ในช่วงเย็น จินตวาตี ผู้จัดการส่วนตัวของนลินทรามาเยี่ยมไข้ตามคาด เจ้าตัวมาถึงพร้อมกับขนมปังไส้เนยสดเจ้าดัง ซึ่งเป็นของโปรดของคนป่วย ทำเอานลินทรายิ้มไม่หุบ
“อะไรเข้าสิงหล่อนยะนังนิ้ง ถึงได้หุบปากเงียบไม่ยอมบอกว่าป่วยอยู่ นี่ถ้าหล่อนตายในหน้าที่ขึ้นมาฉันไม่มีใบประกาศเกียรติคุณให้หรอกนะจะบอกให้” จินตวาตีค้อนให้วงใหญ่
“ก็นิ้งเกรงใจ เห็นทีมงานเขาเตรียมอะไรกันพร้อมหมดแล้ว ไหนจะเรื่องขออนุญาตใช้สถานที่อีก ถ้านิ้งไม่ไปคนอื่นก็จะเสียเวลาเปล่าน่ะสิ อีกอย่างนะ คนอื่นอาจจะหาว่านิ้งป่วยการเมืองก็ได้”
“ก็ช่างหัวมันสิ ก็คนมันป่วยจริงนี่นา ถ้าใครมีปัญหามากนักก็ให้มาคุยกันฉันนี่ ฉันจะเคลียร์ให้เอง” จินตวาตีเดินไปนั่งบนโซฟาพลางมองช่อดอกไม้ช่อใหญ่ที่นพฤทธิ์หอบมาให้นลินทราเมื่อเช้า
“ช่อดอกไม้ใครเนี่ย สวยเชียว ราคาไม่ใช่ถูก ๆ นะหล่อน”
นลินทราไม่กล้าพูดชื่อคนให้ แต่พูดถึงบริษัทของเขาแทน
“เฟรชลูปน่ะค่ะ”
จินตวาตีพยักหน้ารับรู้แล้วจึงถามต่อ “หมอบอกรึยังว่าจะออกจากโรงพยาบาลได้เมื่อไร”
“เมื่อตอนเที่ยงนิ้งลองถามแล้วค่ะ เขาบอกว่าถ้าพรุ่งนี้ไม่มีอาการอะไรแล้ว มะรืนนี้ก็กลับบ้านได้”
“ก็ดี กลับบ้านแล้วน้าให้เธอพักสักสี่ห้าวันแล้วค่อยกลับมาทำงาน น้าบอกยายบุ๋มไปแล้ว” พูดจบจินตวาตีก็หยิบสมุดบันทึกขึ้นมาดูตารางงานต่าง ๆ ที่จดเอาไว้ จากนั้นก็เขียนอะไรยุกยิก ๆ อยู่ครู่หนึ่งก็เก็บไว้ในกระเป๋าสะพายตามเดิม
“แล้วพ่อกับแม่ของเธอล่ะนิ้ง ปกติคุณแม่ต้องมาอยู่เฝ้าลูกสาวสุดที่รักแล้วไม่ใช่หรือ”
“พ่อกับแม่ไปเที่ยวสวิสค่ะ กลับอาทิตย์หน้าเลย” นลินทราตอบยิ้ม ๆ
“อุ๊ยตาย ช่างเป็นคนวัยเกษียณที่มีความสุขเสียจริง ดีแล้วละที่พวกท่านยังมีแรงเที่ยว แสดงว่าสุขภาพแข็งแรง แล้วน้องชายหล่อนน่ะเมื่อไรจะลงมากรุงเทพฯ ไม่คิดอยากเป็นดารงดาราบ้างเลยรึไง แหม...ตื๊อยากจริงเชียว”
นลินทราได้ยินอย่างนั้นก็หัวเราะเบา ๆ เพราะตอนนี้ณภัทร น้องชายของเธอกำลังเรียนมหาวิทยาลัยปีสุดท้ายที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และนักปั้นมือทองอย่างจินตวาตีก็พยายามตื๊อให้อีกฝ่ายเข้าวงการบันเทิง แต่เขากลับไม่สนใจ
จากนั้นทั้งสองคนคุยเรื่องงานกันอีกเล็กน้อยจินตวาตีก็ลากลับไป นลินทราจึงได้อยู่ในห้องพักผู้ป่วยเพียงลำพังอีกครั้ง หญิงสาวมองถุงขนมปังเนยสดที่วางอยู่บนโต๊ะกลางแล้วก็ยิ้มกว้างพลางตวัดขาลงจากเตียงแล้วเดินลากเสาน้ำเกลือไปหยิบมันมากิน
นลินทราหยิบขึ้นมาหนึ่งชิ้นแล้วกัดไปคำหนึ่ง ทว่ายังไม่ทันที่เธอจะได้เคี้ยว ประตูห้องก็ถูกเคาะอีกครั้ง ตามมาด้วยร่างสูงโปร่งของนพฤทธิ์ที่เดินเข้ามา
ชายหนุ่มเลิกคิ้วขึ้นด้วยความแปลกใจ สายตาจับจ้องใบหน้าของหญิงสาวก่อนจะเลื่อนลงมามองขนมปังในมือของเธอ จากนั้นก็เลื่อนไปมองหน้าเธออีกครั้งเมื่อเห็นว่าเจ้าตัวกำลังเคี้ยวช้า ๆ ด้วยใบหน้าแดงระเรื่อ
“คนป่วยเขาต้องกินอาหารอ่อน ๆ ไม่ใช่หรือครับ” เขาถามเสียงอ่อน
“นี่ก็ไม่ใช่อาหารรสจัดอะไรนี่คะ” เธอตอบเสียงแผ่ว
นพฤทธิ์ยิ้มกว้างจนตาหยีเมื่อนลินทราเถียงกลับมาหน้าตาเฉย
“ผมหมายถึงว่าอาหารที่ย่อยง่ายและปรุงสุกใหม่ ๆ อย่างพวกข้าวต้มที่เขามีไว้ให้คนป่วยกินโดยเฉพาะน่ะ”
“อันนี้ก็ย่อยง่ายค่ะ เพิ่งออกจากเตาเหมือนกันเพราะยังอุ่นอยู่เลย” เธอตอบโดยไม่สบตาเขา ทั้งยังกัดขนมปังเข้าปากไปอีกคำ ส่วนมือก็ถือถุงขนมนั้นเอาไว้ไม่ยอมวางราวกับกลัวว่าเขาจะแย่งไปแล้วห้ามไม่ให้เธอกิน
ชายหนุ่มก้มลงมองที่พื้น เห็นเธอยืนเท้าเปล่าเปลือยโดยไม่สวมสลิปเปอร์จึงพูดว่า
“ผมว่าคุณขึ้นไปนั่งบนเตียงเถอะครับ พื้นมันเย็นนะ แล้วคุณก็เดินเท้าเปล่ามาแบบนี้เดี๋ยวก็ไม่หายไข้หรอก”
นลินทราพยักหน้าแล้วเดินจับเสาน้ำเกลือจะกลับไปที่เตียง นพฤทธิ์เห็นดังนั้นจึงเดินเข้าไปจับเสาน้ำเกลือเอาไว้ให้พร้อมกับพูดว่า
“มาครับ ผมช่วยเข็นไปให้ดีกว่า”
หญิงสาวหันมองเขา คงเห็นว่าเขาก็กำลังมองเธออยู่พอดีจึงรีบหันหน้าไปพลางเอ่ยขอบคุณเบา ๆ
กระทั่งนลินทรานั่งบนเตียงเรียบร้อยดีแล้ว นพฤทธิ์จึงถือโอกาสนั่งบนโซฟาเบดสำหรับผู้ที่มานอนดูแลคนป่วยที่โรงพยาบาล เพราะนั่งบนโซฟารับแขกตรงนั้นค่อนข้างไกลไปหน่อยสำหรับเขา
“เมื่อวานขอบคุณคุณซีมากนะคะที่พามาส่งโรงพยาบาล”
เธอเป็นฝ่ายพูดขึ้นก่อน เขาจึงเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยพลางยิ้มนิด ๆ การที่หญิงสาวเอ่ยปากขอบคุณเขาก็หมายความว่าผู้จัดการของเธอคงเล่าให้ฟังหมดแล้ว และคงรู้แล้วเช่นกันว่าเขาเป็นใคร ทั้งที่ใจจริงเขายังไม่อยากให้เธอรู้ฐานะของเขาเท่าไรเนื่องจากกลัวว่าหญิงสาวจะวางตัวห่างเหินกับเขามากเกินไปเพราะความเกรงใจในฐานะของเขา
“ยินดีครับ” เขาถอนหายใจแผ่วเมื่อนึกถึงเหตุการณ์เมื่อวาน
“ตัวคุณร้อนมากจนผมกับทุกคนตกใจเลยละ คุณหมอบอกว่าถ้ามาช้ากว่านี้อีกนิดคุณอาจช็อกได้เลย ผมถึงได้บอกไงว่าคุณไม่น่าฝืนทำงาน ว่าแต่ผมมาเยี่ยมเวลานี้คงไม่เป็นอะไรใช่ไหมครับ คนที่บ้านคุณจะมาเยี่ยมรึเปล่า”
นพฤทธิ์ลองถามหยั่งเชิงทางอ้อมดูว่าจะมีใครอื่นนอกจากบิดามารดามาเยี่ยมนลินทราอีกไหม เพราะเมื่อช่วงสายที่เขากลับเข้าไปที่ออฟฟิศก็ลองหาข่าวเกี่ยวกับนางร้ายหน้าอ่อนคนนี้ว่ามีข่าวกับดาราหนุ่มคนไหนบ้างหรือเปล่า ปรากฏว่าเธอไม่เคยมีข่าวกับผู้ชายคนไหนเลย กระนั้นเขาก็ยังไม่รู้ว่าเธอมีคนรักแล้วหรือยัง
ที่เขาต้องถามก็เพราะเขารู้สึกสนใจผู้หญิงคนนี้เป็นพิเศษ และอยากจะลองทำความรู้จักกับเธอดู ที่เขาสนใจไม่ใช่เพราะเธอสวยหรือรูปร่างหน้าตาดี แต่เพราะเขารู้สึกว่าเธอนิสัยดีและดูน่ารักน่าเอ็นดู
“คิดว่าไม่มีแล้วค่ะ เพราะก่อนหน้าที่คุณจะมา น้าจินนี่ผู้จัดการใหญ่ก็เพิ่งกลับไป ส่วนพี่บุ๋มก็มาอยู่เป็นเพื่อนตลอดทั้งวันแล้ว พ่อกับแม่ก็ไปเที่ยวต่างประเทศ ส่วนเพื่อน ๆ ก็มาเยี่ยมกันแล้วเมื่อตอนบ่าย”
นพฤทธิ์พยักหน้าพร้อมกับยิ้มกว้างอีกครั้ง ในเมื่อรู้แล้วว่าเธอโสดสนิท เขาจะได้เดินหน้าต่อ
สายตาเขาเหลือบไปเห็นขนมปังในถุงที่อยู่ในมือเธอ ไม่น่าเชื่อว่าก่อนหน้านี้ยังเหลือตั้งหลายก้อน แต่ตอนนี้เหลือเพียงก้อนเดียวเท่านั้น นลินทรากินไปคุยไปกับเขาอย่างเป็นธรรมชาติจนเขาแทบไม่รู้สึกตัวเลยว่าเธอกำลังกินอยู่
“ชอบขนมปังร้านนี้หรือครับ” เขาถามพลางมองยี่ห้อที่อยู่บนถุงทันที จากนั้นก็จำชื่อของมันเอาไว้ในสมอง
“ใช่ค่ะ ชอบมากเพราะเนื้อมันนิ่มมากเลย ครีมด้านในก็หอมดีด้วย โอ๊ะ นิ้งก็แย่จริง กินคนเดียวเลย คุณซีลองกินดูไหมคะ แต่มันเหลือแค่ชิ้นเดียวแล้ว หวังว่าคุณคงไม่ถือ” เธอยื่นถุงขนมปังมาให้ เขาจึงเอื้อมมือไปรับมา
“จะถืออะไรล่ะครับ ผมต่างหากที่มาแย่งคุณนิ้งกิน งั้นผมไม่เกรงใจนะ” เขาลองกัดไปคำหนึ่งแล้วก็ต้องพยักหน้าอย่างเห็นด้วยกับที่เธอพูดไว้เมื่อครู่ มิน่าเล่าทำไมนลินทราถึงชอบกินนัก ดีเลย พรุ่งนี้เขาจะได้ซื้อมาฝากเธอ
ทันใดนั้นสายตาของเขาก็มองเห็นว่าริมฝีปากของเธอมีน้ำตาลไอซิ่งติดอยู่ จึงลุกขึ้นเดินไปหยิบกระดาษทิชชูแล้วเดินไปยืนข้างเตียง
“เอ่อ...ปากคุณมีน้ำตาลติดอยู่น่ะ ให้ผมเช็ดให้ไหม หรือ...หรือว่าคุณจะเช็ดเองก็ได้นะ”
พูดออกไปแล้วก็อยากตบปากตัวเอง นลินทราเพิ่งรู้จักเขาได้แค่วันเดียวแต่เขากลับลืมตัวจะไปเช็ดปากให้เธอเสียแล้ว ไม่รู้ว่าตอนนี้ในใจของเธอจะมองว่าเขาเป็นพวกเจ้าชู้ประตูดินหรือเปล่า
“เอ่อ...ขอบคุณค่ะ เช็ดเองดีกว่า” เธอรีบดึงกระดาษทิชชูไปจากมือเขาแล้วใช้มันปิดปากเอาไว้ทันที
นพฤทธิ์รู้สึกประหม่าขึ้นมาอย่างไม่รู้สาเหตุ จึงทำทีเป็นรินน้ำใส่แก้วยื่นให้เธอ จากนั้นก็รีบเดินกลับไปนั่งที่เดิมแล้วกระแอมเบา ๆ เพื่อทำลายความกระอักกระอ่วนนี้เสีย
“ผมต้องขอโทษด้วยที่เสียมารยาท มันลืมตัวไปหน่อยน่ะเพราะที่บ้านก็มีหลานสาวตัวเล็ก ๆ อยู่คนหนึ่ง” แต่พี่สาวของเขาจะพามาเที่ยวที่บ้านแค่เดือนละครั้งเท่านั้น
นลินทราไม่พูดอะไร เธอได้แต่ยิ้มเล็กน้อยพลางใช้ทิชชูซับปากอย่างแผ่วเบา เขารู้ว่าหญิงสาวก็คงทำตัวไม่ถูกเหมือนกัน และดูแล้วเธอไม่ใช่คนคุยเก่งอะไรนัก ฉะนั้นหากเขาต้องการรู้จักเธอมากกว่านี้ก็ต้องเป็นฝ่ายเข้าหาเธอก่อน
“แล้วตกลงหมอบอกรึยังครับว่าออกจากโรงพยาบาลได้วันไหน”
“ถ้าพรุ่งนี้ไข้ไม่กลับมาอีก มะรืนก็กลับบ้านได้แล้วค่ะ”
“แล้วตอนนี้รู้สึกยังไงบ้างครับ ปวดหัวหรือครั่นเนื้อครั่นตัวอะไรบ้างไหม”
“มันรู้สึกเหมือนไม่ค่อยมีแรงมากกว่าค่ะ แล้วก็ปากขม”
ชายหนุ่มยิ้มอ่อน “ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้ผมจะซื้อของอร่อยมาให้กินละกัน ขนมปังของโปรดของคุณด้วย” เขาชูถุงขนมปังขึ้นมา แต่นลินทรากลับส่ายหน้าพร้อมกับโบกมือปฏิเสธ
“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณซีเปล่า ๆ เพราะเพื่อนนิ้งก็จะพากันซื้อมาให้เองนั่นแหละ คุณไม่ต้องซื้อมาหรอก”
“ไม่ลำบากอะไรเลยครับ ผมยินดี” พูดจบเขาก็ดูเวลา เกือบหนึ่งทุ่มแล้ว เห็นทีเขาคงต้องกลับก่อน แม้ใจจะอยากนั่งคุยกับเธอต่ออีกสักนิด แต่เพราะต้องการเว้นระยะให้นลินทราได้พักหายใจบ้าง หากเขารุกเร็วเกินไปจะพานทำให้เธอรังเกียจเขาเปล่า ๆ
“ผมขอตัวก่อนดีกว่า มารบกวนเวลาพักผ่อนของคุณนานแล้ว”
ชายหนุ่มลุกขึ้นยืน แล้วมองสบตาแป๋ว ๆ ของหญิงสาวที่มองตนอยู่เช่นกันก่อนจะคลี่ยิ้มกว้าง
“หายไว ๆ นะครับ พรุ่งนี้ผมจะมาหาใหม่” พูดจบเขาก็เดินไปทางประตูแล้วโบกมือบ๊ายบายให้เธอ นลินทราคงลืมตัว เธอจึงยกมือขึ้นบ๊ายบายให้เขาเช่นกัน ก่อนจะรีบเอามือลงด้วยสีหน้าขัดเขิน นพฤทธิ์จึงเดินออกจากห้องไปอย่างอารมณ์ดี
คล้อยหลังนพฤทธิ์แล้ว นลินทราก็เอนหลังกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียงพลางนึกถึงชายหนุ่มที่เพิ่งออกจากห้องไป วันนี้เขามาเยี่ยมเธอสองครั้งแล้ว ครั้งแรกก็ดูปกติดี แต่ครั้งที่สองเธอรู้สึกว่าท่าทีของเขาแปลกไป เขาทำราวกับว่าสนใจเธออย่างไรอย่างนั้น
เธอไม่ใช่คนไร้เดียงสาที่จะมองไม่ออกว่าเขากำลังจีบตนอยู่ แต่ที่เธอไม่เข้าใจคือนพฤทธิ์นึกอย่างไรถึงมาสนใจเธอได้ เพิ่งจะรู้จักกันแท้ ๆ
ช่วงใกล้เที่ยงของวันถัดมา นพฤทธิ์มาเยี่ยมนลินทราพร้อมกับอาหารหน้าตาน่ารับประทานอีกสามสี่อย่าง และที่สำคัญ มีขนมปังเนยสดเจ้าดัง ของโปรดของหญิงสาวตามที่เขาพูดไว้จริง ๆ
“โห ซื้อมาเยอะแยะเลย” นลินทรายิ้มให้เขาอย่างฝืดเฝื่อน หากเธอไม่ป่วยจนไม่ค่อยอยากอาหาร ของอร่อยเหล่านี้เธอกินได้สบายเลยด้วยซ้ำ
“ก็ไหน ๆ จะมาเยี่ยมคุณแล้วผมก็เลยถือโอกาสมากินมื้อเที่ยงกับคุณที่นี่ซะเลย เมื่อกี้ก่อนเข้าห้อง ผมบอกพยาบาลแล้วละว่าไม่ต้องยกอาหารมาให้ เอามาแค่ยาที่ต้องกินก็พอ ว่าแต่คุณมียาก่อนอาหารไหมครับ”
“มีตัวหนึ่งค่ะ” นลินทราเอื้อมมือไปหยิบยาที่พยาบาลวางไว้ให้บนโต๊ะข้างเตียง นพฤทธิ์จึงรีบเดินมารินน้ำใส่แก้วเตรียมไว้ให้
“ขอบคุณค่ะ” เธอพึมพำเสียงแผ่วก่อนจะกินยาแล้วดื่มน้ำตามลงไป
“จะนั่งกินบนเตียงเลยไหมครับ ผมจะได้เลื่อนโต๊ะตัวนี้ไป”
“ไม่ต้องค่ะไม่ต้อง นิ้งลงไปนั่งกินตรงนั้นดีกว่า” พูดจบหญิงสาวก็ตวัดขาลงจากเตียง นพฤทธิ์จึงเข้ามาช่วยเข็นเสาน้ำเกลือให้อย่างเอาใจใส่ จนกระทั่งมาถึงชุดรับแขกที่มีอาหารวางไว้หลายอย่าง
“กับข้าวพวกนี้ผมไปสั่งร้านอาหารเจ้าประจำที่ผมกับที่บ้านชอบไปกินกันน่ะครับ คุณลองกินดูละกันว่าถูกปากไหม” เขายิ้มให้เธอแล้วนั่งลงบนโซฟาอีกด้าน
นลินทราลองตักปูนิ่มผัดพริกไทยดำขึ้นมาชิมแล้วก็ต้องยิ้มนิด ๆ เพราะรสชาติถูกปากไม่น้อย
“อร่อยใช่ไหมล่ะ คิดไว้อยู่แล้วว่าคุณน่าจะชอบ เอาไว้คุณออกจากโรงพยาบาลเมื่อไร ผมจะพาไปกินที่ร้านเลย”
เขามองหน้าเธอแล้วยิ้ม แต่เธอไม่กล้าสบตาเขาจึงได้แต่หลุบตามองอาหารตรงหน้าและเคี้ยวไปเงียบ ๆ ส่วนชายหนุ่มก็กินข้าวในจานของตัวเองไป
“แต่ไม่รู้ว่า...คุณจะให้เกียรติไปกินข้าวกับผมสักสองสามมื้อได้รึเปล่า” จู่ ๆ เขาก็โพล่งขึ้นมา ทำเอานลินทราเกือบสำลักอาหาร ชายหนุ่มรีบก้าวยาว ๆ แค่สองสามก้าวก็ถึงเหยือกน้ำของเธอจึงหยิบมาพร้อมกับแก้วแล้วรินให้ทันที
“แหม ผมแค่ชวนกินข้าวถึงกับสำลักเลยหรือ” เขายิ้มกว้าง ในขณะที่เธอต้องดื่มน้ำตามลงไปถึงสองแก้วติด ๆ กัน จึงอดมองค้อนเขาไม่ได้ แต่ชายหนุ่มกลับยิ้มกว้างกว่าเดิมจนตาหยี
“อย่ามองผมอย่างนั้นสิ ผมแค่อยากทำความ...” เขายังพูดไม่จบ ประตูห้องก็มีคนเคาะสามครั้ง เมื่อประตูเปิดออกก็เป็นบุ๋มเดินเข้ามาพร้อมกับถุงขนมด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“น้องนิ้ง พี่ซื้อ...อ้าว อุ๊ยคุณซี สวัสดีค่ะ” บุ๋มรีบปรับท่าทางร่าเริงเมื่อครู่ทันทีเมื่อเห็นว่าในห้องไม่ได้มีแค่นลินทราอยู่เพียงลำพัง
“กินข้าวด้วยกันไหมครับคุณบุ๋ม ผมซื้อมากินกับคุณนิ้งเยอะแยะเลย” นพฤทธิ์เอ่ยปากชวน
“อุ๊ย ตามสบายกันเลยค่ะ ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวบุ๋มมาใหม่ก็ได้ นึกขึ้นได้ว่าติดธุระพอดี เดี๋ยวพี่มาใหม่นะนิ้ง”
บุ๋มวางถุงขนมเอาไว้แล้วรีบออกจากห้องไปทันที เมื่อเดินพ้นหน้าห้องมาได้สักพักก็ถอนหายใจพรูอย่างโล่งอก
ใครจะไปกล้ากิน ในเมื่อเขาพูดออกมาเต็มปากเต็มคำว่าซื้อมากินกับคุณนิ้ง แล้วเธอยังจะมีหน้าไปนั่งอยู่อีกหรือ