ตอนที่ 9 คนไข้ในวอร์ด

1649 คำ
หลังจากจัดการปีศาจตาเดียวได้แล้ว โคลินก็ได้รับความดีความชอบจากยมทูตเงาและทูตสวรรค์ทั้งสามคน พวกเขาจึงเชิญโคลินไปดื่มน้ำชารักษาอาการบาดเจ็บแบบเร่งด่วนที่แดนปรโลก โคลินมองน้ำชากลิ่นกุหลาบผสมคาโมมายล์สีชมพูเข้มอยู่ครู่หนึ่ง สองจิตสองใจว่าจะดื่มชาเพื่อรักษาหรือกลับไปทาเบตาดีนที่บ้านดีกว่ากัน ถึงจะหายช้ากว่าแต่ก็น่าจะดูดีกว่าน้ำประหลาดจากแดนปรโลกก็แล้วกัน “เอ่อ คือ...” โคลินกำลังจะพูดปฏิเสธแต่เห็นหน้าของเอวาผู้เป็นเจ้าของร้านน้ำชาแดนปรโลกแล้วก็ไม่กล้าหือ กลืนน้ำลายลงคออึกหนึ่งก่อนยกแก้วชาขึ้นมาดื่มรวดเดียว “เอ่อ...” เซนอ้าปากค้างคิดจะห้ามแต่ไม่ทันการ มาริอุสยิ้มแป้นที่เห็นเช่นนั้น เขากลั้นหัวเราะไว้แทบไม่อยู่ ส่วนสกาเล็ตถอนหายใจเฮือกใหญ่ โคลินมองหน้าทุกคนที่อยู่ที่นั่น เริ่มตาลาย ภาพที่เห็นหมุนวนเป็นวงกลมเหมือนแคนดี้ “ทำไม ผม...” โคลินภาพตัดกระทันหันจนเซนต้องรีบเอามือรองศีรษะของเขาไม่ให้โขกโต๊ะ “เอวา คุณก็ทำหน้าจริงจังไปได้” เซนหันไปเอ็ดเพราะนิสัยชอบแกล้งคนของเธอ จริง ๆ แล้วเอวาคือผู้ใหญ่ใจดีคนหนึ่งในแดนปรโลกแห่งนี้ ร้านน้ำชาของเธอมีไว้เพื่อรักษาอาการบาดเจ็บจากต่อสู้กับปีศาจ ทั้งยังเป็นที่พักระหว่างทางของเหล่าวิญญาณที่จะเดินเข้าไปในแดนพิพากษา ดื่มชาเพื่อปลอบประโลมจิตใจที่หวาดกลับยามต้องเผชิญหน้ากับผู้พิพากษาชีวิตในโลกหลังความตาย “ฉันจะไปส่งเขาที่บ้าน” เซนบอกกับทุกคนก่อนจะอุ้มร่างของโคลิน “ไปด้วย” เสียงของมาริอุสดังขึ้น “ไม่ต้อง” เซนห้ามเขาเพราะพักนี้เห็นหน้าอีกฝ่ายจนเบื่อแล้ว “ปะ!” มาริอุสพูดแค่นั้นก็พาคนทั้งคู่หายวับไปในพริบตาโดยที่คนห้ามไม่อาจปฏิเสธได้ทัน มาริอุสและเซนพาโคลินมาส่งที่บ้าน น้ำชาที่เขาดื่มเข้าไปจะมีผลต่อร่างกายมนุษย์มากกว่าวิญญาณหรือพวกเหนือมนุษย์อย่างพวกเขา โคลินจึงนอนสลบไสลไปสามวันเป็นอย่างต่ำ นับตั้งแต่นั้นมาเขาจึงระมัดระวังไม่ดื่มของแปลก ๆ จากที่ไหนอีกเลย หลังจากนั้นไม่นาน โคลินก็เรียนจบและเข้าทำงานที่โรงพยาบาลเอกชนเซนต์เซเวียร์ใจกลางเมืองเลนอร์ ประจำวอร์ดผู้ป่วยในชั้นสี่ ------------------------------------------------------------------ งานเลี้ยงวันเกิดของไอรีนซึ่งเป็นเพื่อนร่วมงานของโคลินจัดขึ้นไม่ไกลจากบ้านของเขามากนัก โคลินตั้งใจไปร่วมสังสรรค์กับเพื่อนฝูงพักหนึ่งก่อนจะขอตัวกลับบ้านมาพักผ่อนร่างกายที่ยังคงบาดเจ็บเล็กน้อย ทว่า คืนนั้นเป็นคืนที่ช่วงคาบเกี่ยวเกิดก่อนเวลา ทำให้ปีศาจหลั่งไหลเข้ามาในโลกมนุษย์จำนวนมาก เขาจึงต้องปะทะกับพวกมันโดยไม่ได้ตั้งใจ โคลินใช้เวลาตลอดช่วงเช้าของอีกวันนอนพักผ่อนร่างกายจากการปะทะกับปีศาจเมื่อคืนนี้จนบาดแผลต่าง ๆ กลับมาหายเป็นปกติ ต้องขอบคุณน้ำชาจากร้านเอวาที่เขาสาบานว่าจะไม่ดื่มมันแล้วแต่เมื่อได้รับคำแนะนำจากคนที่เชื่อใจได้อย่างเซน เขาจึงยอมทำตามอย่างว่าง่าย จากนั้นไม่นาน โคลินก็เตรียมตัวไปทำงานเวรบ่ายตามตารางสัปดาห์นี้ ครั้นมาถึงวอร์ดชั้นสี่แล้ว โคลินก็ดูชาร์ตบันทึกอาการของคนไข้แล้วเริ่มตระเตรียมยาหลังอาหารเย็นตามคำสั่งของแพทย์ “พี่ครับ ผมอ่านหนังสือเล่มนี้จบแล้ว มีเรื่องอื่นให้ผมยืมไหม” นีโอที่เป็นคนไข้ประจำวอร์ดถามเขาทันที่ได้เห็นหน้าพยาบาลคนโปรด “ทำไมนายอ่านเร็วจัง ตอนกลางคืนไม่ยอมนอนใช่ไหม” โคลินเลิกคิ้ว พลางตรวจชีพจรเด็กหนุ่มวัยสิบแปด “ช่วยไม่ได้ นิยายเรื่องที่พี่เอามาให้สนุกทุกเรื่องเลย” นีโอยิ้มแป้นมองหน้าโคลิน หากเขาจะรู้สึกผูกพันกับโคลินคงไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะเมื่อสองสามเดือนก่อน นีโอเป็นเพียงวิญญาณเร่ร่อนที่หาร่างของตัวเองไม่เจอ วันนั้นโคลินตามล่าวิญญาณร้ายตัวหนึ่งมาที่แถวสวนสาธารณะถัดไปหนึ่งสถานีจากโรงพยาบาล บังเอิญเจอเขากำลังนั่งเขี่ยต้นหญ้าริมถนนเพียงลำพัง ดูเผิน ๆ คิดว่าเป็นมนุษย์ธรรมดา แต่วิญญาณร้ายที่เขาไล่ตามกลับกระโดดเกาะหลังนีโอพยายามจะดูดกลืนวิญญาณของเขามาเพิ่มพลังให้ตัวเอง ตอนแรกโคลินตั้งใจจะไว้ชีวิตวิญญาณร้ายตัวนั้นเผื่อว่ามันจะกลับตัวกลับใจยอมรับการพิพากษา แต่รูปร่างของมันเปลี่ยนไปมากเพียงชั่ววินาที ซ้ำยังตั้งใจทำร้ายวิญญาณบริสุทธิ์อีก โคลินจึงไม่อาจปล่อยไว้ได้ เขาปาดาบเงินของตัวเองแบบจงใจให้มันทะลุร่างวิญญาณของนีโอแล้วโผล่ไปสังหารร่างวิญญาณร้าย วิญญาณทั้งสองมองหน้าโคลินอย่างไม่เชื่อสายตาว่าเขาจะตัดสินใจแบบนี้ ก่อนที่ร่างวิญญาณร้ายจะสลายไปกับสายลม นีโอทรุดเข่าลงกับพื้นคิดว่าตัวเองต้องตายอีกรอบ รำพึงรำพันอยู่นานจนโคลินต้องเข้ามาปลอบ กระบวนท่าเมื่อครู่เป็นหนึ่งในทักษะใหม่ที่เขาเพิ่งคิดค้นขึ้นมาได้ตอนที่ฝึกต่อสู้กับเซนและมาริอุส และคงจะกะทันหันไม่ได้บอกกล่าวล่วงหน้า หน้าตาของวิญญาณเด็กหนุ่มจึงซีดเหมือนไก่ต้ม “อ๋า พี่ขอโทษ ไม่เป็นไรนะ” โคลินลูบหลังปลอบใจนีโอ “...” เขาเงยหน้ามองโคลิน เมื่อครู่ไม่ทันได้เห็นว่าใครเป็นคนปาดาบเล่มนั้นมาหาเขาเพราะมัวแต่ตกใจที่วิญญาณร้ายมาเกาะหลัง “เอาน่า ๆ ดูสิ นายยังอยู่ดีนี่นา ไม่มีรอยแผลขีดข่วนเลยด้วย” โคลินจิ้มไปที่แขนของเขาแล้วยิ้มให้ “...” “ตกใจจนพูดไม่ได้เลยเหรอ” “เมื่อกี้ มีตัวอะไรไม่รู้มาเกาะที่หลังผมด้วยอ่ะ หน้าตามันงี้เหมือนผีในหนังสยองขวัญเลย” นีโอเบ้ปาก ที่แท้ยังคงตกใจไม่หาย “พี่ไล่มันไปแล้ว นายไม่ต้องห่วง” โคลินลุกขึ้นยืน แล้วถามเขา “นายชื่ออะไร ทำไมถึงมานั่งคนเดียวตรงนี้แล้วยมทูตของนายหายไปไหน” “หืม ยมทูตของผมเหรอ พี่หมายความว่ายังไง” นีโอเริ่มไม่เข้าใจสิ่งที่โคลินพูด หน้าตาดูสับสนไม่น้อย “ใช่ไง ยมทูตที่จะนำทางนายไปแดนปรโลก” โคลินกำลังจะพูดต่อแล้วนึกขึ้นได้ว่าวิญญาณของนีโอมีแสงสีขาวจาง ๆ โอบล้อมไว้อยู่ “เอ๊ะ หรือว่านายแค่วิญญาณหลุดออกจากร่าง” “หืม วิญญาณหลุดออกจากร่าง นี่พี่พูดอะไรเพ้อเจ้อตั้งแต่เมื่อกี้แล้วนะ สติพี่ยังดีอยู่ดีไหม” นีโอชักจะเข้าใจว่าตัวเองกำลังพูดกับคนบ้าเสียแล้ว “เป็นอย่างนี้เองสินะ” เขาพยักหน้า เข้าใจแล้วว่านีโอเป็นวิญญาณหลุดออกจากร่าง คงจะเกิดอุบัติเหตุอะไรสักอย่างกับเขาจนหาร่างตัวเองไม่เจอ “นี่นาย ตั้งใจฟังฉันนะ” ต่อจากนั้นโคลินก็อธิบายเรื่องราวต่าง ๆ ให้นีโอฟังตั้งแต่ต้นจนจบ แล้วก็ช่วยเขาหาข้อมูลว่าตัวเองเป็นใครเพราะนีโอจำอะไรไม่ได้เลย ความทรงจำสุดท้ายที่เหลืออยู่คือสี่แยกไฟแดงสถานีรถไฟใต้ดินปาร์กที่เขากำลังเดินข้ามทางม้าลายตอนสัญญาณคนเดินเป็นสีเขียวแล้วทุกอย่างก็ดับวูบลงไป โคลินใช้เวลาสืบหาข้อมูลของนีโออยู่หลายอาทิตย์ ต่างคนต่างช่วยงานกันจนรู้สึกสนิทสนมมากขึ้น ในที่สุด นีโอก็ได้รู้ว่าตัวเองเป็นใคร เขาคือเด็กหนุ่มที่นอนอยู่ในห้องไอซียูโรงพยาบาลเดียวกับที่โคลินทำงานอยู่ “พี่ ถ้าผมเข้าร่างแล้ว ผมจะจำพี่ได้ไหม” เขาถามโคลิน สีหน้าเป็นกังวลไม่อยากลืมเรื่องราวที่ได้พบเจอกัน “อืม ไม่รู้สิ แต่นีโอ แค่นายฟื้นขึ้นมา ฉันก็ดีใจมากแล้ว ถึงนายจะจำฉันไม่ได้ แต่ฉันไม่เคยลืมนายหรอกนะ” โคลินลูบศีรษะของคนตรงหน้าที่พยายามออดอ้อน “พี่สัญญานะว่าจะไม่ลืมผม” นีโอรอคำตอบจากเขา “อื้ม” โคลินยิ้มให้นีโอแล้วบอกให้เขารีบเข้าร่างตัวเองก่อนที่วิญญาณจะอ่อนแอไปมากกว่านี้ ไม่กี่วันต่อมา นีโอก็ฟื้นได้สติ ครอบครัวของเขาดีใจมากที่ได้ลูกชายของตนเองกลับมา ก้มหัวขอบคุณหมอพยาบาลที่ดูแลเป็นอย่างดี สุดท้ายแล้วหมอก็สั่งให้เขาพักฟื้นต่ออีกสองสามอาทิตย์เพื่อดูอาการ แล้วเตียงของเขาก็ถูกย้ายขึ้นมาที่วอร์ดชั้นสี่ของโคลิน ตอนที่นีโอเห็นโคลินเป็นครั้งแรก เขาจำพี่ชายคนนี้ไม่ได้แม้แต่น้อย แต่กลับรู้สึกได้ว่าผูกพันมากนัก เขายิ้มให้โคลินที่กำลังเดินมาหาเขาที่เตียงเพื่อตรวจชีพจร นับแต่นั้น ทั้งคู่ก็กลายเป็นพี่น้องที่สนิทกันประจำวอร์ดชั้นสี่จนเพื่อนร่วมงานถึงกับแซวโคลินว่ามีน้องชายคนใหม่ ขณะที่ทั้งคู่กำลังพูดเรื่องนิยายเรื่องใหม่ จู่ ๆ โคลินก็รู้สึกขนลุก สัมผัสได้ว่ามีอะไรบางอย่างกำลังใกล้เข้ามา พลางเห็นเฮลิคอปเตอร์ฉุกเฉินบินเข้ามาใกล้ตึกโรงพยาบาล สงสัยมีคนไข้ฉุกเฉินล่ะมั้ง โคลินคิดในใจแล้วหันไปพูดคุยกับนีโอต่อ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม