นพฤทธิ์ทำหน้าตื่น "พี่แค่อยากพานิ้งไปนั่งเล่นที่ระเบียงคอนโดฯ เท่านั้นเอง แต่ถ้านิ้งไม่สะดวกก็ไม่เป็นไร"
"เอ...ตารางงานพรุ่งนี้ไม่มีงานช่วงเย็นซะด้วยสิ ไปดีไหมน้า"
หญิงสาวทำท่าครุ่นคิด นิ้วมือเคาะโต๊ะเป็นจังหวะช้า ๆ แต่ทำให้คนรอคำตอบแทบกลั้นหายใจขณะรอฟัง
"ปกติพี่ซีพักที่คอนโดฯ ตลอดเลยหรือคะ" เธอไม่ตอบแต่ยิงคำถามใส่เขาแทน
"ใช่ โดยส่วนใหญ่จะอยู่ที่คอนโดฯ น่ะ แต่ก็พยายามกลับไปนอนบ้านอาทิตย์ละครั้ง บางทีก็สองอาทิตย์ครั้ง"
"ดีจัง นิ้งเคยคิดจะซื้อคอนโดฯ สักห้องเหมือนกันนะคะ แต่ไป ๆ มา ๆ ก็ล้มเลิกความคิดไปเพราะเป็นห่วงพ่อกับแม่น่ะ"
"พี่ว่านิ้งอยู่บ้านก็ดีแล้วละ คุณพ่อคุณแม่ของนิ้งท่านน่ารักมากเลยนะ ถึงจะอายุมากแล้วแต่หัวคิดทันสมัยมาก"
ชายหนุ่มมองเข้าไปในบ้าน เขามาหานลินทราที่บ้านหลังนี้อยู่บ่อยครั้งแต่พวกท่านก็ไม่เคยซักถามประวัติของเขา หรือมาคอยนั่งกันท่าเพราะหวงลูกสาวเหมือนกับครอบครัวอื่น พวกท่านปล่อยให้เขาเข้านอกออกในที่นี่ได้ตามสบาย เขารู้ว่าที่พวกท่านทำแบบนี้เพราะไว้วางใจในตัวเขา และเห็นว่าบุตรสาวโตแล้ว มีสิทธิ์ที่จะตัดสินใจอะไรเองได้ จึงไม่มาเจ้ากี้เจ้าการว่าต้องทำอย่างนั้นหรือต้องเป็นอย่างนี้ ซึ่งเขาชอบมาก ๆ
นั่นก็เพราะพอเขามองย้อนกลับมาที่ตัวเอง ทุกวันนี้มารดาของเขายังพยายามจับคู่เขากับบรรดาบุตรสาวของเพื่อน ๆ อยู่เลย ทั้งที่เขาเคยพูดไปหลายครั้งแล้วว่าไม่ต้องการ และตอนนี้เขากำลังคบหากับนลินทราอยู่ แต่ท่านก็ไม่ฟัง
"ใช่ค่ะ พ่อกับแม่ก็เป็นแบบนี้แหละ เลี้ยงนิ้งกับน้องชายมาแบบที่ว่าให้คิดและตัดสินใจอะไรด้วยตัวเอง พวกท่านแค่คอยเป็นหน่วยสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง" เธอยิ้มให้เขาแล้วพูดต่ออีกว่า
"พรุ่งนี้กี่โมงดีคะ"
นพฤทธิ์ทำหน้างง "หา! อะไรคือกี่โมง"
"ก็พรุ่งนี้จะดินเนอร์กันที่ระเบียงคอนโดฯ ของพี่ไม่ใช่หรือ หรือจะเปลี่ยนใจคะ"
"ไม่นะ! ไม่เปลี่ยนใจ" ชายหนุ่มยิ้มกว้างด้วยความดีใจจนแทบจะหัวเราะออกมาเบา ๆ
"เอาเป็นว่าสักหนึ่งทุ่มตรงก็ได้ครับ นิ้งให้พี่มารับที่บ้านนะ"
"นิ้งขับรถไปเองก็ได้ค่ะ พี่แค่บอกมาว่าคอนโดฯ อยู่ที่ไหนก็พอ"
"ไม่ได้สิ พี่เป็นคนชวนพี่ก็ต้องคอยบริการรับส่งนิ้งด้วย จะให้นิ้งไปกลับเองได้ยังไง ถ้างั้นหกโมงเย็นพี่จะมารับที่บ้านละกัน"
"ไหนบอกหนึ่งทุ่ม"
"ก็เราจะได้มีเวลาอยู่ด้วยกันนานขึ้นอีกนิดไงละ"
นลินทรามองหน้าเขายิ้ม ๆ "ตะล่อมสาวเก่งขนาดนี้ยังจะบอกว่าตัวเองไม่ใช่คนเจ้าชู้อีกนะ"
วันต่อมา ในระหว่างเวลาทำงาน นพฤทธิ์ได้แต่โทรศัพท์ไปร้านนั้นร้านนี้เพื่อตระเตรียมดินเนอร์ในช่วงค่ำคืนให้โรแมนติกที่สุดเท่าที่จะทำได้ ไม่ว่าจะเป็นดอกไม้ช่อใหญ่ รวมไปถึงดอกไม้ที่ใช้ประดับตกแต่งตรงระเบียง อาหารรสเลิศจากภัตตาคารชื่อดังรวมไปถึงไวน์ราคาแพง เขาเปิดหาภาพดินเนอร์สุดโรแมนติกจาก Google เพื่อดูว่าจะต้องใช้อะไรอีกบ้าง จนเขาไปสะดุดตากับเชิงเทียนสวย ๆ เข้าและเพิ่งนึกได้ว่าที่ห้องของตนไม่มีเชิงเทียน
"คงไม่ต้องหรอกมั้ง ลมพัดขนาดนั้นเทียนคงติดหรอก" ไฟตรงระเบียงห้องของเขาเป็นสีเหลืองนวลตาอยู่แล้ว ให้บรรยากาศโรแมนติกได้เหมือนกัน
แต่เก้าอี้ตรงระเบียงเป็นเก้าอี้ไม้แข็ง ๆ ไม่มีที่รองนั่ง เขากลัวว่าหญิงสาวจะนั่งไม่สบาย คิดได้ดังนั้นเขาจึงหยิบกุญแจรถกับกระเป๋าสตางค์แล้วเดินออกจากห้องทำงาน ขับรถไปซื้อที่ห้างสรรพสินค้าทันที
นพฤทธิ์เลิกงานเร็วกว่าปกติสองชั่วโมงเพื่อไปจัดเตรียมพื้นที่ดินเนอร์และอาบน้ำแต่งตัวไปรับนลินทราที่บ้าน ชายหนุ่มไปถึงเร็วกว่าเวลานัดครึ่งชั่วโมงจึงนั่งคุยกับบิดามารดาของเธอจนกระทั่งหญิงสาวเดินลงมาจากชั้นสอง
นลินทราในชุดเดรสสายเดี่ยวเข้ารูปเลยเข่าสีแดงเลือดนกช่วยขับผิวของเธอให้ผุดผาดและเซ็กซี่เย้ายวนอย่างบอกไม่ถูก ปกติเธอก็สวยเซ็กซี่ตามแบบฉบับนางร้ายในละครอยู่แล้ว แต่เพราะเขารู้ดีว่าเนื้อแท้ของหญิงสาวไม่ได้ร้ายตามบทบาทที่ได้รับ เขาจึงอดรู้สึกภาคภูมิใจนิด ๆ ไม่ได้ที่เธอให้โอกาสเขาได้เข้าไปทำความรู้จักโลกส่วนตัวของเธอ
"วันนี้นิ้งสวยมากเลย ทำเอาพี่ใจสั่นไปหมดแล้วเนี่ย" เขาพูดขึ้นทันทีเมื่อได้เข้ามานั่งในรถกันสองต่อสอง
"แปลว่าวันอื่นนิ้งไม่สวยหรือคะ"
"สวยทุกวันนั่นแหละ แต่วันนี้มันพิเศษกว่าหน่อยตรงที่เราจะไปดินเนอร์กันที่คอนโดฯ ของพี่ไง พี่สั่งอาหารกับไวน์ดี ๆ เตรียมไว้ให้นิ้งเรียบร้อยแล้วนะ พอเราไปถึงก็ยกไปกินที่ระเบียงกันได้เลย"
คอนโดมิเนียมของนพฤทธิ์เป็นห้องชุดขนาดใหญ่ที่มีสองห้องนอน สองห้องน้ำ ห้องรับแขก และห้องครัวเหมือนบ้านเดี่ยว ทั้งยังมีระเบียงที่สามารถวางโต๊ะอาหารสำหรับสองที่นั่งแล้วยังเหลือพื้นที่ให้วางกระบะดอกไม้ตามแนวระเบียงได้อีกด้วย
นลินทราเดินเข้าไปจับกลีบดอกไม้ดูเพราะอยากรู้ว่าของจริงหรือไม่ เมื่อเห็นว่าเป็นดอกไม้จริง ๆ ไม่ใช่ดอกไม้ปลอมจึงยิ้มออกมาอย่างอดไม่อยู่
แต่ไม่มีสิ่งไหนที่สมบูรณ์แบบไปหมดทุกอย่าง เพราะในที่สุดปัญหาก็เกิดขึ้นจนได้เมื่ออาหารที่ชายหนุ่มสั่งมามีถึงสี่อย่าง และแต่ละอย่างเมื่อนำใส่จานก็ต้องใช้จานขนาดใหญ่ทั้งนั้นซึ่งทำให้ไม่สามารถวางบนโต๊ะตรงระเบียงได้ทั้งหมด จึงทำให้นพฤทธิ์หน้าเสียขึ้นมาทันที
"ไม่เห็นเป็นไรเลยค่ะพี่ซี นิ้งว่าเราก็วางอาหารไว้ที่โต๊ะกินข้าวในห้องนี่แหละ แล้วเราค่อยเดินมาตักเอาเองก็ได้ เหมือนเวลาเราไปกินบุฟเฟ่ต์ไงคะ นิ้งว่าแบบนี้ก็ดีนะเพราะจะได้ลุกเดินบ้าง และโต๊ะไม่แออัดจนเกินไปด้วย ถ้าพี่อยากกินอะไรนิ้งก็จะเดินมาตักให้เองค่ะ เอาแบบนี้ละกันเนอะ"
นพฤทธิ์มองรอยยิ้มหวาน ๆ ของคนตรงหน้าจนตาพร่าไปหมด ในเมื่อเธอไม่ซีเรียสกับเรื่องนี้ ทั้งยังช่วยเขาแก้ไขสถานการณ์แล้วเขาจะทำตัวเรื่องมากไปทำไม
"โอเคครับ ถ้าอย่างนั้นพี่จะคอยเสิร์ฟไวน์ให้นิ้งเองนะ"
"ตกลงตาซีคบกับแม่ดาราคนนั้นจริง ๆ หรือ"
ฉัตรฉายทำหน้ามุ่ยเมื่อได้ยินว่าบุตรชายเพียงคนเดียวของตนกำลังคบหากับดาราสาวที่มักรับบทนางร้ายคนนั้น หนำซ้ำนางร้ายคนนี้ยังเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้ผลิตภัณฑ์ที่นพฤทธิ์ดูแลอยู่ด้วย เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายตั้งใจเข้าหาบุตรชายของตนเพื่อหวังใช้เต้าไต่ในการมาเป็นสะใภ้ของตระกูลแน่
"ใช่ค่ะคุณฉัตร เห็นว่าคบกันมาสักพักแล้ว นี่อิมพยายามหลอกถามยายกุ๊กหลายครั้งแล้วนะคะ แต่ยายกุ๊กก็ปิดปากเงียบไม่ยอมบอกอะไรเลย ถามอะไรก็ส่ายหน้าไม่รู้อย่างเดียว อิมก็เลยต้องหาข่าวเอาเองนี่แหละค่ะ"
"ก็นางเป็นเลขาฯ ของตาซี ต่อให้เอาเหล็กมาง้างปากนางก็ไม่ยอมพูดหรอก"
ฉัตรฉายถอนหายใจอย่างหงุดหงิดที่บุตรชายไม่ได้ดั่งใจตนเลยสักนิด อุตส่าห์เลือกเฟ้นหาผู้หญิงดี ๆ มีชาติตระกูลไว้ให้แต่กลับไม่ชอบ ดันไปชอบพวกดาราที่มีดีแค่สวยพวกนั้น
"แล้วตอนนี้ตาซีไปไหนก็ไม่มีใครรู้ใช่ไหม"
"ไม่รู้เลยค่ะ ออกไปตั้งแต่บ่ายแก่ ๆ แล้ว"
"เอาละ ๆ ยังไงก็ขอบคุณมากนะอิมที่อุตส่าห์ช่วยเป็นหูเป็นตาให้ฉัน และถ้ามีข่าวอะไรอีกก็อย่าลืมมาบอกฉันด้วยก็แล้วกัน"
"ได้เลยค่ะคุณฉัตร"
ฉัตรฉายวางสายจากเลขานุการของสามีที่ตนจ้างเอาไว้ให้คอยสอดส่องพฤติกรรมของนพฤทธิ์ เนื่องจากก่อนหน้านี้ได้ข่าวมาว่าบุตรชายหัวแก้วหัวแหวนกำลังติดพันดาราสาวคนหนึ่ง ซึ่งพอตนรู้ว่าดาราสาวคนที่ว่าคือนลินทรา นางร้ายที่คนเกลียดกันทั้งประเทศก็แทบรับไม่ได้ อย่างไรเสียตนก็เชื่อว่าคนที่เล่นบทบาทร้าย ๆ เหล่านี้ได้อย่างไหลลื่น นิสัยใจคอจริง ๆ ก็คงไม่ต่างจากภาพที่แสดงออกมาเท่าไรนัก
"ไม่ได้การแล้ว ฉันต้องรีบทำอะไรสักอย่างไม่อย่างนั้นตาซีเสร็จแม่นั่นแน่"
นพฤทธิ์รินไวน์ใส่แก้วให้นลินทราเป็นครั้งที่สาม หญิงสาวมองเขายิ้ม ๆ แล้วพูดว่า
"จะมอมนิ้งหรือคะ"
"ก็อยากมอมอยู่นะ แต่กลัวคนแถวนี้จะหาว่าพี่ฉวยโอกาสกับคนเมาน่ะสิ" เขาลากเก้าอี้ของตนมาไว้ใกล้กับเก้าอี้ของหญิงสาวพลางพูดหน้าตายว่า
"นั่งตรงนั้นพี่ว่ามันไกลไปหน่อย ตรงนี้ดีกว่า"
"แค่ฝั่งตรงข้ามเนี่ยนะไกล กล้าพูดเนอะ" เธอเบ้ปากใส่เขาจนเขามองแล้วนึกอยากยื่นหน้าเข้าไปจูบดูสักครั้งแต่ก็ยังไม่กล้าพอ
"ก็ต้องกล้าสิครับ ไม่กล้าก็อดน่ะสิ" เขาคว้ามือของเธอมาบีบนวดให้เบา ๆ อย่างเอาใจใส่
"พี่จะมีโอกาสได้จับมือของนิ้งอย่างนี้ไปตลอดไหม" เขาพูดจบเธอก็หันหน้ามามองเขา
"ทำไมถามอย่างนั้นล่ะคะ"
"ไม่รู้สิ ก็นิ้งสวยและยังเป็นดารา พี่ว่าคงมีหนุ่ม ๆ ไม่น้อยเลยละที่ชอบนิ้งและเข้ามาจีบ พี่ถามจริง ๆ นะเคยมีดาราด้วยกันมาชอบหรือมาจีบบ้างรึเปล่า"
"ก็เคยมีค่ะแต่นิ้งไม่ชอบ เพราะบางคนเนี่ยเขาไม่ได้เป็นอย่างที่แสดงออกไปทางหน้าจอหรืออยู่ต่อหน้าสื่อหรอก หลายครั้งที่เราทำงานร่วมกับคนหลายประเภท มันก็ทำให้เรารู้ว่าใครคบได้ ใครคบไม่ได้น่ะค่ะ และอีกอย่างก็คือคงเป็นเพราะภาพลักษณ์ของนิ้งด้วยแหละ เขาคิดว่านิ้งเป็นสาวสังคมตัวแม่ ก็เลยพยายามเข้ามาตีสนิทอะไรแบบนี้ แต่นิ้งไม่เล่นด้วย คนอื่นที่เคยทำงานร่วมกับนิ้งหลายครั้งเขาจะรู้กันดีว่านิ้งเป็นคนยังไง เขาก็จะไปตักเตือนกันเอง"
นพฤทธิ์หน้าตูมขึ้นมาทันทีที่ฟังจบ เขาละเกลียดนักพวกที่มองคนแค่เปลือกนอกแล้วใช้สิ่งนั้นมาตัดสินคนอื่น
"บอกได้ไหมว่าใคร ถ้าไม่สะดวกพูดตรง ๆ กระซิบบอกพี่ก็ได้นะ พี่จะได้ขึ้นบัญชีหนังหมาเอาไว้ว่าห้ามจ้างมาเป็นพรีเซ็นเตอร์" เขายื่นหน้าเข้าไปใกล้ นลินทราหัวเราะก่อนจะยื่นหน้าเข้าไปกระซิบข้างหูเขา
ทว่าลมหายใจอุ่นที่เป่ารดอยู่ข้างแก้มและน้ำหอมอ่อน ๆ จากกายของหญิงสาว ทำให้เขาลืมตัวยกมือขึ้นจับแก้มเธอเอาไว้แล้วหันไปจุมพิตริมฝีปากอิ่มอย่างแผ่วเบา
นลินทราเบิกตากว้างด้วยความตกใจเพราะไม่คิดว่าเขาจะทำอะไรรวดเร็วขนาดนี้ หญิงสาวเอนตัวถอยหลังตามสัญชาตญาณ แต่นพฤทธิ์กลับตามติดและส่งปลายลิ้นเข้าไปทักทายอย่างถือวิสาสะ
ผ่านไปสักพักเขาจึงหยุดทุกอย่างลง แต่กระนั้นก็ยังคงพรมจูบเบา ๆ ที่ริมฝีปากและข้างแก้มของหญิงสาวราวกับอาลัยอาวรณ์
"นิ้งกระซิบเบาไปพี่ไม่ได้ยิน ก็เลยต้องไปหาคำตอบเอง"
เขาพูดเสียงแผ่ว ก่อนจะร้องโอ๊ยออกมาไม่ดังนักเมื่อรู้สึกเจ็บที่แขนเพราะโดนหญิงสาวหยิกเข้าให้
"ข้ออ้างแบบนี้ก็ยังกล้าเอามาพูดนะ กะล่อนจริง" เธอใช้นิ้วชี้แตะริมฝีปากของเขาเอาไว้แล้วผลักออกเบา ๆ
"แล้วตอนนี้รู้รึยังคะว่าดาราคนนั้นเป็นใคร"
"เหมือนคำตอบยังไม่ชัดเจนเท่าไร คงต้องลองอีกที" เขาจับมือเธอเอาไว้แล้วทำท่าจะกัดนิ้วข้างนั้นจนนลินทราต้องรีบชักมือกลับมา เมื่อเห็นทางสะดวกแล้วชายหนุ่มจึงกระซิบถามว่า
"ให้ลองไหมครับ"
นลินทรายิ้มหวานให้เขาแทนคำตอบ นพฤทธิ์จึงไม่รอช้าเพราะรู้ดีว่าเธออนุญาตแล้ว คราวนี้จุมพิตดูดดื่มยิ่งกว่าครั้งที่แล้วเพราะเกิดจากความเต็มใจไม่ใช่การเผลอไผล
เนิ่นนานกว่าทั้งสองจะผละออกจากกัน เพราะชายหนุ่มมัวแต่วนเวียนพรมจูบไปทั่วใบหน้าของหญิงสาวราวกับตัดใจไม่ได้ ก่อนจะพึมพำเสียงแผ่ว
"พี่ต้องเมาแล้วแน่ ๆ เลย คงขับรถไปส่งนิ้งไม่ได้แล้วละ นิ้งค้างที่นี่ดีไหมพรุ่งนี้พี่จะขับไปส่งบ้านเอง"
นลินทราหลุดหัวเราะออกมาเมื่อฟังข้ออ้างจากคนหน้าไม่อาย
"โลกนี้มีสิ่งที่เรียกว่าแท็กซี่มาคอยให้บริการนะคะ"
"แต่โลกนี้ก็มีอันตรายที่เกิดจากแท็กซี่เยอะมากเลยนะ" เขาเถียงหน้าตายแต่สายตาที่มองเธอกลับหวานเชื่อมเสียจนหญิงสาวไม่กล้าสบตาด้วยนานนัก
"แต่นิ้งคิดว่าอันตรายที่เกิดจากแท็กซี่ กับอันตรายที่เกิดจากที่นี่ก็คงไม่ต่างกันเท่าไรหรอกค่ะ พี่ว่าจริงไหม"
"ไม่จริงสักนิด พี่เป็นคนซื่อจะตาย อันตรายตรงไหนกัน"
"กล้าพูด!"