นลินทรากลอกตามองเพดานโดยที่รอยยิ้มยังแต้มอยู่บนหน้า ผู้ชายคนนี้ช่างมีความพยายามในการชวนเธอไปดินเนอร์เสียจริง ชวนได้ทุกวัน!
"ได้ค่ะ ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้เจอกันสักสองทุ่มดีไหมคะ" จากนั้นหญิงสาวก็บอกชื่อร้านไป
ทว่าปลายสายกลับเงียบไปทันทีจนเธอนึกว่าสายหลุด จึงลองเรียกชื่อเขาดู
"คุณซีคะ ฮัลโหล..."
"ครับผม ยังอยู่ครับ" ชายหนุ่มลนลานตอบกลับมา
"นิ้งก็นึกว่าสายหลุด เห็นเงียบไป"
"เอ่อ...ไม่มีอะไรหรอกครับ ผมก็แค่คิดไม่ถึงว่าคุณจะตอบตกลง เพราะความจริงแล้วผมเตรียมใจมารับคำปฏิเสธเต็มที่เลยนะเนี่ย อ๊ะ ๆ คุณยอมไปดินเนอร์กับผมแล้วนะ ห้ามเปลี่ยนใจด้วย"
"แหม นิ้งยังไม่ทันพูดอะไรเลยค่ะ"
"ผมก็ต้องพูดดักคอคุณไว้ก่อนสิ"
"แต่นิ้งมีข้อแม้นะคะ"
"ว่ามาเลยครับผม"
"นิ้งขอชวนเพื่อนไปด้วยคนหนึ่งนะคะ แค่คนเดียวค่ะ"
"ได้ครับ ไม่มีปัญหา ถ้าอย่างนั้นผมก็จะได้ชวนเพื่อนผมไปบ้าง" เขาหัวเราะเบา ๆ ก่อนพูดต่อ
"จะได้ครบคู่ไงครับ หึ ๆ คือเพื่อนผมคนนี้มันเพิ่งถูกสาวเทมาน่ะ จะสมน้ำหน้ามันก็ยังไงอยู่ ก็เลยชวนมาด้วยกันซะเลย จะได้รู้จักกันไว้ ผมเองก็อยากอวดเพื่อนด้วยว่าตอนนี้ผมโสดแค่ครึ่งเดียวแล้วนะ ไม่เหมือนมันที่เพิ่งถูกเทมาสด ๆ ร้อน ๆ เพราะมัวแต่เล่นตัว ฮ่า ๆ"
ได้ยินเสียงหัวเราะร่าด้วยความสะใจของเขา นลินทราก็อดยิ้มตามไปด้วยไม่ได้
"ไม่ต้องห่วงนะครับ เพื่อนผมคนนี้นิสัยดี มันแค่อึนและซื่อบื้อไปหน่อยแค่นั้นเอง"
"ถ้านิ้งเป็นเพื่อนคุณ นิ้งคงสับสนแล้วละว่าคุณกำลังชมหรือด่า"
"เฮ้ย! ไม่ได้หรอกครับ ผมไม่ยอมเป็นเพื่อนกับคุณนิ้งหรอก อยากเป็นอย่างอื่นมากกว่า" ท้ายประโยคเขาพูดเสียงอ่อนเสียงหวาน
"เป็นอะไรดีคะ เจ้านาย?"
"ใช่ที่ไหนเล่า ผมอยากเป็นแฟนคุณต่างหาก แฟนที่หมายถึงคนรักนะไม่ใช่พัดลม"
นลินทราหัวเราะเบา ๆ กับความช่างอ้อนของเขา "นิ้งวางหูดีกว่า ขืนคุยนานกว่านี้คงได้ละลายกลายเป็นน้ำไปทั้งตัวแน่"
"ถ้าจะละลายทั้งตัวขนาดนี้เหมือนว่าคุณนิ้งจะใจอ่อนให้ผมแล้วเลยอะ เพราะหมายความว่าหัวใจก็ต้องละลายไปด้วยใช่ไหมครับ"
นลินทราต้องกัดปากตัวเองแน่นไม่ให้หัวเราะออกไป ผู้ชายคนนี้ต้อนผู้หญิงได้เชี่ยวชาญดีเหลือเกิน
"ขอไม่ตอบดีกว่าค่ะ เอาเป็นว่าพรุ่งนี้เจอกันตอนสองทุ่มนะคะ"
"ครับผม คืนนี้ฝันดีนะครับ"
หญิงสาวบอกลาเขาแล้วกดวางสาย ตั้งใจไว้ว่าตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป เธอจะลองเปิดเผยกับเขาให้มากขึ้น ซึ่งไม่ใช่แค่การเปิดเผยตัวตนของเธอให้เขารู้จัก แต่หมายรวมถึงการไปไหนมาไหนกับเขาอย่างเปิดเผยอีกด้วย เพราะเธอเองก็อยากรู้ว่าหากความสัมพันธ์ของเธอกับเขาคืบหน้า จะมีเรื่องอะไรตามมาหลังจากนี้หรือไม่
คราวนี้ก็จะได้รู้กันไปว่านพฤทธิ์มีผู้หญิงที่คุย ๆ กันไว้นอกจากเธออีกหรือเปล่า หรือหากเลวร้ายไปกว่านั้น เขาอาจจะมีแฟน คู่หมั้น หรือภรรยาโผล่มาทำความรู้จักกับเธอก็เป็นได้
ช่วงเย็นของวันถัดมา หลังจากขับรถมาถึงบ้านนลินทราก็รีบขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวใหม่ เพราะก่อนหน้านี้นพฤทธิ์โทรศัพท์มาบอกว่าจะเป็นฝ่ายมารับเธอที่บ้าน และขากลับจะขับมาส่งด้วยตัวเอง
หญิงสาวอยู่ในชุดจั๊มสูทแขนกุดลายดอกสีเหลืองสดใส เธอแต่งหน้าอ่อน ๆ และมัดผมรวบตึงเป็นหางม้าเพื่อโชว์แผ่นหลังเนียนสวยเพราะคอเสื้อเว้าลึกลงไปจนเกือบถึงกลางหลัง เมื่อสำรวจความเรียบร้อยของตัวเองดีแล้ว เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นทันทีราวกับผู้ที่โทร. เข้ามารู้ว่าเธอแต่งตัวเสร็จพอดี
"มาถึงแล้วหรือคะ" นลินทราเดินไปยืนมองที่หน้าต่าง เห็นรถยุโรปคันคุ้นตาจอดอยู่หน้าบ้านตามคาด
"ครับ คุณนิ้งไม่ต้องรีบนะ ตามสบายเลยครับผมรอได้"
"นิ้งเสร็จพอดีค่ะ เดี๋ยวจะรีบออกไป" พูดจบเธอก็วางสายแล้วคว้ากระเป๋าสะพายเดินลงมาชั้นล่าง
นลินทราเดินมาถึงหน้ารั้ว เมื่อล็อกประตูเสร็จแล้วจึงเปิดประตูขึ้นไปนั่งบนเบาะข้างคนขับ จากนั้นก็หันไปถามชายหนุ่มที่นั่งยิ้มแต้จนตาหยีอยู่หลังพวงมาลัยว่า
"กินอะไรรองท้องมารึยังคะ"
"ยังเลยครับ ผมรอกินพร้อมคุณนั่นแหละ ว่าแต่เพื่อนคุณเขาจะไปเจอกันที่ร้านเลยใช่ไหมครับ"
"ใช่ค่ะ ตอนเลิกกองเมื่อเย็นที่ผ่านมานิ้งโทร. ไปหาแล้วแต่นางไม่รับสาย สงสัยคงไม่ว่างก็เลยกะว่าเอาไว้ไปถึงที่ร้านแล้วค่อยโทร. ไปอีกที"
"อ้าว ชวนออกมากะทันหันแบบนี้เขาจะมาหรือครับ"
นลินทรายิ้มอ่อน "มาแน่นอนค่ะ ช่วงนี้เพื่อนนิ้งเพิ่งอกหักมาน่ะ ใครชวนไปไหนนางก็ไปทั้งนั้นแหละ"
"เออดีเนอะ เพื่อนผมก็เพิ่งโดนสาวเท เพื่อนคุณนิ้งก็เพิ่งอกหัก น่าจะคุยกันถูกคอนะเนี่ย"
เขาพยักหน้ายิ้ม ๆ แล้วเคลื่อนรถออกจากหน้าบ้านของเธอไปยังร้านอาหารกึ่งผับที่นลินทราเป็นคนเลือก
ใช้เวลาประมาณสี่สิบห้านาทีทั้งสองคนก็ถึงที่หมาย นลินทราเดินห่างออกไปโทรศัพท์หาพลอยพัดชา และคุยกันประมาณสิบนาทีโดยมีนพฤทธิ์ยืนรออยู่ไม่ห่าง เธอคุยเสร็จทั้งคู่ก็พากันเดินไปยังโต๊ะที่ได้โทรศัพท์มาจองเอาไว้ก่อนหน้านี้ ซึ่งเป็นมุมที่คนไม่เดินผ่านพลุกพล่าน
"ผมรอเพื่อนมาก่อนแล้วจะสั่งอาหารนะ แต่ขอเมนูไว้ก่อนละกัน"
นพฤทธิ์หันไปบอกพนักงาน ระหว่างรอเพื่อนของแต่ละฝ่ายมาถึง ทั้งคู่จึงนั่งคุยกันไปพลาง ๆ จนกระทั่งโทรศัพท์ของชายหนุ่มมีสายเรียกเข้า เขาจึงกดรับสายและคุยแค่ไม่กี่ประโยคก็เงยหน้ามายิ้มให้นลินทรา
"เพื่อนผมมาถึงแล้วครับ" พูดจบเขาก็ยกมือขึ้นโบกไปมาเพื่อให้เพื่อนเห็น หญิงสาวจึงถือโอกาสหันไปมองหน้าเพื่อนของเขาด้วยความอยากรู้อยากเห็น แต่แล้วก็ต้องเบิกตากว้างด้วยความตกใจ
เวรแล้ว!
ธาม เพื่อนสนิทของนพฤทธิ์เดินมาถึงโต๊ะ เขาเลิกคิ้วขึ้นมองหน้าเธอเช่นกัน นพฤทธิ์ทำหน้าสงสัยเมื่อเห็นสีหน้าและอาการของทั้งคู่จึงเอ่ยปากถาม
"รู้จักกันหรือ" ธามรู้จักนลินทรานั้นไม่แปลกเพราะหญิงสาวเป็นดาราดัง แต่นลินทราไม่น่าจะรู้จักเพื่อนของเขา
"ก็รู้จักแหละ เขาเป็นเพื่อนสนิทของ..." ธามหยุดพูดไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดต่อ
"คุณนิ้งเขาเป็นเพื่อนกับน้องที่สนิทของฉันคนหนึ่งน่ะ" ธามยิ้มพลางค้อมศีรษะให้นลินทราเป็นเชิงทักทาย ส่วนหญิงสาวได้แต่ยิ้มเจื่อนให้เขา
"ซี แกไปนั่งกับคุณนิ้งเขาเถอะ" ธามบอกเพื่อน
"อ้าว ทำไมวะ" นพฤทธิ์ได้แต่สงสัย แต่กระนั้นก็ยังลุกขึ้นเดินไปนั่งข้างนลินทรา
"เถอะน่า อย่าถามเยอะ" ธามเลื่อนเก้าอี้แล้วนั่งตรงข้ามกับทั้งคู่
นลินทราเหลือบมองโทรศัพท์ของตนที่วางอยู่บนโต๊ะจึงคิดจะหยิบมาส่งข้อความบอกพลอยพัดชาว่าไม่ต้องมาแล้ว ทว่ายังไม่ทันที่มือของเธอจะได้แตะโทรศัพท์ ธามก็ชวนคุยเสียก่อน
"วันนี้คุณนิ้งว่างหรือครับ ปกติผมเห็นพวกดาราค่อนข้างงานรัดตัวกันทั้งนั้น"
"ก็...ก็แล้วแต่คิวงานน่ะค่ะว่าจะมีถ่ายอะไรรึเปล่า อย่างวันนี้ที่มาได้ก็เพราะงานวันพรุ่งนี้เขายกเลิกกะทันหัน วันนี้ก็เลยออกมากินข้าวกับคุณซีได้ค่ะ" นลินทราตอบด้วยสีหน้าปกติ แต่ในใจนั้นนึกอยากแยกร่างได้เหลือเกิน เธอจะได้ไปเตือนเพื่อนว่า...ยายพลอย หนีไป!
และไม่รู้เธอคิดไปเองรึเปล่า ราวกับธามมั่นใจว่าเพื่อนที่เธอชวนมาร่วมโต๊ะด้วยนั้นต้องเป็นพลอยพัดชาแน่นอน ทั้งยังรู้อีกว่าเธอกำลังจะแอบติดต่อบอกเพื่อนว่าเขาอยู่ที่นี่ ดังนั้นธามจึงจงใจชวนเธอคุยหลายประโยคอย่างที่น้อยครั้งนักจะได้เห็น
"ดีครับ ผ่อนคลายบ้าง ว่าแต่...ผมมากินข้าวด้วยนี่คงไม่ทำให้คุณลำบากใจใช่ไหม" เขาถามยิ้ม ๆ สายตาคู่นั้นมองเธอราวกับรู้ทันว่ากำลังคิดอะไรอยู่ ทำเอาเธออดรู้สึกหนาว ๆ ร้อน ๆ ไม่ได้
"ไม่เลยค่ะ ลำบากใจอะไรกันคะ คนกันเองทั้งนั้น" แม้ปากจะพูดไปอย่างนั้น แต่ในใจเธอตะโกนออกไปแล้วว่า...ลำบากใจมาก และช่วยกลับไปตอนนี้ได้ยิ่งดี!
"ความจริงแล้วคุณนิ้งก็โทร. ชวนเพื่อนมาด้วยเหมือนกันนะ น่าจะใกล้ถึงแล้วรึเปล่าครับ" นพฤทธิ์หันมาถามเธอ แต่เธอกลับรู้สึกอยากหยิกเขาให้เนื้อหลุด โทษฐานที่เป็นเพื่อนสนิทกับผู้ชายคนนี้
"มาถึงแล้วละ" ธามพูดพลางยกเมนูอาหารขึ้นบังหน้าตัวเองเอาไว้ นลินทราจึงหันไปมองด้านหลังของตนทันที เห็นพลอยพัดชากำลังเดินเฉิดฉายเข้ามาในร้าน และยิ้มให้เธออย่างล้อเลียนนิด ๆ จนกระทั่งเดินมาถึงโต๊ะ
"สวัสดีค่ะคุณซี" พลอยพัดชายกมือไหว้ทักทายนพฤทธิ์เสียงใส ขณะที่นลินทรานั้นพยายามทำหน้าบอกใบ้ด้วยการบุ้ยหน้าไปทางธามสุดฤทธิ์ พลอยพัดชาจึงเบนสายตาไปยังคนที่ถูกเมนูอาหารบดบังใบหน้าเอาไว้อยู่
"เฮ้ยธาม! เพื่อนคุณนิ้งมาแล้ว เชิญนั่งก่อนครับ" นพฤทธิ์เอ่ยเตือนเพื่อนพลางเชื้อเชิญให้พลอยพัดชานั่งลงข้างธาม แต่หญิงสาวกลับไม่ยอมนั่งเพราะเจ้าตัวเอาแต่จ้องเขม็งไปทางเจ้าของชื่อ
ธามลดเมนูอาหารลงจนมองเห็นใบหน้าของตนชัดเจน เขาจ้องพลอยพัดชาตาแทบไม่กะพริบพร้อมกับรอยยิ้มมุมปากอันแสนร้ายกาจพลางพูดว่า
"ไงเรา ไม่เจอกันนานนะ"
พลอยพัดชามีท่าทางตกตะลึงก่อนจะหันไปจ้องหน้านลินทราอย่างเอาเรื่อง นลินทราจึงได้แต่ส่ายหน้าและโบกมือไปมาเพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ของตัวเองว่าตนไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้จริง ๆ
พลอยพัดชาเปลี่ยนท่าทีทันควัน แล้วพูดกับเพื่อนเสียงอ่อนเสียงหวาน
"นิ้ง ไปห้องน้ำเป็นเพื่อนฉันหน่อยสิ"
"ดะ ได้สิ เดี๋ยวมานะคะคุณซี" นลินทราหันไปพูดกับนพฤทธิ์ ชายหนุ่มจึงลุกขึ้นยืนเพื่อให้หญิงสาวเดินออกมาได้สะดวก ซึ่งตอนนั้นพลอยพัดชาเดินนำห่างไปก่อนแล้ว
นลินทรารีบย่ำเท้าตามเพื่อนไป ทว่ายังไม่ทันถึงห้องน้ำก็มีผู้หญิงกลุ่มหนึ่งจำเธอได้ และเรียกชื่อเธออย่างลืมตัว
"อุ๊ย คุณนิ้งนลินทราใช่ไหมคะ"
นลินทราจึงจำเป็นต้องหยุดเดินแล้วหันไปยิ้มหวานให้อีกฝ่าย
"ใช่ค่ะ"
หญิงสาวคนนั้นหันไปพูดกับเพื่อนอย่างตื่นเต้น "อุ๊ยแก ตัวจริงด้วยอะ รบกวนขอถ่ายรูปหน่อยได้ไหมคะ"
"ยินดีเลยค่ะ เอามุมไหนดีคะ" เธอพูดกับแฟนคลับอย่างยิ้มแย้ม และถ่ายรูปคู่กับทุกคนอยู่พักใหญ่ จึงได้มีโอกาสตามเข้าไปหาเพื่อนในห้องน้ำ
ขณะเดียวกัน สองหนุ่มในโต๊ะก็คุยกันอย่างออกรสชาติ นพฤทธิ์เพิ่งรู้เดี๋ยวนี้เองว่าเพื่อนสนิทของนลินทราก็คือหญิงสาวที่เทเพื่อนรักของเขานี่เอง ชายหนุ่มจึงหัวเราะร่วนอย่างอารมณ์ดีเมื่อคนเทกับคนถูกเทมาเจอกัน
"นี่สั่งอาหารไปรึยัง ระวังอย่าสั่งอะไรที่มีถั่วนะ พลอยแพ้ถั่วขั้นรุนแรง" ธามเอ่ยเตือนเพื่อน
"ถามจริง! ยังไม่ได้สั่งหรอก เอาไว้รอให้ครบคนก่อนแล้วค่อยสั่ง ว่าแต่แกเถอะจะทำยังไงต่อไป อย่าหาว่าสอนมวยเลยนะเว้ยเพื่อน ถ้าวันนี้แกยังเล่นตัวอยู่อีก แกได้ถูกเทตลอดกาลแน่"
"รู้แล้วน่า กำลังหาวิธีอยู่นี่แหละ" ธามหน้าตึงเมื่อถูกเพื่อนจี้ใจดำ
"คิดว่าจะมีโอกาสกี่เปอร์เซ็นต์ครับเพื่อน เพราะดูทรงแล้วนี่คงง้อวิธีไหนก็ไม่ได้ผลแล้วมั้ง" นพฤทธิ์หัวเราะอย่างถูกใจ ครั้นพอนึกอะไรขึ้นมาได้จึงพูดต่อ
"สมัยนี้สาว ๆ เขารับคำขอโทษเป็นเงินสดกับของมีค่านะเว้ย ไม่เคยได้ยินหรือวะ ถ้าเงินมากพอก็หายโกรธ แต่อย่างคุณพลอยนั้นเงินน่าจะมีเยอะอยู่แล้ว แกไม่ลองหาอะไรสักอย่างที่จะทำให้เขาหายโกรธได้ชัวร์ ๆ ละ"
ธามขมวดคิ้วมุ่นอย่างครุ่นคิด "เช่นอะไรวะ"
"คุณพลอยเขามีร้านจิวเวลรี่ใช่ไหมล่ะ ถ้างั้นก็อาจจะเป็นเพชรน้ำงามสักสิบกะรัต พลอยหายากสักหนึ่งพันเม็ดอะไรพวกนี้ เขาจะได้รู้ว่าแกตั้งใจจะง้อเขาจริง ๆ ไง ของแค่นี้คงไม่ทำให้จีเอ็มของโรงแรมสุดหรูอย่างแกขนหน้าแข้งร่วงหรอกมั้ง จริงไหมวะไอ้คุณธาม"
นพฤทธิ์ยิ้มกว้างอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะหุบยิ้มทันทีเมื่อถูกเพื่อนจี้ใจดำขึ้นมาบ้าง
"เอาตัวเองให้รอดก่อนเถอะวะไอ้ซี ได้ข่าวว่าแม่จะจับคู่ให้อยู่แล้วไม่ใช่หรือ แล้วแกยังมาจีบคุณนิ้งเขาแบบนี้ระวังแม่ไม่ปลื้มนะเว้ย จะบอกอะไรให้นะ คนอย่างฉันนี่ดูใครไม่เคยพลาด คนอย่างคุณนิ้งน่ะอ่อนนอกแข็งในนะขอบอก ถ้าเขารู้เรื่องนี้ขึ้นมา ฉันเอาหัวเป็นประกันได้เลยว่าคุณนิ้งจะทิ้งแกทันทีและจะตัดขาดกับแกทุกทางเลยด้วย"
นพฤทธิ์หน้าซีดลงทันที "ไอ้คุณธามครับ อย่ามาแช่งกันอย่างนั้นสิวะเพื่อน ฉันชอบเขาจริง ๆ นะเว้ย เจอหน้าครั้งแรกก็ถูกชะตาแล้ว แบบที่เขาเรียกว่ารักแรกพบไง เฮ้อ...เรื่องพวกนี้พูดไปคนความรู้สึกช้าอย่างแกก็ไม่เข้าใจหรอกว่ะ"
ธามมองหน้าเพื่อนอย่างไม่สบอารมณ์ที่ถูกหลอกด่าเข้าเรื่องเดิม ในหัวเริ่มนึกถึงคำพูดของพลอยพัดชาตอนที่เคยนั่งกินข้าวด้วยกันที่โรงแรม เขาจำได้ว่าวันนั้นเธอโชว์สร้อยข้อมือให้เขาดู
"พี่ธามรู้ไหมคะว่านี่คือพลอยอะไร นี่น่ะเขาเรียกพัดพารัดชาค่ะ เป็นไพลินชนิดหนึ่งละ ปกติเราจะเห็นแต่ไพลินสีฟ้าหรือสีน้ำเงินใช่ไหมล่ะ แต่นี่เป็นสีชมพูอมส้ม จัดว่าเป็นพลอยหายากชนิดหนึ่งและมีราคาแพงมากเลยนะ"
ไพลินพัดพารัดชาอย่างนั้นหรือ...น่าสนใจ