ผ่านไปหลายวัน โคลินยังคงทำหน้าที่ของตัวเองได้ดีเช่นเดิม คราวนี้เขาไม่แตะแอลกอฮอล์ทุกชนิด เผื่อว่าวันดีคืนดีช่วงคาบเกี่ยวโผล่มาแบบไม่ทันตั้งตัว อย่างน้อยเขาควรจะมีสติครบถ้วน
โคลินยังนึกว่าตอนนั้นโชคดีมาก ที่จู่ ๆ ปีศาจเขาเดียวก็หายไปจากที่ตรงนั้น
เขาส่ายหน้าแล้วรีบวิ่งถือกล่องเค้กกลับบ้านที่ห่างไปหนึ่งป้ายรถเมล์
อาเมเลีย เค้กช็อกโกแลตแบบแยกชั้นมันไหลมารวมกันหมดแล้วแน่เลย โคลินนึกถึงสีหน้าพี่สาวที่เห็นสภาพเค้กวันเกิดของตัวเอง
โคลินวิ่งเร็วสุดฝีเท้าเพื่อกลับบ้านให้เร็วที่สุด ทว่า ขาท่อนใหญ่ข้างหนึ่งกำลังก้าวออกมาจากมิติทับซ้อน โคลินแทบจะเบรกขาตัวเองไม่ทันจนเค้กที่อยู่ด้านในกระแทกกล่องดังตุ้บ
อีกแล้วเหรอ เขาคิดในใจเมื่อเห็นรูปร่างใหญ่โตกับเขาแหลมของปีศาจตัวนี้
“เจอกันอีกแล้ว” เสียงจากปีศาจตาเดียวทักทายเหยื่อของมัน
“หืม พูดได้?” โคลินสงสัยเพราะที่ผ่านมาเจอแต่ปีศาจระดับล่างที่ไม่มีความรู้สึกนึกคิด
ฮ่า ฮ่า ฮ่า เสียงหัวเราะของมันดังก้อง
โคลินไม่รอช้ารีบวิ่งทันทีเพราะไม่อยากต่อกรกับมัน แต่แล้วปีศาจก็ปาขวานเล่มใหญ่เฉียดหัวโคลินไปนิดเดียว
เจ้าตัวหลบหลีกได้ทันตามความเคยชิน “ไปไกล ๆ ซะ ผมไม่อยากยุ่งวุ่นวายกับคุณหรอกนะ” โคลินปราดตามองแปปเดียวก็รู้ว่าปีศาจตนนี้มีพลังมหาศาล เขาประเมินแล้วว่าไม่ควรเอาตัวเข้าไปเสี่ยง
หากแต่มันไม่คิดเช่นนั้น เวลานี้สนใจดวงตาสีฟ้าของโคลินยิ่งกว่าอะไร จึงคิดจะเอามาเป็นของตัวเอง ซึ่งมันเล็งเอาไว้ตั้งแต่ครั้งที่แล้ว เสียดายที่ถูกใครบางคนขัดขวางไว้ก่อน
“จะหนีไปไหน ไม่มีใครหนีข้าพ้นหรอก มานี่มา มาให้ข้าจับกินดีกว่า” ปีศาจตาเดียวพูดข่มโคลินเหมือนหมาป่ากำลังจับหนูน้อยหมวกแดง กลิ่นอายปีศาจแผ่กระจายจนโคลินรู้สึกคลื่นเ**ยน
ขณะที่กำลังวิ่งหนี จู่ ๆ ก็ได้กลิ่นของดอกไซคลาเมนเย็นยะเยือกลอยโชยมาพร้อมวงแหวนสีแดงวงหนึ่งขยายใหญ่ขึ้น
หญิงสาวผู้หนึ่งก้าวออกมาจากมิติขุมนรก ขว้างเคียวมรณาเกี่ยวตัวของปีศาจตาเดียวเอาไว้
“ราล์ฟ เจ้าไม่ควรโผล่มาโลกมนุษย์เลยนะ” เธอพูดกับปีศาจตาเดียว
ปีศาจก็มีชื่อด้วยเหรอ โคลินนึกในใจพลางหันมามองยมทูตเงาผู้นี้ ใครอ่ะ
ดูเหมือนว่าจะมีอีกหลายเรื่องที่โคลินไม่รู้ แต่ตอนนี้เอาชีวิตตัวเองให้รอดจะดีกว่า
ชิ้ง
เสียงของอาวุธจากทั้งสองฝ่ายกระทบกัน การต่อสู้ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว พวกเขาต่างฟาดฟันอาวุธใส่กันอย่างไม่ยั้งมือ
ครั้นโคลินจะย่องหนีก็โดนหางของปีศาจเกี่ยวขาเอาไว้จนต้องเรียกดาบเงินของตัวเองออกมาตัดหางมัน
เขาวางกล่องเค้กไว้ข้าง ๆ ก่อนจะหันไปจับหางปีศาจแล้วฟันดาบลงมาตรง ๆ
ทว่า ปีศาจตนนี้ไม่ใช่ปีศาจดาษดื่นทั่วไป มันมีทั้งความคิดและพลังที่แข็งกล้า หางที่ใช้รัดเกี่ยวเขาเอาไว้คงจะเป็นอาวุธอีกอย่าง โคลินจึงไม่อาจตัดหางมันให้ขาดได้โดยง่าย
กระนั้นเขาก็ไม่ย่อท้อ ตั้งใจฟันลงไปที่รอยเดิมอยู่หลายครั้ง ดูเหมือนว่าดาบเงินของโคลินจะทำให้มันจั๊กจี้ไม่น้อย จึงเหวี่ยงร่างของโคลินไปทางซ้ายทีขวาทีจนเสื้อผ้าผมเผ้าคลุกฝุ่นเปรอะเปื้อนแขนขาเป็นรอยถลอกมีเลือดไหลซึมหลายแห่ง
การต่อสู้ระหว่างยมทูตเงากับปีศาจพ่วงด้วยการ์เดี้ยนที่ช่วยตัดหางมันกินเวลานานกว่าครึ่งชั่วโมง แต่ละฝ่ายไม่มีท่าทีเหนื่อยล้าแม้แต่น้อย ยกเว้นโคลินที่เริ่มปวดแขนข้างที่จับดาบ
การที่เขาพยายามตัดหางของมันกลับทำให้เกิดเป็นเพียงรอยขีดข่วนเล็ก ๆ เท่านั้น
พรึ่บ
วงแหวนสีแดงวงหนึ่งกับวงแหวนสีขาวปรากฏขึ้นพร้อมกัน กลิ่นไซคลาเมนกับกลิ่นกุหลาบขาวสามารถกลบกลิ่นปีศาจที่ชวนพะอืดพะอมได้
เขามองไปยังแขกผู้มาเยือน ทันทีที่เห็นหน้าทั้งสองคน โคลินยิ้มกว้างให้พวกเขาในทันที
“เซน! มาริอุส!” เขาเรียกทั้งสองคน
“ทำไมนายอ่อนปวกเปียกแบบนี้นะ” มาริอุสบ่นทันทีที่เห็นโคลินนั่งหมดแรงมีหางของราล์ฟเกาะที่ขา
“ราล์ฟแข็งแกร่งกว่าผมเกินไปต่างหาก” โคลินตอบกลับ “ดาบเงินผมทำอะไรเขาไม่ได้เลย” สีหน้าของโคลินกังวล
แต่ไหนแต่ไรเขามักจะจัดการทุกสิ่งอย่างได้หมด เพิ่งจะมีวันนี้ที่พลังของเขาไม่อาจสู้ได้เลย
หากไม่มีหญิงสาวคนนั้นโผล่มาช่วย เขาคงจะโดนราล์ฟจับกินแน่นอน
“สกาเล็ต คุณใช้เวลานานไปแล้วนะ” มาริอุสเอ่ยปากพร้อมขว้างเคียวตัดหางของราล์ฟเพื่อให้มันปล่อยโคลินได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ลงมือ
ส่วนเซนจับดาบแห่งแสงของตัวเองฟันไปที่เขาของมัน โคลินจับตามองท่วงท่าและวิธีการต่อสู้ของทุกคนอยู่ข้างสนามอย่างเงียบ ๆ ราวกับกำลังดูหนังไซไฟแฟนตาซีแบบสมจริง
เศษอิฐหินปูนทรายรากไม้กระเด็นกระดอนไปคนละทาง สภาพแวดล้อมตรงหน้าเขาเละเทะไม่มีชิ้นดี ตระหนักได้ว่าราล์ฟช่างเป็นปีศาจที่ร้ายกาจจริง ๆ
“บอกแล้วไงว่าเจ้านี่ไม่ธรรมดา” สกาเล็ตบ่นให้มาริอุส
เวลานี้ยมทูตเงาสองตนกับทูตสวรรค์กำลังร่วมมือกันกำจัดศัตรูตามธรรมชาติอย่างสุดกำลัง
ราล์ฟคือหนึ่งในลูกสมุนของราชันย์ปีศาจ ว่ากันว่าช่วงคาบเกี่ยวที่เกิดขึ้นไม่ตรงเวลาก็เป็นเพราะฝีมือของเขา พลังมืดที่ได้รับมาจากเจ้านายของมันยิ่งใหญ่นัก
และแล้วดวงตาสีฟ้าของโคลินก็มองเห็นอะไรที่แปลกไปจากเดิม จุดวงกลมที่มีแสงสีแดงวูบวาบหลังต้นคอของราล์ฟกำลังเต้นตุบ ๆ เขาจ้องมองมันอยู่พักหนึ่งจนราล์ฟหันขวับมาที่เขา
สายตาเฉยชาเมื่อครู่เปลี่ยนเป็นเหี้ยมเกรียมในทันที ราวกับว่าโคลินล่วงรู้ความลับที่เป็นอันตรายต่อชีวิตมัน
ราล์ฟจึงงอกหางด้วน ๆ ออกมาดังเดิมแล้วตวัดหาโคลินหมายจะรัดตัวให้ขาดเป็นสองท่อนก่อนที่เขาจะได้พูดจุดอ่อนนั้นให้คนอื่นฟัง
อ๊ากกก! ไม่ทันเสียแล้ว
โคลินไม่จำเป็นต้องบอกใครเรื่องนี้ เขาเรียกดาบเงินของตัวเองออกมาแล้วพุ่งตัวไปที่ด้านหลังของราล์ฟในพริบตา จากนั้นลงคมดาบเสือกแทงทะลุไปจนถึงวงกลมสีแดงที่อยู่ข้างใน
ทันทีที่จุดตายถูกทำลาย ราล์ฟทรุดเข่าลงกับพื้น ล้มลงหน้าคว่ำกับพื้นก่อนจะสลายหายไป
เลือดสีแดงหยดลงพื้นพร้อมเศษหนามแหลมคมจนมาริอุส สังเกตเห็นได้
โคลินสำรวจร่างกายตนเองว่ามีตรงไหนบาดเจ็บหรือไม่เพราะเห็นเลือดแดงไหลนอง แต่แผลถลอกตามแข้งขาของเขามีแค่ซึม ๆ เท่านั้น และมันคงไม่ใช่เลือดของราล์ฟอย่างแน่นอนเพราะเลือดของปีศาจเป็นสีดำ
“เจ้านั่นหาเรื่องให้ตัวเองอีกแล้ว” มาริอุสพึมพำ
“ใครเหรอครับ” โคลินอยากรู้มานานแล้วว่าเลือดกับเศษจาโซ่หนามนี้เป็นของใคร ทำไมเขาถึงเห็นทุกครั้งที่สู้กับราล์ฟ
“จะเป็นใครได้ล่ะ ถ้าไม่ใช่...” เซนเอื้อมมือมาปิดปากเขาตามเคย
“อย่าพูดมาก” เสียงดุของเซนทำให้มาริอุสต้องรีบพยักหน้า
หากแต่สกาเล็ตก็รอฟังเหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น เธอรู้แค่เพียงว่าเศษหนามนี้หล่นมาจากโซ่หนามที่พันธนาการนักโทษจากขุมนรกไม่ให้ก่อเรื่องวุ่นวาย
เหมือนกับเหล่ายมทูตที่สวมสร้อยหนามและทูตสวรรค์ที่มีมงกุฎหนามสีทอง ทั้งสองสิ่งนี้เป็นเครื่องผูกมัดห้ามมิให้ผู้ใดทรยศทั้งต่อเทพแห่งนรกและพระเจ้า
เห็นทีคนที่ถูกตรึงด้วยโซ่หนามเส้นนี้คงจะเป็นคนที่กล้าท้าทายอำนาจของเทพแห่งนรกทั้งสามมากเลยทีเดียว ถึงได้ไม่กลัวมันเชือดเฉือนร่างกายจนแตกสลาย
แม้ว่าสกาเล็ตจะอยากรู้ว่าคนผู้นั้นเป็นใคร หากแต่สีหน้าจริงจังของเซนก็บ่งชัดว่า ไม่ใช่เรื่องของคุณ เธอจึงไม่เซ้าซี้เพราะรู้ไปก็เท่านั้น
“รู้สึกยังไงบ้าง” เซนถามโคลิน เขารู้ว่าทำไมโคลินถึงมองเห็นจุดตายของราล์ฟและทำไมพลังของโคลินถึงได้เพิ่มขึ้นอย่างกระทันหัน จึงไม่แน่ใจว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้จะมีผลกระทบอะไรกับเขาหรือเปล่า
“แสบครับ” โคลินยกแขนที่ถลอกทั้งสองข้างให้เขาดูพร้อมสีหน้ายิ้มแย้ม ดูก็รู้ว่าเจ้าตัวไม่เป็นอะไรสักนิด
เซนส่ายหน้าคิดว่าเจ้าเด็กน้อยในวันวานโตมาแล้วแสบซนถึงขนาดนี้ได้อย่างไร ท่าทางของเขาเหมือนคนแก่กำลังมองดูหลานของตัวเองอย่างไรอย่างนั้น
“เซน เจ้าทำตัวเหมือนคุณปู่เลย” มาริอุสแกล้งเขาอย่างเคย ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเพราะนับจากอายุห้าร้อยปีของเซนแล้ว โคลินเหมือนเด็กตัวน้อยจริง ๆ