เช้าวันต่อมา...เวลา 07:09 น.
แพรณารากับฟ้ารดาพากันไปทำบุญตักบาตรและถวายสังฆทาน จากนั้นก็ไปไหว้อัฐิพ่อและแม่ของแพรณารา แล้วก็ไปทานข้าวเช้ากันก่อนจะไปซื้อ สมุด ปากกา ดินสอ ยางลบ ไม้บรรทัด และขนมอีกมากมายเตรียมไปแจกนักเรียนบนดอย
พอซื้อของเสร็จ ก็พากันไปรับแพรลานนาที่ไร่สิรันยากรณ์ พร้อมกับเข้าไปกราบคุณเพียงดาวและพูดคุยกับท่านครู่หนึ่ง ก็พากันออกเดินทางไปเที่ยวม่อนแจ่ม เพื่อชื่นชมความงามของธรรมชาติบนดอยที่รายล้อมไปด้วยไอหมอกจนทำให้รู้สึกเหมือนกำลังนั่งอยู่บนสรวงสวรรค์
สามสาวจิบกาแฟและพูดคุยกันถึงเรื่องที่เพิ่งจะทราบจากคุณเพียงดาวมาสดๆ ร้อนๆ ว่าแพรลานนากำลังจะแต่งงานกับหลานชายคนโต ซึ่งฟ้ารดากับแพรณาราก็ยังไม่เคยมีโอกาสได้เห็นหน้าสองหนุ่มเลยสักครั้ง
เวลา 18:03 น. ร้านหมูกระทะ
หลังจากที่สามสาวพากันไปแจกของให้กับนักเรียนที่อยู่บนดอยเสร็จ ก็กลับเข้ามาในเมืองเชียงใหม่เพื่อจะรำลึกความหลังกันที่ร้านหมูกระทะ ซึ่งเป็นร้านที่สมัยเรียนเคยมาทานด้วยกันบ่อยๆ พร้อมกับชวนลุงชื่น (คนขับรถ) มาทานด้วย
“กุ้งตัวใหญ่มากกก” ฟ้ารดาคีบกุ้งแม่น้ำตัวใหญ่มาดูใกล้ๆ อย่างรู้สึกทึ่ง! ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปกี่ปี ร้านนี้ก็ยังคงคุณภาพของอาหารเอาไว้เช่นเดิม
“เดี๋ยวลุงจะย่างของทะเลให้เองครับ” ชื่นขันอาสาเพราะเตาย่างค่อนข้างร้อน และตนก็ถนัดใช้คีมคีบมากกว่าการใช้ตะเกียบ
“ขอบคุณค่ะ” สามสาวพากันยกมือไหว้อย่างซาบซึ้ง
“เดี๋ยวฟ้าย่างเนื้อให้ค่ะ ลุงชื่นชอบแบบไหนคะ?” ฟ้ารดาบอกก่อนจะเริ่มคีบเนื้อลงย่างบนเตากระทะทองเหลือง
“ผมทานได้หมดครับ” ชื่นหันไปยิ้มก่อนจะลงมือย่างกุ้งแม่น้ำตัวใหญ่
“แพรขอปลาหมึกด้วยนะคะ” แพรลานนายิ้มอ้อนพร้อมกับยื่นจานที่มีปลาหมึกไข่ไปวางใกล้ๆ
“ได้ครับคุณแพร” ชื่นพยักหน้ารับอย่างรู้งาน
“ของลุงชื่นถ้วยนี้ใช่ไหม” แพรณาราถาม เพราะจะช่วยเพื่อนสาวย่างให้กับผู้ใหญ่ทานก่อน
“ใช่ค่ะคุณมิกิ” ฟ้ารดาตอบก่อนจะคีบเนื้อลงย่างต่อ
“ทุกคนคะ มีใครจะรับเครื่องดื่มอะไรไหมคะ” แพรลานนาที่คีบน้ำแข็งใส่ในแก้วจนครบหันมาถาม
“ฉันเอาเป๊ปซี่” ฟ้ารดารีบบอก
“ฉันด้วย” แพรลานนายกมือตาม
“ลุงด้วยครับคุณแพร” ชื่นหันไปบอก ก่อนรีบจะย่างคีบกุ้งตัวที่สุกแล้ววางลงในถาด
“รับทราบค่ะ รอสักครู่นะคะ” แพรลานนาบอกก่อนจะรินเป๊ปซี่ใส่แก้วที่มีน้ำแข็งวางอยู่
“คิกๆๆ / คิกๆๆ” ฟ้ารดากับแพรณาราพากันหัวเราะอย่างขำๆ เพราะสมัยเรียนแพรลานนาจะเป็นคนคอยบริการเครื่องดื่มให้กับทุกคนตลอด
“เอ่อ...คุณฟ้ารดาใช่ไหมครับ” ประกรณ์เจ้าของร้านหนุ่มหล่อเดินเข้ามาถามด้วยสีหน้าตื่นเต้น
“ใช่ค่ะ” ฟ้ารดามองหนุ่มหล่อที่ถือกล้องมาอย่างรู้สึกมึนงง
“แหม...รู้สึกเป็นเกียรติมากๆ เลยครับที่คุณฟ้ามาทานที่ร้านของผม” ประกรณ์รู้สึกปลื้มปริ่มอย่างบอกไม่ถูก
“จริงๆ ฟ้ากับมิกิ แล้วก็แพร เรามาทานที่ร้านนี้ตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมแล้วค่ะ” ฟ้ารดาบอกด้วยรอยยิ้มสดใส
“ใช่ค่ะ เรียกว่าเป็นร้านประจำเลย” แพรณาราสมทบตาม
“ว้าว! ผมดีใจมากๆ เลยครับ ยังไงรบกวนขอถ่ายรูปด้วยได้ไหมครับ” ประกรณ์มองสามสาวอย่างรู้สึกชื่นชมในความสวยที่โดดเด่นไปคนละแบบ จนทำเอาลูกค้าในร้านหันมามองตามๆ กัน จนกลายเป็นจุดสนใจ
“ได้ค่ะ” สามสาวตอบก่อนจะขยับลุกเข้าไปยืนชิดๆ กัน
“ผมถ่ายให้ครับ” ชื่นยื่นมือไปรับกล้องถ่ายรูปราคาแพงจากหนุ่มหล่ออย่างรู้งาน เพราะวันนี้แทบจะทั้งวัน ตนรับหน้าที่ถ่ายรูปให้กับสามสาว และเหล่าแฟนคลับของฟ้ารดาอยู่ตลอด
“ขอบคุณครับ” ประกรณ์รีบส่งกล้องให้มือไม้สั่น
ชื่นกดถ่ายให้สาม-สี่ภาพก่อนจะส่งกล้องถ่ายรูปคืนให้กับอีกฝ่าย “เรียบร้อยครับ”
“ขอบคุณมากๆ ครับ เอ่อ...ผมอนุญาตเอารูปนี้ลงที่เพจของร้านได้ไหมครับ” ประกรณ์คลี่ยิ้มบางๆ เพราะภาพที่ชายวัยห้าสิบถ่ายให้นั้น สมบูรณ์แบบทุกรูป
“ได้ค่ะ” สามสาวตอบพร้อมกันเป็นเสียงเดียว
“ขอบคุณครับ ขาดเหลืออะไรก็บอกพนักงานเสิร์ฟได้เลยนะครับ” ประกรณ์บอกเสร็จก็ขอตัว แล้วรีบเดินกลับไปที่เคาน์เตอร์อย่างรู้สึกเกรงใจ
สามสาวสลับกันแกะกุ้งและคอยคีบเนื้อย่างให้กับชื่น ที่ย่างของทะเลให้พวกเธอทานกันอย่างต่อเนื่อง
กระทั่งชั่วโมงต่อมา...หลังจากที่ทานกันจนอิ่มแล้ว สามสาวก็แยกย้ายกันกลับ โดยฟ้ารดากลับโรงแรมกับแพรณารา ส่วนแพรลานนาก็เตรียมจะเดินทางกลับไร่สิรันยากรณ์กับชื่น
The Rofwell Grand Hotel...(เชียงใหม่)
พอกลับมาถึงโรงแรมฟ้ารดาก็ขอตัวไปคุยโทรศัพท์กับผู้จัดการส่วนตัวที่ด้านนอกระเบียงเกี่ยวกับคิวงานต่างๆ ที่เธองดรับในช่วงนี้
“แหม...งั้นพี่ไปเที่ยวยุโรปกับส้มจี๊ดนะคะ” จิราบอกอย่างดีใจ เพราะเพิ่งจะนั่งคุยกับเพื่อนเรื่องไปเที่ยวกัน
“ได้ค่ะ เที่ยวเผื่อฟ้าด้วยนะคะ” ฟ้ารดาบอกอย่างเข้าใจ
“จ้า พี่อาจจะไปสักสิบวันนะน้องฟ้า” จิรารีบบอกกำหนด
“ไม่มีปัญหาค่ะ เดินทางปลอดภัยนะคะ” ฟ้ารดาวางสายเสร็จก็รีบโอนเงินจำนวนหนึ่งล้านบาทเข้าบัญชีให้อีกฝ่าย เพื่อเป็นสินน้ำใจที่ดูแลกันมานาน
ไม่ถึงนาทีต่อมาจิราก็ส่งข้อความมาขอบคุณเยอะแยะมากมาย พร้อมกับส่งรูปถ่ายที่มีส้มจี๊ดนั่งมองจำนวนเงินโอนเข้าแล้วอ้าปากค้าง
“คิกๆๆ” ฟ้ารดาหัวเราะอย่างขบขันกับสีหน้าของสาวประเภทสองที่เป็นช่างทำผมฝีมือดี บ่อยๆ
พอกลับเข้ามาในห้องพักฟ้ารดา ก็เจอเพื่อนสาวใส่เสื้อคลุมเดินออกจากห้องน้ำมาด้วยหน้าตาสดใส
“อาบเสร็จแล้วเหรอมิกิ” ฟ้ารดาถามก่อนจะเดินไปหยิบชุดคลุมตัวใหม่จากในตู้เสื้อผ้าออกมา
“อืม...วันนี้สนุกมากๆ เลยเนาะ” แพรณาราตอบพลางให้ผ้าขนหนูซับผมที่เปียก
“ใช่! ฉันขอไปอาบน้ำก่อนนะ” ฟ้าดราบอกเสร็จก็เดินตรงไปยังห้องน้ำด้วย สีหน้าผ่อนคลาย
แพรณารามองตามยิ้มๆ ก่อนจะเดินไปยังโต๊ะเครื่องแป้ง แล้วหยิบไดร์เป่าผมที่มีบริการไว้ในห้องพักขึ้นมาเปิดเป่าผมที่เพิ่งสระเสร็จใหม่ๆ ให้แห้ง
ยี่สิบห้านาทีต่อมา...หลังจากที่ฟ้ารดาอาบน้ำสระผมเสร็จก็เดินมาที่ด้านนอก พลัน! หัวใจก็กระตุกวูบ เมื่อเห็นเพื่อนสาวนั่งร้องไห้อยู่บนเตียงจนตัวสั่น ในมือถือกำลังเล่นคลิปของออร์แลนโด้นั่งร้องเพลงพร้อมกับดีดกีต้าร์ด้วยท่วงทำนองที่ฟังแล้วรู้สึกสงสารอีกฝ่ายขึ้นมาจับใจ ใบหน้าที่เคยหล่อเหลา กลับมีหนวดเคราขึ้นเต็มจนดูแทบจะไม่เหลือเค้าโครงเดิม
ฟ้ารดาบังคับให้เพื่อนสาวเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟังอย่างทนไม่ไหว แพรณาราหยุดร้องไห้ แล้วเปิดใจเล่าถึงสาเหตุที่ทำให้ต้องหนีจากออร์แลนโด้ให้เพื่อนสาวฟัง ก่อนจะปิดท้ายด้วยการย้อนมาถามถึงความสัมพันธ์ของเพื่อสาวกับเพชรดนัย ทำเอาฟ้ารดารีบเปลี่ยนเรื่องคุยแทบไม่ทัน เพราะเธอไม่แน่ใจว่าหนุ่มหล่อขวัญใจของสาวๆ กว่าครึ่งค่อนโลกนั้น จีบเธอหรือแค่คุยเล่นๆ กันแน่
กรุงเทพฯ. P&P Rocasander...หลังจากที่ออร์แลนโด้กลับขึ้นห้องนอน เพชรดนัยกับเจคอปย้ายมาดื่มต่อกันที่ห้องคาราโอเกะ ทั้งสองดื่มจนเกือบเช้าและหลับไปอย่างไม่รู้สึกตัว
พอตื่นขึ้นมาในช่วงเย็น ก็ทราบว่าออร์แลนโด้ป่วยและอาเจียนไปหลายครั้ง ขณะเดียวกันเลโอนาดท์กับมาดามแจสมินและโดมินิกกับ พราวดารา ก็เดินทางมาถึงไทยในช่วงสามทุ่มกว่าๆ เพราะต้องการจะเซอร์ไพรส์งานแต่งให้แพททริกสันกับพิมพลอยเร็วขึ้น
วันต่อมา...Rofwell Grand Hotel (เชียงใหม่)
เวลา 07:04 น.ในขณะที่สองสาวยังนอนอยู่บนเตียง ฟ้ารดาก็ตกใจตื่นเพราะมือถือส่งเสียงดัง จึงรีบกดรับสายเพราะกลัวจะรบกวนเพื่อนสาวที่นอนหลับตาพริ้มอยู่ข้างๆ
“ฮัลโหล ฟ้ารดาพูดค่ะ” ฟ้ารดาเอ่ยก่อนจะหลับตาลงอย่างง่วงนอน
“ฟ้า! แกยังไม่ตื่นใช่ไหม ช่างเถอะ! เอาเป็นว่าวันนี้ฉันไปเที่ยวด้วยไม่ได้นะ เพราะต้องรีบไปกรุงเทพฯ กับคุณเพียง มีงานสำคัญน่ะ เอาไว้เดี๋ยวกลับมาแล้วจะโทร.หานะ ตอนนี้ฉันต้องรีบไปขึ้นเครื่องแล้ว ไว้เจอกัน บาย!” ปลายสายเอ่ยเสร็จวางสายไปทันที
ฟ้ารดาวางมือถือเอาไว้บนโต๊ะโคมไฟเหมือนเดิม แล้วหลับตาลงนอนต่อ อีกครั้ง แต่ทว่า...อีกไม่กี่นาทีต่อมามือถือของแพรณาราก็สั่นขึ้น
แพรณารางัวเงียคลำตรงข้างเตียงที่วางมือถือเอาไว้ พอหยิบได้ก็ลืมตาขึ้นมองแวบหนึ่ง พอเห็นเป็นเบอร์ของมะลิฉัตรก็รีบลุกขึ้น แล้วเดินออกไปตรงระเบียงห้องด้านนอกเพื่อกดรับสาย
ไม่ถึงสองนาทีหลังจากที่คุยสายเสร็จ แพรณาราเดินกลับเข้ามาในห้องพัก ก็เห็นฟ้ารดาลุกขึ้นมานั่งอยู่บนเตียงในสภาพงัวเงีย พร้อมกับจ้องมองเธอด้วยตาปรือๆ
“มีอะไรเหรอมิกิ?” ฟ้ารดาเอ่ยถามอย่างสงสัย
“ฟ้า ฉันต้องนั่งเครื่องกลับไปกรุงเทพฯ. ตอนบ่ายสองน่ะ” แพรณาราเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“อะไรนะ! แกจะนั่งเครื่องไปกรุงเทพฯ ตอนบ่ายสอง” ฟ้ารดาทวนคำพูดของเพื่อนสาวอีกครั้ง
“ใช่! คุณมะลิให้ไปน่ะ ไม่รู้เหมือนกันว่างานอะไร อยู่ๆ ท่านก็กดวางสายไป เหมือนท่านกำลังยุ่งๆ อยู่ ฉันก็เลยไม่กล้าโทร. กลับ อ้อ! ท่านส่งตั๋วเครื่องบินมาให้แกด้วยนะฟ้า!”
“มีของฉันด้วยงั้นเหรอ?” ฟ้ารดาตื่นและตาสว่างทันทีทันใด
“อืม!” แพรณาราตอบสั้นๆ
“เมื่อเช้ายัยแพรเพิ่งโทร. มาบอกว่ามีธุระด่วนที่กรุงเทพฯ. ต้องรีบไปขึ้นเครื่องกับคุณเพียงดาว แล้วก็วางสายไปเลย ทำเหมือนกำลังเร่งรีบอยู่เหมือนกัน”
“ตกลงแกจะไปกับฉันใช่ไหมฟ้า” แพรณาราเอ่ยถามพลางทำหน้าเศร้าๆ ขอความเห็นใจจากเพื่อนสาว
“เฮ้อ...หวังว่าคงไม่ใช่งานใหญ่นะ ฉันเบื่อนักข่าวน่ะ” ฟ้ารดาถอนหายใจก่อนจะตอบรับอย่างไม่มีทางเลี่ยง ครั้นจะทิ้งเพื่อนสาวให้ไปคนเดียวก็ดูกระไรๆ อยู่
หลังจากที่ลงเครื่องที่สนามบินสุวรรณภูมิ ก็มีคนจากโรคาซานเดอร์มาชูป้ายรอรับ จากนั้นก็พาไปยังโรงแรม โรคาซานเดอร์ แกรนด์ ซึ่งมีช่างแต่งหน้าทำผมมืออาชีพรออยู่ ฟ้ารดากับแพรณาราถูกเนรมิตให้แต่งตัวด้วยชุดราตรีหรูจากแบรนด์ดัง ประหนึ่งว่ากำลังจะไปร่วมงานสำคัญระดับประเทศ
เวลา 19:55 น. หลังจากที่แต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้วฟ้ารดากับแพรณาราก็ถูกพาไปขึ้นรถลีมูซีนที่จอดรออยู่ด้านหน้าของโรงแรมขับไปยังสถานที่ที่คุณมะลิฉัตรอยากให้เธอทั้งสองไปร่วมงาน
20 นาทีต่อมา...ฟ้ารดาถึงกับช็อก! จากตอนแรกที่คิดว่าคงเป็นงานเลี้ยงภายในอะไรสักอย่าง แต่พอรถแล่นเข้ามาในคฤหาสน์หลังที่เธอขับรถมารับแพรณารา ก็เห็นช่างภาพนับสิบยืนรอเก็บภาพอยู่ด้านหน้าของงาน
“พระเจ้า! นี่เรามางานอะไรกันเหรอมิกิ อย่างกับงานแต่ง ไม่สิ! มันคืองานแต่งเลยละ” ฟ้ารดามองอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตาของตัวเอง
“นั่นสิ!” แพรณาราเอ่ยราวกับคนละเมอ
“เชิญครับ มาดามกับนายใหญ่รออยู่ด้านในครับ” ชาร์คเปิดประตูรถให้ พร้อมกับเอ่ยเชิญสองสาวที่ยังไม่ยอมลงมาจากรถ
“เอาไงดีฟ้า” แพรณารารู้สึกสั่นขึ้นมานิดๆ
“ไม่ต้องกลัวมิกิ แกไม่ได้เข้าไปคนเดียวสักหน่อย อีกอย่างตอนนี้ผู้ใหญ่กำลังรออยู่นะ” ฟ้ารดาปลอบทั้งๆ ที่ตัวเองก็สั่นอยู่ไม่น้อย แต่ต้องทำเป็นเข้มแข็ง เพราะรู้ว่าเพื่อนสาวคงกลัวที่จะเจอออร์แลนโด้ ในงาน ซึ่งจะว่าไปเธอเองก็กลัวเจอกับเพชรดนัยอยู่เหมือนกัน
“เชิญครับ” ชาร์คเอ่ยอีกครั้ง พร้อมกับยิ้มให้สองสาว
“ค่ะ” แพรณาราตอบรับก่อนจะก้าวจากรถ ตามด้วยฟ้ารดา
สองสาวเดินตามชาร์คเข้าไปในงานด้วยท่าทีหวั่นๆ มีช่างภาพกดถ่ายภาพกันนับไม่ถ้วน ฟ้ารดาบีบมือแพรณาราเบาๆ กระทั่งเดินมาได้ สักพักก็ถึงโต๊ะใหญ่ และนั่นทำให้สองสาวถึงกับขมวดคิ้วเข้าด้วยกันอย่างตกใจ ที่เห็นแพรลานนาและคุณเพียงดาวนั่งอยู่ที่โต๊ะด้วย
มะลิฉัตรรีบลุกมาหาสองสาวพร้อมกับส่งยิ้มให้อย่างดีใจ พร้อมทั้งชื่นชมในความสวยงามที่ดูสง่าและเย้ายวนของสองสาวที่ดึงดูดและโดดเด่นจนหนุ่มๆ หันมองกันเป็นแถว
“มากันแล้วเหรอลูก”
“สวัสดีค่ะ/สวัสดีค่ะ” สองสาวรีบยกมือไหว้
มะลิฉัตรรับไหว้ก่อนจะเอ่ยกับแขกที่นั่งร่วมโต๊ะ ซึ่งกำลังหันมามองสองสาวอย่างสนใจ
“ทุกท่านคะ นี่คือมิกิ แพรณารา สิริรันทนากรณ์ คนรักของ ออร์แลนโด้ สาวน้อยปริศนาที่ใครๆ ก็อยากจะยลโฉม ว่าที่สะใภ้อีกคนของตระกูลค่ะ ส่วนคนนี้...หนูฟ้ารดาเป็นนางแบบดังของไทย เพื่อนสนิทของหนูมิกิค่ะ”
ฟ้ารดากับแพรณารารีบยกมือขึ้นไหว้แขกในโต๊ะที่ต่างก็ชมว่า...สวย! มิน่าล่ะ แบบนี้นี่เองน้ำแข็งถึงละลาย / ตาถึงจริงๆ บลาๆๆ
ฟ้ารดาทำหน้าไม่ถูกที่ตกเป็นเป้าสายตา จึงฉีกยิ้มหวานให้กับผู้ใหญ่อย่างรู้สึกเขินๆ ‘แม่เจ้า! โชคดีที่ไม่มีพี่เพชรอยู่ที่นี่ด้วย’
“หนูฟ้า หนูมิกิ ไม่นึกว่าเราจะมางานเดียวกันนะเนี่ย ยายดีใจจริงๆ” เพียงดาวเอ่ยทักทายสองสาวที่นั่งลงใกล้ๆ
“สวัสดีค่ะคุณเพียง คือจริงๆ แล้วฟ้ากับมิกิไม่รู้มาก่อนเลยค่ะ ว่าจะได้มางานนี้” ฟ้ารดาหันไปเอ่ยกับคุณเพียงดาว ซึ่งใจจริงอยากจะถามไถ่แพรลานนาที่นั่งทำหน้างงๆ อยู่ แต่ว่าอีกฝ่ายนั่งห่างไปพอสมควรจึงทำไม่ได้
“มิกิ! หนูกับเพื่อนรู้จักคุณเพียงด้วยเหรอจ๊ะ?” มะลิฉัตรถามอย่างสงสัย
“รู้จักมานานแล้วค่ะ เพราะหนูกับฟ้าและแพร เราเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่สมัยเรียนค่ะ แล้วตอนที่ไปเชียงใหม่ เราก็ไปเที่ยวด้วยกันมาค่ะ” แพรณาราบอกด้วย สีหน้ายิ้มๆ
“ว้าว! เป็นเรื่องบังเอิญที่ดีมากๆ แล้วไปเที่ยวที่ไหนมาบ้างจ๊ะลูก” มะลิฉัตรถามต่ออย่างสนใจ
“พวกหนูไปเที่ยวม่อนแจ่ม แล้วก็ไปแจกของที่โรงเรียนบนดอยมาค่ะ” แพรณาราตอบก่อนจะหันไปมองเพื่อนสาวทั้งสอง
“แจกของที่โรงเรียนบนดอยเหรอลูก แม่ชักสนใจแล้วสิ!”มะลิฉัตรบอกอย่างรู้สึกตื่นเต้น เพราะชอบทำบุญและแจกทุนให้กับนักเรียนในเขตพื้นห่างไกล ให้ได้มีโอกาสเรียนรู้เช่นเดียวกับผู้คนในเมืองใหญ่
“ฟ้ายังติดใจเลยค่ะคุณมะลิ” ฟ้ารดาบอกยิ้มๆ เพราะยังจดจำรอยยิ้มของเด็กๆ บนดอยได้เป็นอย่างดี
“งั้นเดี๋ยวเรานัดไปแจกของด้วยกันอีกครั้งนะ แม่ยังอยู่ไทยอีกสักพักจ้ะ” มะลิฉัตรเอ่ยชวนสองสาว
“ค่ะ/ค่ะ” แพรณารากับฟ้ารดาตอบพร้อมกันอย่างยินดี
“ว่าแต่มิกิสบายใจขึ้นหรือยังลูก ที่ได้ไปเที่ยวกับเพื่อนๆ” มะลิฉัตรถามเข้าเรื่องสำคัญที่ถูกสามีขอร้องมา
“ก็สบายใจขึ้นมาบ้างแล้วค่ะ มีอะไรหรือเปล่าคะ” หญิงสาวใจสั่นนิดๆ
“แม่มีเรื่องจะขอร้องมิกิน่ะจ้ะ” มะลิฉัตรเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง
“ระ... เรื่องอะไรค่ะ” แพรณารารู้สึกหวั่นใจว่าจะต้องเป็นเรื่องของ...
“ตอนนี้อลันอาการแย่มาก แม่อยากให้หนูเข้าไปดูพี่เขาหน่อยได้ไหมลูก แต่ถ้ามันทำให้หนูลำบากใจ แม่ก็ไม่ฝืนจ้ะ” มะลิฉัตรกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เศร้าหมอง
“เอ่อ...มิกิจะไปดูให้ค่ะ” หญิงสาวรับคำด้วยใจสั่นๆ
“ขอบใจหนูมากเลยมิกิ อลันไม่ยอมทานข้าว เอาแต่บอกว่าเวียนหัวแล้วก็อาเจียนตลอดเลย ตอนนี้ก็นอนซมอยู่บนเตียงกัลูกหมาที่ชื่ออรองน่ะ เดี๋ยวแม่ให้คนพาไปจ้ะ” คุณมะลิฉัตรเอ่ย ก่อนจะยกมือเรียกเด็กรับใช้ให้เข้ามาหา
“ฟ้าเดี๋ยวเราขอตัวแป๊บหนึ่งนะ” แพรณาราบอกเพื่อนที่นั่งอยู่ใกล้ๆ
“ไปดูพี่อลันเถอะ ไม่ต้องห่วงฉัน” ฟ้ารดาบอกอย่างเข้าใจ
“ขอบใจมากนะ” แพรณาราเอ่ยก่อนจะเดินตามสาวใช้ออกไป ท่ามกลางสายตาของหนุ่มๆ โต๊ะข้างๆ ที่พากันมองตาม
ฟ้ารดาหันไปยิ้มให้กับผู้หลักผู้ใหญ่อย่างรู้สึกประหม่าแพรลานนารีบลุกขึ้น เตรียมจะเข้ามาไปนั่งกับเพื่อนสาว แต่กลับโดนหนุ่มหล่อที่เธอรู้จักดี! ชิงเก้าอี้ตัดหน้าไปเสียก่อน
เพชรดนัยขยับเก้าอี้ออกนิดหนึ่ง แล้วเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอันสุดแสนจะสุภาพ “สวัสดีครับน้องฟ้า พี่ขอนั่งตรงนี้ด้วยได้ไหมครับ”
ฟ้ารดาใจเต้นแรงจนแทบจะกระเด็นออกมานอกอก เมื่อหันไปมองตามเสียงแล้วเห็นว่าใครอยู่ข้างๆ “ชะ...เชิญค่ะ”
“อ้าว! ตาเพชร นี่รู้จักกับหนูฟ้าด้วยเหรอ?” เพียงดาวถามหลายชายอย่างสงสัย ขณะที่พราวดาราและโดมินิกก็หันมามองตามๆ อย่างมึนงง
“รู้จักครับยาย” เพชรดนัยพยักหน้ารับ ก่อนจะหันมาส่งยิ้มหวานให้กับสาวที่นั่งข้างๆ
“เอ่อ...พี่เพชรเป็น...” ฟ้ารดาถามอย่างมึนงง
“เป็นหลานชายคนเล็กของยายเองจ้ะหนูฟ้า” เพียงดาวรีบบอก
“ว้าว...โลกมันกลมจังเลยนะคะ” ฟ้ารดาหัวเราะเบาๆ อย่างเริ่มจะไปไม่ถูก
“หนูฟ้าเคยไปเที่ยวที่ไร่บ้างหรือเปล่าจ๊ะ” พราวดาราถามพลางสังเกตอาการของบุตรชายที่ดูจะแปลกๆ ไปกว่าทุกๆ ครั้ง
“เคยค่ะ” ฟ้ารดาบอกพลางรู้สึกเหมือนตัวเองจะละลายหายไปกับอากาศ เสียให้ได้
“ทั้งหนูฟ้าและมิกิมาเที่ยวที่ไร่บ่อยจะตาย” เพียงดาวสร้างแรงจูงใจให้หลายชายคนเล็ก ที่ไม่ค่อยจะมีเวลามาเยี่ยมเยือนตน
“แหม...เสียดายที่ไม่ได้เจอกันนะครับ” เพชรดนัยบอกก่อนจะจ้องมองใบหน้างามนิ่ง
“จะเจอกันได้ยังไงล่ะ ก็เรากับพี่ชายน่ะ ปีหนึ่งมาแค่สองครั้ง ครั้งละไม่เกินสามวัน” เพียงดาวบอกด้วยน้ำเสียงตัดพ้อ
“โธ่คุณแม่ครับ เดี๋ยวต้อมก็ย้ายมาประจำอยู่ที่ไร่แล้วครับ” โดมินิกร้อนใจรีบตอบแทนบุตรชาย
“ขอให้จริง” เพียงดาวหรี่ตามองอย่างไม่อยากจะเชื่อ
“จริงครับยาย” เพชรดนัยช่วยยืนยัน
“แล้วเราล่ะ ไม่คิดจะมาอยู่กับยายบ้างเหรอ?” เพียงดาวถามกลับทันใด
“งานผมอยู่ที่ต่างประเทศครับยาย แต่จะพยายามมาให้บ่อยขึ้นครับ” เพชรดนัยบอกยิ้มๆ
“มาหายายใช่ไหม?” เพียงดาวถามต่ออย่างไม่ว่างใจ เพราะหลายครั้งที่ได้ข่าวว่าหลายคนเล็กมาไทย แต่อีกฝ่ายก็ไม่ได้แวะไปหาเธออย่างที่แอบหวัง
“แหม...ก็มาหายายน่ะสิครับ” เพชรดนัยบอกก่อนจะหัวเราะเบาๆ เมื่อเห็นผู้เป็นยายออกอาการน้อยใจ
“หนูฟ้าเป็นพยานให้ยายด้วยนะลูก” เพียงดาวหันไปขอความร่วมมือกับคนที่คิดว่าน่าจะมีอิทธิพลต่อหลานชายในอนาคตอันใกล้
“ค่ะ” ฟ้ารดาตอบไม่เต็มเสียง ไม่เข้าใจว่าทำไมผู้ใหญ่ถึงส่งต่อมาให้เธอ
“หนูฟ้ามีแฟนหรือยังจ๊ะ?” พราวดาราถามยิ้มๆ
“เอ่อ...ยะ...ยังค่ะ” ฟ้ารดารับรู้ได้ถึงสายตาของทุกคนบนโต๊ะ ที่จับจ้องมายังเธอในทันที
“ตายจริง! เพชรได้ยินไหมลูก? น้องยังไม่มีแฟน” พราวดาราหันถามบุตรชายด้วยสีหน้าตกอกตกใจ
“ได้ยินครับ” เพชรดนัยยิ้มเมื่อเห็นมารดาเล่นใหญ่ ก่อนจะหันไปบอกกับสาวเจ้า “พี่ก็ยังไม่แฟนเหมือนกันครับน้องฟ้า”
“เอ่อ...ค่ะ” ฟ้ารดารู้สึกหน้ามืดตาลายขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
“คิกๆๆ / ฮ่าๆๆ” ทุกคนพากันหัวเราะให้กับหนุ่มโสด สาวโสด อย่างชอบใจ
ฟ้ารดาอายจนหน้าแดงก่ำ อยากจะหายตัวไปจากตรงนี้ซะเหลือเกิน แต่ก็ทำไม่ได้ กระทั่งครู่ต่อมาแพรณาราก็เดินกลับเข้ามาร่วมโต๊ะพร้อมกับออร์แลนโด้ ที่ตอนนี้ใบหน้าเกลี้ยงเกลาไร้หนวดเคราไม่เหมือนกับที่เห็นได้เห็นในคลิปเมื่อคืน
จากนั้นทุกคนก็พูดคุยแล้วทานอาหารร่วมกันอย่างมีความสุข ท่ามกลางท่วงทำนองของดนตรีอันไพรเราะ ที่ขับกล่องอย่างต่อเนื่อง