แต่เซียงรื่อคิดว่าขืนเธอกินไปมากกว่านี้...เธออาจจะอาเจียนออกมาเลยก็เป็นได้
หญิงสาวคิดพลางถืออ่างน้ำกับผ้าผืนหนึ่งไปหลังฉากกั้น ยามปลดชุดที่สาวใช้ช่วยสวมใส่ให้ก็ถึงกับขมวดคิ้วยุ่ง หลังจากพยายามจำลำดับขั้นตอนของการใส่ชุดแต่ละชั้นได้แค่ครึ่งหนึ่งก็ล้มเลิกความคิดกลางคัน
อาหารหนึ่งมื้อไม่อาจทำให้คนอ้วนพลี[1] หากเธอค่อยๆ เรียนรู้การสวมใส่ชุดโบราณไปทีละนิดก็ย่อมสำเร็จได้ในวันข้างหน้า
เซียงรื่อหลุดหัวเราะให้กับความคิดในแง่บวกสุดขีดของตนเอง เอาผ้าชุบน้ำทำความสะอาดร่างกายแล้วผลัดเปลี่ยนชุดสำหรับใส่นอนที่จำนวนชั้นน้อยกว่า ทว่าเนื้อผ้าของมันห่างไกลจากชุดนอนที่แสนนุ่มสบายที่เธอใส่ในโลกปัจจุบันลิบลับ
เธอเชื่อว่าในการ์ตูนคงมีผ้าเนื้อดีซึ่งถักทอจากไยชั้นเลิศอยู่บ้าง แต่เพราะมหานครหมอกอสูรเป็นเมืองปิดที่ไม่ติดต่อกับโลกภายนอกมานาน ดังนั้นเสื้อผ้าอาหารทุกอย่างจึงทำจากผู้คนที่อาศัยอยู่ภายในเมืองเองเท่านั้น
ทว่าความลับไม่มีในโลก ไม่ช้าไม่เร็วก็ต้องมีคนรู้จักเมืองแห่งนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง...เมื่อพวกเธอจับตัวประมุขพรรคมารอับดับหนึ่งซึ่งเป็นที่หมายตาของผู้คนทั่วทั้งยุทธภพมาที่นี่
เซียงรื่อถอนหายใจแล้วเดินไปปิดบานหน้าต่างที่มีสายลมเย็นพัดโชยเข้ามา เทียนไขภายในห้องวูบไหวส่องแสงสีเหลืองนวล ส่งผลให้เสี้ยวหน้าของชายหนุ่มร่างกำยำบนเตียงดูอ่อนละมุนลงหลายส่วน
หญิงสาวคว้าอ่างน้ำและผ้าสะอาดผืนใหม่ไปวางอยู่บนโต๊ะข้างหัวเตียง
หากไม่นับว่าเขาเป็นตัวละครที่ถูกสร้างขึ้นมาในโลกของการ์ตูน ตอนนี้ก็เท่ากับว่าเธอกำลังจะเช็ดตัวให้กับตัวอันตรายอันดับต้นๆ ของยุทธภพเลยทีเดียว
“พอเจ้าตื่นแล้ว เจ้าต้องดีกับข้าให้มากๆ ดีกับข้าให้มากๆ รู้ไหม” เซียงรื่อบิดผ้าเช็ดตามใบหน้าและลำคอให้เขาอย่างเบามือ
คนแก่ในย่านชุมชนที่เธออาศัยอยู่เล่าว่า ในช่วงเวลาที่คนล่องลอยอยู่ระหว่างความเป็นกับความตาย ช่วงวินาทีนั้นจิตใจของเราจะบอบบางที่สุด หากมีสิ่งใดมากระทบก็มักจะจดจำฟังใจ เสียงที่เธอพูดกับฝูหมิงน่าจะประทับตราตรึงเข้าสู่จิตใต้สำนึกของเขา คล้ายกับสัญชาตญาณของลูกเจี๊ยบที่เดินตามสิ่งแรกที่เห็นเพราะหลงคิดว่าเป็นแม่
กริก...กริก...
เสียงโซ่ที่กระทบโดนผิวบางในระหว่างเช็ดตัวให้เขาดึงดูดความสนใจของเซียงรื่อกลับมา แค่เขาเป็นไข้ก็สาหัสพออยู่แล้ว การต้องมีโซ่รัดถ่วงข้อมือกับข้อเท้าก็รังแต่จะทำให้ทรมานเสียเปล่า ดังนั้นเธอจึงตั้งใจจะปลดมันออก ถือเป็นการฝึกฝนกำลังภายในไปในตัว
เซียงรื่อหลับตาแล้วเพ่งสมาธิไปยังตำแหน่งท้อง รับรู้ถึงขุมพลังร้อนจัดที่ไหลเวียนขดไปมาเหมือนน้ำวน เมื่อเธอคิดถึงภาพที่ตัวเองผลักร่างของฝูหมิงจนลอยกระเด็นจากพื้น หญิงสาวก็ถึงกับกลืนน้ำลายแล้วขมวดคิ้วแน่นขึ้น
ต้องระวังเรื่องการใช้พลังให้พอดี หากมากไปก็อาจทำให้ทั้งเธอและฝูหมิงบาดเจ็บด้วยกันทั้งคู่
ใช้พลังแค่สามในสิบส่วน...เพ่งพลังไปที่ปลายนิ้วโป้ง ชี้และกลางของมือทั้งสองข้าง
เหงื่อเม็ดใสๆ ผุดขึ้นบนหน้าผากมน กลีบปากสีหวานเม้มเข้าหากันเป็นเส้นตรงขณะที่ปลายนิ้วของเจ้าตัวเกร็งแน่นจนเห็นเส้นเลือดปูดโปน
เซียงรื่อหลับตาเมื่อรับรู้ถึงขุมพลังอุ่นร้อนที่ไหลจากบริเวณท้องขึ้นผ่านกระดูกสันหลังแล้วเคลื่อนมายังแขนทั้งสองข้าง ครั้นมันไหลมาถึงปลายนิ้ว เธอก็คว้ามือจับเข้าที่โซ่ตรงข้อมือข้างซ้ายของเขาทันที
เคร้ง!
โซ่เหล็กที่ถูกกระชากขาดในคราวเดียวเผยให้เห็นรอยแผลที่เกิดจากการเสียดสี โลหิตที่ไหลซิบๆ จากปากแผลดูไม่น่ามองเอาเสียเลย
หญิงสาวผ่อนลมหายใจออกจากปากเมื่อผลการใช้กำลังภายในดูเหมือนจะดำเนินไปได้ด้วยดี แต่หากจะให้มันมีศักยภาพมากพอในการใช้งานได้จริง เธอจำเป็นต้องฝึกฝนเรื่องการเลือกใช้สัดส่วนของพลังที่มีและดึงมันออกมาใช้งานให้เร็วกว่านี้
เซียงรื่อลองทดสอบดูกับโซ่เส้นที่เหลือจนกระทั่งข้อมือและข้อเท้าของฝูหมิงได้รับอิสระ พอเช็ดแผลเหล่านั้นแล้ว เธอก็พยายามหายามาทาได้เขาเพิ่มเติม แต่เนื่องจากในห้องของท่านเจ้าเมืองไม่มีกล่องยาและเธอเองก็ไม่อยากเรียกคนเข้ามารบกวน เธอจึงทำเพียงแค่หาผ้าเช็ดหน้าจากหีบผ้ามาผูกปิดแผลให้เขาแทน
ภาพของบุรุษเปลือยกายท่อนบน มีผ้าพันแผลห่อปกคลุมแผงอกจนถึงท้องและผ้าเช็ดหน้าสีชมพูหวานแหววมัดเป็นโบว์ที่ข้อมือและข้อเท้าสี่ข้างทำให้ผู้มองรู้สึกจั๊กจี้หัวใจพิกล หากนี่เป็นการ์ตูนแนวอิโรติกก็คงเป็นฉากที่พระเอกห่อตัวเองเป็นของขวัญแล้วส่งขึ้นเตียงให้กับนางเอกก่อนจะเริ่มกิจกรรมหรรษาตามท้องเรื่อง
เซียงรื่อยกแขนเสื้อซับเหงื่อที่ผุดขึ้นตามใบหน้าและลำคอ ครั้นมองเลยไปยังเตียงด้านในก็เห็นว่ามันมีเนื้อที่กว้างมากพอที่จะให้คนอีกสองคนนอนหลับได้อย่างสบาย
หากพรุ่งนี้เช้ามีสาวใช้เข้ามาเห็นเธอนอนอยู่บนตั่งหรือพื้นก็คงพากันสงสัย ในเมื่อเตียงนี้ก็ออกจะกว้าง...ฝูหมิงเองก็ป่วยหนักไม่ได้สติ เธอก็ขอนอนตัวลีบๆ ตรงมุมด้านในก็แล้วกัน
เมื่อตัดสินใจได้ดังนั้น ร่างเล็กก็ปลดเงื่อนที่ผูกมุ้งตรงเสาเตียงอย่างไม่รีบร้อน ผ้าสีขาวโปร่งที่ปล่อยตัวลงมาส่งผลให้ภาพบนเตียงดูเลือนลาง พอดับเทียนไข ภายในห้องนอนก็ถูกปกคลุมด้วยความมืด
บรรยากาศช่างเหมาะแก่การนอนหลับพักผ่อน ทว่าร่างกายของท่านเจ้าเมืองกลับห่างไกลคำว่า ‘สงบ’
วิญญาณจากต่างถิ่นเริ่มขมวดคิ้วเมื่อรับรู้ถึงความผิดปกติของร่างกายตนเอง อุณหภูมิยามค่ำคืนและการแต่งกายด้วยผ้าเนื้อบางควรทำให้รู้สึกเย็น...แต่เธอกลับร้อนวูบวาบตั้งแต่หัวจรดเท้า
ทันใดนั้น คำเตือนของอวิ๋นซูที่พูดกับเธอเมื่อช่วงบ่ายก็วาดผ่านความคิด
“เจ้าหยุดสัญชาตญาณของร่างกายท่านเจ้าเมืองไม่ได้หรอก”
“ช่วงแรกๆ เจ้าอาจพอข่มกลั้นมันได้ แต่ในระยะยาว เจ้าอดทนไม่ได้แน่”
ล้อเล่นน่า...ท่านเจ้าเมืองอาการหนักถึงขั้นนี้เชียวหรือ!
เซียงรื่อเอามือลูบแก้มก่อนจะส่ายหน้าไปมาแรงๆ ถ้าเธอไม่คิดเสียอย่างก็คงไม่มีปัญหา ไม่ว่ายังไงจิตใจก็ต้องอยู่เหนือร่างกาย เธอจะไม่ยอมตกเป็นทาสกามอารมณ์อย่างเด็ดขาด!
หญิงสาวคิดได้ดังนั้นก็เชิดหน้าเหยียดหลังตรงอย่างผึ่งผายราวกับพลทหารกล้าที่กำลังมุ่งหน้าไปยังสนามรบ เมื่อก้าวขึ้นเตียงเสร็จก็กระโดดผ่านร่างของฝูหมิงราวกับอีกฝ่ายเป็นแค่ท่อนไม้ท่อนหนึ่ง จากนั้นก็กระเถิดตัวชิดเข้าที่ผนังด้านในแล้วนอนตะแคงหันหลัง ดึงผ้านวมผืนนุ่มขึ้นมาคลุมมิดถึงลำคอ
...ทว่าเซียงรื่อหารู้ไหมว่า นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของค่ำคืนที่แสนยาวนานเท่านั้นเอง
[1] มาจากสำนวน ********คล้ายคลึงกับสำนวน ‘กรุงโรมไม่ได้สร้างเสร็จในวันเดียว’ หมายถึงงานชิ้นใหญ่ต้องใช้ความพยายามและความขยันติดต่อกันเป็นเวลานานจึงจะสำเร็จ