4.2 ร่างกายจดจำ

1729 คำ
“ท่านเจ้าเมือง เป็นข้าเองเจ้าค่ะ” เสี่ยวหลานเป็นผู้ตอบ “ข้านำอาหารเย็นมาให้ท่าน” ข้าวเย็น? หมายความว่าที่ผ่านมาท่านเจ้าเมืองชอบกินอาหารเย็นในห้องนอน...เซียงรื่ออดคิดไม่ได้ว่านางเอาแต่ขลุกอยู่กับทาสบำเรอกามเหล่านั้นอย่างหนักหน่วงจนน่าเป็นห่วงจริงๆ นั่นแหละ ...ในเมื่อท่านเจ้าเมืองขยันขันแข็งเสียขนาดนี้ ในยุคสมัยโบราณก็ไม่ได้มีระบบป้องกันอะไรที่จะได้ผลหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ก็น่าแปลกที่ไม่มีการพูดถึงการตั้งครรภ์ของนางจนกระทั่งถูกฝูหมิงฆ่าตาย “ท่านเจ้าเมือง?” ผู้ที่ยืนอยู่ด้านนอกส่งเสียงอีกรอบเมื่อไม่ได้รับคำตอบรับจากหญิงสาว เซียงรื่อที่กำลังครุ่นคิดเรื่องอื่นอย่างใจลอยดึงสติกลับมา “เข้ามาได้” บานประตูไม้ที่เปิดออกเผยให้เห็นร่างของหญิงสาวในชุดสีน้ำตาลอ่อนซึ่งมีรอยม่วงคล้ำตรงลำคอ เธอคิดว่าเสี่ยวหลานควรพักผ่อนให้มากกว่านี้สักวันสองวัน แค่นางกลับดึงดันที่จะมารับใช้ท่านเจ้าเมืองต่อ แถมฝูหมิงก็อยู่ในห้องนี้ด้วย นางไม่กลัวเลยหรืออย่างไรกันนะ? “หืม...” เซียงรื่อครางเบาๆ ในลำคอเมื่อสังเกตเห็นความผิดปกติบางอย่างของเสี่ยวหลาน ไม่ใช่ว่านางไม่กลัว สังเกตจากมือถือถาดอาหารที่กำลังสั่นนั่นแล้ว เห็นได้ชัดว่านางกลัวและขยาดฝูหมิงมากแค่ไหน ดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้สูงว่านางไม่ได้มารับใช้ท่านเจ้าเมืองด้วยความเต็มใจ แต่เพราะจำเป็นต้องมาต่างหาก อวิ๋นซูอย่างนั้นหรือ? เจ้าของเรือนผมสีชมพูอ่อนมองตามสายตาของเสี่ยวหลาน เมื่อพบว่านางกำลังมองมือใหญ่ของฝูหมิงที่จับข้อมือเธอไว้ เซียงรื่อก็จัดการแงะมือของตนกลับออกมา การกระทำที่ไม่รีบร้อนและดูเป็นธรรมชาติต่างจากเมื่อครู่ลิบลับ พอเสี่ยวหลานวางถาดอาหารลงบนโต๊ะกลมค่อยหยัดกายลุกออกจากเตียง กลิ่นหอมของอาหารที่เพิ่งทำเสร็จใหม่ๆ ทำให้คนที่แต่เดิมไม่หิวเริ่มแสบท้องขึ้นมา ครั้นทรุดกายนั่งลงบนเก้าอี้ ดวงตาสีม่วงก็ก้มมองสำรับอาหารที่ส่งควันสีขาวลอยคลุ้ง ข้าว ผัก เต้าหู้แล้วก็ถั่ว หืม...นั่นมันเหอเถา[1] ไม่ใช่เหรอ? เซียงรื่อหยุดมองเหอเถาเนิ่นนานเป็นพิเศษ ปกติเธอไม่ค่อยมีโอกาสได้กินเท่าไรเพราะราคามันค่อนข้างแพง ในการ์ตูนเรื่องนี้ สัตว์อสูรทุกตัว ไม่ว่าจะเป็นสัตว์นักล่าอย่างหมีหรือว่าเสือ เรื่อยจนถึงปลาที่อยู่ในน้ำก็ล้วนแล้วแต่ไม่กินเนื้อ ผู้ที่เป็นลูกหลานของมันไม่ว่าจะผสมเข้ากับมนุษย์หรือไม่ก็ยังยึดกฎข้อนี้อยู่ เห็นว่าฝูหมิงเองก็กินเนื้อสัตว์ไม่ได้ ถ้ากินเข้าไปโดยบังเอิญจะทำให้ท้องร่วงท้องเสียอย่างรุนแรง บางตัวถึงตายไปเลยก็มี ไวเท่าความคิด เจ้าตัวก็หยิบค้อนเล็กสำหรับทุบเปลือกถั่ว อีกมือหยิบเหอเถามาหุบเปลือกออกแล้วส่งมันเข้าปาก เนื้อถั่วที่กรุบกรอบและรสชาติมันๆ ที่ติดขมเล็กน้อยทำให้หญิงสาวตั้งท่าจะหยิบเอาเม็ดที่สองมากินต่อ แต่เนื่องจากเจ้าตัวรับรู้ถึงสายตาของเสี่ยวหลานที่มองอยู่ เธอจึงกลอกตาเล็กน้อยแล้วหันไปหยิบตะเกียบไม้มาคีบอาหารเข้าปากแทน เซียงรื่อไม่ใช่ประเภทที่ให้ความสนใจกับเรื่องของกินสักเท่าไร การทำงานหนักทำให้บางครั้งเธอต้องงดอาหารบางมื้อด้วยซ้ำ พอเลิกงานก็มักจะฝากท้องไว้กับข้าวกล่องสำเร็จรูปในร้านสะดวกซื้อหรือไม่ก็อาหารกระป๋องกึ่งสำเร็จรูป เมื่อต้องมารับมือกับสำรับอาหารแบบเต็มสูตรซึ่งมีข้าว กับข้าวสามอย่างพร้อมกับน้ำแกงแบบนี้ เซียงรื่อที่ไม่คุ้นชินจึงไม่เจริญอาหารเท่าที่ควร การกินอาหารพวกนี้มันยุ่งยากเกินไป หากเลือกได้...เธออยากกินแค่เหอเถาอย่างเดียวก็พอ ผู้ทำหน้าปั้นยากหันขวับไปทางด้านหลังเมื่อสัมผัสได้ว่ามีบางสิ่งสัมผัสเข้ากับพวงหางของตน พบว่าเป็นสาวใช้ที่กำลังใช้หวีสางขนสีชมพูอ่อนที่หางนุ่มสลวยให้เธออย่างเบามือ แน่นอนว่าเซียงรื่อไม่เคยมีหางมาก่อน ในใจจึงรู้สึกย้อนแย้งอย่างยิ่ง จะว่ารู้สึกดีไหมก็ใช่ แต่ในขณะเดียวกันมันยังมีความแปลกพิลึกแทรกเข้ามาด้วย ทันใดนั้น มุมปากก็กระตุกขึ้นเป็นรอยยิ้มซุกซน ว่ากันว่าหางของกระรอกมีส่วนช่วยในการทรงตัว ไม่ว่าจะเป็นยามเดิน วิ่งหรือว่ากระโดด แต่เธอคิดว่ามันน่าจะเอาไว้ใช้ทำประโยชน์อย่างอื่นได้ด้วย... เสี่ยวหลานซึ่งกำลังสางขนหางให้ผู้เป็นเจ้าเมืองอย่างพิถีพิถันถึงกับชะงักเมื่อจู่ๆ พวงหางที่ตั้งตรงก็เริ่มกวัดแกว่งส่ายไปมาตรงหน้านาง “อา...” อีกฝ่ายเอามือปิดแก้ม สีหน้าดูเคลิ้มฝัน “พวงหางสีชมพูอันสง่างามของท่านเจ้าเมือง งดงาม...งดงามเหลือเกิน! ฮึก!” หญิงสาวเจ้าของเรือนผมสีน้ำเงินอมเทากล่าวจบก็นิ่วหน้าอย่างเจ็บปวด เซียงรื่อหยุดสะบัดหางแล้วหรี่ตามองดูผู้เป็นสาวใช้ แผลที่ลำคอของนางยังไม่หายดี แค่พยายามพูดหรือขยับตัวตามปกติก็เจ็บอยู่แล้ว พอมาตะเบ็งเสียงแบบนี้ก็ไม่แปลกที่จะร้าวระบม นางไม่จำเป็นต้องพยายามถึงเพียงนี้เลยแท้ๆ อวิ๋นซูน่าจะมีคนอื่นที่สามารถใช้งานได้นอกจากเสี่ยวหลานมิใช่หรือ “ท่านเจ้าเมืองเจ้าคะ หากท่านเมตตา...” เซียงรื่อทราบดีว่านางอยากให้เธอใช้พลังไร้รูปของกระรอกหยกชมพูช่วยรักษา...แต่โชคร้ายนักที่ตอนนี้เธอยังใช้งานมันไม่เป็น ดังนั้นการใช้นิสัยของท่านเจ้าเมืองคงเป็นทางออกที่ดีที่สุดในเวลานี้ “เสี่ยวหลาน” หญิงสาวยกขาไขว่ห้าง เอามือกอดอกพลางเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย “วันนี้ข้าให้นามใหม่แก่เจ้า ทั้งยังช่วยชีวิตเจ้าไว้แล้วครั้งหนึ่ง หากวันนี้ข้าช่วยเจ้าอีก...เจ้าคิดว่าเจ้าจะรับไหวรึ” หางเสียงที่ตวัดขึ้นและแหบกว่าปกติเล็กน้อยทำให้ท่านเจ้าเมืองดูทะนงและโอหัง หากในขณะเดียวกันก็ยังแฝงไปด้วยเสน่ห์ของผู้ที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดไว้อย่างไร้ที่ติ “ขะ...ข้า...” “เจ้ามีอะไรจะโต้แย้ง?” กลิ่นอายกดดันจากหญิงสาวส่งผลให้เสี่ยวหลานก้มหน้างุด “มะ...ไม่เจ้าค่ะ” “ดี” เซียงรื่อหัวเราะในลำคอ “หากวันไหนข้าอารมณ์ดีเมื่อไร ข้าค่อยรักษาคอให้เจ้า” เสี่ยวหลานไม่มีสิทธิ์ที่จะแสดงความคิดเห็นใดๆ เกี่ยวกับการตัดสินใจของผู้เป็นนาย จึงได้คุกเข่าพร้อมก้มหน้ารับคำเพียงอย่างเดียวเท่านั้น “ขอบพระคุณท่านเจ้าเมืองเจ้าค่ะ” ทว่าผู้ที่ขานรับก็ถึงกับผงะเมื่อนิ้วเรียวของเซียงรื่อเชยเข้าที่คางและรั้งให้นางเงยหน้าขึ้นสบดวงตาสีม่วงสวย “เจ้าไปเอาอ่างน้ำกับผ้าสะอาดสองผืนมาให้ข้าแทน” “ท่านเจ้าเมืองจะเอามาทำอะไรหรือเจ้าคะ” “ข้าไม่จำเป็นต้องตอบเจ้ากระมัง” ลมหายใจของเสี่ยวหลานสะดุดเล็กน้อย “แล้ววันนี้ท่านเจ้าเมืองจะให้ทาสคนใดมาปรนนิบัติท่านดีเจ้าคะ” ทีแรกเซียงรื่ออ้าปากเตรียมจะปฏิเสธ แต่เพราะกลัวว่ามันจะดูผิดสังเกตมากเกินไป สายตาของเธอจึงเบนไปทางร่างใหญ่กำยำบนเตียงแทน “ข้าก็มีอยู่แล้วอย่างไร” “แต่...” เสียงของเสี่ยวหลานสั่นอย่างเห็นได้ชัด “แต่เขาป่วยอยู่ เกรงว่าคงไม่อาจปรนนิบัติท่านได้ดีพอ” “ข้าชอบอะไรที่แปลกใหม่ มันท้าทายดี” เธอพูดเองขนลุกเอง “แล้วเรื่องอาบน้ำ...” “ข้าเพิ่งอาบน้ำไปเมื่อไม่นานมานี้เอง เจ้าเตรียมผ้าชุบน้ำให้ข้าเช็ดตัวก็พอ” เธอเอ่ยมาถึงตรงนี้ก็ดึงสายตากลับมามองใบหน้าผู้เป็นสาวใช้อีกครั้ง “เสี่ยวหลาน วันนี้เจ้ากลับไปพักผ่อนแต่หัววันแล้วใช้เวลาไตร่ตรองดูให้ดี วันนี้เจ้ารอดชีวิตได้อย่างไร...ความปลอดภัยของเจ้าขึ้นอยู่กับความเมตตาของใคร เรื่องนี้...เจ้าคงแยกแยะได้กระมัง” น้ำเสียงจริงจังซึ่งแฝงไปด้วยอำนาจ ส่งผลให้เสี่ยวหลานกลืนน้ำลายเฮือก นางหลุบตาเพื่อเลี่ยงหลบสายตาของเซียงรื่อก่อนจะค้อมศีรษะลงต่ำ “เจ้าค่ะ กลิ่นอายกดดันรอบตัวเซียงรื่อจางหายไปราวกับไม่เคยเกิดขึ้น มือบางเลื่อนไปลูบศีรษะของเสี่ยวหลานอย่างนุ่มนวล “กลับไปคิดดูว่าผู้ใดกันแน่ที่เป็นเจ้านายที่แท้จริงของเจ้า” กายของเสี่ยวหลานสั่นเทิ้ม รีบค้อมศีรษะแล้วถอยออกไปจากห้องอย่างเงียบเชียบ หนึ่งในแฟนคลับของกระรอกหยกชมพู แต่ไม่ใช่แฟนคลับของท่านเจ้าเมือง...สินะ หญิงสาวคิดพลางหันกลับไปคีบอาหารกินอีกสองสามคำ จากนั้นค่อยหยิบค้อนทุบเปลือกเหอเถากินต่อ ดวงตะวันคล้อยต่ำย้อมท้องฟ้ากลายเป็นสีแสด แสงสีแดงส้มสาดประกายผ่านม่านโปร่งเข้ามาในห้องนอนส่งผลให้บรรยากาศอันเงียบเหงาดูอบอุ่นขึ้นมา สัญชาตญาณของสัตว์มักจะมุ่งกลับรังเมื่อตะวันตกดิน เช่นเดียวกับมนุษย์ทุกคนที่หวนนึกถึงบ้านเมื่อราตรีมาเยือน กู้ชิงกับกู้เฉิง แฝดผมแดงคนโตและคนกลางเข้ามาในห้องพร้อมกับอ่างน้ำและผ้าสะอาดสามผืน พวกเขากล่าวชมเธอสองสามประโยคก็จุดเทียนไขเพื่อให้ห้องสว่าง ถลึงตามองฝูหมิงที่นอนป่วยอย่างดุดันไปทีหนึ่ง จากนั้นก็หิ้วสำรับอาหารที่เธอกินไปไม่ถึงครึ่งออกไปด้วยสีหน้าเคร่งขรึม พวกเขาคงคิดว่าวันนี้ท่านเจ้าเมืองของพวกเขาไม่เจริญอาหารเท่าที่ควร [1] เหอเถา (**) แปลว่า วอลนัท
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม