ระหว่างทางเข้าเมืองเชียงใหม่...
“เสียดายนะครับที่คุณฟ้ารีบกลับเสียก่อน ลุงว่าพรุ่งนี้จะพาไปเล่นน้ำตกที่ท้ายไร่” ชื่นบอกด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม พลางนึกไปถึงครั้งล่าสุดที่พา ฟ้ารดา แพรณารา และแพรลานนา ไปแจกของที่โรงเรียนบนดอย แล้วทั้งสามร้องไห้ตอนขากลับ ก็อดยิ้มไม่ได้
“เอาไว้ครั้งหน้านะคะลุงชื่น” ฟ้ารดาบอกขณะที่ภายในใจเอาแต่คิดถึงใครอีกคน ก่อนจะตกใจเมื่ออยู่ๆ ก็รถสปอร์ตขับตีคู่มาแล้วบีบแตรใส่เสียงดัง
ปริ้นๆ ปริ้นๆ
“คะ...ใครเหรอคะ?” สาวเจ้าถามเสียงสั่น รู้สึกกลัวขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
“นั่นสิครับ! รถคุ้นๆ เหมือนกับ...” ชื่นที่กำลังจะนึกออก ต้องรีบเหยียบเบรกกะทันหัน เพราะรถสปอร์ตราคาแพง หักพวงมาลัยมาจอดดักหน้า
เอี๊ยดดดด
คนที่กำลังข่มใจให้เย็น เปิดประตูก้าวออกจากรถมาด้วยสีหน้าตึงๆ เดินตรงมายังรถตู้ แล้วกระชากประตูออก
ผลัก!
“พะ...พี่เพชร” ฟ้ารดาร้องเสียงหลงเมื่ออีกฝ่ายเอื้อมมือมาจับที่แขนของเธอ
“ไปคุยกับพี่” เพชรดนัยบอก พร้อมกับดึงสาวเจ้าให้ลงจากรถ ท่ามกลางสีหน้ามึนงงของชื่น ที่ไม่รู้ว่าหนุ่มสาวมีเรื่องอะไรกัน
“ไม่ค่ะ ฟ้าจะเข้าเมือง” ฟ้ารดาพยายามแกะมือหนาออก แต่ทว่า...มันกับบีบรัดแน่นขึ้นอีกเท่าตัว
“ไม่ต้องไปไหนสักที่ ถ้าวันนี้ยังคุยกับพี่ไม่รู้เรื่อง” เพชรดนัยบอกด้วยสีหน้าดุดัน ทำเอาคนที่กำลังจะอ้าปากห้ามทัพ ถึงกับพูดไม่ออก
“เรามีเรื่องอะไรต้องคุยกันอีกงั้นเหรอคะ?” ฟ้ารดาน้ำตาคลอหน่อยขึ้นมาทันใด
“หึ! จำไม่ได้อย่างงั้นเหรอว่าติดค้างอะไรพี่” เพชรดนัยยิ้มเยาะคนที่กำลังดราม่าบีบน้ำตา
“ฟ้าจำได้อย่างเดียวคือพี่เพชรกำลังจะคบกับ...”
“อย่ามานอกเรื่อง! ต่อให้พี่จะคบกับสาวสักกี่คน มันก็ไม่ได้หมายความว่าสัญญาระหว่างเราจะเป็นโมฆะ” เพชรดนัยบอกอย่างทนไม่ไหว เพราะไม่ว่าจะเอ่ยคำแก้ตัวใดๆ ออกไปสาวตรงหน้าก็คงไม่เชื่อ จึงหยิบเอาเรื่องสัญญาขึ้นมาอ้างแทน
“พี่เพชรเมาแล้ว เอาไว้ค่อยคุยกันวันหลังเถอะค่ะ” ฟ้ารดารีบตัดบท เพราะไม่อยากทะเลาะกับอีกฝ่ายในสถานการณ์แบบนี้