อาการป่วยของนลินทราดีขึ้นตามลำดับ แพทย์ได้กำชับให้หญิงสาวพักผ่อนให้เพียงพอ และอย่านอนดึก ซึ่งเธอก็ได้แต่รับปากไปอย่างนั้น เพราะในความเป็นจริงแล้วอาชีพนักแสดงจำกัดเรื่องเวลาได้ยากมาก การถ่ายละครแต่ละครั้งไม่สามารถกำหนดได้เลยว่าจะเลิกกองเมื่อไร
นลินทราได้กลับบ้านในวันรุ่งขึ้นตามที่แพทย์ได้แจ้งไว้ หลังจากที่พยาบาลถอดเข็มน้ำเกลือให้แล้ว หญิงสาวจึงเดินเข้าไปเปลี่ยนเป็นชุดลำลองที่บุ๋มนำมาให้จากบ้าน นอกจากนั้นพี่เลี้ยงอย่างบุ๋มยังอุตส่าห์นำครีมบำรุงผิวและเครื่องสำอางใส่มาในกระเป๋าให้อีกด้วย
หญิงสาวมองแล้วก็ได้แต่ยิ้ม เธอตัดสินใจทาครีมบำรุงผิว ครีมกันแดด และทาแป้งฝุ่นทับลงไปเท่านั้น ริมฝีปากก็ทาเพียงลิปกลอสอมชมพู ผมยาวดัดลอนหลวม ๆ ก็แค่หวีให้เรียบร้อยแล้วปล่อยตามธรรมชาติ จากนั้นก็เดินออกจากห้องน้ำ ครั้นพอออกมาแล้วก็ต้องชะงักอยู่กับที่เมื่อเห็นนพฤทธิ์นั่งรออยู่บนโซฟา ส่วนบุ๋มนั้นไปนั่งอยู่ที่โซฟาเบดสำหรับคนมานอนเฝ้าไข้
“เอ่อ...คุณซีมานานรึยังคะ” เธอไม่คิดว่าวันนี้เขาจะมาด้วย เพราะเมื่อวานก็ไม่เห็นเขาพูดอะไรหลังจากที่รู้ว่าวันนี้เธอจะออกจากโรงพยาบาล
ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นจากโทรศัพท์แล้วพูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“ผมเพิ่งมาเองครับ จะกลับกันเลยไหม”
“นิ้งต้องไปเคลียร์ค่าใช้จ่ายก่อนค่ะ พี่บุ๋มคะ” เธอหันไปหาพี่เลี้ยงเพื่อจะถามว่าพยาบาลนำบิลเรียกเก็บมาให้หรือยัง เพราะก่อนหน้าที่เธอจะเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก็บอกให้อีกฝ่ายไปแจ้งกับการเงินแล้วว่าให้คิดค่ารักษาทั้งหมดมาได้เลย
“ไม่ต้องหรอกครับ ผมจัดการให้หมดแล้วละ”
“ว่าไงนะ!” นลินทราเบิกตากว้าง ก่อนจะโบกมือรัว ๆ
“ไม่ได้หรอกค่ะคุณซี ให้นิ้งจ่ายเองดีกว่า ทั้งหมดเท่าไรคะ”
“ไม่บอกหรอก” เขายิ้มกว้างก่อนจะพูดต่อ
“ไม่เป็นไรครับ คุณป่วยตอนถ่ายโฆษณาให้เฟรชลูป เพราะฉะนั้นผมก็ต้องรับผิดชอบสิ จริงไหม...มาครับ ผมถือกระเป๋าให้ดีกว่า” พูดจบเขาก็เอื้อมมือมาคว้ากระเป๋าสะพายใบใหญ่ของนลินทราไปถือไว้เองโดยที่หญิงสาวไม่ทันได้ตั้งตัว
นลินทราได้แต่งง มีอย่างที่ไหนที่ให้ผู้ว่าจ้างมาออกค่ารักษาพยาบาลให้ ทั้งที่ความจริงแล้วเรื่องแบบนี้ควรเป็นตัวเธอเอง หรือไม่ก็ทางต้นสังกัดเป็นผู้รับผิดชอบมากกว่า แต่ผู้ชายคนนี้กลับพูดออกมาหน้าตาเฉย
หญิงสาวมองไปทางพี่เลี้ยงที่นั่งอย่างสงบเสงี่ยมอยู่ตรงนั้น เห็นอีกฝ่ายพยักหน้าอย่างจำยอมก็รู้แล้วว่าก่อนหน้านี้บุ๋มก็คงเจรจาไม่สำเร็จเช่นกัน
“แต่นิ้งเกรงใจมากเลยค่ะ ความจริงแล้วเรื่องนี้ไม่ควรต้องรบกวนคุณซีเลยด้วยซ้ำ”
ใช่ว่าเธอไม่รู้ว่านพฤทธิ์กำลังคิดอะไรอยู่ เมื่อวานเขาไม่ได้มากินมื้อเที่ยงกับเธอแค่มื้อเดียว ตอนเย็นเขาก็มาอีกรอบพร้อมอาหารน่ารับประทานอีกสามอย่างเช่นเคย และที่น่าแปลกคือทั้งที่เธอเพิ่งรู้จักเขาได้แค่สองวัน แต่กลับรู้สึกว่าตนเองพูดคุยกับเขาได้อย่างเป็นธรรมชาติราวกับรู้จักกันมานานแล้วอย่างไรอย่างนั้น
“จะรบกวนอะไรกัน เอาอย่างนี้ไหมล่ะ ถ้าคุณเกรงใจผมและอยากตอบแทนละก็ คุณคงต้องแบ่งเวลาไปกินข้าวกับผมสักหลาย ๆ มื้อแล้วละ เริ่มจากวันนี้เลยเป็นไง”
นลินทราได้แต่มองเขาตาแป๋ว แต่ในใจกลับคิดหนัก ความจริงแล้วเธอสามารถไปไหนมาไหนกับเขาได้ แต่ปัญหาติดที่ว่าเธอยังรู้จักเขาไม่ดีพอ ไม่รู้ว่าผู้ชายตรงหน้าเป็นคนอย่างไรกันแน่ ถ้าเขาเป็นพวกโรคจิต เธอจะไม่แย่เอาหรือ และปัญหาอีกข้อคือเธอไม่ชอบการเป็นข่าวกับพวกนักธุรกิจไฮโซ เพราะหากมีข่าวว่านางร้ายอย่างเธอไปกินข้าวกับนักธุรกิจหนุ่ม คงไม่แคล้วมีพวกปากเสียนินทาว่าเธอหาทางใช้เต้าไต่เพื่อจับผู้ชายรวย ๆ เป็นแน่
“คือว่า...วันนี้นิ้งคงไม่สะดวกค่ะ นิ้งอยากนอนมากกว่า ต้องขอโทษด้วยนะคะ”
“นั่นสิเนอะ ผมก็ลืมนึกไปว่าคุณเพิ่งฟื้นไข้ งั้นไม่เป็นไรครับ เมื่อไรก็ได้ เอาตามที่คุณสะดวกเลย ถ้าอย่างนั้นจะกลับกันเลยไหมครับ ผมจะไปส่งที่บ้านเอง”
“แต่นิ้งเอารถมา” เธอชี้ไปทางบุ๋ม เพราะอีกฝ่ายเป็นคนขับรถของเธอมาจอดไว้ที่นี่
“เดี๋ยวพี่ขับไปจอดไว้ให้นิ้งที่บ้านก็ได้ นิ้งไปกับคุณซีเขาเถอะ”
บุ๋มพยักหน้าให้พลางบุ้ยหน้าไปทางนพฤทธิ์ นลินทราจึงเข้าใจทันทีว่าบุ๋มก็คงเกรงใจอีกฝ่ายไม่น้อย เพราะนอกจากชายหนุ่มจะออกค่ารักษาพยาบาลให้แล้ว ยังอุตส่าห์มารอไปส่งที่บ้านอีกด้วย อีกทั้งเขาชวนเธอไปกินข้าวแต่เธอก็ปฏิเสธเขาซึ่งหน้า หากปฏิเสธไม่ให้เขาไปส่งที่บ้านอีกก็คงดูไม่ดีเท่าไรนัก
“เอางั้นก็ได้ค่ะ”
“ถ้างั้นก็...เชิญครับ” นพฤทธิ์ยิ้มกว้างจนตาหยี เขาเดินไปเปิดประตูห้องค้างไว้แล้วผายมือเป็นเชิงให้หญิงสาวเดินออกไปก่อน จากนั้นก็หันไปทางบุ๋มแล้วผงกศีรษะให้อีกฝ่ายพลางพูดโดยไม่ออกเสียงว่า...ขอบคุณครับ
นลินทราเข้ามานั่งในรถของนพฤทธิ์แล้วก็อดทึ่งในความสะอาดสะอ้านเป็นระเบียบของชายหนุ่มไม่ได้ ครั้นพอนึกถึงสภาพภายในรถตัวเองที่รกมากจนผู้จัดการบ่นแล้วก็ได้แต่คิดในใจว่า...เธอจะให้เขาเห็นไม่ได้อย่างเด็ดขาด
“คุณนิ้งอยู่บ้านกับคุณพ่อคุณแม่ตลอดเลยหรือครับ” เขาชวนคุยก่อนขณะที่เคลื่อนรถออกไปอย่างช้า ๆ
“ใช่ค่ะ อยู่กับพวกท่านตลอด”
“ดีนะครับ ปกติผมเห็นคนส่วนใหญ่มักจะซื้อคอนโดฯ เอาไว้ในเมืองกันน่ะ”
“นิ้งก็เคยคิดจะซื้อเหมือนกันค่ะเพราะมันสะดวกดี แต่คิดไปคิดมาก็กลับไปนอนบ้านดีกว่า อย่างน้อยตื่นมาก็มีกับข้าวแม่รออยู่บนโต๊ะ”
นพฤทธิ์ยิ้มพลางพยักหน้าช้า ๆ “จริงครับ ผมเองก็มีคอนโดฯ อยู่สาทร ตื่นมาก็ต้องลงมาหาอะไรกินเองทุกที แต่ถ้ากลับบ้านทีไร คุณแม่ก็จะทำของโปรดไว้ให้ผมเต็มโต๊ะเลย”
“นาน ๆ กลับบ้านทีหรือคะ”
“ไม่เชิงครับ ผมกลับบ้านอาทิตย์ละครั้ง บ้านผมก็อยู่ชานเมืองนี่แหละ แต่ผมออกมาอยู่เองตั้งแต่เรียนปีหนึ่งน่ะ ว่าแต่...คุณนิ้งทำงานนี่ หยุดวันไหนบ้างครับ หรือว่าไม่ได้ล็อกวัน”
“ไม่ได้ล็อกวันค่ะ แล้วแต่ว่าจะถ่ายเสร็จเมื่อไร บางทีก็ทำงานรวดเดียวสองอาทิตย์เต็มโดยไม่ได้หยุดเลย”
นพฤทธิ์พยักหน้าช้า ๆ อย่างใช้ความคิด เขาเงียบไปครู่หนึ่งก็พูดขึ้นว่า
“อย่างนี้ก็หมายความว่าถ้าผมอยากรู้ว่าคุณหยุดวันไหนบ้างผมก็ต้องถามกับคุณโดยตรงเลยใช่ไหม ถ้างั้นผมขอเบอร์ส่วนตัวคุณหน่อยสิ ไม่เอาเบอร์ผู้จัดการนะ ผมอยากคุยกับคุณไม่ได้อยากคุยกับผู้จัดการของคุณ”
พูดจบเขาก็หยิบโทรศัพท์จากที่วางของบริเวณเกียร์มายื่นให้นลินทรา หญิงสาวได้แต่อึ้งเพราะไม่คิดว่าเขาจะขอเบอร์อย่างกะทันหันจึงไม่ได้ยื่นมือไปรับโทรศัพท์ของเขา จนกระทั่งชายหนุ่มเอ่ยเตือนว่า
“เร็วสิครับ ผมขับรถมือเดียวมันอันตรายนะคุณ”
ได้ยินอย่างนั้น นลินทราก็รีบคว้าโทรศัพท์ของเขามาถือไว้ทันที ระบบมันยังไม่ล็อกเครื่องเธอจึงพิมพ์เบอร์ของตัวเองลงไปแล้วกดโทร. ออก
“เรียบร้อยแล้วค่ะ”
เขายิ้มกว้างแล้วหันมาพูดว่า “ขอบคุณครับผม”
นลินทราเลิกคิ้วขึ้นด้วยความแปลกใจเมื่อจู่ ๆ นพฤทธิ์ก็เลี้ยวรถเข้ามาในร้านอาหารบรรยากาศร่มรื่นราวกับบ้านสวน หญิงสาวหันไปมองคนขับ เขาหันมองเธออยู่ก่อนแล้วพร้อมกับรอยยิ้มเช่นเคย
“แวะสั่งกับข้าวกันก่อนดีกว่าครับ ใกล้เที่ยงแล้วด้วย ถึงบ้านแล้วเราจะได้กินข้าวกันเลย”
“เอางั้นก็ได้ค่ะ” เธออดค้อนให้เขาไม่ได้ เขาจะมาถามเธอทำไมในเมื่อเลี้ยวรถเข้ามาจอดในร้านแล้ว หนำซ้ำตอนนี้เจ้าตัวก็ลงจากรถไปก่อนแล้วด้วย ทำแบบนี้มันมัดมือชกกันชัด ๆ
เมื่อเดินเข้ามาในร้าน พนักงานหลายคนต่างพากันมองนลินทราตาค้าง เพราะจำได้ว่าหญิงสาวเป็นดาราชื่อดัง นลินทราเองเมื่อเห็นพนักงานในร้านมองตนแล้วหันไปคุยกันด้วยความตื่นเต้น เธอจึงหันไปยิ้มให้อย่างเป็นมิตร
“ผมลืมไปเลยว่ามากับดาราดัง คนเลยมองคุณกันใหญ่เลย” นพฤทธิ์พูดไปยิ้มไป เธอจึงแกล้งเย้าเขาเล่นว่า
“ระวังจะเป็นข่าวกับนิ้งนะคะ”
ชายหนุ่มยักไหล่อย่างไม่ยี่หระแล้วพูดว่า “กลัวที่ไหน เป็นก็เป็นสิ...ขอเมนูด้วยครับ”
ประโยคหลังเขาหันไปพูดกับพนักงาน แล้วหันมาพูดกับนลินทราต่อ
“คุณสั่งเอาเลยนะ เลือกเอาที่คุณชอบกินนั่นแหละ เผื่อมื้อเย็นไปด้วย วันนี้คุณต้องอยู่บ้านคนเดียวใช่ไหมล่ะ”
“พี่บุ๋มอยู่ด้วยค่ะ” ถ้าเธอไม่ป่วยก็คงอยู่คนเดียวได้ แต่ในเมื่อเพิ่งฟื้นไข้ บุ๋มจึงต้องมาคอยดูแลเธอตามคำสั่งของจินตวาตี เพราะหากไข้กลับมาอีกครั้ง หรือเป็นอะไรขึ้นมาจะได้ช่วยเหลือทัน
“งั้นดีเลยครับ คุณก็สั่งไปไว้กินกันสองคนตอนอยู่บ้านนั่นแหละ เผื่อมื้อเย็นด้วยนะจะได้ไม่ต้องออกไปหาซื้อ”
“ครั้งนี้นิ้งขอจ่ายเองนะคะ” เธอยืนยันหนักแน่น และมองหน้าเขานิ่ง ชายหนุ่มหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะพยักหน้าให้
“ก็ได้ครับ แหม...คุณนี่ก็แปลกนะ มีคนเลี้ยงดี ๆ กลับไม่ชอบ”
เขาพูดไปยิ้มไป เธออดหน้าร้อนวาบกับประโยคหลังของเขาไม่ได้ แต่ก็คร้านจะต่อปากต่อคำกับเขาอีกจึงก้มหน้าเลือกอาหารในเมนูแทน
หลังจากนลินทราสั่งอาหารเสร็จเรียบร้อย จู่ ๆ เธอก็ได้ยินเสียงแชะดังมาจากคนที่นั่งฝั่งตรงข้าม หญิงสาวเลิกคิ้วขึ้นพลางมองหน้าเขาเป็นเชิงถาม ชายหนุ่มจึงบอกว่า
“คนอื่นยังถ่ายรูปคุณได้เลย ผมก็อยากถ่ายเก็บไว้ในเครื่องบ้างสิ”
“รูปนิ้งหาง่ายจะตายไปค่ะ แค่เสิร์ชในกูเกิ้ลก็เจอแล้ว”
“มันเหมือนกันที่ไหนเล่า รูปพวกนั้นคุณถ่ายเพราะคุณทำงาน แต่รูปที่ผมถ่ายเนี่ยเป็นแบบส่วนตัว ความรู้สึกมันต่างกัน” เขายิ้มกว้างจนตาหยีอีกครั้ง และไม่รู้ว่าเป็นเพราะรอยยิ้มของเขาเจิดจ้าเกินไปหรือเปล่า เธอจึงไม่กล้าสู้หน้ายิ้มแย้มนั่นจนต้องทำทีเป็นเสมองไปทางอื่น
นพฤทธิ์เป็นผู้ชายที่หน้าตาไม่ถึงกับเรียกได้ว่าหล่อเหลา แต่เขาก็ดูดีในแบบของเขาด้วยรูปร่างสูงโปร่งและผิวขาวจัด ริมฝีปากบางสีชมพูเข้มกับตาชั้นเดียวของเขาบ่งบอกได้ว่ามีเชื้อสายจีนแน่นอน ทว่าเวลาเขายิ้มกลับดูมีเสน่ห์อย่างบอกไม่ถูก
จู่ ๆ นลินทราก็รู้สึกว่าไม่อยากนั่งอยู่ตรงนี้นานเกินไปเพราะเธอเขินขึ้นมาอย่างไม่รู้สาเหตุ ดังนั้นหญิงสาวจึงหาตัวช่วยด้วยการหันไปยิ้มให้พนักงานที่กำลังแอบถ่ายรูปเธอเพราะไม่กล้าเดินเข้ามาขอถ่ายตรง ๆ ก่อนจะพูดว่า
“ถ่ายรูปไหมคะ ถ่ายได้นะ” หญิงสาวพูดจบ พนักงานเหล่านั้นก็พยักหน้ารัว ๆ และยิ้มกว้างด้วยความดีใจ เธอจึงลุกขึ้นเดินไปทางนั้นเพื่อให้ทุกคนถ่ายรูปคู่กับตน
เสร็จจากการถ่ายรูปคู่กับพนักงานของร้าน นลินทราก็เดินกลับมานั่งที่โต๊ะตามเดิม แต่แล้วจู่ ๆ นพฤทธิ์ก็ลุกขึ้นแล้วเดินมานั่งคู่กับตนพลางพูดว่า
“ถ่ายรูปคู่กับผมบ้างสิ ผมยังไม่มีรูปคู่กับคุณเลย”
บุ๋มขับรถมาถึงบ้านของนลินทราก่อนแล้ว โดยเจ้าตัวขับเข้าไปจอดในบ้านและเปิดประตูรั้วไว้ให้เป็นที่เรียบร้อย เมื่อนพฤทธิ์ขับรถมาถึงจึงขับเข้าไปจอดในบ้านได้เลยโดยที่เจ้าของบ้านไม่ต้องลงไปไขกุญแจ
ขณะที่ชายหนุ่มเดินไปเปิดหลังรถ บุ๋มก็รีบเดินมากระซิบถามนลินทราว่า “ไปไหนกันมาเนี่ย พี่มาถึงบ้านเกือบชั่วโมงแล้วนะ”
นลินทรากระซิบตอบกลับ “คุณซีเขาแวะซื้อกับข้าวที่ร้านอาหารน่ะพี่ เดี๋ยวอยู่กินข้าวด้วยกันก่อนนะ”
“เฮ้ย...มันจะดีหรือวะ” บุ๋มรู้แล้วว่าชายหนุ่มคนนี้มาจีบดาราสาวแน่นอนแล้ว จึงไม่ค่อยกล้าอยู่เป็นก้างขวางคอเท่าไรนัก แต่นลินทรากลับมองมาด้วยสายตาอ้อนวอน
“เถอะนะพี่ ขอร้องละ”
ยังไม่ทันที่ทั้งสองคนจะได้พูดอะไรกันอีก นพฤทธิ์ก็เดินถือถุงอาหารพะรุงพะรังเข้ามาหาทั้งสองคน
“คุณบุ๋มอยู่กินข้าวกลางวันด้วยกันนะครับ ผมซื้อมาหลายอย่างเลย เพราะถ้าผมกินกับคุณนิ้งสองคนในบ้านมันคงไม่เหมาะเท่าไร จริงสิ คุณนิ้งบอกว่าคุณจะค้างที่นี่ด้วย ผมก็เลยซื้อเผื่อมื้อเย็นไว้ให้”
“ขอบคุณมากค่ะ บุ๋มก็คงอยู่กับน้องเขานั่นแหละ เพราะตอนนี้นิ้งอยู่บ้านคนเดียว บุ๋มเป็นห่วงน้องเขาน่ะ”
“ดีครับ ถ้าคุณบุ๋มอยู่ด้วยผมก็จะได้หายห่วง เพราะผมก็เป็นห่วงคุณนิ้งเหมือนกัน”
นพฤทธิ์อยู่กินมื้อเที่ยงกับสองสาวเสร็จก็กลับไปทำงานต่อ เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มไม่อยู่แล้ว บุ๋มจึงเปิดปากถามทันที
“คุณซีเขาจีบเธอใช่ไหมนิ้ง”
“คงงั้นมั้งพี่ นิ้งก็ไม่กล้าฟันธง” แม้การกระทำและคำพูดของเขาหลายอย่างจะสื่อไปในทางนั้น แต่เธอก็ไม่กล้าพูดออกไปเองว่าเขาสนใจตนแน่นอน เพราะคำพูดพวกนี้หากหลุดออกจากปากไปแล้วจะไม่สามารถเอากลับคืนมาได้ ฉะนั้นเธอจึงต้องพูดให้ฟังแล้วเป็นกลางมากที่สุด
“แต่พี่ว่าชัวร์แน่นอนร้อยเปอร์เซ็นต์ เช้าถึงเย็นถึงขนาดนี้ แต่แกไม่ชอบเขาหรือ ถึงไม่อยากอยู่กับเขาสองคนน่ะ”
“นิ้งไม่อยากเป็นข่าวน่ะพี่บุ๋ม พี่คิดดูสิว่าเขาเป็นใคร เป็นเจ้าของเฟรชลูปเชียวนะ ถ้าคนอื่นรู้ว่าเขามานั่งกินข้าวกับนิ้งสองต่อสองในบ้านของนิ้งมันจะเกิดอะไรขึ้น อย่างน้อยมันจะต้องมีพวกไม่หวังดีหาว่านิ้งอยากรวยทางลัดด้วยการจับพวกนักธุรกิจรวย ๆ แน่”
บุ๋มพยักหน้าอย่างเห็นด้วย “มันก็จริงของเธอ แต่คุณเขาก็ดีนะ อุตส่าห์คิดเผื่อนิ้งด้วยว่าถ้าเขาอยู่ในบ้านกับนิ้งสองต่อสองแล้วจะไม่เหมาะถึงได้ชวนให้พี่อยู่ด้วย ทั้งที่เมื่อวานยังไล่พี่ทางอ้อมอยู่เลย”
นลินทราหัวเราะเบา ๆ “พี่บุ๋มก็พูดไป เขาไม่ได้ไล่สักหน่อย”
“เหรออออ...ผมซื้อมากินกับคุณนิ้งครับ เชอะ! นี่ยังไม่ใช่การไล่ทางอ้อมอีกหรือจ๊ะ แหม...หมั่นไส้ นี่นิ้ง พี่ถามหน่อยสิ ถ้าเขาตามจีบนิ้งอย่างไม่ลดละแบบนี้ คิดว่าจะใจอ่อนกับเขาบ้างไหม”
นลินทรานิ่งไปครู่หนึ่งก่อนถอนหายใจแผ่ว “ไม่รู้สิพี่ ปล่อยให้เป็นเรื่องของอนาคตละกัน นิ้งไม่กล้าเดาหรอก”