ในภาพยนตร์โฆษณา นลินทราดูเริงร่าท้าแดดด้วยความสดชื่นแจ่มใส คงมีแต่เขาและทีมงานที่รู้ว่ากว่าจะได้ภาพเหล่านี้มา เธอต้องวิ่งไปวิ่งมาไม่รู้กี่รอบทั้งที่ตัวเองป่วยหนัก แต่หญิงสาวก็ไม่ปริปากบ่น หรือบอกใครแม้แต่คนเดียวเพราะคำว่าเกรงใจล้วน ๆ และโชคดีเหลือเกินที่วันนั้นเขานึกอยากไปดูงานที่กองถ่ายพอดี มิเช่นนั้นป่านนี้เขาก็คงไม่ได้รู้จัก ไม่ได้รักและไม่ได้มีวันเวลาดี ๆ ร่วมกับผู้หญิงคนนี้แล้ว
"คิดถึงจัง ป่านนี้ทำอะไรอยู่นะ" อยากโทรศัพท์ไปหา แต่เพราะยังไม่ครบกำหนดตามสัญญาที่ตกลงกันไว้ตอนนั้นว่าห่างกันหนึ่งเดือนแล้วค่อยกลับมาคุยกันใหม่ ตอนนี้เหลือเวลาแค่สัปดาห์กว่า ๆ เท่านั้น แต่เขากลับรู้สึกว่ายาวนานราวกับหนึ่งวันมีสี่สิบแปดชั่วโมง
ทางด้านคนที่นพฤทธิ์กำลังคิดถึงอยู่นั้น เวลานี้กำลังนั่งเอนหลังอยู่บนเก้าอี้ชายหาดริมสระว่ายน้ำในบ้านใหญ่ของพลอยพัดชา เพื่อนสนิท ข้างกายมีไวน์หนึ่งขวดกับแก้วสองใบ และคนรู้ใจอย่างสาวสวยเจ้าของบ้านนั่งอยู่ด้วยกัน
"พี่ซีโทร. หาแกบ้างไหม" พลอยพัดชาถามขึ้น
"ไม่โทร." นลินทราตอบสั้น ๆ ไม่คิดขยายความต่อ
"อะไรวะ ไม่โทร. ไม่ส่งข้อความอะไรมาหาแกเลยหรือ" พลอยพัดชาดูไม่ค่อยพอใจนักที่นพฤทธิ์หายหน้าหายตาไปจากเพื่อนของตน
"ไม่เลย ฉันบอกเขาเองแหละว่าให้ห่างกันสักเดือน ครบเดือนแล้วค่อยกลับมาคุยกันอีกทีว่าจะเอายังไงต่อ จะคบต่อหรือจะเลิกไปเลย"
"ฉันถามจริง แกยังรักเขาอยู่ไหม" พลอยพัดชาถามพลางยกไวน์ขึ้นจิบ
นลินทรานิ่งเงียบไปสักพัก ก่อนจะพูดว่า "ถ้าถามว่ายังรักไหม ก็รักนั่นแหละ แต่มันก็ไม่รู้สึกเจ็บเหมือนตอนที่ห่างกันมาช่วงแรก ถ้าเขาคิดจะกลับมาคบกันอีกครั้งฉันก็จะให้โอกาส แต่ถ้าเขาหายไปเลย ไม่ติดต่อมาอีกฉันก็คงต้องทำใจ"
พลอยพัดชาพยักหน้าช้า ๆ "จริงของแก ยึดติดไปก็เท่านั้น ผู้ชายดี ๆ มีอีกเยอะ สวยซะอย่างจะหาแฟนตอนไหนก็ได้ถ้าอยากจะหา จะว่าไปแล้ว พวกนักข่าวรอเล่นข่าวนี้ของแกน่าดู เพราะคงเห็นว่าไม่ควงกันไปไหนมาไหนเหมือนเมื่อก่อน แถมเวลาสัมภาษณ์ แกก็ไม่พูดไปตามตรงว่าเลิกกันแล้ว ใจจริงแกก็ยังหวังใช่ไหมล่ะว่าเขาจะกลับมา"
นลินทราพยักหน้า "ยอมรับว่าหวังนั่นแหละ แต่อีกไม่นานก็รู้กันแล้วละว่าจะออกหัวหรือก้อย ฉันเองก็ทำใจไว้บ้างแล้วเหมือนกัน ยังไงซะชีวิตก็ต้องเดินต่อ"
"เอาไว้น้าจินนี่แข็งแรงดีเมื่อไร ฉันจะให้น้าชวนแกไปบาร์โฮสต์ ไปนั่งให้หนุ่มหล่อ ๆ มาคอยพะเน้าพะนอเอาอกเอาใจน่าจะดีนะ แกว่าไหม" พลอยพัดชาหัวเราะคิกคัก นลินทราจึงหัวเราะตามไปด้วยก่อนพูดว่า
"ไปบาร์โฮสต์นี่ถ้าใจไม่แข็งพอ มีบ้านหมดบ้าน มีรถหมดรถนะแก เปย์ผู้ชายหมด"
"ก็จริงของแก เออใช่! สิ้นเดือนนี้ไปทะเลกัน จะพาน้าจินนี่ไปเปลี่ยนบรรยากาศสักหน่อย ฉันจะเคลียร์ตารางงานของแกเอาไว้ให้ ไปนอนสักสองสามคืน"
"ก็ดีนะ ไม่ได้ไปเที่ยวนานแล้วเหมือนกัน ถ้าจองห้องก็เผื่อฉันห้องหนึ่งด้วย" นลินทรายิ้ม สิ้นเดือนนี้เป็นวันครบกำหนดหนึ่งเดือนที่ตกลงกันไว้พอดี จะได้รู้กันสักทีว่าเธอจะใช้คำว่าโสดได้เต็มปากหรือไม่
นพฤทธิ์มองปฏิทินตั้งโต๊ะบนโต๊ะทำงานทั้งรอยยิ้ม อีกสองวันเท่านั้นก็จะถึงวันที่นลินทราไปเที่ยวทะเลกับพลอยพัดชาและผู้จัดการส่วนตัวแล้ว และยังเป็นวันที่เขากับเธอจะได้กลับไปเป็นเหมือนเดิมกันอีกด้วย
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ชายหนุ่มจึงเอื้อมไปหยิบมากดรับ เรียวปากคลี่ยิ้มเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าผู้ที่โทร. เข้ามาคือเพื่อนสนิทอย่างธาม
"ไอ้คุณซีครับ จะให้ผมจองห้องพักไว้ให้ด้วยไหม" ธามโพล่งมาตามสายทันทีโดยไม่ต้องมีการทักทายใด ๆ ทั้งสิ้น
"จองทำไมเล่า ฉันจะพักกับนิ้งเว้ย" ถ้าเธอไม่ให้พักด้วยเขาก็นอนหน้าห้องเธอนั่นแหละ
"แกมั่นใจได้ยังไงวะว่าคุณนิ้งเขาจะให้แกพักด้วย"
"มั่นใจก็แล้วกัน เพราะฉะนั้นไม่ต้องจอง วันไปฉันจะบินไปรอที่โน่นล่วงหน้าก่อน ถ้าแกไปถึงก็โทร. บอกฉันละกัน"
เมื่อนัดแนะกันเสร็จสรรพ นพฤทธิ์ก็กดวางสาย เขาแทบทนรอไม่ไหวอยากให้ถึงวันเดินทางเร็ว ๆ เพราะอยากเห็นหน้านลินทราใจจะขาด หนึ่งเดือนมานี้เขาได้แต่มองเธอผ่านหน้าจอเท่านั้น แต่ต่อให้มองบ่อยแค่ไหนก็สู้มองตัวจริงไม่ได้
นลินทรายืนมองผืนน้ำกับแผ่นฟ้าที่ทอดขนานไปไกลสุดตาจนไม่รู้ว่าจะไปบรรจบพบกันที่ตรงไหน ยามนี้แม้แดดจะแรง แต่ลมทะเลที่พัดเข้าหาเป็นระยะ จึงทำให้เธอไม่รู้สึกร้อนเท่าไรนัก
นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเริ่มออกมาที่ชายหาดกันบ้างแล้ว พลอยพัดชาจึงหันมาพูดกับเธอว่า
"ฉันว่าเราไปเปลี่ยนชุดกันดีกว่า ฉันจะใส่สีเหลืองนะยะ หล่อนห้ามมาใส่สีเหมือนฉันเด็ดขาดนะนังนิ้ง"
"รู้แล้วย่ะ ฉันจะใส่สีดำ" เธอค้อนให้เพื่อนก่อนจะเดินกลับไปยังที่พักของตนเพื่อเปลี่ยนจากชุดลำลองเป็นบิกินี่ที่เตรียมมา
บังกะโลที่พักที่ธามจองเอาไว้เป็นแบบติดชายหาด ตอนนำสัมภาระมาเก็บที่ห้องนั้นนลินทราพอใจมาก เพราะแค่เปิดม่านก็สามารถมองทิวทัศน์ด้านนอกได้ ทั้งยังมีระเบียงออกไปนั่งรับลมทะเลด้านนอกได้ด้วย
หญิงสาวหยิบชุดว่ายน้ำสีดำออกจากกระเป๋ามาวางไว้บนเตียง สายตาอดมองเลยไปที่โทรศัพท์มือถือไม่ได้เพราะนี่ก็ครบกำหนดหนึ่งเดือนแล้วแต่กลับไร้วี่แววของนพฤทธิ์ว่าจะเอาอย่างไร เธอไม่กล้าติดต่อเขาไปก่อนเพราะไม่รู้ว่าหนึ่งเดือนที่ผ่านมานี้เขาเป็นอย่างไรบ้าง บางทีเขาอาจจะหมั้นหมายกับคนที่มารดาเลือกเอาไว้ให้ หรือบางทีเขาอาจจะมีคนรักใหม่ไปแล้วก็เป็นได้ หากเธอโทร. ไปคงทำให้เขาลำบากใจไม่น้อย
การเงียบหายไปเช่นนี้คงเป็นคำตอบที่ดีที่สุดแล้ว
นลินทราถอนหายใจเฮือกใหญ่ ส่ายหน้าเล็กน้อยเพื่อสลัดความหม่นเศร้าในใจออกไป แล้วจัดแจงเปลี่ยนไปใส่ชุดว่ายน้ำ เธอรวบผมจนตึง หยิบผ้าผืนใหญ่มาคลุมสะโพกมัดปมไว้ด้านหนึ่ง หลังจากสำรวจความเรียบร้อยดีแล้วจึงหยิบของที่จำเป็นอย่างกระเป๋าสตางค์ โทรศัพท์มือถือ กุญแจห้องพักใส่ลงในกระเป๋าผ้าใบเล็กแล้วเดินไปเปิดประตู
ทว่าหญิงสาวก็ต้องเบิกตากว้างด้วยความคาดไม่ถึง เมื่อตรงหน้าของตนมีร่างสูงโปร่งของคนที่ไม่ควรจะมาอยู่ที่นี่ยืนขวางหน้าประตูอยู่
"พี่ซี!"
นพฤทธิ์ก้าวพรวดพราดเข้ามาในห้องแล้วปิดประตูล็อกไว้ เขาวางเป้ใบใหญ่ไว้ข้างประตู จากนั้นก็คว้าตัวหญิงสาวเข้าไปกอด พรมจูบไปทั่วหน้าโดยที่นลินทราได้แต่อึ้งเพราะยังตั้งตัวไม่ทัน ครั้นพอได้สติ เธอจึงเบี่ยงหน้าออกแล้วดันตัวเขาออกไปทันที
"เดี๋ยวค่ะพี่ซี พี่มาได้ยังไงเนี่ย"
"พี่มาถึงก่อนพวกนิ้งสักพักแล้วละ รอตอนนิ้งอยู่คนเดียวก็เลยแอบมาหา" เขากอดเอวเธอแน่นขึ้น ทำท่าจะก้มลงมาจูบอีกครั้งจนหญิงสาวต้องเบี่ยงหน้าหลบเป็นพัลวัน
"พี่มากับใครคะ"
"ขามาก็ต้องมาคนเดียวสิ จะมาเซอร์ไพรส์คนสวยแถวนี้นี่นา แต่ขากลับพี่ไม่ยอมกลับคนเดียวแน่ และที่สำคัญ พี่ยังไม่มีที่พักเลย ขอพักด้วยคนสิครับ นะนิ้งจ๋า" ไม่พูดเปล่าแต่มือของเขาทั้งสองข้างกลับเลื่อนลงต่ำไปวางแปะอยู่ที่บั้นท้ายของเธอแล้วลูบไล้ไปมา นลินทราได้แต่เงยหน้ามองค้อนเขา
"อะไรเนี่ยมาถึงก็มาขอพักด้วย นิ้งยังไม่ได้อนุญาตเลยนะพี่หิ้วกระเป๋าเข้ามาเองแบบนี้ได้ยังไง"
"ทำไมจะไม่ได้ล่ะ นิ้งลืมที่คุยกับพี่ไว้ตอนนั้นแล้วหรือ ครบหนึ่งเดือนเมื่อไรค่อยกลับมาคุยกันเหมือนเดิม นี่ก็ครบแล้วนี่นา ตอนนั้นพี่พูดว่านิ้งห้ามปฏิเสธพี่ นิ้งรับปากพี่แล้วว่าจะไม่ปฏิเสธนะ อย่ากลับคำสิ"
เขาออดอ้อนเสียงอ่อนเสียงหวาน ค่อย ๆ ดันร่างของหญิงสาวไปทางเตียงนอนหลังใหญ่ที่ตั้งอยู่กลางห้อง จากนั้นก็นั่งลงที่ริมเตียงแล้วรั้งตัวเธอให้นั่งตักเขา
"นิ้งยังไม่ได้รับปากสักหน่อย พี่ชอบพูดเองเออเองตลอดเลย" นลินทราถอนสายตาออกมาจากใบหน้าของเขาไม่ได้ แก้มเขาดูตอบลงไปเล็กน้อย ใต้ตาคล้ำ ดูหม่นหมองไม่สดใสเหมือนเก่า
นพฤทธิ์ก้มหน้าหลับตาลงให้หน้าผากของตนกับของหญิงสาวแนบกัน กระชับอ้อมแขนกอดเธอให้แน่นขึ้นกว่าเดิมแล้วกระซิบเบา ๆ ว่า
"คิดถึงจัง คิดถึงมาก อยากโทร. หานิ้งตั้งหลายครั้งแต่ก็ต้องอดทนไว้ แล้วนิ้งคิดถึงพี่บ้างไหมครับ"
กระบอกตาของนลินทราร้อนผ่าว หญิงสาวพยักหน้าอย่างเชื่องช้าแทนคำตอบ
คิดถึงสิ ทำไมจะไม่คิดถึง...แต่เพราะปัญหาที่เกิดขึ้นระหว่างเธอกับเขายังเป็นอุปสรรคอยู่ แม้จะคิดถึงเขามากแค่ไหน เธอก็ต้องตื่นมายอมรับความจริงด้วยว่าอนาคตของเธอกับเขาอาจไม่เป็นอย่างที่หวัง ฉะนั้น ขณะที่เธอยังรักและคิดถึงเขาอยู่นั้น เธอก็ต้องเผื่อใจยอมรับความผิดหวังที่จะเกิดขึ้นด้วย
"พี่จะขัดใจแม่ตัวเองหรือคะ แม่พี่ท่านไม่ชอบนิ้งนะ อย่าลืมสิ"
"เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง คุณพ่อสั่งให้ท่านไปบวชชีพราหมณ์ที่วัดป่าสองปีแน่ะ คุณแม่พี่ท่านมาเสียคนเอาตอนแก่น่ะ เมื่อก่อนท่านก็ไม่ได้มีนิสัยแบบนี้หรอก แต่เพราะคนที่ท่านเลือกคบในวงสังคมเหล่านั้นมีแต่พวกบูชาวัตถุ ชื่อเสียงและเงินทอง ท่านก็เลยพลอยเป็นกับเขาไปด้วย พี่เชื่อว่าครบกำหนดสองปี ท่านน่าจะคิดได้และปลงตกกับทุกเรื่อง"
นลินทราเบิกตากว้างมองหน้าเขาอย่างคาดไม่ถึง
"บวชชีสองปีเลยเนี่ยนะ โหดมาก"
นพฤทธิ์ยิ้ม หอมแก้มเธอฟอดหนึ่งก่อนพูดว่า
"คุณพ่อพี่ท่านเป็นคนเด็ดขาดอย่างนี้มาแต่ไหนแต่ไร เพราะฉะนั้นพี่ก็เลยทางสะดวก แต่ว่าต่อให้คุณแม่ท่านยังอยู่ที่นี่ พี่ก็จะทำตามใจของพี่อยู่ดี ใครก็มาสั่งพี่ไม่ได้ ถ้าปัญหาเยอะนัก เราก็แยกบ้านออกมาอยู่กันเองเสียก็สิ้นเรื่อง อยู่ที่นิ้งนั่นแหละว่าจะสู้ไปกับพี่ไหม"
นลินทรายิ้ม ค่อย ๆ ยื่นหน้าไปจูบเขาเบา ๆ "อืม"
ชายหนุ่มตรึงท้ายทอยของเธอเอาไว้เพื่อให้รับจูบจากเขาได้ถนัดถนี่ ขณะเดียวกันหญิงสาวก็ยกแขนขึ้นโอบรอบคอเขาเพื่อส่งผ่านความคิดถึงให้กันและกันอย่างดูดดื่ม นพฤทธิ์ขยับตัวเพียงนิด ร่างของนลินทราก็ลงไปนอนอยู่บนเตียงโดยมีร่างของเขาตามไปทาบทับ ฝ่ามือร้อนผ่าวลูบไล้ไปตามผิวเนื้อเนียนนุ่มที่แสนโหยหา ความปรารถนาที่เคยต้องกักเก็บเอาไว้เริ่มผุดพลุ่งขึ้นมาจนกายสั่นสะท้านไปทั้งร่าง
ริมฝีปากของชายหนุ่มเริ่มเคลื่อนต่ำลงมาที่ลำคอระหง ขบเม้มอย่างแผ่วเบาพอให้คนใต้ร่างได้ซ่านสยิวก่อนจะค่อย ๆ เลื่อนลงไปยังโนมเนื้อทั้งสองข้างที่อยู่ภายใต้บิกินี่สีดำ
เพราะกลัวจะขาดตอนเขาจึงไม่เสียเวลาแกะปมบิกินี่ชิ้นบน แค่ดันขึ้นไปอยู่เหนืออกก็ได้ลิ้มรสความนุ่มละมุนที่เขาโหยหาแล้ว ปลายลิ้นร้อนผ่าวตวัดไล้เลียดูดดึงเป็นระยะสลับกันทั้งสองข้าง เรียกเสียงครางหวานแว่วไม่ขาดปาก ส่งผลให้กึ่งกลางกายของเขาตื่นเพริดและแข็งขึงจนปวดหนึบ
เขาเลื่อนกายลงต่ำพลางขบเม้มไปเรื่อย ๆ จนถึงหน้าท้องแบนราบจึงหยุด เพราะมีอุปสรรคอยู่ที่ผ้าคลุมสะโพกผืนใหญ่ที่มัดเป็นปมเอาไว้อยู่ ทว่านั่นไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเขาเพราะหญิงสาวผูกปมไว้หลวมอยู่แล้วเพื่อให้ถอดออกง่าย เมื่อปลดผ้าออกไป บิกินี่ตัวเล็กก็ปรากฏสู่สายตา
ชายหนุ่มจับขาทั้งสองข้างของเธอแยกออกกว้าง จากนั้นก็ก้มหน้าลงไปใช้ปลายลิ้นและฟันเสียดสีที่จุดอ่อนไหวผ่านกางเกงบิกินี่อย่างจงใจจนสะโพกผายส่ายร่อนไปมาพร้อมกับเสียงครวญครางไม่หยุด
เขายกตัวขึ้นเพื่อถอดกางเกงเธอออกและลอกคราบตัวเองไปด้วย ส่วนที่แข็งขึงดีดเด้งขึ้นมาทันทีเมื่อไร้สิ่งพันธนาการ หญิงสาวมองมันตาปรอยแต่เขากลับไม่ยอมให้เธอได้สัมผัสมัน เพราะเขาก้มศีรษะลงไปอีกครั้งเพื่อจัดการสิ่งที่ทำค้างเอาไว้ก่อนหน้า
เมื่อไม่มีเนื้อผ้ามากางกั้น เธอจึงรับรู้ได้ถึงความร้ายกาจของปลายลิ้นร้อนผ่าวที่ตวัดไล้เลียครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างไม่ปรานี ความเสียวซ่านอันเกินควบคุมทำให้เธอต้องระบายออกด้วยการร้องครางเสียงดังลั่น และเธอก็รู้ดีว่าคนที่กำลังก้มหน้าก้มตาสร้างความสุขอยู่ให้ตนขณะนี้นั้นชอบเสียงครางของตนมากเพียงใด
"พี่ซีขา..." เธอเอ่ยเรียกชื่อเขาเสียงกระเส่า ครั้นพอเรียกไปดูเหมือนเขาจะยิ่งระรัวลิ้นให้หนักหน่วงมากยิ่งขึ้น เมื่อทุกอย่างมันเกินต้าน อารมณ์จึงระเบิดออกราวกับถูกเหวี่ยงขึ้นที่สูง ร่างเย้ายวนสั่นสะท้านไม่หยุดทั้งยังหายใจหอบถี่จนอกกระเพื่อม แต่กระนั้นเขาก็ยังไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมาจากตรงนั้นจนเธอต้องดันศีรษะของเขาออก
"พอแล้วค่ะ ไม่ไหวแล้ว" หญิงสาวพูดปนหอบ เขาจึงยกตัวขึ้นแล้วคว้าอาวุธประจำกายมาจ่อไว้ที่เดิมทันที
"ไม่ไหวก็ต้องไหว พี่เคยบอกแล้วไงว่านิ้งต้องทบต้นทบดอกให้พี่"
เขาพูดจบก็ดันตัวเข้ามาจนสุดแล้วห่มสะโพกเข้าใส่อย่างไม่ลดราวาศอก มองคนใต้ร่างที่โยกไหวไปตามแรงกระแทกกระทั้นของตนด้วยความหลงใหล ยิ่งเห็นหญิงสาวสะบัดหน้าไปมาด้วยความเสียดเสียวก็ยิ่งชอบใจ จับเธอพลิกตัวให้อยู่ในท่าคุกเข่าแล้วกระหน่ำสะโพกใส่ไม่ยั้ง ในที่สุดเขาก็รับรู้ได้ถึงแรงบีบรัดรอบด้านจนต้องแหงนเงยใบหน้าขึ้นร้องครางด้วยความซ่านสยิวเพราะถึงฝั่งเช่นกัน
เมื่อทุกอย่างสิ้นสุดลง นพฤทธิ์ก็ล้มตัวลงนอนกอดนลินทราไว้ในอ้อมแขนจากทางด้านหลังแล้วเย้าว่า
"อะไรกัน หมดฤทธิ์แล้วหรือ เพิ่งจะยกแรกเองนะ" ไม่พูดเปล่า แต่มือของเขาก็บีบเคล้นหน้าอกของเธอไปด้วย
"แล้วจะเอากี่ยกกัน" เธอตีมือซุกซนของเขาที่ใช้ปลายนิ้วไล้วนเบา ๆ บนปลายยอดของทรวงสล้าง
"จะเอาทั้งคืนเลย เชื่อไหมว่าพี่พูดจริงนะ" เขาตอบพลางขยับส่วนที่ยังค้างคาอยู่ในตัวเธอเพื่อยืนยันคำพูดของตน
"เชื่อค่ะ แต่ตอนนี้นิ้งว่าออกไปเจอพวกยายพลอยก่อนดีกว่ามั้ง เดี๋ยวก็พากันมาตามหรอก"
"ไม่มาตามหรอกน่า ไอ้ธามคงบอกทุกคนแล้วละว่าพี่มาหานิ้ง ตอนพี่เดินเข้ามาในชายหาด น้าจินนี่ก็เห็นพี่แล้วด้วย แกมองค้อนพี่นิดหน่อยแล้วก็โบกมือให้พี่มาหานิ้งนี่แหละ" เขาพูดจบก็จับขาเธอข้างหนึ่งให้พาดมาบนขาของเขาเพื่อความสะดวกในท่วงท่าที่ตนกำลังจะเดินหน้าต่อ
"พี่ต่อเลยละกันนะ มันตื่นอีกแล้วอะ"
คืนนั้นนพฤทธิ์ทำอย่างที่พูดไว้จริง ๆ เขากวนเธอเกือบทั้งคืน กว่าจะได้นอนหลับอย่างเป็นสุขจริง ๆ ก็เป็นเวลาเกือบตีสามเข้าไปแล้ว นลินทราหลับไปด้วยความเหนื่อยอ่อน ส่วนชายหนุ่มนั้นหลับไปอย่างมีความสุขเมื่อในที่สุดหัวใจก็ได้รับการเติมเต็ม