ตอนที่ 19 เยี่ยนเยี่ยน 1

3282 คำ
ท้องฟ้าเบื้องบนแลดูอึมครึมไร้สิ้นแสงตะวันปกคลุมไปทั่วชายป่าใกล้เขตชายแดนแคว้นหลงอัน พ้นที่ราบเชิงเขาก็ถึงเขตชายแดนแคว้นจ้าวแล้ว อันเป็นจุดหมายปลายทางของบุรุษทั้งสามที่รอดชีวิตมาจากศึกเทือกเขาหัวซานระหว่างแคว้นจ้าวและแคว้นเว่ยที่เพิ่งผ่านพ้นไปได้ไม่นาน แสงตะวันจากดวงอาทิตย์แทบจะไม่ทะลุผ่านเมฆหมอกลงมาเบื้องล่างแม้แต่น้อย เช้าวันนี้จึงเต็มไปด้วยบรรยากาศที่เต็มไปด้วยหมอกจัดลงหนาจนแทบจะมองอะไรไม่เห็นเลยทีเดียว จวบจนกระทั่งเย็นย่ำจึงมีแสงอ่อนทะลุผ่านเมฆลงสู่เบื้องล่าง แต่ถึงกระนั้นเวลาแห่งรุ่งอรุณก็ใกล้ลาลับขอบฟ้าเข้าให้อีกแล้ว เริ่มย่างเข้าสู่เวลาแห่งจันทราเข้าไปทุกขณะ ร่างน้อยขนปุกปุยเริ่มขยับกายไปมา พลางบิดขี้เกียจจนกลายเป็นเลขแปดก่อนจะส่งเสียงหาวออกมาทั้งๆ ที่เปลือกตายังคงปิดสนิทอยู่เช่นนั้น “หึหึหึหึ” เสียงหัวเราะเบาๆ ของบุรุษดังอยู่ใกล้ๆ หูของแมวน้อยหน้าตาน่ารักน่าเอ็นดู เมื่อเห็นท่าบิดสุดขี้เกียจของเจ้าแมวน้อย พร้อมปากน้อยๆ ที่กว้างออกเมื่อหาวออกมาเต็มที่ เปลือกตาที่ปิดสนิทมาทั้งคืนของเจ้าแมวเหมียว ค่อยๆ ปรือขึ้นมาอย่างช้าๆ ดวงตากลมโตสีทองอร่ามในร่างของแมวน้อยเห็นใบหน้าหล่อเหลาของบุรุษลอยอยู่ตรงหน้าราวกับว่ากำลังถูกอุ้มอยู่ในขณะนั้นก็ว่าได้ “เง้อ... นี่ข้าฝันเห็นบุรุษรูปโฉมสลักหล่อเหลาเช่นนี้ได้อย่างไรกัน ช่างน่าหลงใหลแลน่าพิศมัยเป็นยิ่งนัก แต่เหตุใดหนอไยจึงคุ้นตาเสียนี่กระไร คล้ายเคยเห็นที่ใดมาก่อน” องค์หญิงแสนสวยในร่างแมวน้อยขนปุกปุยรำพึงอยู่ภายในพระทัย ร่างแมวค่อยๆ ยกหัวของตนขึ้นมาอย่างช้าๆ พร้อมมองไปรอบๆ ตัว “คนพวกนี้เหตุใดจึงมาอยู่ในที่พักของข้าด้วยเล่า” รับสั่งพร้อมตีหางปุกปุยกวัดแกว่งไปมาด้วยความสงสัย จนหางฟูฟ่องนั้นถูกท่อนแขนของบุรุษที่กำลังอุ้มอยู่ในขณะนั้น “ตื่นแล้วเหรอเจ้าก้อนกลม เจ้านี่ช่างนอนขี้เซาเสียจริง นอนหลับอุตุมาตลอดทั้งวัน จนเวลาย่างเข้าสู่เย็นย่ำก็ยังไม่ตื่น นี่คงหิวแล้วล่ะสิถึงได้รู้สึกตัว” รับสั่งกับเจ้าแมวน้อย ก่อนจะยกร่างอ้วนกลมขนฟูฟ่องขึ้นประทับจุมพิตลงบนหน้าผาก เล่นเอาองค์หญิงน้อยที่อยู่ในร่างแมวถึงกับตกตะลึงทำอะไรไม่ถูก “นะ... นี่... นี่เจ้าเป็นใครกัน! เหตุใดมาทำกับข้าเช่นนี้! ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้นะ! ปล่อย! ปล่อย!!!” องค์หญิงน้อยรับสั่งพร้อมพยายามดิ้นรนให้หลุดจากมือของบุรุษที่กำลังอุ้มอยู่ในขณะนี้ ก่อนจะสังเกตพบว่ามีขาหน้าสองขาสีขาวกำลังพยายามตะกุยตะกายเป็นการใหญ่ ครั้นเห็นสองขาอ้วนกลมกำลังพยายามตะกุยตะกายท่ามกลางอากาศที่ว่างเปล่า องค์หญิงน้อยในร่างแมวก้มลงทอดพระเนตรพระวรกายของพระนางทันใด ก่อนจะทรงนิ่งงันเมื่อพบว่าทั่วพระวรกายเต็มไปด้วยขนปุกปุยสีขาว องค์หญิงน้อยดีดร่างน้อยๆ จนหลุดจากพระหัตถ์ขององค์ชายรูปงามมายืนสี่ขาอยู่ที่ผ้าปูรองนอน “นะ... นะ... นี่... ข้า... ข้า... ข้า! กลายเป็นตัวอะไรไป! เหตุใดจึงกลาย เป็นเช่นนี้!” พระนางรับสั่งออกมาด้วยความตกพระทัยอย่างสุดขีด แต่สุรเสียงที่รับสั่งออกมานั้นกลับกลายเป็นแมวน้อยกำลังร้องออกมาเพราะความตื่นกลัว “เหมี๊ยว! เหมี๊ยว! เหมี๊ยว!” ร่างแมวน้อยเดินวนไปวนมาเป็นวงกลมด้วยความสับสน จับต้นชนปลายไม่ถูก “เจ้าก้อนกลมไม่ร้องนะ! ตกใจที่เห็นข้าอย่างนั้นหรอกรึ! ไม่ร้องนะ... เด็กดีของข้า! ไม่ร้องนะ... ไม่ร้อง!” องค์ชายรูปงามรับสั่งปลอบโยน องค์หญิงน้อยได้ยินรับสั่งขององค์ชายเก้าชัดเจนทุกอย่าง พระนางรับสั่งตวาดกลับไปทันที “เรียกใครว่าเจ้าก้อนกลม! ข้าไม่ได้ร้องสักหน่อย! ข้ากำลังพูดอยู่มิเห็นหรอกรึ!” พระนางรับสั่งตอบกลับไป “เหมียว!!!” ครานี้องค์หญิงน้อยรับสั่งร้องออกมาอย่างดัง ท่ามกลางสายพระเนตรของเทพเจ้าศาสตรา ทรงพระดำเนินกลับมาพร้อมกับหวังซุนเย่ พร้อมปลามากมายหลายตัวที่ออกไปจับในแม่น้ำใกล้ๆ ชายป่า “เอ้า! เจ้าแมวน้อยตื่นแล้วเหรอ! ร้องโวยวายแบบนี้สงสัยจะหิวใช่หรือไม่!” รับสั่งถามกลับไปก่อนจะสังเกตเห็นอาการเดินกลับไปกลับมาของแมวน้อยแสนสวย “ท่าทางคงจะตื่นกลัวที่เห็นคนแปลกหน้าเสียแล้วกระมัง แต่เจ้าคงจะต้องไปกับพวกข้าเสียแล้วละเจ้าแมวน้อย เพราะจนป่านนี้คนที่เลี้ยงเจ้ายังมิหวนกลับคืนมาเลย พรุ่งนี้พวกข้าก็จะต้องเดินทางต่อกันแล้ว แต่ไม่ต้องห่วงนะ ยังไงก็เอาเจ้าไปด้วยไม่ปล่อยทิ้งไว้ตามป่าเขาลำเนาไพรเช่นนี้หรอก” รับสั่งพร้อมทรุดพระวรกายลงนั่งกับพื้นเพื่อเตรียมตัวก่อไฟย่างปลาที่ทรงไปจับมา “คนพวกนี้พูดเองเออเองอะไรนี่ เหตุใดจึงเรียกข้าเป็นแมวน้อย! ไม่จริงนะ! ข้าไม่ใช่แมวน้อย! ข้าเป็นมนุษย์! เป็นคน! โอ๊ย!!!” องค์หญิงน้อยทั้งตกพระทัยสุดขีดและเต็มไปด้วยความสับสนยิ่งนัก พระนางวิ่งออกจากบริเวณนั้นทันใดตรงไปที่แม่น้ำใกล้ๆ ชายป่าไม่ไกลจากที่พักเท่าใดนัก “เจ้าก้อนกลม!” สุรเสียงร้องเรียกขององค์ชายรูปงามดังไล่หลัง พระวรกายใหญ่รีบรุดเสด็จวิ่งตามติดเจ้าแมวน้อยไปทันที ด้วยทรงเป็นห่วงกลัวจะพลัดหลงกลายเป็นแมวเร่ร่อนใช้ชีวิตท่ามกลางป่าเขา และที่สำคัญอาจโดนสัตว์ร้ายในยามค่ำคืนทำอันตรายเอาได้เมื่อไร้สิ้นเจ้าของคอยดูแล ท่ามกลางสายพระเนตรของเทพเจ้าศาสตรา เมื่อเห็นพระสหายวิ่งไล่จับแมวน้อยวุ่นวายเป็นการใหญ่ “เอ้า! คนไล่จับแมว แมวก็ไม่ให้จับ สงสัยถ้าข้าไม่ลงมือช่วยคงจับไม่ได้เป็นแน่แท้” รับสั่งพึมพำก่อนจะละพระหัตถ์ออกจากตัวปลาพร้อมหันไปมีรับสั่งกับองครักษ์ผู้ติดตาม “ซุนเย่จัดการต่อนะ เดี๋ยวข้าจะไปช่วยเฟยหลงจับเจ้าแมวน้อยให้เสียหน่อย ยังบาดเจ็บอยู่เช่นนั้นจะไล่ตามทันได้อย่างไรกัน ขนาดแขนหักยังนอนนั่งอุ้มแมวได้ทั้งคืนเชื่อเลยจริงๆ” รับสั่งบ่นพึมพำพร้อมลุกประทับ “ท่านเฟิ่งเหมี่ยนจะไปวิ่งจับแมวกับองค์ชายด้วยอย่างนั้นเหรอขอรับ ท่าทางเจ้าแมวน้อยไม่ได้จับง่ายๆ เลย มันคงจะไม่คุ้น หากเป็นเช่นนี้มิวายจะต้องวิ่งไล่จับมันทุกคราเป็นเช่นนี้อยู่ร่ำไปหรือขอรับ” คำกล่าวของหวังซุนเย่ทำให้เทพศาสตราทรงนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ทันที “จะว่าไปที่เจ้าพูดก็ถูก ใครจะไปมีเวลาไล่จับแมวได้ทุกวี่วันได้เล่า” รับสั่งพลางครุ่นคิดภายในพระทัยก่อนจะนึกออกแล้วว่าทรงจะจัดการกับเจ้าแมวน้อยได้เช่นไร “ข้ามีวิธีที่จะจัดการเจ้าแมวน้อยไม่ให้วิ่งหนีจนต้องให้ไล่จับจนเหนื่อยได้แล้ว มีแค่วันนี้เท่านั้นแหละที่จะต้องเหนื่อยไล่จับมัน... เดี๋ยวข้าจัดการเอง” รับสั่งพร้อมพระดำเนินตรงไปที่ริมแม่น้ำใกล้ๆ ชายป่าซึ่งทั้งคนและแมวหายไปเมื่อครู่ที่ผ่านมา ครั้นก้าวพ้นจากที่พักออกมาจนห่างสายตาของหวังซุนเย่พอสมควร เทพเจ้าศาสตราร่ายเวทพร้อมหงายพระหัตถ์ขึ้นมาทันใด ก่อนจะปรากฏสร้อยคอถักด้วยเชือกสีแดงสุกเปล่งห้อยหยกแกะสลักเป็นทรงกลมอย่างดีสีขาว ซึ่งพระองค์ร่ายเวทลงในแผ่นหยกดังกล่าวเอาไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก่อนจะพระดำเนินตรงไปที่แม่น้ำที่อยู่ตรงหน้าพระพักตร์ไม่ไกลเท่าใดนัก ในขณะเดียวกัน ร่างอ้วนกลมขนปุกปุยสีขาวดุจหิมะกำลังยืมมองเงาตัวเองในแม่น้ำ ดวงตากลมโตสีทองอร่ามเบิกกว้างด้วยความตกใจสุดขีดเมื่อเห็นแมวน้อยแสนสวยหน้าตาน่าเอ็นดูสะท้อนเงาให้เห็นอยู่ในน้ำขณะนี้ ทันทีที่องค์หญิงน้อยทอดพระเนตรเงาที่สะท้อนอยู่ในแม่น้ำ พระนางกลับตกหลุมรักและเอ็นดูเจ้าแมวน้อยที่ทรงทอดพระเนตรพบในเงานั้นขึ้นมาทันที “เจ้าแมวน้อยช่างน่ารักยิ่งนัก เหตุใดไยจึงน่าเอ็นดูเช่นนี้” รับสั่งพร้อมเอียงคอสลับไปมาอยู่เช่นนั้น เงาของแมวน้อยกำลังเอียงคอน่ารักไปมาสะท้อนกับเงาของแม่น้ำเช่นกัน ก่อนจะรู้สึกพระองค์ว่าเงาที่สะท้อนอยู่ในขณะนี้คือแมวสีขาวตัวอ้วนกลม หน้าตาน่ารักน่าชังอย่างยิ่งยวดและนั่นก็คือตัวพระนาง “ไม่ใช่สิ! เงาที่ข้ากำลังเห็นอยู่ในขณะนี้ มันตัวข้าไม่ใช่เหรอ! นี่หมายความว่าขะ... ข้า... ข้ากลายร่างเป็นแมวไปแล้วอย่างนั้นเหรอ!... ไม่จริงใช่ไหม! ไม่จริ๊งงงง!!!” องค์หญิงน้อยตะโกนออกมาจนสุดเสียง ท่าทางในขณะนั้นกลับกลายเป็นแมวน้อยกำลังตะกุยโขดหินที่กำลังยืนอยู่ ก่อนจะยืนสองขาขึ้นมาทันที “สวรรค์! เหตุใดจึงทำให้ข้าต้องกลายร่างเป็นแมวเช่นนี้! ข้าทำอะไรผิดหรือไร เหตุใดจึงลงทัณฑ์โดยการสาปข้าให้กลายเป็นแมว! อิ้งเยว่ได้ไปล่วงเกินเทพเซียนพระองค์ใดหรอกหรือจึงเปลี่ยนร่างมนุษย์ของข้าต้องมาอยู่ในสภาพเช่นนี้” องค์หญิงน้อยในร่างแมวกำลังยืนสองขาพลางยกขาหน้าทั้งสองข้างประกบเข้าหากันพร้อมยกขึ้นยกลงคล้ายคนกำลังกราบไหว้ ใช่แล้ว พระนางกำลังกราบไหว้สวรรค์พยายามอ้อนวอนให้เปลี่ยนร่างของพระนางกลับไปเป็นมนุษย์ดั่งเดิม ท่าทางดังกล่าวที่เจ้าแมวน้อยกำลังยืนสองขาพร้อมยกมือสองข้างกำลังไหว้ขึ้นลงพลางแหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้า ทำให้องค์ชายรูปงามที่ติดตามมาทัน ยืนทอดพระเนตรด้วยหัวใจที่อ่อนยวบยาบไปเลยทีเดียว ยิ่งทรงเพิ่มความรักและเอ็นดูมากขึ้นไปอีก พระวรกายสูงใหญ่ตรงเข้าไปด้านหลังแมวน้อยแสนสวย ก่อนจะอ้าพระกรออกกว้างหมายจะอุ้มเจ้าก้อนกลมหากแต่ใบหน้าบ้องแบ๊วหันกลับมามองพระองค์พอดี ดวงตากลมโตสีทองอร่ามเบิกกว้างขึ้นมาโดยพลันครั้นเห็นบุรุษที่กำลังยืนอยู่ไม่ไกลเท่าใดนัก “หมี! ผู้ชายอะไร เหตุใดร่างใหญ่เหมือนหมีเลย! อ๊ายยย! ทำไมจะต้องเจอคนร่างเหมือนหมีตอนนี้ด้วยนะ แล้วข้าจะไปรอดไหมวันนี้ ตายแล้วสวรรค์เปลี่ยนร่างข้าให้กลายเป็นคนเดี๋ยวนี้ด้วยเถิด ข้าขอร้อง!!!” องค์หญิงน้อยในร่างแมวน้อยรำพึงรำพันฟังไม่ได้ศัพท์ พยายามกระโจนหนีให้ไกลห่าง ก่อนจะหยุดชะงักหันกลับไปมองบุรุษร่างสูงใหญ่ที่กำลังก้าวเข้ามาหาเมื่อนึกออกแล้วว่า เคยพบที่ไหนมาก่อน “คนผู้นี้คือผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตข้าเอาไว้ในสนามรบ! ใช่จริงๆ ด้วย เป็นคนผู้นั้นจริงๆ” องค์หญิงน้อยย้อนนึกภาพในวันที่ถูกองค์ชายจ้าวเฟยหลงช่วยชีวิตเอาไว้ด้วยอย่างหวุดหวิดกลางสนามรบ จนได้รับบาดเจ็บสาหัส ด้วยความตกพระทัยที่ทอดพระเนตรตาที่สามและพระเนตรสีทองอร่ามขององค์ชายรูปงามปรากฏออกมาให้เห็นนั้น เป็นเหตุให้พระนางตกพระทัยจนร่ายเวทเร้นกายออกไปจากสนามรบอย่างรีบร้อน มิทันได้แทนคุณพระองค์แม้แต่น้อย หากแต่ในความเป็นจริงแล้ว ความทรงจำของพระนางได้เลือนหายไปนั่นเอง ด้วยเพราะถูกเทพเจ้าจันทราดึงความทรงจำนั้นออกไป เมื่อครั้งที่พระนางกลับมาปรากฏพระวรกายภายในกระโจมที่ประทับเพื่อร่ายเวทรักษาอาการบาดเจ็บขององค์ชายเก้านั่นเอง “ผู้มีพระคุณ!” องค์หญิงน้อยรับสั่งออกมาเบาๆ “เหมียว” เสียงร้องดังออกมาเบาๆ ก่อนจะหยุดการเคลื่อนไหวทันที ครั้นเทพศาสตราทรงพระดำเนินมาหยุดยืนอยู่ทางด้านหลังของพระสหายเมื่อพระองค์ร่ายเวทจังงังทำให้ร่างอ้วนกลมถูกสะกดหยุดนิ่งไปโดยพลัน “เจ้าก้อนกลมตกใจที่เห็นข้าอย่างนั้นเหรอ เหตุใดจึงหยุดนิ่งไม่เคลื่อน ไหวเช่นนั้น” องค์ชายเก้ารับสั่งด้วยความแปลกพระทัย พระองค์ทรงพระสรวลออกมาด้วยความขบขันทันที เมื่อทอดพระเนตรดวงตากลมโตสีทองอร่ามของเจ้าแมวน้อย นอกจากจะเบิกกว้างด้วยความตกใจแล้วยังกลอกกลิ้งไปมา ปากเล็กๆ ก็อ้าค้างอยู่เช่นนั้นคล้ายถูกทำให้หยุดนิ่ง แต่นั่นทำให้พระองค์สามารถเข้าไปรวบร่างอ้วนกลมเข้ามากอดไว้ในอ้อมแขนเป็นผลสำเร็จ “จับง่ายขึ้นใช่หรือไม่เฟยหลง” สุรเสียงของเทพศาสตรารับสั่งถามพระสหาย พระพักตร์หล่อเหลาพยักขึ้นลงพลางยกพระหัตถ์ลูบไล้ขนสีขาวดุจหิมะไปมา พลางเขย่าร่างเจ้าแมวน้อยไปมาเพื่อให้รู้สึกตัว “มันเป็นอะไรไปแล้วก็ไม่รู้ ราวกับว่าถูกทำให้หยุดนิ่งไม่ให้ขยับเขยื้อนไปไหนได้เลย” รับสั่งขึ้นด้วยความแปลกพระทัยอย่างยิ่งยวด “มันไม่ได้เป็นอะไรหรอก ข้าแค่ใช้คาถาที่เคยร่ำเรียนมาบ้างให้เจ้าแมวน้อยหยุดวิ่งหนีจะได้ช่วยทำให้เจ้าจับง่ายขึ้นไม่ต้องวิ่งตามไปทั่วป่าเช่นนี้ ดูสภาพร่างกายเสียก่อน จะวิ่งไล่จับได้อีกไกลแค่ไหนก็ไม่รู้” รับสั่งพร้อมยื่นสร้อยคอที่ร่ายเวทกำกับไว้ให้กับพระสหาย ถ้อยรับสั่งของเทพศาสตราทำให้องค์ชายรูปงามยืนทอดพระเนตรพระสหายใหม่ด้วยความแปลกพระทัยอย่างยิ่งยวดเมื่อทรงได้ยินเช่นนั้น “ข้าก็เพิ่งรู้ว่าเจ้ามีเวทคู่กายด้วย ตกลงเจ้าเป็นจอมยุทธ์หรือเป็นเซียนที่กำลังบำเพ็ญเพียรเพื่อให้บรรลุการเป็นเซียนกันแน่” รับสั่งถามออกไปด้วยความสงสัย พระพักตร์หล่อละมุนคลี่พระโอษฐ์ออกมาบางๆ เมื่อทรงถูกถามเช่นนั้น “เจ้าขี้สงสัยจริงๆ เชียว ไม่เคยได้ยินหรอกหรือเหล่าจอมยุทธ์ที่เบื่อหน่ายในยุทธภพก็ทิ้งกระบี่หันไปบำเพ็ญเพียรเพื่อบรรลุการเป็นเซียน ข้าเองก็คิดไว้เช่นกัน ถ้าหากเบื่อท่องยุทธภพเมื่อไรก็จะกักตนเพื่อเริ่มบำเพ็ญเพียรเช่นกัน อย่ามัวสงสัยอยู่เลย เอาสร้อยคอเส้นนี้ใส่ให้กับเจ้าแมวน้อย ข้ายื่นให้เจ้าจนเมื่อยมือไปหมดแล้วรู้ไหม สร้อยเส้นนี้จะทำให้เจ้าไม่ต้องเที่ยวตามหาแมวน้อยตัวนี้อีกต่อไป” รับสั่งพร้อมยื่นส่งให้ตรงหน้าพระพักตร์ องค์ชายเก้ายื่นพระหัตถ์รับสร้อยคอดังกล่าวขึ้นมาทอดพระเนตรด้วยความสงสัยพร้อมทรงมีรับสั่งออกไป “ให้เจ้าก้อนกลมใส่สร้อยหยกเส้นนี้แล้วไม่วิ่งหนีไปอย่างนั้นเหรอ เจ้าทำได้ยังไง” “ก็ข้าร่ายเวทหวนคืนเอาไว้ในสร้อยเส้นนี้น่ะสิ ไม่ว่าเจ้าแมวน้อยจะหายไปอยู่ที่ใดหรือแห่งหนใด ครั้นพระอาทิตย์ตกดินจะต้องหวนคืนกลับมาหาเจ้าดั่งเดิม และไม่ต้องห่วงว่าสร้อยเส้นนี้จะขาดหรือสูญหายไปไหน เพราะมีเพียงข้าผู้เดียวเท่านั้นที่จะร่ายเวทบทนี้กลับคืน ต่อให้เป็นเทพเซียนที่เก่งกล้าก็ไม่สามารถทำให้สร้อยเส้นนี้เลือนหายไปจากคอเจ้าแมวน้อยนี้ได้” รับสั่งพร้อมทอดพระเนตรไปที่ร่างอ้วนกลมที่ยืนนิ่งอยู่ในท่าดังกล่าวได้สักพักแล้ว “ รีบใส่สร้อยเวทเส้นนี้เถอะ มนตร์ที่ข้าร่ายเอาไว้จะได้คลายลง เจ้ามิเห็นหรือไรมันยืนสองขาและอยู่ในท่านี้นานแล้วนะ ท่าทางคงจะหิวปลาย่างด้วยกระมัง ดูสิทำหน้าตาเอ็นดูนักเชียว” รับสั่งพร้อมยกพระหัตถ์ลูบไล้หัวอ้วนกลมของเจ้าแมวน้อยไปมาเบาๆ องค์ชายรูปงามรีบสวมสร้อยดังกล่าวให้กับร่างอ้วนกลมนั้นทันที โดยมีพระหัตถ์ของเทพศาสตราร่ายเวทกำกับลงไว้จนแน่นหนาและมีมนตราแข็งกล้าคอยคุ้มครองมิให้มีอันตรายเอาไว้ด้วย รวมไปถึงทำให้เจ้าแมวน้อยเชื่องจะคอยวนเวียนอยู่กับเจ้าของตลอดเวลามิยอมไปไหนให้ไกลห่าง “เฮือก!” ทันทีที่สร้อยเวทสวมลงบนคอ องค์หญิงเจียงอิ้งเยว่ในร่างแมวน้อยแสนสวยเริ่มรู้สึกตัวขึ้นมาอย่างช้าๆ มนตราที่คอยปกป้องคุ้มครองที่อยู่ในแผ่นหยกนั้น ทำให้พระนางรู้สึกปลอดภัยและไม่ต้องหวาดกลัวเมื่ออยู่ในร่างแมว ใบหน้าบ้องแบ๊วน่าเอ็นดูแหงนหน้ามององค์ชายเก้าและมองเทพศาสตราสลับไปสลับมาอยู่เช่นนั้น ท่าทางเมียงมองสลับไปมาเช่นนั้นทำให้ทั้งสองต่างหัวเราะออกมาทันที “สงสัยท่าทางจะงงพอท่านคลายเวทออกให้แล้ว” องค์ชายเก้ารับสั่งกับเจ้าแมวน้อย “ต่อไปท่านก็เป็นเจ้าของแมวน้อยตัวนี้แล้ว จนถึงเวลานี้แล้ว เห็นทีเจ้าของเดิมคงไม่มาแล้วกระมัง ท่านก็นำกลับไปเลี้ยงได้อย่างไม่ต้องรู้สึกผิดอีกต่อไป พรุ่งนี้พวกเราจะได้ออกเดินทางต่อ ขืนชักช้าจะไม่ทันการณ์ เพราะองค์รัชทายาทป่านนี้คงถึงพระราชวังหลวงแล้ว ยังมีอีกหลายเรื่องที่รอเจ้าอยู่นะเฟยหลง” พระพักตร์โฉมสลักตราตรึงพยักพระพักตร์ขึ้นลงเมื่อทรงได้ยินพระสหายกล่าวออกมาเช่นนั้น “ข้าก็คิดเช่นนั้น ต้องรีบเดินทางต่อแล้ว” รับสั่งพร้อมยกร่างอ้วนกลมของเจ้าแมวน้อยขึ้นชูเหนือพระเศียร “ต่อไปเจ้าเป็นแมวของข้าแล้วนะเจ้าก้อนกลม เพราะฉะนั้นข้าจะตั้งชื่อให้กับเจ้า ให้ชื่อว่า เยี่ยนเยี่ยน ก็แล้วกัน” รับสั่งกับแมวน้อยหน้าบ้องแบ๊ว องค์หญิงเจียงอิ้งเยว่ในร่างแมวน้อยทรงเอียงคอไปมาทันทีเมื่อได้ยินเช่นนั้น “เยี่ยนเยี่ยน” องค์หญิงน้อยรำพึงชื่อใหม่ที่เพิ่งถูกต้องขึ้นโดยไม่รู้ตัว “นี่ข้าต้องกลายเป็นแมวจริงๆ หรือนี่ มิหนำซ้ำผู้มีพระคุณกลับกลายมาเป็นเจ้าของข้าอีก เช่นนี้แล้วจะต้องอยู่ในร่างแมวอีกนานเพียงใดกันเล่า จะมีโอกาสมาใช้ชื่อมนุษย์ดั่งเดิมหรือเปล่าก็ไม่รู้ ข้าต้องกลายเป็นแมวโดยมิรู้ว่าเกิดจากสาเหตุอะไร งานที่ได้รับมอบหมายมาจะทำเช่นไรเล่าเมื่อข้าอยู่ในร่างของแมวเช่นนี้ นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับข้า! โอ๊ยย!ปวดหัว” “เฮ้อ!” องค์หญิงน้อยทอดถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ยิ่งคิดกลับตีบตัน ไร้สิ้นหนทาง “เอาเถอะ! ไว้ค่อยๆ คิดหาวิธี มันจะต้องมีทางออกสินะ” พระนางรำพึงรำพัน ร่างอ้วนกลมค่อยๆ โอนอ่อนไม่ขัดขืนและดิ้นรนเมื่ออยู่ในอ้อมแขนขององค์ชายรูปงามอีกต่อไป ปล่อยให้พระองค์กอดรัดร่างปุกปุยฟูฟ่องแต่โดยดี
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม