บทนำ
เข้าสู่เดือนสามของแผ่นดินต้าหยวนในปีรัชศกซวีอู่ที่12ดินแดนอันเฟื่องฟูด้วยการค้าแร่เหล็กและข้าวเปลือกในสามดินแดนเช่น'ต้าหยวน'กับ'ตงเหลียว'และ'ซวีตัน'ยิ่งองค์ฮ่องเต้จ้าวเจียงเฉิงนั้นปกครองด้วยความทรงธรรมชาวประชายิ่งหน้าใสกับแผ่นดินที่สงบสุขไร้ภัยสงครามกับโรคระบาดมาเยือนหลายหนาวชาวต้าหยวนและประชาชนของเพื่อนบ้านใกล้ชิดอีกสองดินแดนจึงต่างดำเนินชีวิตกันด้วยความสุขทุกเช้าค่ำ
แล้วในวันนี้เมื่อต้นยามยามซื่อ ( ((*:sì) คือ 09.00 – 10.59 น.) )) มาเยือนที่ตลาดเหวินซ่างซึ่งเป็นตลาดที่ยิ่งใหญ่เป็นอันดับหนึ่งของมหานคร'เทียนเฉิง'เมืองหลวงของอาณาจักร'ต้าหยวน'นั้นกำลังคลาคล่ำไปด้วยผู้คนมาจับจ่ายไม่น้อยทั้งชาวเมืองและพ่อค้าแม่ขายทั้งของต้าหยวนและต่างแดนมีมาทำมาค้าขายกันไม่น้อย
ซึ่งบัดนี้ที่ร้านขายผ้า'จิ่วฝู่'ซึ่งเป็นร้านขายผ้าอันดับหนึ่งในเทียนเฉิงนั้นกลับปรากฏหนึ่งสาวงามกับหนึ่งบุรุษผู้มีเรือนกายสูงใหญ่ไม่พอเส้นผมสีเงินยวงกับดวงตาสีเขียวมรกตงดงามเกินบรรยายเป็นจุดเด่นกำลังเลือกซื้อหาผ้าแพรพรรณกันอย่างสุขสันต์ดูย่อมรู้แจ้งว่าพวกเขาคงเป็นคนรักที่มาซื้อหาผ้าสำหรับตัดเย็บชุดแต่งงานเสียเป็นยากจะผิดไป
"น้องถิงจือยังต้องการซื้อไปฝากเหล่าฮูหยินลู่หรือไม่?"
มองเพียงรูปกายภายนอกนั้นคงกล่าวได้แล้วถึงความหล่อเหลาของบุรุษผมสีเงินผู้มีดวงตาสีเขียวมรกตแล้วในยามเขาเอ่ยคำกลับนุ่มนวลไพเราะจนบรรดาสตรีที่แสร้งเข้ามาเลือกซื้อผ้าแต่แท้จริงเพียงอยากมาชมโฉมบุรุษที่โดดเด่นที่สุดในร้านถึงกับเคลิบเคลิ้มหลงใหลไปอีกหลายส่วน
"เช่นนั้นถิงจือมิเกรงใจแล้วนะเจ้าค่ะท่านโหว"
สตรีหลายนางที่แอบมองแอบฟังถึงกับมองสาวงามกรีดกรายนางนั้นด้วยสายตากึ่งริษยากึ่งหมั่นไส้แต่สาวงามอันดับหนึ่งแห่งเทียนเฉิงมีหรือนางจะใส่ใจ นางตรงไปเลือกผ้าอีกหลายพับไปฝากมารดาทันที
...เลือกไปเป็นสิบพับยังจะกล่าวว่าจะมิเกรงใจช่างเป็นสตรีโลภมากเกินไปแล้ว...
"จริงสิน้องถิงจือแล้วนี่น้องสาวผู้นั้นของเจ้าไปที่ใดเสียแล้วเล่านางไม่มาเลือกผ้าสำหรับตัดชุดเอาไว้สวมในงานของเราหรอกหรือ"
มือเรียวงามที่กำลังเลือกผ้าพับที่เถ้าแก่แนะนำว่าเนื้อดีและราคาแพงที่สุดในร้านไปครู่หนึ่ง แต่ก็เพียงครู่เดียวกะพริบตาหนึ่งครั้งกิริยาเหล่านั้นก็หายไปจนสิ้นเพราะคุณหนูใหญ่เช่นนางถูกอบรมมารยาทอันงดงามมาอย่างดีนั่นเอง
"ชิงเยี่ยนต้องไปซื้อของสดเข้าโรงครัวภายในจวนให้ท่านแม่เจ้าค่ะ ท่านโหวอย่าใส่ใจเลย ประเดี๋ยวน้องถิงจือเลือกไปให้นางเองเด็กเช่นชิงเยี่ยนนั้นให้นางได้เลือกเองเห็นที่วันงานคงได้ขายหน้าท่านพ่อท่านแม่และท่านโหวเป็นแน่"
นาง'ลู่ถิงจือ'บุตรีคนโตของลู่ไท่เว่ยหรือก็คือ'ลู่ถิงเซียว'ไท่เวยที่มีนางเป็นบุตรสาวคนโตผู้เป็นสตรีวัยสิบแปดหนาวที่มีรูปโฉมงดงามล่มปฐพีผู้หนึ่งใน'ต้าหยวน'และยิ่งเมื่อหนึ่งหนาวก่อนนางได้หมั้นหมายกับหย่งเลี่ยงโหว'เยี่ยหย่งชุน'บุรุษหนุ่มอนาคตไกลเพราะวัยของเขาเพียงยี่สิบเจ็ดหนาวก็ถูกประทานยศหย่งเลี่ยงโหว พร้อมที่นาที่ไร่อีกหลายพันหมู่ กลับยิ่งทำให้สาวงามนางนี้เป็นที่ริษยาของสตรีเกือบครึ่งมหานครเทียนเฉิงมากขึ้นไปอีกหลายส่วนตอบคู่หมั้นที่อีกสามถึงสี่เดือนข้างหน้าก็จะตบแต่งกันอย่างถูกต้องด้วยน้ำเสียงทอดจนอ่อนหวานเกินจำเป็น
"เสร็จจากตรงนี้น้องถิงจือต้องการจะไปที่ใดอีกหรือไม่?"
เพราะอีกสามวันท่านโหวหนุ่มเขาจะต้องเดินทางไปควบคุมการสร้างเขื่อนเก็บน้ำที่หมู่บ้านซีอานอำเภอไห่โจวจึงยังมีเอกสารกับข้าวของจำเป็นที่เขาต้องเก็บด้วยตนเองอีกหลายรายการ แต่จะให้เขานั้นเร่งรัดคู่หมายคงไม่สมควรเท่าใดต่อให้เขาไม่เคยมีใจให้แก่นางแต่แรกเริ่มที่ยอมแต่งกับนางก็เพราะฮองเฮากล่าวว่าเขาสมควรแต่งภรรยาได้แล้วเพียงเท่านั้นแต่ทว่าเช่นไรอีกเพียงไม่เกินสามถึงสี่เดือนข้างลู่ถิงจือนั้นก็จะมาเป็นภรรยาของเขาแล้วคงยากที่ท่านโหวหนุ่มนั้นจะขัดอกขัดใจนางไปได้
"นี่ก็ใกล้ยามอู่แล้วเช่นนั้นเราไปกินมื้อกลางวันที่หอชุ่ยฟางดีหรือไม่เจ้าค่ะ?"
แน่นอนว่าลู่ถิงจือต้องการสิ่งใดเยี่ยหย่งชุนผู้เป็นบุรุษชาตินักรบที่ไม่เคยแสดงกิริยาไม่สุภาพต่อสตรีมีหรือจะขัดใจต่อให้สตรีข้างกายนี้มิใช่คู่หมายหรือต่อให้นางจะไม่ใช่ว่าที่ภรรยาของเขาก็ตาม ท่านโหวหนุ่มย่อมไม่แสดงกิริยาแข็งกร้าวไปยอมคนออกไปโดยเด็ดขาด
"ตามใจน้องถิงจือเถิด "
ดังนั้นพอเลือกผ้าได้หลายสิบพับกับชิ้นที่จะนำไปตัดชุดเจ้าสาวอีกหลายสิบชิ้นเสร็จเรียลร้อยแล้วแต่เงาของนางสาวยังไม่เห็นลู่ถิงจือจึงส่งสาวใช้ของตนเองให้เร่งไปตามผู้เป็นน้องสาวทันทีเพียงครู่เด็กสาวผู้หนึ่งที่มีข้าวของเต็มสองมือก็กึ่งเดินกึ่งวิ่งตรงมาแล้วก็หยุดยืนหอบแฮกแก้มสองข้างแดงราวผิงกั๋ว (แอปเปิ้ล) พูดจาไม่ออกเพราะจุกแน่นเห็นแล้วกิริยานั้นช่างแตกต่างจากพี่สาวไปเกินเจ็ดส่วน
"เสียมารยาทอย่างยิ่งชิงเยี่ยน ให้ผู้ใหญ่ยืนขาแข็งรอเช่นนี้ใช้ได้ที่ใดกันนี่มิใช่ว่าแอบไปดูชมการแสดงปาหี่จนเพลินหลงลืมเวลาหรอกกระมัง"
เสียงนิ่งๆ นุ่มนวลเอ่ยขึ้นมา ทำเอาเด็กสาววัยสิบหกหนาวนาม'ลู่ชิงเยี่ยน'ผู้เป็นคุณหนูรองของจวนลู่ไท่เว่ยก็สีหน้าสลด เพราะสำหรับนางพี่สาวผู้นี้นั้นเข้มงวดยิ่งกว่าท่านแม่ใหญ่เสียอีกชิงเยี่ยนเลยหวาดหวั่นไม่น้อย นางไม่น่ามัวเพลินกับวิธีชงชาที่โรงน้ำชาจงฉวนเลย
"ยังไม่เร่งขอโทษท่านโหวอีก!"
กระซิบดุดันไม่พอลู่ถิงจือยังบิดเนื้อตรงท้องแขนของน้องสาวคนรองอีกด้วย กายเล็กสะดุ้งใบหน้าเล็กบิดเบี้ยวแต่ก็ยังสามารถโค้งกายขออภัยว่าที่พี่เขยได้งดงามดังถูกพี่สาวเคี่ยวกรำมาไม่น้อย
"ชิงเยี่ยนต้องขออภัยท่านโหวเจ้าค่ะ"
เด็กสาวโค้งกายไปพลางก็เอ่ยวาจาขออภัยต่อว่าที่พี่เขยด้วยกิริยาคุณหนูผู้สูงศักดิ์นางหนึ่งซึ่งพอลู่ถิงจือได้เห็นก็คลายโทสะลงไปสองส่วน
"มิต้องมากพิธีหรอกชิงเยี่ยน แดดแรงมากแล้วเราเร่งไปหอชุ่ยฟางกันเถิด"
บุรุษผู้เดียวในขบวนเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลจบก็เดินนำไปที่รถม้าคันโต นั่นเองลู่ชิงเยี่ยนจึงพ้นจากการถูกลู่ถิงจือบิดเนื้อจนแทบหลุดเสียได้ เพราะในยามนั่งรถม้านั้นมีแต่ลู่ถิงจือกับเยี่ยหย่งชุนเท่านั้นที่ได้นั่งด้านในส่วน'คุณหนูรอง'นั้นนางพึงใจนั่งคู่กับสาวใช้ของผู้เป็นพี่สาวมากกว่า
จวบจนถึงหอชุ่ยฟางเด็กสาวก็เดินรั้งท้ายรวมกับสาวใช้ เพราะส่วนตัวนางไม่ชอบเป็นจุดสนใจก็พี่สาวของนางงดงามล่มปฐพีเดินไปทิศใดยากจะไม่มีผู้มองตามยิ่งมาเดินคู่กับหย่งเลี่ยงโหวบุรุษรูปหล่องามสง่ากลับยิ่งดึงดูดสายตาของผู้คนโดยรอบพุ่งเข้าไปหา เด็กสาวที่หน้าตาธรรมดาชมชอบวิถีชีวิตเรียบง่ายจึงไม่อยากเดินใกล้ให้ถูกมองไปด้วย
"พี่สาวขอชิงเยี่ยนไปนั่งกับเสี่ยวลี่ได้หรือไม่เจ้าค่ะ"
ให้นางกินข้าวต่อหน้าจ้าวใหญ่นายโตเกรงว่าลู่ชิงเยี่ยนนั้นจะอึดอัดจนกลืนไม่ลงเสียเป็นแน่แล้วเช่นนี้ที่นางนั้นตั้งใจจะกินของแพงได้คุ้มค่าจนพุงกางก็ฝันสลายแล้ว ก็นานครั้งนั้นจะได้มีวาสนาปากได้มากินอาหารหรูหราเช่นหอชุ่ยฟางเช่นนี้มันก็ต้องกินให้หายแค้นมิใช่หรือไร?
"อย่าเสียมารยาต่อหน้าท่านโหวมิได้นะชิงเยี่ยนมานั่งข้างข้าเดี๋ยวนี้"
แต่พี่สาวผู้เข้มงวดก็ดับความฝันของนางเสียสิ้น ใบหน้าสลดกับกิริยาหางลู่หูตกของว่าที่น้องภรรยาเห็นแล้วเยี่ยหย่งชุนก็ต้องฝืนใจพยายามจะไม่หัวเราะออกมาเต็มที่ เขาพบเห็นนางมาตั้งแต่ลู่ชิงเยี่ยนยังเป็นเด็กหญิงวัยแปดหนาวขี้มูกขี้ตาเกรอะกรัง พอเขาไปชายแดนแปดหนาวกลับมาอีกครั้งนางเลยวัยปักปิ่นมาเป็นหนาวแต่ก็ยังคล้ายเด็กหญิงเมื่อแปดหนาวไม่เปลี่ยนเช่นนี้กระมังผ่านวัยปักปิ่นมาหนึ่งหนาวคุณหนูรองกลับยังไร้วี่แววว่าจะมีแม่สื่อจากจวนใดมาทาบทามเลยสักคนทั้งที่นางก็เป็นถึงบุตรสาวคนรองในลู่ไม่เว่ยเช่นกัน
"อยากกินอันใดก็สั่งเถิดน้องถิงจือ"
ลู่ชิงเยี่ยนที่ชมชอบว่าที่พี่เขยผู้นี้ก็ตรงที่เขานั้นใจกว้างเท่านั้นส่วนอย่างอื่นเด็กสาวไม่ชอบเท่าใดโดยเฉพาะดวงตาสีเขียวมรกตซึ่งแข็งทื่อคู่นั้นกับนางหรือผู้อื่นเขาจะเย็นชานางไม่ถือ ทว่ากับพี่สาวของนางก็ยังแข็งทื่อเย็นชา นางว่ามันออกจะเกินไปสักหน่อย
แต่สุดท้ายย้อนมาดูตนเองกลับพบว่ายังเอาตัวไม่รอดแล้วจะไปเจ้ากี้เจ้าการออกหน้าแทนพี่สาวคนโตคงไม่สมควรเท่าใดเพราะอีกไม่เกินสี่เดือนลู่ถิงจือจะออกเรือนแล้วลำดับต่อไปแน่นอนว่าต้องเป็นนางนั้นเอง แต่ลู่ชิงเยี่ยนนั้นยังไม่คิดจะออกเรือน ตรงกันข้ามนางอยากอยู่โดดเดี่ยวไปอีกนานแสนนานเท่าที่ตนเองจะดึงรั้งรอเวลาเอาไว้ได้
ก็นางนั้นมีความฝันอยากเปิดร้านนำชาอยากขายขนมขายอาหาร ทว่าพอบิดาทราบ นางถึงกับถูกเฆี่ยนจนก้นช้ำหลังลายเพราะบิดาของนางกล่าวว่าเขาเป็นขุนนางใหญ่ นางที่เป็นบุตรสาวคนรองจะไปทำอาชีพต่ำช้าเช่นนั้นมิได้ ก็เพียงอยากเปิดโรงน้ำชา ไม่ใช่เปิดหอนางโลมนางไม่เข้าใจเลยว่าเป็นอาชีพต่ำช้าฉีกหน้าบิดาไปได้เช่นไรกัน
...นี่หากท่านพ่อทราบอีกโฉมหน้าที่นางนั้นแอบปลอมตนไปทำเกรงว่าอาจถูกตีจนก้นแตกเสียเป็นแน่...
เด็กสาวคิดถึงอาชีพที่นางแอบไปฝึกปรือมาตั้งแต่วัยเก้าหนาวพอสิบเอ็ดหนาวนางก็สามารถรับลูกค้าคนแรกสร้างรายได้เยอะกว่าเบี้ยหวัดของคุณหนูรองของไท่เว่ยทั้งชีวิตสิบเอ็ดหนาวซึ่งผ่านมาเสียอีกเช่นนั้นผ่านมาร่วมห้าหนาวกับอาชีพตกแต่งศพจึงทำให้นางมีเงินทองเก็บออมไว้ไม่น้อย ทว่าต่อให้นางมีเงินทุนกลับมิอาจทำตามความฝันได้เพราะบิดาไม่เห็นด้วยนั่นเองไม่ใช่เพียงร้านน้ำชาจะอาชีพไหนบิดาก็ไม่อนุญาตทั้งสิ้นเพราะยึดถือว่าสตรีนั้นมีหน้าที่แค่ดูแลบ้านเรือนในยามเป็นบุตรสาวอยู่ในห้องหอก็ต้องกตัญญูปรนนิบัติแค่บิดามารดาและพี่ชาย หากวันเหล่าบุตรสาวออกเรือนก็ต้องดูแลปรนนิบัติสามีกับบิดามารดาของสามีอย่างให้สกุลเดิมต้องขายหน้า
...หึ!...หากอาชีพค้าขายนับว่าต่ำช้าลดเกียรติของท่านพ่อเห็นทีการที่นางแอบไปเป็นสัปเหร่อหญิงเขาคงตัดมือสองข้างที่ไปสัมผัสคนตายทิ้งไปเป็นแน่…
ดังนั้นทุกวันนี้หากจะไปเรียนชงชาไปฝึกทำอาหารหรือแอบรับงานเสริมนอกจวนนางก็มีเพียงแอบลักลอบเอาเท่านั้นหรือไม่นางก็ต้องครู่พักลักจำเอาจากเหล่าพ่อครัวและแม่ครัวในจวนไท่เว่ยเอาเท่านั้นไม่มีโอกาสได้ไปร่ำเรียนในสถานศึกษาแห่งเทียนเฉิงเช่นคุณหนูสกุลอื่น
ดังเช่นในวันนี้อาหารมากมายบนโต๊ะมิใช่เพียงหรูหราแต่สีสันไปจนกลิ่นนั้นจับใจชวนหิวไม่น้อย ลู่ชิงเยี่ยนมิอาจนำหมึกกับกระดาษมาจดส่วนผสมและเครื่องปรุงได้เช่นนั้นที่นางจะทำได้ก็คือจดทุกสิ่งใส่ศีรษะเอาไว้อาหารมื้อนี้จึงมิใช่เพียงอิ่มท้อง ทว่าอิ่มเอมใจของเด็กสาวยิ่งนัก
"อิ่มแล้วหรือ?"
นางไม่อิ่มก็ต้องอิ่มเพราะพี่สาวนั้นอิ่มแล้ว แต่เรื่องนี้นางไม่เดือดร้อนกลับจวนก็เข้าห้องครัวปรุงกินได้ อาหารหรูหราบนโต๊ะเด็กสาวได้มอง ชิมและดมกลิ่น แยกแยะส่วนผสมจดจำได้ทั้งหมดแล้ว เพียงเท่านี้นางก็สามารถกลับไปทดลองปรุงที่จวนได้แล้ว
วิธีเช่นนี้เด็กสาวฝึกมาตั้งแต่เด็กคงเป็นความชอบนางจึงต้องพยายามมากหน่อยเพราะโอกาสไม่มีต้นทุนก็แสนต่ำแต่นางมีใจรัก พอมีใจรักจึงมีความมานะอดทนมาก ซึ่งพอนับจากวันนั้นในจวนไท่เว่ยก็วุ่นวายเพราะธิดาคนโตกำลังจะออกเรือนนั่นเอง
ซึ่งลู่ชิงเยี่ยนเองก็เป็นอีกคนที่ไม่ว่างเว้นทั้งช่วยควบคุมคนทำความสะอาดและตกแต่งจวนไปจนถึงกำหนดรายการอาหาร แล้วยังต้องช่วยพี่สาวปักผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวตัดเย็บชุดแต่งงานเรียกว่าหัวหมุนไปหมดเช่นนั้นพอหลังถึงที่นอนจึงหลับสนิทไม่เคยทราบสักราตรีว่า
ตัวว่าที่เจ้าสาวที่ในยามกลางวันวางตนเองสูงส่งเรียบร้อยมากมารยาทแตกต่างจากคุณหนูสกุลใหญ่ในเทียนเฉิง ทว่าในยามราตรีนางกลับมีนัดไปพลอดรักกับบุรุษรูปงามผู้หนึ่งแทนที่จะรักนวลสงวนตัวเอาไว้รอผู้เป็นเจ้าบ่าวที่ต้องไปราชการยังอำเภอไห่โจวอันห่างไกลเลยสักน้อย
แต่ความลับล้วนไม่มีในใต้หล้าดังนั้นสตรีกับบุรุษร่วมเสพสมล้วนต้องมีผลลัพธ์เช่นที่เดียวกับคุณหนูใหญ่ลู่ที่ผ่านไปสองเดือนเหลือเวลาอีกไม่ถึงสิบวันเกี้ยวเจ้าสาวก็จะมารอถึงหน้าประตูจวน คนงามก็มีอาการอาเจียนวิงเวียนเกิดขึ้นในเช้าวันหนึ่ง
"พี่สาวนอนพักก่อนนะเจ้าค่ะเดี๋ยวชิงเยี่ยนจะไปบอกให้ท่านพ่อบ้านถงเซินเข้าไปรับท่านหมอหรูมาตรวจอาการพี่สาวเอง"
"อย่าไม่นะ!"
"อ้าว"
"ไม่ต้องไปหรอกพี่สาวเพียงนอนน้อยเท่านั้นหลับสักตื่นย่อมดีขึ้นหากต้องไปรับท่านหมอมาตรวจท่านพ่อกับท่านแม่จะกังวลเสียเปล่า ยิ่งช่วงนี้ใกล้วันงานเต็มทนอย่าหาความให้พวกเขาคิดมากย่อมดีที่สุด"
พอพี่สาวกล่าวเช่นนั้นลู่ชิงเยี่ยนนางก็คิดว่าคงจะจริงเพราะขนาดนางมิใช่เจ้าสาวยังเหนื่อยสิ้นแรงทุกวันเจ้าสาวเช่นลู่ถิงจือนั้นคงทั้งเหนื่อยทั้งเพลียจริงเป็นแน่
"เช่นนั้นพี่สาวก็นอนพักเถิดชิงเยี่ยนไม่รบกวนแล้ว"
เด็กสาวที่ไม่รู้ความอันใดจึงเชื่อสนิทใจกับวาจาของพี่สาวคนโตแต่เพียงนางลับหายไปแล้วลู่ถิงจือก็เรียกหาสาวใช้คู่ใจเร่งส่งจดหมายไปนัดแนะกับคนผู้นั้น เพราะหากไม่ใช่เขาที่จะต้องรับผิดชอบนางคงยากจะเอาเด็กในท้องไปยัดเยียดให้หย่งเลี่ยงโหวไปได้
...ก็คนอยู่ไกลถึงพันลี้มาเป็นเวลาถึงเกือบสามเดือนจะทำให้นางตั้งครรภ์สองเดือนไปได้เช่นไร?...
ยิ่งคิดคุณหนูใหญ่สกุลลู่ก็ยิ่งหวาดกลัวก็ใช่ทว่าดีใจนั้นย่อมมากเพราะบุรุษผู้เป็นบิดาของบุตรในครรภ์ของนางนั้นยิ่งใหญ่เกินกว่าหย่งเลี่ยงโหวยิ่งนักแต่ที่นางหวาดกลัวย่อมเป็นวันเวลาแต่งงานใกล้เข้ามาเต็มทนแผนการจะล่มงานจึงเสี่ยงไม่น้อยหากแต่บิดากับมารดาพอทราบว่านางตั้งครรภ์กับผู้ใดย่อมอภัยไม่ถือโทษโกรธนางอีกเป็นแน่
ลู่ถิงจือนั้นอยู่ในความฝันที่ตนเองสร้างขึ้นเพียงผู้เดียวอย่างมีความสุขมิอาจทราบได้เลยว่าวิมานของนางจะเป็นเพียงอากาศเป็นกองทรายหนึ่งกองที่พร้อมจะถูกน้ำทะเลพัดพาจนพังทลายได้เสมอ…