรกเสียด้วย ไม่เป็นไรหรอก...ก็แค่ช่วยเขาเปลี่ยนกางเกง นอกจากจะทำให้ไม่สกปรกแล้ว มันยังถือเป็นการช่วยให้เขาสบายตัวขึ้นด้วย เสียงที่ดังขึ้นในใจราวกับไม่ใช่เสียงของเธอแต่เป็นของคนอื่น ความรู้สึกปวดหน่วงที่ท้องน้อยส่งผลให้สีหน้าของเธอบิดเบี้ยวเล็กน้อย มือเล็กที่สั่นระริกตะปบลงตรงต้นขาก่อนจะเคลื่อนขึ้นไปแตะตรงผ้าที่มัดตรงขอบกางเกงสีทึมอย่างเชื่องช้า... เพียะ! เซียงรื่อเอามือตบแก้มตนเองอย่างแรง นี่เธอทำบ้าอะไรลงไป! เธอคิดจะลักหลับผู้ชาย แถมผู้ชายที่ว่ายังเป็นลาสต์บอสที่ปักธงหายนะของเธออีกต่างหาก! “เกือบไปแล้ว” หญิงสาวบ่นพึมพำ พวงแก้มที่เจ็บหนึบๆ ส่งผลให้สติที่พร่ามัวเมื่อก่อนหน้านี้กลับคืนมาอย่างช้าๆ เธอรีบกลิ้งตัวถอยร่นกลับไปชิดผนังห้องซึ่งอยู่อีกฟากหนึ่งของเตียงดังเดิม มือขยุ้มเรือนผมสีชมพูอ่อนของตนเอง “ร้ายกาจยิ่งนัก สัญชาตญาณดิบของเจ้าเมืองนี่...โคตรน่ากลัว” หากมิใช่เกรงว่าจะมีคนที่เฝ้าอยู่ด้านนอกวิ่งพรวดเข้ามาข้างใน เซียงรื่อคงแหกปากตะโกนลั่นห้องไปแล้ว เธอใช้ชีวิตมายี่สิบสามปียังไม่เคยแต๊ะอั๋งกินเต้าหู้ผู้ชาย แต่คราวนี้เธอกำลังจะลักหลับบุรุษที่ป่วยอยู่! “ฟู่...” เซียงรื่อผ่อนลมหายใจพลางยกมือปิดหน้าด้วยความละอาย ทว่าต่อให้จิตสำนึกถูกปลุกขึ้นมาได้สำเร็จ ร่างกายอันไร้สำนึกนี่ก็ดูท่าจะไม่ยินยอมง่ายๆ ความแช่มชื้นเบาบางตรงจุดที่อ่อนไหวส่งผลให้เธอเสียดสีต้นขาเข้าด้วยกันอย่างลืมตัว ลมหายใจที่หอบถี่ต่างกับเสียงลมหายใจอีกคนหนึ่งที่หลับใหลอย่างสงบ เจ้าตัวรีบดึงผ้านวมขึ้นมาคลุมโปงพลางงอตัวด้วยสีหน้าทุกข์ทรมาน สุดท้ายถึงขั้นต้องใช้วิธีคอยหยิกมือและแขนของตนเองอยู่แทบตลอดทั้งคืนเพื่อให้ประคองสติไว้ได้ ...และกว่าเซียงรื่อจะรู้ตัวอีกที แสงอรุณของเช้าวันใหม่ก็แตะขอบฟ้าเสียแล้ว ณ บริเวณชายป่าสนพิษ ต้นยามเหม่า[1] ช่วงเวลาเช้ามืดของฤดูใบไม้ผลิอากาศค่อนข้างเย็น เหล่าบุรุษชุดดำจำนวนยี่สิบนายซึ่งมีผ้าคาดปกปิดใบหน้าขี่ม้าห้อตะบึงสร้างฝุ่นคลุ้ง ด้านหน้าสุดมีร่างสูงใหญ่ผิวสีน้ำผึ้งบนหลังสัตว์อสูรกวางสีดำสนิท เขาทั้งสองข้างเป็นเถาวัลย์ซึ่งมีบุปผาสีขาวแบ่งบานเป็นหย่อมๆ ครั้นผู้ที่นำทางอยู่ด้านหน้ากระชากบังเ**ยนเพื่อให้สัตว์อสูรที่ใช้เป็นพาหนะหยุดเคลื่อนไหว กลุ่มคนที่ขี่อาชาไล่หลังก็หยุดตาม สายตาของพวกเขากวาดมองไปรอบๆ อย่างหวาดระแวง ก่อนที่ความสนใจทั้งหมดจะเพ่งกลับไปทางหัวหน้าของพวกเขาอีกครั้ง รุ่ยคุนตวัดขาลงจากสัตว์อสูรของตน เรือนผมสีชาเกล้าสูงเป็นทรงหางม้า เผยใบหน้าเกลี้ยงเกลาเปื้อนยิ้มของบุรุษวัยยี่สิบหกปี หากชายหนุ่มเดินเตริดเตร่อยู่ตามท้องถนนก็คงถูกผู้คนมองว่าเป็นจอมยุทธ์ที่หน้าตาดีคนหนึ่ง หารู้ไม่ว่าภายใต้ฉากหน้าที่ดูเป็นมิตรไม่มีพิษไม่มีภัยนี้จะซุกซ่อนอสรพิษที่ร้ายกาจเอาไว้ รุ่ยคุน ผู้นำตระกูลรุ่ยคนปัจจุบันซึ่งปกครองดูแลกิจการสีเทาที่ใหญ่ที่สุดในแคว้นหยาง ตลาดมืดและสินค้าผิดกฎหมายต่างๆ ล้วนอยู่ในกำมือของบุรุษผู้นี้ทั้งสิ้น! “พวกเจ้าบอกว่าเขาหายตัวไปแถบนี้?” เสียงนุ่มทุ้มของบุรุษผิวสีน้ำผึ้งถึงสติของพวกเขากลับมา “ขอรับ ท่านหัวหน้า” “กว่าจะมีโอกาสดีๆ แบบนี้นั้นหาได้ไม่ง่าย...” รุ่ยคุนเอามือลูบคางพลางกวาดตามองไปรอบๆ อย่างสำรวจ ป่าสนพิษแห่งนี้ตั้งอยู่ทางตอนใต้สุดของอาณาเขตแคว้นหยาง ขึ้นชื่อเรื่องสัตว์อสูรและพืชที่มีพิษร้ายแรง หลายปีที่ผ่านมาลูกน้องที่ถูกส่งมาเก็บของในป่าสนพิษมักจะรอดกลับไปไม่ถึงสี่ส่วน แต่ในเมื่อยังไม่พบศพ...ก็มีโอกาสที่เป้าหมายของเขาจะยังมีชีวิตอยู่ ฝูหมิง ประมุขพรรคมังกรดำซึ่งตั้งอยู่ในป่าทมิฬในแคว้นหยินแต่แผ่ขยายอิทธิพลมาถึงแคว้นหยาง จอมมารอันดับหนึ่งในยุทธภพที่นับวันก็ยิ่งคุกคามและแย่งผลประโยชน์ของตระกูลรุ่ย เป็นเสี้ยนหนามสำคัญที่ก่อกวนขุมเงินขุมทองที่ต้นตระกูลของเขาพากเพียรปูทางมานับแต่อดีต เมื่อเร็วๆ นี้ เครือข่ายตระกูลรุ่ยสืบรู้จุดอ่อนที่สำคัญของตระกูลฝูหลังจากการจับตาดูมาอย่างยาวนานถึงเจ็ดปี จอมมารอันดับหนึ่งที่มีพลังทำลายล้างอันแข็งแกร่งและมีการฟื้นฟูร่างกายที่รวดเร็วอย่างไม่น่าเชื่อกลับอ่อนแอเมื่อสัมผัสโดนไข่มุกราตรี ไข่มุกราตรีนี้เป็นสิ่งที่ใช้กำราบสัตว์อสูรให้อ่อนแรงและไม่สามารถใช้พลังไร้รูป ครั้นรุ่ยคุนค้นคว้าประวัติความเป็นมาของสกุลฝูและนำมาประกอบเข้าด้วยกัน เขาก็สันนิษฐานได้ว่าพลังของตระกูลฝูคงมีความเกี่ยวข้องกับสัตว์อสูร ด้วยเส้นผมสีเงินขาวที่ผิดแผกจากมนุษย์ทั่วไปทำให้มีความเป็นไปได้สูงว่าพวกเขาคงมีสายเลือดของสัตว์อสูรไหลเวียนอยู่ในร่าง สัตว์อสูรจะต้องจำศีลทุกๆ สิบสองปี และในปีนี้ที่ฝูหมิงอายุครบยี่สิบสี่ปีบริบูรณ์...ภายในพรรคมังกรดำก็มีการประกาศออกมาว่าประมุขของพวกเขาจะกักตัวเพื่อฝึกยุทธ์ เป็นจังหวะที่ประจวบเหมาะเกินกว่าจะมองข้ามไปได้ แต่ต่อให้เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญเพียงไร รุ่ยคุนก็ไม่คิดจะปล่อยให้มือของตนเองต้องเปื้อนเลือด เขาส่งกลุ่มมือสังหารไปลองเชิงเพื่อดูลาดเลา นึกไม่ถึงว่าจะเกิดการต่อสู้พัวพันกันอย่างยาวนานหลายวันจนกระทั่งมาถึงที่ป่าสนพิษแห่งนี้ “เจ้าบอกว่าฝูหมิงที่พวกเจ้าพบมีผมสีดำและไม่มีพลังไร้รูป?” [1] ยามเหม่า คือเวลาประมาณ 05.00 – 06.59 น.
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม