แคว้นฉิน
ในอีกด้านหนึ่งสวีหลานฮวากำลังควบม้าลัดเลาะมาตามชายแดนแคว้นฉินด้วยแววตาที่ครุ่นคิด นางหนีออกมาจากเมืองต้าเทียนได้หลายวันแล้ว เพราะไม่อยากจะอภิเษกสมรสกับฝ่าบาท นางไม่ได้รักเขา ไม่ได้รู้สึกยินดีที่จะได้เป็นฮองเฮาของเขาเลยแม้แต่น้อย
นางรู้สึกผิดต่อสวีเหลียนฮวาเป็นอย่างมาก จะหาว่านางเห็นแก่ตัวก็คงไม่ผิดเท่าใดนัก แต่นางมิอาจทนยอมรับการแต่งงานในครั้งนี้ได้จริงๆ
นางยังอยากท่องเที่ยวไปในโลกกว้าง ได้ศึกษาความเป็นอยู่ของผู้คน นั่นคือสิ่งที่นางต้องการ และอรกเรื่องหนึ่งก็คือ นางต้องการมาพบกับคนรักของนาง
สวีหลานฮวาตัดสินใจที่จะใช้ชีวิตอยู่ที่แคว้นฉินแห่งนี้ นางมีตั๋วเงินและของมีค่าติดตัวมากมาย ที่นางเลือกแคว้นฉินก็เพราะที่นี่คือดินแดนของฉินอ๋อง อวิ๋นเสวี่ยเฟย ผู้เป็นเสด็จอาของฮ่องเต้อวิ๋นซีเฉิน เป็นแคว้นที่สงบสุขและปลอดภัยมากกว่าแคว้นอื่นๆ แม้จะดูไม่ปลอดภัยไปสักนิด และเสี่ยงที่จะถูกค้นหาตัวจนเจอ แต่นางก็จะพยายามใช้ชีวิตอย่างเงียบสงบ และไม่ให้ไปสะดุดตาผู้ใดเข้า และเพราะคนรักของนางอยู่ที่แคว้นฉินแห่งนี้ ต่อให้เสี่ยงนางคงต้องทำใจยอมรับมัน
"หลานฮวา!"
"เสิ่นเหยา!!"
สวีหลานฮวาหันไปมองตามเสียงเรียก ก่อนจะพบกับเสิ่นเหยา บุรุษร่างกายสูงโปร่ง ใบหน้าอ่อนโยนหล่อเหลา เขากำลังวิ่งมาหานางด้วยความดีใจเป็นอย่างมาก
ทั้งสองโผเข้ามากอดกันอย่างแนบแน่นและลึกซึ้ง เสิ่นเหยายื่นมือไปลูบเส้นผมยาวสลวยของนางด้วยแววตาที่อ่อนโยน
"เหตุใดเจ้าจึงทำเช่นนี้ หากฝ่าบาททรงหาตัวเจ้าพบเล่า!"
"ช่างเถิดเจ้าค่ะ ข้าไม่อยากอภิเษกกับฝ่าบาท ข้าทำไม่ได้ ข้ารักท่านนะเจ้าค่ะ"
"หลานฮวา"
ทั้งสองโผเข้ากอดกันอีกครา สวีหลานฮวาเฝ้านึกถึงความหลังในคราแรกที่ได้พบกับเสิ่นเหยา
เสิ่นเหยาเป็นบัณฑิตหนุ่มรูปงามที่เดินทางมาจากแคว้นฉิน เขาเป็นบัณฑิตที่มีความรู้ความสามารถเป็นเลิศ ฉินอ๋องทรงส่งเขามายังเมืองต้าเทียนตามคำร้องขออวิ๋นซีเฉิน ที่อยากจะให้เสิ่นเหยามาเป็นอาจารย์คอยสั่งสอนเหล่าบัณฑิตของต้าเทียนให้เก่งกาจและเป็นขุนนางที่ดีงามเช่นเดียวกับเสิ่นเหยา
เสิ่นเหยามีทักษะด้านบุ๋นและบู๊ที่ยอดเยี่ยมที่สุดแห่งแคว้นฉิน ต้าเทียนเองแม้จะเป็นเมืองหลวงที่ใหญ่ แต่กลับหาอาจารย์ที่จะมีความเก่งควบคู่ทั้งสองด้านเช่นนี้ได้น้อยมาก และแทบจะไม่มีเลยด้วยซ้ำ อวิ๋นซีเฉินเองแม้จะมีความรู้ทั้งบุ๋นและบู๊เช่นกันแต่เขาคงมิสามารถลงไปสั่งสอนเหล่าบัณฑิตลูกหลานขุนนางเหล่านั้นด้วยตนเองได้ เขารู้สึกเป็นห่วงว่านานวันเข้าขุนนางในราชสำนักจะไร้ซึ่งความสามารถ จึงส่งจดหมายไปที่แคว้นฉินเพื่อขอให้เสิ่นเหยามาที่ต้าเทียนเป็นการเร่งด่วน
สวีหลานฮวาได้พบกับเสิ่นเหยาในวันที่นางออกไปขี่ม้าเล่นนอกเมือง ในวันนั้นเสิ่นเหยาเองว่างจากการสอนจึงออกมาขี่ม้าเล่นเช่นเดียวกันกับนาง
ทั้งสองได้พบเจอกันเป็นครั้งแรกและตกหลุมรักซึ่งกันและกัน สวีหลานฮวาไม่ได้เอ่ยเล่าเรื่องนี้ให้ผู้ใดฟังเลยแม้แต่สวีเหลียนฮวา
เมื่อมีราชโองการให้นางเข้าวังไปเป็นฮองเฮา นางจึงส่งจดหมายไปที่แคว้นฉิน จวนตระกูลเสิ่น เสิ่นเหยาที่ไดรับฟังเรื่องราวเหล่านี้ก็รู้สึกเศร้าใจเป็นอย่างมาก ทั้งสองจึงตกลงว่าจะแอบหนีมาอยู่ด้วยกันที่แคว้นฉินแห่งนี้
"หลานฮวา เจ้าเหนื่อยล้าหรือไม่?"
"ไม่เลย เสิ่นเหยา ข้าคิดถึงท่านยิ่งนัก"
"ข้าก็เช่นกัน เจ้ามิต้องกังวลใจไปนะ จวนตระกูลเสิ่นมีข้าอาศัยอยู่เพียงผู้เดียว บิดามารดาของข้าล้วนตายไปหมดแล้ว ข้าขอรับรองว่าจะดูแลเจ้าเป็นอย่างดีไปชั่วชีวิต"
"เจ้าค่ะ เรารีบไปกันเถิด"
เสิ่นเหยาพยักหน้า ก่อนจะหันมองซ้ายขวา และพานางมุ่งหน้ากลับจวนตระกูลเสิ่นของตนเองทันที
สวีเหลียนฮวากำลังวุ่นวายอยู่กับการสั่งให้นางกำนัลในตำหนักช่วยนางหมักสุราเหมยเอาไว้ดื่ม นางชื่นชอบการดื่มสุราเป็นอย่างยิ่ง หลิวหมัวหมัวกับหลิงเจียวที่ได้เห็นเช่นนั้นก็ลอบกลืนน้ำลายลงคอเอื้อกใหญ่
"หลิวหมัวหมัว หลิงเจียว มาดื่มกับข้าสักจอกสิ"
"จะดีหรือเพคะฮองเฮา"
"เจ้าว่าดีหรือไม่เล่าหลิวหมัวหมัว?"
"ถ้าเช่นนั้นหม่อมฉันขอดื่มเพียงจอกเดียว ที่เหลือขอนำกลับไปดื่มที่เรือนนอนนะเจ้าค่ะ"
"ฮ่าๆได้สิ"
สวีเหลียนฮวาที่ได้ยินเช่นนั้นก็หัวเราะขบขันหลิวหมัวหมัวเป็นอย่างมาก หลิวหมัวหมัวเองก็รู้สึกชื่นชอบอองเฮาพระองค์นี้ขึ้นมาหลายส่วน
แท้จริงแล้ว นางเป็นเพียงนางกำนัลชราขี้เมาที่คอยหาบน้ำอยู่ท้ายวังหลวงเพียงเท่านั้น แต่ทว่าจิ้งกุ้ยเฟยส่งนางมาคอยดูแลสวีเหลียนฮวา ด้วยคิดจะทำให้สวีเหลียนฮวาขายหน้าต่อฝ่าบาท ด้วยเพราะนางไม่มีความรู้ในการคอยรับใช้เหล่าสนมนางในมาก่อน และไท่ซังหวงเองก็มิรู้เรื่องในวังหลังเท่าใดนัก เท่ากับจิ้งกุ้ยเฟยสามารถจัดการได้ทุกเรื่อง จึงส่งนางมา นางเองก็คิดว่าจะคอยรับใช้อย่างขอไปทีเพียงเท่านั้น แต่ทว่ายามนี้นางคงต้องดูแลฮองเฮาให้ดีเสียแล้ว
จะได้ดื่มสุราทุกวันฮ่าๆๆๆ!!
สวีเหลียนฮวาลอบมองหลิวหมัวหมัวด้วยแววจาที่ล้ำลึก คิดว่านางมิรู้หรือว่าหลิวหมัวหมัวผู้นี้มิได้มีความรู้ความสามารถในการคอยรับใช้ฮองเฮาเช่นนางเลย วันๆเอาแต่แอบหลับ อีกทั้งยังไม่ได้เรื่องได้ความอีกด้วย แต่ช่างเถิด!นางเองก็ไม่ใส่ใจเท่าใดนัก ค่อยๆซื้อใจหลิวหมัวหมัวไปทีละนิดก็แล้วกัน นางเชื่อว่าหลิวหมัวหมัวย่อมใช้งานได้ดีแน่นอน
ด้านอวิ๋นซีเฉินเอง สั่งคนให้ออกตามหาสวีหลานฮวาแทบจะพลิกแผ่นดิน แต่ก็มิอาจหานางพบ เขารู้สึกว้าวุ่นใจมากเหลือเกิน นางหนีไปอยู่ที่ใดกัน นางไม่อยากแต่งงานกับเขาถึงเพียงนี้เชียวหรือ!!
หึ!!ในเมื่อเจ้าไม่กลับมา ข้าก็จะทรมาณพี่สาวเจ้าให้ตายทั้งเป็นแทนเจ้าเสีย!!
เมื่อคิดได้เช่นนั้น เขาจึงมุ่งหน้าไปที่ตำหนักเฟิ่งหวงทันที ยามนี้ท้องฟ้ามืดลงแล้ว เมื่อเดินเข้าไปใกล้ๆตำหนักเฟิ่งหวง เขากลับได้ยินเสียงหัวเราะกังวานใสของสวีเหลียนฮวาที่ด้านในตำหนัก
ขบขันสิ่งใดกัน!!!
ขันทีที่เฝ้าหน้าประตูกำลังจะส่งเสียงบอกสวีเหลียนฮวาว่าอวิ๋นซีเฉินมาถึงแล้ว แต่เขากลับห้ามปรามเอาไว้เสียก่อน ขันทีจึงรีบเงียบปากทันที อวิ๋นซีเฉินเดินก้าวเท้ายาวๆเข้าไปในตำหนัก ก่อนจะพบกับสวีเหลียนฮวาที่กำลังนอนแผ่หราอยู่บนเตียง บนพื้นมีขวดสุราวางระเกะระกะเต็มไปหมด
บัดซบ!!!นางติดสุราหรือ?
ต่ำช้ายิ่งนัก!!กินไม่แบ่งข้า
ไม่สิ!!
"เหลียนฮวา เจ้าลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้!!!"
เขาเอ่ยเรียกชื่อนางด้วยความเย็นชา ก่อนจะยกเท้าขึ้นเขี่ยที่ขาของนางอย่างนึกรังเกียจ
"เหลียนฮวา!!!"
สวีเหลียนฮวาสะดุ้งตกใจจนต้องลุกขึ้นมานั่งบนเตียง แต่เพราะฤทธิ์สุราที่ดื่มเข้าไปมาก ทำให้นางมีอาการมึนงง ใบหน้าสวยขึ้นสีแดงระเรื่อ ริมฝีปากสีแดงสดที่แสนเย้ายวน หน้าอกอวบอิ่มที่แทบจะล้นทะลักของนาง ทำให้อวิ๋นซีเฉินถึงกับต้องเบือนหน้าหนี
อย่าไปมอง!!!
"อื้อออ ใครกันน่ะ"
"ข้าเอง!!"
"โอะ!!ฝ่าบาทหรือ โอ๊ย!!ฝ่าบาทประสาทมาแล้ว!"
อวิ๋นซีเฉินขมวคิ้วมุ่น นี่นางเอ่ยวาจาประหลาดอันใดกัน เข้าไม่เข้าใจ?
นางชมเขาหรือ?
ชมเขาว่าหล่อเหลาใช่หรือไม่?
เมื่อคิดได้เช่นนั้น อวิ๋นซีเฉินก็รู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมาไม่น้อย
"ใครสั่งให้เจ้าดื่มสุราพวกนี้!!"
"อยากดื่มเพคะ อื้อออ ฝ่าบาททรงมาดื่มกับหม่อมฉันสิเพคะ!!"
"ไม่!!"
"ฝ่าบาท!!"
"อย่ามาแตะต้องตัวข้า!!!"
สวีเหลียนฮวาถูกความมึนเมาครอบงำเสียจนไร้ซึ่งสติ ในยามนี้นางกลับพบว่าอวิ๋นซีเฉินดูหล่อเหลาขึ้นกว่าทุกวัน
"อย่าเข้ามานะ ข้าถีบจริงด้วย!!!"
สวีเหลียนฮวาก้าวเท้ายาวๆเข้ามาหาอวิ๋นซีเฉิน ดวงตาสวยจ้องมองเขาด้วยความหลงใหล อวิ๋นซีเฉินพยายามถอยหลังหนีแต่นางกลับเดินตรงเข้ามาหาเขาเรื่อยๆ
"ออกไป!!มิเช่นนั้นข้าถีบเจ้าแน่!!"
"ถีบสิเพคะ หม่อมฉันชอบ!!'
"นี่เจ้า โอะ!!"
อวิ๋นซีเฉินยกเท้าเตรียมจะถีบนางแล้ว แต่ทว่าสวีเหลียนฮวากลับยื่นมือขึ้นไปจับขาของเขาเอาไว้ได้ทัน อวิ๋นซีเฉินจึงเสียหลักล้มลงไปนอนบนเตียงทันที
"ปล่อยข้านะ!!บัดซบ เจ้าไปเอาแรงมากมายมาจากไหนกัน!!"
"ฝ่าบาท!!หม่อมฉันเหงาเพคะ"
"เรื่องของเจ้า!!โธ่เว๊ย!!"
อวิ๋นซีเฉินผลักนางออก และพยายามลุกขึ้นจากเตียง แต่ทว่าสวีเหลียนฮวากลับยื่นมือมาดึงอาภรณ์ช่วงล่างของเขาออกจนมันหลุดร่วงลงไปกองกับพื้น และใช้มือเรียวสวยมากอบกุมลำแท่งเอ็นร้อนของเขาเอาไว้แน่น
"เหลียนฮวา!!ข้าจะฆ่าเจ้า!!!"
พลั่ก!!
จู่ๆสวีเหลียนฮวาก็ล้มฟุบลงมาบนกายของเขาเสียดื้อๆ นางนอนทับซบหน้าลงมาบนแผงอกล่ำสันเขา ส่วนมือก็จับกุมลำแท่งเอ็นร้อนของเขาเอาไว้ไม่ยอมปล่อย อวิ๋นซีเฉินพยายามแกะมือนางออกแต่ก็ไร้ผล
หาดาบมาฟันมือนางดีหรือไม่??
อวิ๋นซีเฉินสบถด่าทอสวีเหลียนฮวาในใจเป็นพันครั้ง เขาไม่น่ามาหานางเลย รู้ทั้งรู้ว่าสตรีแพศยานางนี้คิดล่วงเกินเขา!!
เขาก้มลงมองลำแท่งเอ็นร้อนที่ถูกนางจับเอาไว้แน่นราวกับกลัวว่ามันจะหายไป ก็นึกถอนหายใจขึ้นมา
รอตื่นมาก่อนเถิด!!!ข้าจะจัดการเจ้าให้สาสม
แต่ยามนี้ข้าแข็งไปทั้งลำแล้วจะทำเช่นไรดีเล่า!!