[05] มนุษย์รูปปั้น

2317 คำ
"เรียบร้อยแล้วค่ะ^^" ช่างแต่งหน้าที่คุณพ่อจ้างมาแต่งหน้าให้ฉันกับคุณแม่เอ่ยขึ้นเมื่อแต่งหน้าให้ฉันเสร็จ โดยที่ฉันก็หันไปยกยิ้มหวานเป็นการขอบคุณ "ไหนให้คุณแม่ดูหน่อยสิคะ สวยรึยัง" คุณแม่ที่แต่งหน้าเสร็จก่อนฉันเอ่ยขึ้น ก้าวเดินเข้ามาจับใบหน้าของฉันเบาๆ "คุณแม่ว่าลูกสาวของคุณแม่ต้องสวยที่สุดในงานแน่ๆ เลยค่ะ^^" "ใช่ค่ะ จ๋าเห็นด้วยนะคะ น้องลิลินสวยมากเลยค่ะ" พี่ช่างแต่งหน้าเอ่ยขึ้นพลางเก็บอุปกรณ์แต่งหน้าลงกระเป๋าให้เรียบร้อย "งั้นจ๋าขอตัวนะคะ" "ขอบคุณนะคะ" ฉันยกมือไหว้ขอบคุณพี่ช่างแต่งหน้า โดยที่พี่จ๋าก็ยกยิ้มหวานก้าวขาเดินออกไปพร้อมกับพี่ๆ ท่านอื่น แกร๊ก~ จังหวะนั้นประตูห้องพักก็ถูกเปิดเข้ามา ทำให้ฉันรีบหันไปมองก็เจอคุณพ่อเดินเข้ามา คุณพ่อไล่สายตามองคุณแม่ตั้งแต่หัวจรดเท้า จนฉันยกยิ้มบางๆ เพราะชุดที่คุณแม่สวมใส่เป็นชุดราตรีความยาวถึงข้อเท้าแต่มันแหวกขึ้นมาโชว์ขาเรียวสาว ส่วนท่อนบนก็เป็นสายเดี่ยวที่โชว์แผ่นหลังขาวเนียน แต่งหน้าอ่อนๆ ทำให้วันนี้คุณแม่สวยมาก เดินไปกับฉันเนี่ยนึกว่าพี่สาวกับน้องสาวเลยนะ ไม่ได้อวยคุณแม่แต่อย่างใด แต่เคยมีคนทักเยอะแล้ว "ใครเลือกชุด" คุณพ่อเอ่ยถามพลางหันมามองหน้าฉันกับคุณแม่สลับกัน "เฮียให้ปืนเอามาให้ไม่ใช่เหรอคะ?" คุณแม่เอ่ยขึ้นพลางก้าวขาเดินไปจับเนคไทให้คุณพ่อ "มันอีกแล้ว" คุณพ่อบ่นอุบอิบออกมาเบาๆ "ไปเลยไหมคะ?" คุณแม่เอ่ยขึ้นโดยที่คุณพ่อก็พยักหน้าเบาๆ ก่อนที่คุณแม่จะหันมามองหน้าฉัน "ไปค่ะคนสวย" "ค่ะ^^" ว่าจบฉันก็ดันตัวลุกขึ้น ก้าวขาเดินตามหลังคุณพ่อคุณแม่ไปที่ประตูห้อง แต่จังหวะที่คุณพ่อเปิดประตู ก็เจอคุณปู่คุณย่ายืนอยู่หน้าห้อง ทำให้ฉันคลี่ยิ้มกว้างออกมา "คุณปู่คุณย่า" "ว่าไงตัวแสบ" คุณย่าเอ่ยขึ้น โดยที่ฉันก็รีบเข้าไปสวมกอดคุณย่าทันที "คิดถึงจังเลยค่ะ^^" "หึ ย่าก็คิดถึงหนูลินทุกวันเลยนะ" คุณย่าแค่นหัวเราะในลำคอเบาๆ ขยับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น "พ่อแม่มีไร" เสียงของคุณพ่อดังขึ้น ทำให้ฉันค่อยๆ ปล่อยกอดคุณย่าแล้วรีบยกมือไหว้สวัสดีคุณปู่คุณย่า "ฉันมีเรื่องจะให้แกช่วย" คุณปู่เอ่ยขึ้นแต่ฉันว่ามันต้องเรื่องไม่ค่อยดีแน่ๆ เพราะใบหน้าของคุณปู่ดูนิ่งยังไงไม่รู้ หรือปกตินะ เพราะคุณปู่กับคุณพ่อเนี่ยมีใบหน้าที่นิ่งเหมือนกัน แต่เอ๊ะ พี่วิลเซอร์ก็น่านิ่งนี่น่า หรือผู้ชายเขาหน้านิ่งทุกคนนะ แต่ฉันว่าไม่หรอกในโลกนี้ก็ยังมีผู้ชายที่ยิ้มเก่งอยู่ "..." คุณพ่อเงียบไป เบี่ยงตัวให้คุณปู่คุณย่าเดินเข้ามาในห้อง "งั้นมินกับลิลินออกไปรอที่งานนะคะ" คุณแม่เอ่ยขึ้น โดยที่ฉันก็พยักหน้าเบาๆ อย่างเห็นด้วย เพราะฉันไม่ค่อยชอบฟังเรื่องที่เครียดเท่าไหร่ "ไม่ต้องหรอกลูก เรื่องนี้มินต้องรับรู้ค่ะ" คุณย่าเอ่ยขึ้นพลางหันไปยกยิ้มบางๆ ให้คุณแม่ โดยที่คุณพ่อก็หันมามองหน้าคุณแม่นิ่งๆ จากนั้นทุกคนก็เดินไปทิ้งตัวนั่งลงที่โซฟาตัวยาว "หนูต้องออกไปก่อนไหมคะ?" ฉันเอ่ยขึ้น โดยที่คุณย่าก็หันมายิ้มให้ฉันพลางส่ายหน้าไปมา "หนูมานั่งกับคุณย่าค่ะ" ฉันจึงพยักหน้าอย่างไม่เรื่องมากก้าวขาเดินไปทิ้งตัวนั่งลงข้างๆ คุณย่า "พ่อมีไรก็พูดมา งานจะเริ่มแล้ว" คุณพ่อเอ่ยขึ้นพลางยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูเวลา "บริษัทที่อังกฤษมีปัญหา ฉันอยากให้แกมาดู" คุณปู่เปิดประเด็นโดยที่ทุกคนก็เงียบตั้งใจฟัง ฉันไม่ได้อยากฟังหรอกนะเรื่องธุรกิจของผู้ใหญ่ แต่ฉันไปไหนไม่ได้ไง เลยต้องนั่งนิ่งๆ เบื่อๆ อยู่ตรงนี้ "พ่อก็ทำได้ ทำไมไม่ทำ" "แกก็รู้ว่าฉันไปทำธุรกิจอีกที่ที่ฝรั่งเศส ที่นั่นมีปัญหามาสักพักแล้ว ฉันต้องบินไปดูแลเร็วๆ นี้" "..." คุณพ่อเงียบไปสักพักเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่าง ก่อนที่คุณปู่จะยื่นเอกสารอะไรก็ไม่รู้ให้คุณพ่อ "ดูแล้วพิจารณา" "พ่อทำงานยังไงถึงปล่อยให้มีปัญหาขนาดนี้?" คุณพ่อว่าจบก็ทิ้งเอกสารลงบนโต๊ะ "มันผิดพลาด" คุณปู่ตอบออกมานิ่งๆ "แกมาอยู่อังกฤษสักเดือนสองเดือน ส่วนบริษัทที่นู้นก็ให้ลูกน้องแกจัดการ" "ผมบินไปบินมาได้ ไม่จำเป็นต้องอยู่" "ปัญหามันใหญ่มากพอสมควร เกิดแกอยู่ไทยแล้วเกิดอะไรขึ้น แกจะทำไง ไอ้นี่มันกัดบริษัทเราไม่ปล่อยสักที" "..." คุณพ่อหันไปมองหน้าคุณแม่นิ่งๆ โดยที่คุณแม่ก็เอื้อมมือไปจับมือคุณพ่อพร้อมพยักหน้าเบาๆ "แต่ผมมีลูกมีเมียต้องดูแล พ่อให้ลูกน้องจัดการเถอะ" "ฟีนิกซ์" คุณย่าที่นั่งเงียบอยู่นานเอ่ยขึ้น โดยที่คุณพ่อก็หันมามองหน้าคุณย่า "เรื่องนี้มันใหญ่เกินกว่าที่ลูกน้องจะจัดการนะ ถ้าแกห่วงเมียกับลูกก็เอามาอยู่ที่อังกฤษด้วยสิ" "..." คุณพ่อหันมาหน้าฉัน แต่ฉันจะมาอยู่ที่นี่ไม่ได้นะ ฉันยังเรียนอยู่เลยและฉันก็ไม่ได้อยากจะมาอยู่ที่นี่ด้วย "แต่หนูเรียนอยู่นะคะ" ฉันจึงเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้น ถ้าสมมุติคุณพ่อคุณแม่มาอยู่ที่นี่ ฉันก็จะเป็นอิสระประมาณหนึ่งถึงสองเดือนจากที่ฟังผู้ใหญ่คุยกัน มันน่าสนุกนะ^^ "หนูมาเรียนที่นี่ได้นะลูก คุณย่าจัดการให้ได้" คุณย่าหันมาบอกฉัน "ไม่เอาค่ะ หนูอยากเรียนที่นั่น" ฉันส่ายหน้าไปมา ก่อนจะหันไปมองหน้าคุณพ่อคุณแม่ที่มองหน้าฉันอยู่ "แด๊ดดี้ไม่ต้องห่วงหนูนะคะ หนูอยู่คนเดียวได้ค่ะ หนูลูกแด๊ดดี้นะ หนูต้องเก่งเหมือนแด๊ดดี้สิคะ^^" "หนูเป็นผู้หญิงจะไม่ให้แด๊ดห่วงได้ยังไง" "แต่หนูอยู่ได้จริงๆ ค่ะ ยังมีลูกน้องของแด๊ดดี้อยู่ที่ไทยนะคะ" "มันไม่เหมือนกัน" ใบหน้าของคุณพ่อเหมือนกำลังคิดหนักยังไงก็ไม่รู้ "งั้นเฮียก็มาทำงานที่นี่ ส่วนมินจะอยู่กับลูกเอง" คุณแม่เอ่ยขึ้นซึ่งคุณพ่อก็หันไปมองหน้าคุณแม่ "มันขาดหนูไม่ได้หรอก" คุณปู่เอ่ยขึ้น โดยที่คุณพ่อก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ "ฉันให้แกคิดดีๆ ว่าจะเอายังไง แต่ถ้าแกไม่มาแกก็น่าจะรู้ดีว่าบริษัทจะเป็นยังไง" คุณปู่พูดจบก็ลุกขึ้นจับมือคุณย่าเดินออกไป โดยที่คุณพ่อก็ยังคงนั่งนิ่งๆ พร้อมใบหน้าปรากฎให้เห็นเลยว่าครั้งนี้คุณพ่อเครียดหนักจริงๆ "ถึงมินจะไม่รู้ว่าบริษัทมีปัญหาอะไรแต่จากที่มินฟังคุณพ่อพูด น่าจะใหญ่นะคะ เฮียช่วยคุณพ่อนะมินกับลูกจะรออยู่ที่ไทย ไว้ว่างๆ มินกับลูกจะบินมาหานะคะ^^" คุณแม่เอ่ยขึ้นพร้อมยกยิ้มบางๆ "มินก็รู้เฮียห่างมินไม่ได้นานขนาดนั้น" "แต่มินอยากให้เฮียช่วยคุณพ่อ ท่านดูเครียดมาก" "แด๊ดดี้ขา" ฉันเอ่ยขึ้นหลังจากที่นั่งฟังอยู่นาน "หนูอยู่คนเดียวได้จริงๆ ค่ะ แค่เดือนสองเดือนเองค่ะ" "แด๊ดห่วงหนูมากนะลิลิน" "เอางี้ไหมคะ" คุณแม่เอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้มบางๆ โดยที่คุณพ่อก็หันไปเลิกคิ้วมองหน้าคุณแม่ "ให้ลิลินไปอยู่คอนโดห้องข้างๆ วิลเซอร์ แล้วให้วิลเซอร์ดูแลดีไหม ไหนๆ วิลเซอร์กับลิลินก็เรียนมหา'ลัยเดียวกัน" "ทำไมต้องลูกไอ้แวมไพร์?" นั่นสิ ทำไมต้องพี่วิลเซอร์ด้วย อันนี้ฉันไม่ค่อยเห็นด้วยนะ ถ้าพี่วิลเซอร์นิสัยน่ารักฉันก็พอจะเห็นด้วยบ้าง แต่นี่ไม่เลย "มินเชื่อว่าวิลเซอร์ดูแลลูกเราได้ค่ะ" "..." คุณพ่อไม่ได้พูดอะไรออกมา ดันตัวลุกขึ้นยืนเต็มความสูง "เข้างานเถอะ" "ค่ะ" คุณแม่ตอบพร้อมดันตัวลุกขึ้น โดยที่ฉันก็รีบลุกขึ้นเดินตามคุณพ่อคุณแม่ออกไป ทันทีที่ฉันเดินเข้ามาถึงงานเลี้ยงพร้อมกับคุณพ่อคุณแม่ ก็พบกับความน่าเบื่อคือมีสายตาของผู้คนในงานมองมา "ไง" เสียงเข้มของใครบางคนเอ่ยทักทายขึ้น โดยที่ฉันก็รีบหันไปมองก็เห็นว่าเสียงนั้นคือเสียงของคุณลุงแวมไพร์ที่เดินมาพร้อมกันคุณป้าวาเลน "สวัสดีค่ะ^^" ฉันยกมือไหว้เมื่อท่านทั้งสองเดินเข้ามายืนอยู่ตรงหน้าคุณพ่อคุณแม่ "หวัดดีจ๊ะคนสวย" คุณป้าวาเลนทักทายฉันกลับด้วยรอยยิ้ม โดยที่คุณลุงแวมไพร์ก็ยกยิ้มมุมปากให้ฉันอย่างที่เคยทำ "เห็นพี่วิลไหมคะ?" "แล้วทำไมลูกฉันต้องเห็นลูกเธอ" ยังไม่ทันที่ฉันจะได้ตอบ คุณพ่อก็เอ่ยขึ้นซะก่อน "หวงตั้งแต่เด็กยันโตจริงๆ แต่เสียใจฉันจองแล้ว^^" คุณป้าวาเลนเอ่ยขึ้นก่อนจะหันไปมองหน้าคุณแม่ "มาถึงนานแล้วเหรอ" "เมื่อช่วงบ่ายๆ ค่ะ" "กูได้ข่าวบริษัทพ่อมึงมีปัญหา?" คุณลุงแวมไพร์เอ่ยขึ้น โดยที่คุณพ่อก็พยักหน้าเบาๆ "แด๊ดดี้ หนูขอไปหาอะไรทานหน่อยนะคะ" ฉันเอ่ยขึ้น โดยที่คุณพ่อก็หันมามองหน้าฉัน "ให้แด๊ดพาไปไหม?" "ไม่เป็นไรค่ะ หนูไปเองได้ค่ะ" พอคุณพ่อพยักหน้าฉันก็เดินออกมาจากตรงนั้นทันที เฮ้อ~ ฉันถอนหายใจออกมาเบาๆ ด้วยความเบื่อหน่าย ทำไมงานเลี้ยงแบบนี้ต้องน่าเบื่อด้วยนะ ตุ้บ! "อ๊ะ!" ฉันอุทานออกมาด้วยความตกใจเมื่อจังหวะที่ฉันหมุนตัวกำลังจะเดินไปที่โต๊ะ อยู่ๆ ฉันก็ไปชนกับใครก็ไม่รู้ จนทำให้ฉันเสียหลักจะล้มแต่โชคดีที่มีมือของคนที่ฉันชนมาจับไว้ซะก่อน ทำให้ฉันรีบเงยหน้าขึ้นมองหน้าเขาเอ่ยขอโทษเป็นภาษาอังกฤษ "ขอโทษค่ะ" "ไม่เป็นไรครับ" ผู้ชายตรงหน้าเอ่ยขึ้นด้วยภาษาไทย พร้อมปล่อยตัวฉันออกจากอ้อมแขน ซึ่งมันทำให้ฉันเลิกคิ้วงง เขาเป็นคนไทยเหรอ "เป็นอะไรไหมครับ?" "อ๋อ..ไม่ค่ะ ขอโทษอีกครั้งนะคะ" ฉันเอ่ยออกไปอีกครั้ง "ลูกสาวคุณฟีนิกซ์ใช่ไหม?" เขาเอ่ยถามพร้อมยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย แต่ทำไมรอยยิ้มของผู้ชายคนนี้ดูน่ากลัวแปลกๆ "คะ?" ฉันเอ่ยขึ้นด้วยใบหน้างุนงง นี่เขารู้จักคุณพ่อด้วยเหรอ "คุณรู้จักคุณพ่อด้วยเหรอคะ?" "ผมแม็กซ์เครย์ เคยคุยงานกับพ่อคุณ" เขาพูดแบบนี้แสดงว่าเขาก็เป็นนักธุรกิจเหรอ แต่ใบหน้าของเขายังเด็กอยู่เลยนะ เรียนอยู่รึเปล่าเนี่ย ไม่ใช่ศัตรูคุณพ่อใช่ไหม "ผมมาดี" ฉันสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อคุณแม็กซ์เครย์เอ่ยขึ้น โดยที่ฉันก็ค่อยๆ คลี่ยิ้มออกมาบางๆ "ลิลินค่ะ" "ทำไมถึงมาอยู่ตรงนี้คนเดียวครับ คุณฟีนิกซ์ไปไหน?" "คุณพ่อคุยกับเพื่อนค่ะ ลินแค่เบื่อเลยแยกตัวออกมาค่ะ" ฉันยกยิ้มแห้งๆ โดยที่คุณแม็กซ์เครย์ก็หลุดหัวเราะเบาๆ "แล้วคุณแม็กซ์เครย์ล่ะคะ ก็เบื่อเหมือนกันเหรอ?" "ท่าทางผมจะเกิดก่อน เรียกผมว่าพี่ก็ได้นะ" คุณแม็กซ์เครย์เอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้มร้ายกาจจนฉันขนลุกซู่ไปหมด เคยมีใครบอกเขาไหมว่าเขามีรอยยิ้มที่น่ากลัว "ไม่จำเป็น" ยังไม่ทันที่ฉันจะได้พูดอะไรออกไป เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นจากทางด้านหลังทำให้ฉันรีบหันกลับไปมองก็เห็นว่าเจ้าของเสียงนั้นคือพี่วิลเซอร์ โดยที่เขาก็เดินมาหยุดอยู่ข้างๆ ฉัน ก้มลงมองหน้าฉันเพียงนิด ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองหน้าคุณแม็กซ์เครย์ "งานมันเล็กเหรอ มึงถึงมายืนอยู่ตรงนี้?" เอ๊ะ...เขาสองคนรู้จักกันเหรอ ฉันจึงหันไปมองหน้าคุณแม็กซ์เครย์ที่ยกยิ้มมุมปาก ต่างจากพี่วิลเซอร์ที่ปั้นหน้านิ่งเหมือนเดิม นี่เขาเป็นมนุษย์รูปปั้นที่หายใจได้เหรอ ถ้าเขาสองคนรู้จักกันก็ไม่แปลกหรอก คนนึงก็มีรอยยิ้มที่น่ากลัว ส่วนอีกคนก็มีท่าทางเหมือนมนุษย์รูปปั้น "หึ" คุณแม็กซ์เครย์แค่นหัวเราะในลำคอเบาๆ "ตรงนี้น่าสนใจ" "งั้นลินขอตัวนะคะ" ฉันเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นว่าไม่ควรยืนอยู่ตรงนี้ แต่จังหวะที่กำลังจะก้าวขาเดินออกไป เสียงของคุณแม็กซ์เครย์ก็ดังขึ้นซะก่อน "ไปนั่งกับผมก็ได้นะ ผมคุยแก้เบื่อได้" "..." ฉันจึงหันไปมองหน้าคุณแม็กซ์เครย์ ซึ่งพี่วิลเซอร์ก็หันมามองหน้าฉันนิ่งๆ ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา "ไม่เป็นไรดีกว่าค่ะ" "กลัวไอ้วิล?" "..." ฉันไม่ได้ตอบอะไรออกไป เพราะฉันไม่ได้กลัวฉันแค่อึดอัด ไม่มีใครอยากนั่งกับมนุษย์รูปปั้นหรอก "มึงทำไรน้องวะ" คุณแม็กซ์เครย์หันไปเอ่ยถามพี่วิลเซอร์ "กูเคยบอกว่าไง" พี่วิลเซอร์กดเสียงต่ำ โดยที่คุณแม็กซ์เครย์ก็เลิกคิ้วยุ่งด้วยรอยยิ้มร้ายกาจ "อย่ายุ่ง"
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม