นลินทราตื่นในเวลาเกือบเที่ยงของวันถัดมา เมื่อคืนหญิงสาวนอนค้างที่คอนโดมิเนียมของพลอยพัดชา และตอนนี้เจ้าของห้องก็ออกไปทำงานที่ร้านพัดชา เจมส์แล้วเรียบร้อย
หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้วเธอก็ออกจากห้อง ตั้งใจไว้ว่าจะไปหาอะไรกินตามร้านอาหารใกล้บ้านแล้วค่อยกลับเข้าบ้านไปซ้อมบทที่จะถ่ายทำในวันรุ่งขึ้น แต่แล้วความตั้งใจของหญิงสาวก็ต้องเป็นหมันเมื่อนพฤทธิ์โทรศัพท์เข้ามาที่เครื่อง หลังจากที่เขาส่งข้อความมาแล้วสามครั้งแต่เธอไม่ได้อ่าน
"ค่ะคุณซี" เมื่อได้ยินเสียงของตัวเอง นลินทราจึงรีบกระแอมเพื่อให้คอโล่งขึ้น แต่เสียงก็ยังฟังดูแหบพร่าอยู่ดี
"เสียงแหบเชียว ไม่ใช่ว่าไข้กลับมาอีกแล้วหรือครับ"
"ไม่ใช่ค่ะ นิ้งสบายดี แค่เสียงแหบไปนิดเพราะเมื่อวานร้องเพลงเยอะ"
"แล้วกินข้าวเที่ยงรึยังครับเนี่ย"
"ยังเลยค่ะ นิ้งเพิ่งตื่นน่ะ เมื่อคืนมานอนบ้านเพื่อน นี่ตั้งใจว่าจะขับรถกลับบ้านแล้วหาร้านแถวบ้านนั่งกิน" เธอตอบไปตามตรง
"งั้นดีเลย ผมไปกินด้วยนะ"
"จะไม่ไกลไปหรือคะ จากบริษัทคุณซีมาบ้านนิ้งน่ะ"
"ไม่ไกลเลยสักนิด ขึ้นทางด่วนไปแป๊บเดียวเอง รอผมก่อนนะ ผมจะรีบขับรถไปเลย"
"ไม่ต้องรีบหรอกค่ะ ค่อย ๆ ขับมาก็ได้มันอันตราย"
"โอย...รู้สึกดีจัง คุณนิ้งเป็นห่วงผมด้วย วันนี้ผมต้องทำงานอย่างมีความสุขแน่ ๆ เลย"
นลินทรากลอกตามองเพดานด้วยความหมั่นไส้คนปลายสาย เธอก็แค่พูดออกไปตามสิ่งที่ควรพูดเพราะไม่อยากให้เกิดอุบัติเหตุ แต่ผู้ชายคนนี้ก็หน้ามึนเหลือเกิน เขาปากหวานออกอย่างนี้แล้วยังมีหน้ามาบอกอีกหรือว่าตนไม่ใช่คนเจ้าชู้
"เอาเป็นว่าถ้าใกล้ถึงก็โทร. หานิ้งอีกทีละกันค่ะ นิ้งจะได้บอกว่าไปนั่งร้านไหน"
"ครับผม คุณนิ้งก็ขับรถดี ๆ นะครับผมเป็นห่วง"
"ค่ะ แล้วเจอกันนะคะ" นลินทราอดยิ้มไม่ได้ จะว่าไปแล้วมีผู้ชายแบบนี้มาตามจีบก็บันเทิงดีเหมือนกัน
จากคอนโดมิเนียมของพลอยพัดชาไปบ้านของนลินทราใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมงก็ถึงเพราะหญิงสาวเลือกใช้ทางด่วน เธอขับช้า ๆ เพื่อมองร้านอาหารที่เปิดอยู่ริมทางหลายร้าน จนกระทั่งไปสะดุดตากับร้านหนึ่งเข้าซึ่งเป็นร้านอาหารจีนที่เธอกับครอบครัวมากินกันบ่อย ๆ จึงตัดสินใจเลี้ยวรถเข้าไปจอดด้านหลังอาคารพาณิชย์ของร้านนั้นทันที
นลินทราเดินมาหน้าร้านแล้วถ่ายรูปด้านหน้าที่มีชื่อของร้านติดอยู่เพื่อส่งไปให้นพฤทธิ์ดูทางไลน์พร้อมกับส่งโลเกชันไปให้เขาด้วย เสร็จเรียบร้อยก็เดินเข้าไปในร้านแล้วยิ้มให้พนักงานที่ทำหน้าที่ต้อนรับอยู่ด้านหน้า
"สวัสดีค่ะคุณนิ้ง วันนี้มาคนเดียวหรือคะ"
"เดี๋ยวมีเพื่อนตามมาทีหลังคนหนึ่งค่ะ พี่โบพอจะเหลือโต๊ะที่ค่อนข้างเป็นส่วนตัวให้นิ้งบ้างไหมคะ"
"มีค่ะอยู่ชั้นสอง ก็โต๊ะเดิมนั่นแหละค่ะ" พนักงานคุยกับนลินทราอย่างเป็นกันเองเพราะหญิงสาวมักจะมากินที่ร้านกับครอบครัวเดือนละหนึ่งครั้งเป็นอย่างต่ำ
นลินทราเดินตามพนักงานสาวคนนั้นขึ้นไปชั้นสองแล้วนั่งที่โต๊ะประจำของตน เธอรับเมนูมาจากพนักงานแล้วส่งข้อความไปบอกนพฤทธิ์ว่า
Nink Nalin : ถ้ามาถึงแล้ว ให้บอกพนักงานว่านัดกับนิ้งนะคะ เขาจะพามาที่โต๊ะเองค่ะ
หญิงสาวนั่งดูเมนูไปเรื่อย ๆ ระหว่างรอนพฤทธิ์ ในใจก็หมายตาอาหารไว้สองอย่างแล้ว ที่เหลือคงต้องรอให้ชายหนุ่มเป็นคนเลือกเอง ซึ่งเธอก็รอไม่ถึงสิบห้านาที ร่างสูงโปร่งของนพฤทธิ์ก็เดินมานั่งฝั่งตรงข้าม
"แหม คุณนิ้งเลือกร้านอาหารได้เหมาะกับหน้าตาผมมากเลยครับ"
นลินทราฟังจบก็หัวเราะออกมาทันทีเพราะไม่คิดว่าเขาจะพูดแบบนั้น หญิงสาวหัวเราะจนหน้าแดง รอยยิ้มที่เปิดกว้างของเธอทำให้ชายหนุ่มที่นั่งตรงข้ามมองนิ่งอย่างเผลอไผล
...น่ารัก...
แทบไม่อยากเชื่อเลยว่าหญิงสาวที่นั่งตรงหน้าเขาคนนี้ กับผู้หญิงร้ายกาจที่ไล่บี้นางเอกด้วยวาจาเชือดเฉือนทางหน้าจอโทรทัศน์นั้นจะเป็นคน ๆ เดียวกัน เมื่อวานเขานั่งจมอยู่หน้าคอมพิวเตอร์หลายชั่วโมงเพื่อดูละครย้อนหลังทางยูทูบที่นลินทราแสดงเอาไว้ โดยเขาเลือกดูเฉพาะฉากที่มีเธอออกมาเท่านั้น แต่ละบทบาทที่เธอได้รับล้วนสลัดคราบผู้หญิงหน้าใส และมีรอยยิ้มที่น่าดึงดูดใจอย่างคนตรงหน้าเขาคนนี้ไปโดยสิ้นเชิง
แต่บางบทบาทเขายอมรับว่าแอบกลัวตัวละครในเรื่องจริง ๆ นลินทราแสดงได้ดีมาก ดีเสียจนหัวใจเขาเต้นตึกตักด้วยความหวาดหวั่นเวลาที่ตัวละครตัวนั้นโผล่ขึ้นมา
"คุณซีคะ" นลินทราโบกมืออยู่ตรงหน้าเขา ชายหนุ่มถึงเพิ่งได้สติ
"มองหน้านิ้งทำไม สั่งอาหารเถอะค่ะ นิ้งเล็งไว้สองอย่างแล้วนะ ที่เหลือคุณซีสั่งได้เลย"
"ผมเพิ่งเคยเห็นคุณหัวเราะน่ะ น่ารักดี ผมเลยเผลอมองนานไปหน่อย" เขาพูดจบก็อมยิ้มแล้วก้มหน้าดูเมนู เขาดูแค่สองสามหน้าก็พยักหน้าขึ้นลงช้า ๆ พลางพูดว่า
"อาหารจีนไหหลำนี่นา ไม่ได้กินตั้งนานแล้ว" เขาเงยหน้าขึ้นยิ้มให้นลินทรา แต่เห็นว่าเธอยังคงหน้าแดงระเรื่ออยู่จึงอดเย้าหยอกเธอไม่ได้
"ใครจะเชื่อว่านางร้ายอันดับหนึ่งจะเป็นคนขี้อายและเขินง่ายขนาดนี้ ผมชักอยากรู้แล้วสิว่าผมได้เห็นมุมนี้ของคุณเป็นคนแรกรึเปล่าน้า" เขาพูดจบเธอก็ส่งค้อนให้เขาวงใหญ่
"แต่คุณหัวเราะได้น่ารักจริง ๆ นะ มองค้อนผมเมื่อกี้ก็ยังดูน่ารักเลย"
"คุณซี!" เธอถลึงตาใส่เขา ชายหนุ่มจึงหัวเราะร่า
"โอเคครับ ไม่แกล้งแล้ว ผมจะสั่งแล้วนะ"
นพฤทธิ์หันไปหาพนักงานแล้วพยักหน้าให้เป็นเชิงให้เข้ามารับออเดอร์ หลังจากสั่งเสร็จเรียบร้อยแล้ว ชายหนุ่มก็พูดขึ้นว่า
"คืนพรุ่งนี้คุณนิ้งว่างไหมครับ ผมอยากจะชวนไปนั่งฟังเพลงสักหน่อย แถว ๆ ทองหล่อน่ะครับ"
นลินทรานิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะยิ้มบาง ๆ ส่งให้
"คงไม่ได้ค่ะ พรุ่งนี้มีถ่ายละคร ไม่รู้จะเลิกกี่โมง"
"ไม่เป็นไรครับ เอาไว้โอกาสหน้าก็ได้" คำปฏิเสธของเธอเป็นสิ่งที่เขาคาดไว้ตั้งแต่ต้นแล้วว่าเธอไม่ไปแน่นอน จึงไม่ได้ผิดหวังเท่าไรนัก แต่เขาก็จะลองชวนไปเรื่อย ๆ จนกว่าเธอจะยอมใจอ่อนไปดินเนอร์กับเขาสักวัน
สองวันต่อมา นลินทรามีงานถ่ายภาพนิ่งคู่กับสินค้าของเฟรชลูป โดยใช้สตูดิโอที่บ้านของจินตวาตีเป็นที่ถ่ายทำ และแน่นอนว่าตั้งแต่ดาราสาวนั่งแต่งหน้าทำผม ตลอดไปจนการถ่ายภาพเสร็จสิ้น นพฤทธิ์นั่งปะปนอยู่กับทีมงานเงียบ ๆ คอยดูดาราสาวถ่ายแบบด้วยความสนใจโดยไม่เข้าไปวุ่นวายหรือซักถามอะไรให้คนอื่นต้องลำบากใจเลยแม้แต่น้อย
"วันนี้ว่างหรือคะ ถึงมาอยู่ที่นี่ได้ทั้งวันเลย" นลินทราเดินมาถามชายหนุ่มที่นั่งอยู่เพียงลำพัง
"ไม่ว่างครับ เพราะการมานั่งดูพรีเซ็นเตอร์ถ่ายงานให้บริษัทก็ถือเป็นงานอย่างหนึ่งเหมือนกัน" เขายิ้มจนตาหยี ก่อนจะยื่นหน้าเข้ามาแล้วพูดเบา ๆ อีกว่า
"ที่ผมมาอยู่ที่นี่ทั้งวันก็เพราะพรุ่งนี้ผมไม่ว่างมาไงครับ วันนี้ก็เลยต้องมาชดเชยให้พรุ่งนี้สักหน่อย ว่าแต่...วันนี้คุณนิ้งว่างไปกินมื้อเย็นกับผมไหมล่ะครับ"
นลินทรายิ้มเจื่อน "ต้องขอโทษจริง ๆ ค่ะ เย็นวันนี้นิ้งมีนัดกับทีมงานละครน่ะ"
นพฤทธิ์ทำหน้าเศร้า "ไม่ว่างไปกับผมอีกแล้ว"
"ก็งานนิ้งเป็นแบบนี้นี่คะ อย่างที่เคยเล่าให้ฟังนั่นแหละค่ะว่าบางทีสองอาทิตย์เต็มเลยที่ไม่ได้พัก เวลาพักของนิ้งเลยไม่ค่อยแน่นอนเท่าไร เวลาที่จะให้คนอื่นก็ไม่มีไปด้วย"
ชายหนุ่มยิ้มนิด ๆ ใจนึกอยากรวบมือของเธอมากุมไว้แต่ก็ห้ามตัวเองได้ทัน "ผมเข้าใจครับ แต่คุณนิ้งก็ต้องดูแลสุขภาพตัวเองให้ดีด้วยละ ผมอยากให้การพักผ่อนของคุณคือการนอนดูทีวีสบาย ๆ อยู่บ้านหรือการไปเที่ยวผ่อนคลายอะไรพวกนี้มากกว่าการนอนพักบนเตียงผู้ป่วยนะ"
"ทราบแล้วค่ะ ปกตินิ้งไม่ป่วยหรอกนะ น้อยครั้งมากที่จะป่วย"
"แต่ก็ป่วยไปแล้ว แถมยังทำซ่าด้วยการไปวิ่งกลางแดดเปรี้ยง ๆ อีกต่างหาก" เขาหรี่ตาใส่เธอ
"หลับตาทำไมล่ะคะ แดดไม่แรงแล้วนี่"
"ผมไม่ได้หลับ แค่หรี่ตาเฉย ๆ ใช่ซี้...ผมมันตี๋ตาตี่นี่" เขาพูดจบก็หัวเราะออกมาเองจนเธอต้องหัวเราะตามไปด้วย
ภาพการคุยกันกระหนุงกระหนิงของสองหนุ่มสาว อยู่ในสายตาของทีมงานทุกคน รวมไปถึงจินตวาตีเช่นกัน และเพราะไม่ต้องการให้เรื่องนี้แพร่กระจายออกไป หรือมีข่าวของทั้งคู่ตามหน้าสื่อต่าง ๆ จินตวาตีจึงหันไปบอกกับทุกคนว่า
"ทุกคนคะ พี่รบกวนอะไรอย่างนะ เรื่องนี้ช่วยเหยียบเอาไว้ให้มิดอย่าให้มีข่าวแพร่ออกไปข้างนอกอย่างเด็ดขาด เพราะตอนนี้อะไร ๆ มันยังไม่ลงตัว หากว่าเรื่องมันไม่ได้เป็นอย่างที่เราคิดขึ้นมา คนที่เสียหายที่สุดก็คือเด็กของพี่ หวังว่าทุกคนจะเข้าใจนะคะ"
ไม่จำเป็นต้องชี้ไปที่ใคร ทุกคนก็รู้กันโดยสัญชาตญาณว่าหมายถึงชายหญิงคู่ไหนที่ถูกเอ่ยถึง
วันต่อมา การถ่ายภาพนิ่งของนลินทราก็เสร็จเรียบร้อยไปตามกำหนด ที่เหลือก็เป็นหน้าที่ของฝ่ายกราฟฟิกที่จะนำภาพเหล่านี้ไปรีทัชเพื่อทำเป็นชิ้นงานโฆษณาตามสื่อต่าง ๆ ต่อไป
ทีมงานทุกคนต่างยินดีที่งานสำเร็จเรียบร้อยไปด้วยดี แม้กระทั่งจินตวาตีก็โล่งอกเช่นกัน แต่ไม่ใช่เพราะงานเสร็จเรียบร้อยตามกำหนด แต่เป็นเพราะโล่งใจที่วันนี้ไม่เห็นหนุ่มหน้าตี๋อย่างนพฤทธิ์ตามมาเฝ้าเด็กในสังกัดของตนอีก
"นิ้ง เดี๋ยวเข้าไปคุยงานกับน้าในห้องหน่อยนะ" จินตวาตีเดินมาบอกนลินทรา หญิงสาวจึงรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วไปหาผู้จัดการส่วนตัวที่ห้องทำงานทันที
"นั่งสิ" จินตวาตีหยิบสมุดบันทึกขึ้นมากางบนโต๊ะก่อนจะเงยหน้ามองแพลนเนอร์ขนาดใหญ่ที่ติดอยู่บนกระดาน
นลินทรานั่งบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับผู้จัดการแล้วหันไปมองกระดานบ้าง แต่แล้วหญิงสาวก็ต้องยิ้มแหยเมื่อได้ยินคำถามจากจินตวาตี
"ตกลงเรากับคุณซีน่ะ มันยังไงกันแน่ฮึ คบกันแล้วหรือ เขาถึงได้ตามมานั่งเฝ้าเช้ายันเย็นขนาดนั้น"
"ยังค่ะ แค่...เอ่อ เราแค่ตกลงว่าจะลองคุย ๆ กันดูก่อน แต่ยังไม่ถึงขั้นเป็นแฟนกัน" เธอบอกไปตามตรง
จินตวาตีพยักหน้าช้า ๆ "ยังไงก็ตามแต่ ระวังไว้หน่อยละกันเพราะน้าเองก็ไม่รู้จักคุณซี ถึงเขาจะไม่เคยมีข่าวกับดารานางแบบคนไหนแต่เราก็ไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้หรือแม้กระทั่งตอนนี้เขาคบกับผู้หญิงคนอื่นอยู่รึเปล่า ยิ่งเดี๋ยวนี้พวกไฮโซเขาชอบควงดารานางแบบสวย ๆ ไว้ประดับบารมีกันเสียด้วย น้าไม่อยากให้เราเป็นของเล่นพวกคนรวยน่ะ"
นลินทรายิ้ม "ขอบคุณค่ะน้าจินนี่ นิ้งจะระวังให้มากที่สุดค่ะ"
"ถ้าเป็นไปได้นะ ลองพยายามหาข่าวของเขาจากพวกเพจไฮโซ หรือข่าวในแวดวงสังคมไฮโซอะไรพวกนี้ดูบ้างก็ได้นะ เฮ้อ...แต่น้าคิดว่าอาจจะไม่ค่อยเจออะไรก็ได้ เพราะดูแล้วคุณซีเขาไม่ค่อยออกงานสังคมเท่าไร เอาตรง ๆ เลยนะ น้าเคยลองเสิร์ชดูแล้วละ เจอแต่แม่กับพี่สาวของเขาที่ขยันไปงานนั้นงานนี้ตลอด"
นลินทรายิ้มเจื่อนก่อนจะพูดเสียงแผ่ว "นิ้งก็เคยแอบค้นหาดูค่ะ ไม่เคยเจอข่าวของเขาเลย"
"น้าไม่ได้ห้ามเราคบกับเขาหรอกนะ จะลองคบดูก็ไม่เสียหาย แค่ระวังตัวเอาไว้หน่อย อย่าเป็นเหมือนยายพลอยหลานน้าละ ที่รักอีตานั่นหัวปักหัวปำอยู่ได้ตั้งนมนาน ฉันเห็นแล้วอารมณ์เสีย"
นลินทราหัวเราะคิกคัก "นางบอกนิ้งว่ามูฟออนแล้วนะคะ นางไม่ขึ้นไปหาพี่ธามเป็นอาทิตย์แล้วมั้ง"
"เชอะ! ให้มันจริงเถอะย่ะ...เอาละ มาคุยเรื่องงาน"
หลังจากนั้นทั้งสองคนก็อัปเดตเรื่องงานของนลินทราที่จะต้องทำในช่วงสัปดาห์หน้าว่ามีอะไรต้องทำบ้าง ซึ่งครั้งนี้นลินทราได้ละครเรื่องใหม่ โดยได้เล่นประกบคู่กับนางเอกตัวท็อปของค่ายละคร รวมถึงพระเอกดาวรุ่งที่กำลังมาแรงในขณะนี้อย่างกวินภพอีกด้วย
นลินทรากลับถึงบ้านในช่วงหัวค่ำ หญิงสาวทิ้งตัวลงบนโซฟาราวกับตุ๊กตาหมดลาน ในหัวครุ่นคิดถึงคำพูดของจินตวาตีที่คุยกันก่อนหน้านี้เกี่ยวกับนพฤทธิ์ก็ทำให้เกิดความรู้สึกอยากเดินเกมให้มันเร็วขึ้น
เธอไม่ชอบความคาราคาซัง แม้การคบหากับใครสักคนควรจะดูกันไปนาน ๆ แล้วค่อยตัดสินใจ แต่สำหรับเธอแล้ว เธอต้องการฟันธงไปเลยมากกว่าว่าผู้ชายคนนี้คบได้หรือไม่ได้ เพราะเวลาของเธอส่วนใหญ่หมดไปกับการทำงานและการดูแลตัวเอง หากต้องมาเสียเวลากับการดูผู้ชายสักคนก็คงปวดหัวไม่น้อย
แล้วเธอจะทำอย่างไรดีเล่า ถึงจะรู้จักตัวตนของนพฤทธิ์ได้มากกว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้
คิดแล้วก็รู้สึกว่าตัวเองช่างย้อนแย้งสิ้นดี ตอนเขาชวนไปดินเนอร์ ไปนั่งฟังเพลงเธอก็ไม่ยอมไปเพราะคิดว่าเร็วเกินไปที่จะออกไปกับเขา แต่มาตอนนี้กลับอยากปิดจ๊อบเร็ว ๆ เสียอย่างนั้น
ครั้นพอนึกถึงชายหนุ่มที่อยู่ในห้วงความคิด โทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้นทันที หญิงสาวหยิบขึ้นมาดูชื่อคนที่โทร. เข้ามาก็ต้องยิ้มมุมปากเล็กน้อยเพราะเดาไว้ไม่ผิดว่าต้องเป็นเขา
"สวัสดีครับคุณนิ้ง วันนี้เหนื่อยไหม" เสียงทุ้มของเขาถามไถ่มาอย่างอ่อนโยน เรียกรอยยิ้มของเธอให้กว้างขึ้น
"เหนื่อยค่ะ ยังดีที่พรุ่งนี้มีงานแค่ช่วงบ่ายนิดเดียว พรุ่งนี้จะได้ตื่นสายหน่อย"
"ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้เสร็จงานแล้วไปดินเนอร์กันไหมครับ ผมเลี้ยงเอง คุณนิ้งเลือกร้านมาได้เลย"