ธามหยิบเมนูอาหารขึ้นมาดูอีกครั้งเพราะก่อนหน้านี้เขาเห็นว่ามีของโปรดของพลอยพัดชาอยู่ด้วย เมื่อเจอแล้วก็ยกมือเรียกบริกรเข้ามาสั่งอาหาร
"ขอพล่ากุ้งแม่น้ำกับปลาช่อนลุยสวนครับ ที่เหลือเดี๋ยวผมสั่งเพิ่ม"
นพฤทธิ์เลิกคิ้วขึ้นแล้วมองเพื่อนอย่างล้อเลียน "ไม่ยักรู้ว่าเดี๋ยวนี้คนอย่างเสี่ยธามกินอาหารรสจัดจ้านด้วย"
ธามยิ้มบาง ๆ "ของโปรดของพลอยเขา"
"อ๋ออออ สั่งมาเอาใจสาว ง้อสาวด้วยอาหารจานโปรด โถ...พ่อคุณ น่าเอ็นดู"
ธามตีหน้ายักษ์ใส่เพื่อน "ไอ้ซี เดี๋ยวจะโดนเตะ แซวไม่เลิกนะแก อย่าให้ต้องแฉบ้างนะเว้ย คราวนี้เถอะจากแค่กำลังคุย ๆ จะกลายเป็นคนเคยรู้จักทันที"
"เฮ้ย! แหม ล้อเล่นหรอกน่า" นพฤทธิ์ยอมลงให้เพื่อนทันทีเพราะกลัวว่าธามจะพูดเรื่องมารดาพยายามหาว่าที่คู่หมั้นให้เขาแล้วนลินทราจะเข้าใจผิดไปกันใหญ่
"มากันแล้ว" ธามพูดขึ้นเบา ๆ เมื่อเห็นสองสาวพากันเดินมาที่โต๊ะ
ทั้งสองหนุ่มต่างพากันลุกขึ้นเพื่อให้หญิงสาวเข้าไปนั่งด้านใน หลังจากนั่งกันเรียบร้อยดีแล้ว พลอยพัดชาก็เป็นฝ่ายถามขึ้น
"ได้สั่งอาหารกันไปบ้างรึยังคะ"
"พี่กับพี่ซีสั่งไปสองอย่างแล้วตอนที่พลอยไปเข้าห้องน้ำกับเพื่อนน่ะ เหลือแต่พลอยกับคุณนิ้ง" ธามเป็นฝ่ายตอบและผลักเมนูอาหารไปไว้ตรงหน้าหญิงสาวก่อนพูดต่อ
"พี่สั่งพล่ากุ้งแม่น้ำกับปลาช่อนลุยสวนไปแล้วนะ"
พลอยพัดชาพยักหน้ารับรู้แล้วถามนลินทราว่า "แกจะกินข้าวไหม"
"ไม่ละ อยากดื่มมากกว่า สั่งไส้กรอกเยอรมันมาสักชุดหนึ่งก็ได้นะ" นลินทราพูดโดยที่สายตาไล่อ่านรายการเครื่องดื่มในเมนูอาหาร
"ระวังเมานะ" นพฤทธิ์ยื่นหน้ามากระซิบเบา ๆ อย่างหยอกเย้า หญิงสาวจึงหยอกเขากลับบ้าง
"ไม่กลัวค่ะเพราะวันนี้นิ้งมีคนขับรถส่วนตัว เพราะฉะนั้นคนขับรถอย่าดื่มเกินสองแก้วนะคะ"
นพฤทธิ์หน้าเจื่อนลงทันทีที่ได้ยินอย่างนั้น เพราะสองแก้วสำหรับเขาแล้วเหมือนแค่ไปกระตุ้นน้ำย่อยในกระเพาะอาหารมากกว่า แต่ถ้าเป็นคำสั่งจากนลินทรา เขาก็จะยอมทำตามแต่โดยดี
หลังจากสั่งอาหารและเครื่องดื่มเรียบร้อยแล้ว ทั้งสี่คนก็เริ่มพูดคุยกันอย่างออกรส เพราะพลอยพัดเองก็เป็นคนช่างคุยอยู่แล้ว และคนที่เงียบที่สุดก็คือธาม เพราะชายหนุ่มเอาแต่ฟังและมองหน้าพลอยพัดชา ทั้งยังคอยขยับเข้าไปเบียดหญิงสาวทีละนิดตอนเธอเผลออยู่เรื่อย จนพลอยพัดชาต้องหันมาแหวเข้าให้
"พี่มาเบียดพลอยทำไม"
"เบียดอะไร เปล่าสักหน่อย พี่ก็นั่งของพี่ดี ๆ" ธามตอบพลางตักกุ้งแม่น้ำใส่จานให้เธอ แต่พลอยพัดชาไม่สนใจ ยังคงตั้งหน้าตั้งตาเถียงกับเขาต่อ
นลินทรามองคนทั้งคู่อย่างเป็นห่วง เพราะเธอกลัวว่าถ้าพลอยพัดชาใจอ่อนอีกครั้งแล้วทุกอย่างจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม ธามมักชอบวางให้พลอยพัดชาเป็นของตายสำหรับตนเสมอ เธอไม่อยากให้เพื่อนสนิทของเธอต้องเสียใจอีก
"คุณนิ้งอย่าเป็นห่วงไปเลยครับ ให้พวกเขาปรับความเข้าใจกันนั่นแหละดีแล้ว" นพฤทธิ์หันมาพูดกับเธอเบา ๆ
"ไม่ดีหรอกค่ะ คุณน่ะไม่รู้อะไรซะแล้ว" เธออดค้อนให้เขาไม่ได้
"ผมเป็นเพื่อนธามมานาน ผมรู้ดีที่สุดว่าเขาเป็นคนยังไง ถึงเขาจะไม่แสดงออกอะไรมากมาย แต่ความจริงแล้วเขาแคร์คุณพลอยมากนะครับ"
"คุณเป็นเพื่อนเขา คุณก็ต้องเข้าข้างเขาเป็นธรรมดา แต่นิ้งเป็นเพื่อนพลอย นิ้งทีมพลอยค่ะ"
"อ้าว แล้วผมล่ะ" เขากะพริบตาปริบ ๆ อย่างออดอ้อน แต่แววตาที่มองมานั้นสื่อความนัยอย่างชัดเจน
"คุณก็ไปอยู่ทีมโน้นสิ" เธอบุ้ยหน้าไปทางธาม
"ไม่เอา ก็ผมอยากอยู่กับคุณนี่" เขาตอบหน้ายิ้มจนตาหยีเช่นเคย แต่คราวนี้นลินทรามองแล้วใจสั่นหวิว ๆ ขึ้นมาจนต้องเสมองไปทางอื่นแล้วแก้เขินด้วยการหยิบค็อกเทลขึ้นดื่ม
นพฤทธิ์จอดรถหน้าบ้านของนลินทราแล้วถอนหายใจออกมาแผ่วเบา ชายหนุ่มหันไปมองคนนั่งข้างกายที่กำลังปลดเข็มขัดนิรภัยจึงพูดขึ้นว่า
"ผมยังไม่อยากกลับเลย อยากอยู่กับคุณนิ้งต่อ เสียดายก็แต่มันดึกแล้ว ผมอยากให้คุณพักผ่อนมากกว่า"
"นิ้งก็อยากให้คุณพักผ่อนค่ะ วันนี้คุณดูเหนื่อย ๆ นะ"
"แต่การพักผ่อนของผมคือการได้อยู่กับคุณ"
นลินทรายิ้มอ่อนพลางมองหน้าเขานิ่ง "ปากหวานจังเลยนะคะ นิ้งชักไม่แน่ใจเสียแล้วสิว่าคุณมีคนที่กำลังคุย ๆ อยู่กี่คนกัน คงไม่ได้มีนิ้งคนเดียวล่ะมั้ง"
นพฤทธิ์เบิกตากว้างด้วยความตกใจ "อ้าว เป็นงั้นไป อย่ามองผมในแง่ร้ายขนาดนั้นสิครับ ผมไม่ได้คุยกับคนอื่นอีกแน่นอน ผมมีคุณนิ้งคนเดียวจริง ๆ นะ ผมชอบคุณ"
สามคำหลังทำให้ใบหน้าของนลินทราเห่อร้อนขึ้นมาทันที แม้จะรู้อยู่แล้วว่าผู้ชายคนนี้คิดกับตนอย่างไร แม้หลายครั้งเขาจะพูดจาหวานหูกับเธอเสมอ แต่ครั้งนี้คำว่าผมชอบคุณที่เขาเอ่ยออกมากลับฟังดูหนักแน่นและจริงใจกว่าครั้งไหน
หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ แล้วถามเขาว่า
"คุณชอบนิ้งตรงไหนคะ"
นพฤทธิ์ทำท่านึกอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะส่ายหน้าช้า ๆ "มันก็บอกไม่ถูกครับว่าตรงไหน เพราะครั้งแรกที่เจอคุณตอนถ่ายโฆษณาที่สวนผมก็ยังรู้สึกเฉย ๆ อยู่นะ แต่พอผมเห็นคุณโดนผู้กำกับต่อว่าที่คุณแสดงออกมาได้ไม่ดีพอ แล้วคุณก็ยืนรับฟังอย่างสงบ คุณยอมรับความผิดของตัวเองแล้วนำไปปรับปรุงโดยไม่มีการชักสีหน้าใส่ทีมงานเหมือนดาราตัวท็อปบางคน ทั้งที่ภาพลักษณ์ของคุณที่คนทั่วไปเห็นจากหน้าจอทีวีคือนางร้ายขาวีน ผมก็เลยเริ่มรู้สึกสนใจคุณขึ้นมา"
"ก็วันนั้นนิ้งป่วย จะไปมีแรงต่อปากต่อคำกับใครล่ะคะ"
"เรื่องนี้ก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องนะที่ผมทึ่งในตัวคุณมาก ๆ คุณป่วยหนักขนาดนั้น แทนที่จะยกเลิกกองไปถ่ายวันอื่นก็ได้แต่คุณไม่ทำ เพราะคุณเกรงใจทีมงานคนอื่น แล้วคุณก็ต้องมาทรมานสังขารตัวเองจนถ่ายจบจนได้ ตั้งแต่นั้นมาผมก็เลยคิดว่าอยากทำความรู้จักกับคุณให้มากขึ้น"
ชายหนุ่มทำใจกล้าด้วยการเอื้อมไปกุมมือของหญิงสาวเอาไว้แล้วบีบเบา ๆ พลางถามเสียงแผ่ว
"ไม่ทราบว่า...ผมพอจะมีโอกาสได้เลื่อนสถานะบ้างไหมครับ"
นลินทราหลุบตาลงมองมือของเขาที่วางทาบมือของเธออยู่ ยิ้มนิด ๆ แล้วพูดว่า
"มือไวอย่างนี้ก็คงอีกนานค่ะ" เธอพูดจบ นพฤทธิ์ก็รีบชักมือตัวเองไปทันทีราวกับจับถูกของร้อน
"ผมขอโทษ ผมก็แค่..." เขาอ้ำอึ้งทำหน้าเจื่อนจนหญิงสาวอดหัวเราะออกมาไม่ได้
"นิ้งล้อเล่นค่ะ แหม เรื่องนี้นิ้งถือสาที่ไหนกัน นิ้งเป็นดารานะคะ เวลาเข้าฉากกับเพื่อนนักแสดงชายแตะเนื้อต้องตัวกันยิ่งกว่านี้อีก"
"มันเหมือนกันที่ไหนล่ะครับ นั่นมันงานของคุณนี่นา"
"นั่นสิคะ มันคืองานของนิ้ง " เธอมองหน้าเขาแล้วตัดสินใจพูดเรื่องสำคัญอีกเรื่อง
"คุณซีเคยดูละครที่นิ้งแสดงไหมคะ"
"เคยดูบ้างครับ เอ่อ...ก็ไม่บ้างหรอก ผมตามดูทุกเรื่องเลย เลื่อนดูเฉพาะฉากที่มีคุณน่ะ" เขาพูดเขิน ๆ
"แล้ว...เคยเห็นงานแฟชั่นที่นิ้งถ่ายบ้างไหม อย่างพวกชุดว่ายน้ำหรือถ่ายแบบอะไรพวกนี้"
"แน่นอนว่าต้องเคยสิครับ คุณถามทำไมหรือ"
"แล้วคุณรู้สึกยังไงบ้าง" นลินทราอยากรู้ทัศนคติของเขาที่มีต่ออาชีพดารานักแสดงอย่างเธอ อยากรู้ว่าเขาจะตอบอย่างไร
"รู้สึกยังไงน่ะหรือ ตอนดูละครผมว่าคุณแสดงได้ดีมากเลย ตัวจริงของคุณกับในทีวีมันคนละเรื่องกันเลยละ ตอนที่ผมดูน่ะผมไม่รู้สึกเลยว่านี่คือคุณนิ้งที่ผมรู้จัก แต่เป็นคนอื่น ส่วนเรื่องถ่ายแฟชั่น โดยส่วนใหญ่แล้วผมชอบนะ ผมโดนคุณตกก็เพราะแฟชั่นชุดว่ายน้ำที่คุณถ่ายริมทะเลนั่นแหละ"
นลินทรายิ้มออกมาในที่สุด เพราะชายหนุ่มไม่มีการพูดคำว่ารู้สึกหวง หรือไม่ชอบเวลาที่เห็นเธอใกล้ชิดกับนักแสดงชายคนอื่นเลย ก็หมายความว่าเขาเข้าใจลักษณะอาชีพของเธอเป็นอย่างดี จึงไม่มีอารมณ์หึงหวงงี่เง่าจนพานเอามาทะเลาะกันเหมือนแฟนเก่าของเธอ
หญิงสาวเป็นฝ่ายกุมมือของเขาเอาไว้บ้างแล้วพูดว่า "ให้เวลาเป็นตัวตัดสินก็แล้วกันค่ะ ว่าสุดท้ายเราสองคนจะอยู่ในสถานะไหนกัน นิ้งเองตอนนี้ก็ไม่ได้คุยอยู่กับใคร"
นพฤทธิ์เป็นฝ่ายพลิกมือมาแล้วเอานิ้วสอดประสานกันไว้ รอยยิ้มกับแววตาเจ้าเล่ห์ปรากฏขึ้นบนใบหน้าทันที
"ถ้าอย่างนั้นผมจะขอลักไก่คิดเองเออเองก็แล้วกันครับว่าเราเป็นแฟนกันแล้ว" ชายหนุ่มยิ้มกว้างจนตาหยีแทบเป็นเส้นตรง
"นี่ก็ดึกมากแล้ว ผมว่าคุณเข้าบ้านนอนเถอะ แล้วพรุ่งนี้ก่อนเที่ยงผมจะมารับไปกินข้าวกลางวันกัน พรุ่งนี้คุณว่างทั้งวันเลยรึเปล่า"
นลินทราพยักหน้า เขาจึงพูดต่อ "งั้นพรุ่งนี้ตอนผมเลิกงาน ผมมารับพาไปดินเนอร์แล้วเราไปดูหนังกันนะ อ๊ะ ๆ ไม่ต้องมาถามผมเลยนะว่าไม่กลัวเป็นข่าวกับคุณหรือ บอกเลยว่าไม่กลัวครับ ผมกลัวไม่เป็นมากกว่า ว่าแต่คุณเถอะ ผู้จัดการจะไม่ว่าอะไรใช่ไหม"
หญิงสาวนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะส่ายหน้าช้า ๆ "ไม่ว่าหรอกค่ะ น้าจินนี่เขาก็แค่เป็นห่วงน่ะ เขากลัวว่าคนอื่นจะมองนิ้งไม่ดี ใส่สีตีไข่กันไปต่าง ๆ นานา"
"มองไม่ดียังไง ผมว่าตัวเองก็ไม่ใช่คนเลวร้ายอะไรนะ" นพฤทธิ์ทำหน้าไม่เข้าใจ
"นิ้งหมายถึงคนอื่นเขาอาจจะมองว่านิ้งใช้เต้าไต่หวังเกาะคนรวยน่ะค่ะ เพราะก่อนหน้านี้นิ้งยังโสด แต่พอมาถ่ายโฆษณาให้คุณ นิ้งก็มาเดินควงกับคุณซะแล้ว บางคนเขาอาจจะพูดถึงขั้นที่ว่านิ้งเป็นของเล่นคนรวยเลยก็ได้"
"โห...นั่นก็แรงไป ไม่จริงสักหน่อย เพราะความจริงคือผมอยากให้คุณมาเกาะผมจะแย่"
นลินทรายิ้มอ่อน ผู้ชายคนนี้หาช่องไม่ได้เลย จะต้องสาดน้ำหวานใส่เธอเสมอ แต่หวานมากไปก็ใช่ว่าจะดี เพราะหากมีมดเข้ามารุมตอมก็จะพานทำให้เจ็บ ๆ คัน ๆ เสียเปล่า ๆ
"นิ้งเข้าบ้านก่อนนะคะ คุณซีขับรถดี ๆ นะ"
"ดีอยู่แล้วครับเพราะผมดื่มแค่สองแก้วเป๊ะ ๆ ตามคำสั่งคุณเลย"
หญิงสาวยู่หน้าใส่เขาก่อนจะหลุบตาลงมองมือของตนที่สอดประสานอยู่กับมือของเขา
"ปล่อยก่อนเถอะค่ะ ไม่ปล่อยแล้วนิ้งจะเข้าบ้านยังไง"
นพฤทธิ์ปล่อยมือหญิงสาวอย่างอ้อยอิ่ง นลินทราจึงก้าวลงจากรถแล้วปิดประตูตามหลัง ชายหนุ่มเลื่อนกระจกลงจนสุด เธอยืนอยู่หน้ารั้วแล้วโบกมือให้เขา
"หลับฝันดีนะครับ แล้วพรุ่งนี้เจอกัน"
นลินทรายิ้มให้เขา ไขกุญแจเข้าไปในบริเวณบ้านแล้วล็อกไว้ตามเดิม ชายหนุ่มมองส่งเธอจนกระทั่งเห็นไฟในบ้านสว่างขึ้น เขาจึงค่อย ๆ เคลื่อนรถจากไป
หลังจากนั้นเป็นต้นมา ภาพความสนิทสนมของดาราสาวกับนักธุรกิจหนุ่มไฟแรงก็ปรากฏอยู่บนหน้าเพจซุบซิบดาราและสื่อบันเทิงอื่น ๆ อยู่บ่อยครั้งจนเริ่มเป็นที่ชินตา และทุกครั้งที่นลินทราถูกนักข่าวถามเกี่ยวกับนพฤทธิ์ หญิงสาวก็ตอบไปแค่ว่ากำลังดู ๆ กันอยู่แต่ไม่ยอมพูดออกไปว่ากำลังคบหากันเป็นแฟน ทั้งที่นพฤทธิ์ก็เข้านอกออกในบ้านของนลินทรา และร่วมรับประทานอาหารกับบิดามารดาของเธออยู่หลายครั้ง
นพฤทธิ์ทำหน้ามุ่ยขณะดูข่าวสัมภาษณ์ของนลินทราจากไอแพดของหญิงสาว
"ทำไมนิ้งไม่บอกนักข่าวไปเลยว่าเราคบกันอยู่" ชายหนุ่มทำเสียงกระเง้ากระงอด
"อ้าว นิ้งก็ต้องเหลือทางรอดไว้ให้ตัวเองบ้างสิคะ คุณก็รู้ว่าอะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้นนี่นา ขอไอแพดของนิ้งหน่อยค่ะ"
นพฤทธิ์เอาไอแพดหลบไว้ข้างหลัง ไม่ยอมให้เธอจับได้
"เรียกพี่ซีก่อน บอกหลายครั้งแล้วว่าไม่ต้องเรียกคุณ"
นลินทราค้อนให้เขา ก่อนจะพูดเสียงอ่อนเสียงหวาน
"พี่ซีขา นิ้งขอไอแพดหน่อยนะคะ จะเอามาดูตารางงานค่ะ"
"ค่อยฟังรื่นหูหน่อย" ชายหนุ่มยิ้มกริ่มขณะยื่นไอแพดส่งให้หญิงสาว เขามองเธอก้มหน้าดูตารางงานในปฏิทินแล้วก็พูดไปยิ้มไปว่า
"พรุ่งนี้พี่ว่าเราไปดินเนอร์กันบนตึกสูง ๆ ดูวิวกรุงเทพฯ สวย ๆ กันดีไหมนิ้ง บรรยากาศดีมากเลยนะ"
"ที่ไหนคะ"
"ก็...คอนโดฯ พี่เองแหละ มันมีระเบียงกว้างมากเลยนะ พี่จะชอบไปนั่งจิบกาแฟตอนเช้า ๆ มองวิวแม่น้ำเจ้าพระยา แต่ถ้าเป็นตอนกลางคืนก็จะสวยไปอีกแบบเพราะร้านค้าร้านอาหารแถวริมน้ำเขาจะประดับไฟไว้สวยเลยละ สนใจไหม ถ้านิ้งสนใจพรุ่งนี้พี่จะได้โทรศัพท์ไปสั่งอาหารที่ร้านอาหารไว้ล่วงหน้า แล้วก็ซื้อไวน์ดี ๆ มาไว้ให้นิ้งดื่มด้วย"
นลินทราช้อนตาขึ้นมองคนชวนพร้อมกับยิ้มนิด ๆ
"อยากชวนนิ้งขึ้นคอนโดฯ ของพี่ว่างั้นเถอะ"