ในขณะเดียวกัน
“เฟิ่งเหมี่ยน! เฟิ่งเหมี่ยน!” พระสุรเสียงขององค์ชายเก้ารับสั่งชื่อของพระสหายใหม่ พลางยกพระหัตถ์เอื้อมไปเขย่าร่างที่นั่งนิ่งไม่ไหวติงอยู่บนหลังม้าไปมาเบาๆ แต่แล้วก็ทรงตัดสินพระทัยเปล่งพระสุรเสียงดังก้องขึ้นมาทันที
“เฟิ่งเหมี่ยน!!!” รับสั่งพร้อมเขย่าพระวรกายเทพเจ้าศาสตราอย่างแรง
เป็นจังหวะเดียวกับที่ญาณทิพย์เสร็จสิ้นการสนทนากับเทพเจ้าจันทราบนสรวงสวรรค์ พระพักตร์หล่อเหลาหันกลับไปทอดพระเนตรพระสหายเมื่อทรงรู้สึกว่าพระองค์ถูกพระหัตถ์หนากำลังเขย่าพระวรกายไปมาอยู่เช่นนั้นตลอดเวลา
“ข้ามิได้เป็นอะไรเฟยหลงแค่กำลังคิดอะไรเพลินๆ เหตุใดท่านจึงเขย่ากายข้าจนร่างโยกคลอนไปหมดเช่นนี้” รับสั่งถามกลับไปด้วยความแปลกพระทัย
องค์ชายรูปงามหยุดเขย่าร่างพระสหายใหม่ทันใดครั้นเมื่อทรงได้ยินเช่นนั้น
“เช่นนั้นรึ! ข้านึกว่าท่านเป็นอะไรไปเห็นนั่งเงียบงันมิเอ่ยถ้อยเจรจากับข้าแต่อย่างใด ทั้งๆ ที่ข้าถามไปก็มากมายยิ่งนัก” รับสั่งตอบกลับไปพลางทอดพระเนตรพระสหายใหม่อย่างถี่ถ้วน
ถ้อยรับสั่งขององค์ชายเก้าทำให้เทพศาสตรารีบหาเรื่องกลบเกลื่อนขึ้นมาทันที
“อ่อ... ข้าก็แค่ใจลอยเพราะกำลังคิดอะไรเพลินๆ อยู่ก็เลยไม่ได้ทันตอบท่านกลับไป” รับสั่งตอบกลบเกลื่อน
ทันใดนั้นเอง
พระวรกายโปร่งแสงขององค์ชายเผ่ามารปรากฏขึ้นอยู่บนเทือกเขาหัวซานขึ้นมาโดยพลัน พลางทอดพระเนตรลงไปเบื้องล่างของเทือกเขา จนพบกองทัพขนาดใหญ่ของทั้งสองแคว้นแบ่งออกเป็นสองฝ่ายอย่างเห็นได้ชัดอยู่ในขณะนี้
“เมื่อครู่ข้าสามารถสัมผัสไอทิพย์ของหยกจันทราแผ่ออกเป็นวงกว้างอยู่บริเวณเทือกเขานี้ เหตุใดจู่ๆ จึงเลือนหายไปได้” องค์ชายเผ่ามารรับสั่งรำพึงพร้อมร่ายเวทเพื่อค้นหาหยกจันทราทันที
พลังเวทขององค์ชายเผ่ามารที่แผ่ออกมานั้น ทำให้พระวรกายของเทพศาสตราหยุดชะงักทันทีในขณะที่กำลังจะลงจากหลังม้า
“กลิ่นอายพลังมาร!” รับสั่งพร้อมหันพระพักตร์กลับไปทอดพระเนตรบนเทือกเขาสูงทันใด เป็นจังหวะเดียวกับที่องค์ชายเผ่ามารใช่พลังเวทของตนจนทอดพระเนตรพบองค์ชายรูปงามเข้าให้พอดี
“เหวินฉาง!! นี่เจ้าลงมาเมืองมนุษย์เพื่อตามหาหยกจันทราด้วยหรือนี่” รับสั่งพลางทอดพระเนตรลงไปเบื้องล่างด้วยสายพระเนตรเต็มไปด้วยความน่าสะพรึงกลัว ก่อนจะมีรับสั่งขึ้นมาอีกครา
“เหตุใดเหวินฉางจึงไม่มีพลังเวทของแดนสวรรค์แม้แต่น้อย อีกทั้งยังครองกายหยาบของมนุษย์มิมีกายทิพย์แฝงเร้นอยู่ภายในเรือนกาย หรือว่า....” องค์ชายเผ่ามารรับสั่งพร้อมนึกบางอย่างขึ้นมาทันทีก่อนจะแสยะยิ้มเย็นยะเยือก
“แสดงว่าสงครามระหว่างเทพกับมารเมื่อคราก่อน ทำให้เหวินฉางลงมาจุติในเมืองมนุษย์เป็นแน่แท้เพื่อเรียกพลังบำเพ็ญกลับคืน” รับสั่งรำพึงอยู่ภายในพระทัย
“ประเสริฐยิ่ง! เมื่อเจ้าตกอยู่ในสภาพเช่นนี้เห็นทีข้าควรจะส่งเสริมเพื่อซ้ำเติมจึงจะถูก ดินแดนซือไฮ่ปาฮวงเมื่อไร้สิ้นเจ้าแล้วไซร้ สามมหาเทพแห่งบรรพกาลที่เคยดำรงอยู่และเป็นเสาหลักของเผ่าสวรรค์ก็จะลดลงไป จะหามีเทพองค์ใดที่จะมีญาณตบะแก่กล้าหลงเหลืออีกต่อไป ขอเพียงแค่ได้หยกจันทรามาครอบครอง เสด็จพ่อของข้าก็จะกลับมาเหยียบแดนสวรรค์ให้พินาศย่อยยับมิเหลือสิ้นแม้แต่เถ้าธุลี!!!” สุรเสียงรับสั่งเต็มไปด้วยแรงแค้นอย่างยิ่งยวด
องค์ชายเผ่ามารเริ่มร่ายเวทออกมาทันที เป้าหมายคือทำลายชีวิตองค์เทียนจวินที่ลงมาจุติในโลกมนุษย์
“ครืนนนนนน!!!” เทือกเขาหัวซานเริ่มสั่นสะเทือนเลือนลั่น หิมะที่อยู่บนยอดเขาเริ่มสั่นไหวไปมาอย่างรุนแรงเป็นที่น่าหวาดหวั่นอย่างยิ่งยวด
“เปรี๊ยะ!!!” แรงสั่นสะเทือนทำให้ยอดเขาที่เกาะกลุ่มเป็นน้ำแข็งมาตลอดระยะเวลาอันยาวนานเริ่มแตกร้าวอย่างเห็นได้ชัด ก่อนจะร่วงหล่นลงสู่พื้นเบื้องล่าง ท่ามกลางเสียงสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นดังกึกก้องไปทั่วบริเวณ
“โครม!!!” ยอดเขาที่เต็มไปด้วยน้ำแข็งลอยละลิ่วตกลงสู่พื้นจนกระแทกชะง่อนผาไปตามทางที่ร่วงหล่น
และผลที่ตามมานั้นก็คือคลื่นหิมะมหาศาลถาโถมตามติดมาอย่างรุนแรง เป็นที่ประหวั่นพรั่นพรึงกับทุกสายตาของเหล่าทหารทั้งสองแคว้นอย่างยิ่งยวด แต่ละคนยืนแหงนหน้ามองดูคลื่นหิมะที่กำลังถาโถมลงมากันอย่างตื่นตะลึงซึ่งไม่คาดคิดว่าจะเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้นอย่างไม่คาดฝัน ไม่เว้นแม้กระทั่งองค์ชายจ้าวเฟยหลง พระองค์ทอดพระเนตรเหตุการณ์อย่างตื่นตะลึงก่อนจะรู้สึกพระองค์ขึ้นมาโดยพลัน
“รีบออกไปจากบริเวณนี้! รีบไป! ไป! ไป!” รับสั่งตะโกนก้องให้ทหารของพระองค์หนีเอาชีวิตรอดไปจากบริเวณดังกล่าว ก่อนจะทรงควบม้าศึกตรงไปเบื้องหน้าพร้อมมีรับสั่งตะโกนก้องกับทหารของต้าเว่ย
“พวกเจ้าออกมา! หิมะถล่มแล้ว! ออกมา!!!” รับสั่งตะโกนออกไปจนสุดพระสุรเสียง
ทว่าบรรดาทหารของต้าเว่ย ซึ่งมิเคยพบเห็นเหตุการณ์หิมะถล่มมาก่อน มิคาดคิดผลร้ายแรงของปรากฏการณ์ธรรมชาติที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้ว่าจะส่งผลร้ายแรงมากมายเพียงใดกับชีวิตของตน แทนที่จะพากันวิ่งหนีเอาตัวรอดกลับพากันยืนมองคลื่นหิมะที่กำลังถล่มลงมาและถาโถมลงมาจากยอดเขาประหนึ่งสายธารน้ำไหลเชี่ยวกรากก็มิปาน
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทุกอย่างอยู่ในสายพระเนตรของเทพศาสตราที่ประทับอยู่ด้วยในขณะนี้
“เจ้าพวกมนุษย์หน้าโง่! รีบหนีเอาตัวรอดเร็วเข้า!” เทพศาสตรารับสั่งตะโกนก้องกับเหล่าทหารต้าเว่ย ก่อนจะทอดพระเนตรพระวรกายใหญ่ของพระสหายควบม้าตรงเข้าไปหากองทัพต้าเว่ย
“เฟยหลงออกมา!!!” รับสั่งตะโกนจนสุดพระสุรเสียง
พระองค์รีบร่ายเวทเกราะป้องกันภัยให้แผ่ขยายครอบคลุมไปทั่วบริเวณออกไปทันที ทว่าการร่ายเวทเพื่อปกป้องชีวิตนับแสนของมนุษย์ในครั้งนี้ กลับไม่สามารถสร้างเกราะป้องกันภัยออกมาได้ เป็นเหตุให้พระองค์ทรงแปลกพระทัยอย่างยิ่งยวด
“เหตุใดข้าจึงร่ายเวทเกราะป้องกันภัยไม่ได้เล่า เกิดอะไรขึ้น! หรือว่านี่คือลิขิตสวรรค์ที่กำหนดให้ทุกชีวิตที่อยู่ในบริเวณนี้ต้องจบสิ้นกระนั้นรึ!” พระองค์รับสั่งรำพึงอยู่ภายในพระทัย พลางแหงนพระพักตร์ไปบนยอดเขาหัวซานก่อนจะทอดพระเนตรไอมารสีดำทะมึนพวยพุ่งอยู่ที่นั่น
“ไอมารหนาแน่นยิ่งนัก... หรือว่าเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้เป็นฝีมือของมารตนใดเล่า เหตุใดยังหลงเหลืออยู่อีก มิถูกทำลายไปเสียสิ้นแล้วรึ” พระองค์รับสั่งพร้อมอาศัยที่กำลังเกิดเหตุการณ์วุ่นวายร่ายเวทเร้นพระวรกายให้ไปปรากฏอยู่บนเทือกเขาโดยพลัน
เพียงครู่กายทิพย์ของพระองค์ก็มาปรากฏอยู่บนยอดเขาหัวซาน ครั้นทอดพระเนตรพบองค์ชายเผ่ามารกำลังร่ายเวทอยู่ในขณะนั้นพระองค์เร้นกายทิพย์พร้อมใช้พระหัตถ์ที่เต็มไปด้วยพลังเวทแรงกล้าฟาดเข้าไปที่แผ่นหลังขององค์ชายผู้นั้นเต็มแรง
“พลั่ก!!!” พระวรกายใหญ่ขององค์ชายเผ่ามารเซถลาดั่งนกปีกหัก ก่อนจะหันกลับมาทอดพระเนตรเบื้องหลังของพระองค์และทรงจดจำขึ้นมาได้ทันที
“เฟิ่งเหมี่ยน!!!” รับสั่งพระนามของเทพศาสตราออกมาทันที
“ชินซาง! นี่เจ้าเองหรอกหรือ เหตุใดจึงมิได้แตกดับในสงครามคราก่อนพร้อมเผ่าพันธุ์... เป็นไปได้ยังไง!” รับสั่งถามกลับไปด้วยความแปลกพระทัยอย่างยิ่งยวด เมื่อทอดพระเนตรพระโอรสองค์โตของจอมมารคางค่ายยังทรงมีพระชนม์ชีพและปรากฏพระวรกายให้พระองค์ได้ทอดพระเนตรอยู่ในขณะนี้
“เจ้าคงแปลกใจมากล่ะสิที่เห็นข้ายังไม่ตายตามเผ่าพันธุ์ ที่ถูกพวกเจ้าทำลายล้างไปเมื่อเก้าหมื่นปีก่อน พวกชาวสวรรค์เต็มไปด้วยเผ่าพันธุ์โหดเหี้ยม อำมหิต ยิ่งกว่าเหล่ามารและอสูร มิหนำซ้ำยังมีหน้าครองตนเป็นเหล่าเทพสูงส่งในซือไฮ่ปาฮวง ช่างน่าระอายสิ้นดี!” รับสั่งก่นด่าออกไปทันใด
“ช่างเจรจาตีฝีปากกล้าเสียนี่กระไร เผ่ามารของเจ้าสมควรยิ่งที่ถูกล้างเผ่าพันธุ์เช่นนั้น เพราะในหัวของเจ้ามีแต่การเข่นฆ่าและทำลายล้าง!!!” เทพเฟิ่งเหมี่ยนรับสั่งตอบกลับไป
สิ้นพระสุรเสียงของเทพศาสตรา เสียงพระสรวลขององค์ชายเผ่ามารแผดก้องแทรกขึ้นมาทันที
“ไม่มีวันที่เผ่ามารของข้าจะก้มหัวให้กับพวกสวรรค์ พวกเจ้าจะต้องพบจุดจบอย่างน่าสังเวชยิ่งกว่าที่ทำไว้กับพวกข้าเมื่อเก้าหมื่นปีก่อน พบเจ้าเช่นนี้ก็ดีแล้วข้าจะได้แก้แค้นให้เสด็จพ่อและเผ่ามารของข้าให้ตายตกไปตามกัน หลังจากนั้นค่อยไปจัดการเหวินฉาง!”
รับสั่งพร้อมสำแดงพลังเวทของเผ่ามารออกไปทันที แสงสีเงินยวงปรากฏเป็นดาบยาวสีดำดั่งนิลคมกริบอยู่ในพระหัตถ์ขององค์ชายเผ่ามาร ก่อนจะกระแทกลงบนพื้นอย่างแรงพลังเวทลามเลียลงสู่พื้นดินทันทีพร้อมเสียงสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นของเทือกเขาหัวซาน
“ครืนนนนน!!!” คลื่นหิมะสูงเสียดฟ้าร่วงหล่นลงสู่เบื้องหลังอย่างรุนแรง
ทุกชีวิตที่อยู่เบื้องล่างรีบหนีตายกันอย่างอลหม่าน และครั้งนี้กองทัพของต้าเว่ยเริ่มตะเกียกตะกายเอาชีวิตรอดเมื่อเห็นคลื่นยักษ์ของหิมะถล่มลงมาอย่างน่าสะพรึงกลัว แต่ถึงกระนั้นก็ไม่สามารถวิ่งหนีได้ทัน คลื่นยักษ์กลืนชีวิตของกองทัพต้าเว่ยกลบร่างฝังอยู่ใต้หิมะเพียงชั่วพริบตาและถาโถมอย่างไม่หยุดยั้งพุ่งตรงไปกองทัพแคว้นจ้าว ซึ่งกำลังหนีตายกันอย่างอลหม่านอยู่ในเวลานี้
ในขณะที่องค์ชายเผ่ามารก็กระชากดาบยาวขึ้นจากพื้นพร้อมพุ่งเข้าหาเทพศาสตราอย่างไม่กลัวเกรง พลางร่ายเวทจนดาบยาวแยกออกนับหลายแสนเล่ม
“เชอะ! ช่างไม่เจียมตน! ริอ่านจะเปรียบเทียบฝีมือกับข้า!” เทพศาสตรารับสั่งพร้อมร่ายเวทก่อนจะปรากฏกระบี่ยาวเปล่งประกายสีทองอร่ามลามเลียไปทั่ว ก่อนจะร่ายเวทเกราะป้องกันภัยขึ้นมาอีกครั้ง
เพียงชั่วพริบตาเกราะกันภัยลามเลียครอบคลุมไปทั่วผืนดินเบื้องล่างเพื่อสกัดคลื่นหิมะมิให้ถาโถมกลบชีวิตทหารของแคว้นจ้าว แต่ถึงกระนั้นก็มีบางส่วนถูกคลื่นหิมะดูดกลืนฝังร่างไปบางส่วนแล้ว
เทพศาสตรามิชักช้าทรงขว้างกระบี่ของพระองค์ออกไปทันที พร้อมร่ายเวทแยกกระบี่ของพระองค์ออกไปจนนับไม่ถ้วนละลานตาลอยละลิ่วอยู่บนยอดเขา พลังเวทของเทพและมารพุ่งปะทะเข้าหากันอย่างรุนแรง
“ฟิ้ววววว! ฟิ้วววว! ฟิ้ววว!!” เสียงกระบี่เทพและมารดังสนั่นอยู่บนยอดเขา แสงสีแดงและสีทองพวยพุ่งออกมาเป็นระยะๆ ในขณะที่เบื้องล่างกองทัพของแคว้นจ้าวที่หนีออกมาได้เป็นบางส่วนก่อนหิมะถล่ม ต่างกำลังยืนมองเหตุการณ์ตรงหน้าท่ามกลางเสียงโจษขานเอ็ดอึง
“กองทัพต้าเว่ยถูกคลื่นหิมะกลืนชีวิตมิเหลือสิ้นแล้ว เกิดมาก็เพิ่งพบเห็นเหตุการณ์เช่นนี้เป็นครั้งแรก” บรรดาแม่ทัพที่ติดตามเสด็จองค์ชายเก้าต่างเอ่ยออกมาเป็นเสียงเดียวกัน ก่อนจะได้ยินเสียงดังขึ้นอยู่ทางเบื้องหลัง
“อะไรกันนี่! หิมะถล่มดูดกลืนทัพต้าเว่ยมิเหลือสิ้นแล้วหรอกรึ!” สุรเสียงขององค์รัชทายาทพลันดังขึ้น
บรรดาแม่ทัพน้อยใหญ่ค่อยๆ หันกลับไปมองพระเชษฐาทั้งแปดพระองค์ในขณะที่ทรงประทับอยู่บนหลังม้า สีพระพักตร์เต็มไปด้วยอาการตื่นตะลึงอย่างถ้วนหน้าเพราะเดินทางมาพบเห็นเหตุการณ์ วินาทีที่คลื่นหิมะถล่มลงมาจากยอดเขากลบฝังร่างทหารต้าเว่ยจนสิ้นชีพเป็นเรือนแสน
“เพิ่งเสด็จมาถึงหรือพ่ะย่ะค่ะ สงสัยเทือกเขาหัวซานจะทำให้องค์ชายทั้งแปดสับสนหนทางจนไม่สามารถเดินทัพตามติดทัพใหญ่ขององค์ชายเก้ามาได้อย่างทันท่วงที กว่าจะเสด็จมาถึงองค์ชายของพวกกระหม่อมก็เสร็จศึกปราบต้าเว่ยจนมิเหลือสิ้นแล้ว” รองแม่ทัพเอ่ยน้ำเสียงเย็นเยียบ
“นี่เจ้า…!” สุรเสียงขององค์รัชทายาทรับสั่งได้เพียงเท่านั้นก็มีอันต้องเงียบงัน เมื่อสายตาของเหล่าทหารต่างเพ็งมองมาที่บรรดาพระเชษฐาทั้งแปดพระองค์ก่อนจะสังเกตพบว่าพระอนุชาที่แสนชิงชังมิได้ปรากฏพระวรกายอยู่ในบริเวณนั้น
“แม่ทัพของพวกเจ้าไปไหน!” องค์รัชทายาทรับสั่งถามกลับไปทันที
บรรดาทหารต่างเงียบงันมิเอ่ยถ้อยคำใดๆ ออกมาแม้เพียงครึ่งคำ ในขณะที่พระพักตร์ขององค์รัชทายาทค่อยๆ แสยะยิ้มเหยียดอย่างพึงพอพระทัย ด้วยทรงพอจะคาดเดาเหตุการณ์บางอย่างได้แล้ว
“แม่ทัพของพวกเจ้าหายไปกระนั้นสิ!” รับสั่งถามกลับไปอีกครั้งเพื่อความแน่พระทัยพลางทอดพระเนตรไปทั่วบริเวณ พระเนตรลุกโชนเต็มไปด้วยความยินดีอย่างยิ่งยวด
“สวรรค์ช่างเข้าข้างข้าเสียนี่กระไร! ในที่สุดเจ้าคนไม่เอาถ่านก็เอาชีวิตมาทิ้งพร้อมกับทัพของต้าเว่ยจนได้ สมน้ำหน้า ริอ่านจะแข่งบารมีกับข้า! โดยไม่ย้อนเงาหัวของตัวเองว่ามีบารมีเปี่ยมล้นเช่นข้าหรือไม่! หึหึหึหึ” รับสั่งรำพึงอยู่ภายในพระทัย
“เงียบงันเช่นนี้แสดงว่าแม่ทัพของเจ้าถูกหิมะกลืนชีพฝังกลบร่างหมื่นเรื่องสิ้นเช่นเดียวกับทัพของต้าเว่ยเป็นแน่แท้ นับว่าอนุชาของข้าผู้นี้ช่างหาญกล้ายิ่งนัก นอกจากจะวางแผนเผด็จศึกต้าเว่ยจนราบคาบแล้วยังสละชีพของตนอย่างสมศักดิ์ศรีดีแท้...” สุรเสียงเต็มไปด้วยความเย้ยหยันอย่างเห็นได้ชัด
“ฝ่ายข่าวอยู่ไหน!” รับสั่งหาหน่วยข่าวทันที
“พ่ะย่ะค่ะ!” เสียงทหารจากฝ่ายข่าวขานรับขึ้นมาทันที
“เจ้าจงรีบแจ้งกลับไปให้ฮ่องเต้ทรงทราบ ว่าข้าได้จัดการปราบทัพต้าเว่ยได้อย่างราบคาบ ทุกชีวิตของต้าเว่ยถูกข้ากลบฝังในเทือกเขาหัวซานจนหมดสิ้น” รับสั่งกับฝ่ายข่าว ก่อนจะมีรับสั่งสำทับ
“รายงานให้ทรงทราบด้วยว่า องค์ชายเก้าได้พลีชีพไปพร้อมกับทัพของต้าเว่ย สิ้นพระชนม์ชีพกลางสนามรบแล้ว...” หากแต่ยังมิทันจะรับสั่งจบประโยค พลันมีเสียงแทรกขึ้นทันที
“เห็นทีคงรายงานกลับไปเช่นนี้มิได้แล้วพ่ะย่ะค่ะ!” เสียงทหารผู้ติดตามขององค์ชายเก้าดังแทรกขึ้น
และนั่นทำให้องค์รัชทายาทเดือดดาลขึ้นมาทันใด
“ทำไม!” รับสั่งตวาดกลับไป
หวังซุนเย่ ราชองค์รักษ์ที่คอยอารักขาองค์ชายเก้าและติดตามเสด็จอยู่ตลอดเวลา คอยรบเคียงข้างพระวรกายองค์ชายของตน ค่อยๆ เดินออกมาพร้อมมององค์รัชทายาทและองค์ชายที่เหลือก่อนจะแสยะยิ้มเหยียดอย่างดูแคลน ด้วยล่วงรู้เท่าทันความคิดรัชทายาทผู้ขี้ขลาด และรอยยิ้มนั้นสร้างแรงพิโรธให้องค์รับทายาทอย่างยิ่งยวด
“เจ้ายิ้มเช่นนี้คิดจะต่อต้านข้าอย่างนั้นรึ!” รับสั่งถามอย่างเดือดดาล
“หามิได้พ่ะย่ะค่ะ ที่ยิ้มก็เพราะรู้สึกดีใจแทนองค์ชายของกระหม่อม เพราะพระเชษฐาทุกพระองค์ต่างรีบรายงานให้ฝ่าบาททรงทราบว่าสิ้นพระชนม์ในสนามรบอย่างสมชายชาตินักรบยิ่งนัก แต่จะไม่เป็นการด่วนสรุปไปเองก่อนหรือพ่ะย่ะค่ะ ยังมิทันออกค้นหาก็รีบแจ้งข่าวไปทางวังหลวงเสียแล้ว” หวังซุนเย่กราบทูลถามกลับไป
“จะหาหรือไม่ผลก็ไม่แตกต่างกัน ดูรึคลื่นหิมะสูงเสียดฟ้าหาเคยมีผู้ใดรอดชีวิตอย่างนั้นรึ! เสียทั้งเวลาและกำลังพลสิ้นดี! ข้าบอกให้รายงานก็จงรีบจัดการ!” รับสั่งตวาดกลับไปสุรเสียงขุ่นมัว
“แต่บังเอิญว่ากระหม่อมเพิ่งจะส่งอินทรีสื่อสารไปทางวังหลวงเมื่อครู่ที่ผ่านมานี้เองพ่ะย่ะค่ะ ในรายงานได้กราบทูลฝ่าบาทให้ทรงทราบว่าองค์ชายของกระหม่อมได้จัดการทัพของต้าเว่ยตามแผนที่วางเอาไว้เรียบร้อยแล้วด้วยกองทัพใหญ่ที่ทรงประทานให้ โดยไร้สิ้นกองทัพทั้งแปดทิศเข้ามาสมทบ ส่วนการค้นหาองค์ชายนั้นกระหม่อมได้จัดกำลังส่วนหนึ่งออกค้นหาแล้ว ทหารในกองทัพล้วนเป็นพยานได้” หวังซุนเย่กราบทูลกลับไป
“นี่เจ้า!” องค์รัชทายาทคำรามลั่น พระพักตร์สั่นระริกขึ้นมาทันทีพระเนตรจับอยู่ที่ใบหน้าราชองค์รักษ์ตรงหน้าราวกับว่าจะทรงแล่เนื้อเถือหนังออกมาเสียให้ได้
“ทหาร! ตามข้ามา... แยกย้ายรีบค้นหาองค์ชาย!” หวังซุนเย่ตะโกนสั่งการ พลางหันหลังกลับ ไม่แม้แต่จะหันกลับมาถวายความเคารพองค์รัชทายาทแม้แต่น้อย
“เป็นเพียงแค่ทหารชั้นเลว! หาญกล้าเจรจากับข้าผู้ซึ่งเป็นถึงองค์รัชทายาทของแคว้น ท่าทางเจ้าจะไม่ได้ตายดีเสียแล้ว... ไอ้ทหารร้อยสถุน!” รับสั่งก่นด่าอยู่ภายในพระทัย ก่อนจะแหงนพระพักตร์ทอดพระเนตรไปทางยอดเขาหัวซานก่อนจะเหลือบไปเห็นไอมารสีดำทะมึนแผ่ปกคลุมอยู่บนยอดเขาดังกล่าว มองจากเบื้องล่างเห็นอยู่รำไร
ในขณะที่เบื้องล่างเสียงเอ็ดอึงของกองทัพแคว้นจ้าวยังดังขึ้นไม่ขาดสาย บนยอดเขาหัวซานพลังเวทระหว่างเทพกับมารยังคงปะทะกันอย่างดุเดือด ด้วยตบะแก่กล้าขั้นที่แปดของเทพศาสตรา ทรงไล่ต้อนจนองค์ชายเผ่ามารมีสภาพทุลักทะเลมิใช่น้อย ก่อนจะถูกพลังเวทของเทพศาสตราปะทะถูกพระอุระเข้าให้อย่างจัง
“พรืดดด! อ๊อกก!!!” องค์ชายชินซางกระอักพระโลหิตออกมาทันที
“พลั่ก!” พระวรกายขององค์ชายเผ่ามารลอยไปกระแทกกับหินผาอย่างแรง ก่อนจะร่วงหล่นจนทรุดลงไปนอนหงายกับพื้นทันใดพร้อมสุรเสียงของเทพศาสตรา
“พลังเวทอ่อนด้อยของเจ้าแม้จะได้ญาณตบะขั้นที่แปดมาแล้วก็ตามแต่ยังมิได้ทรงญาณให้ตบะครองอยู่ในกายทิพย์ จะกล่าวไปก็เปรียบประหนึ่งดั่งเช่นทารกน้อยหัดเดิน พลังเวทเผ่ามารของเจ้ามีหรือจะทัดเทียมแดนสวรรค์ได้ เจ้าเด็กเมื่อวานซืน!!!” รับสั่งตวาดกลับไป
“ถุย!!!” องค์ชายเผ่ามารบ้วนพระโลหิตออกจากพระโอษฐ์
“แล้วไง! ถึงอย่างไรเสียข้าก็สำเร็จได้ญาณขั้นแปด แม้วันนี้ข้าจะยังเทียบฝีมือกับเจ้ามิได้ แต่มิใช่วันอื่นไม่มี! อีกไม่นานเสด็จพ่อของข้าก็จะกลับมาเหยียบแดนสวรรค์ให้พังพินาศ อย่าลำพองตนไปหน่อยเลยเฟิ่งเหมี่ยน! เจ้าไม่ได้ชัยชนะไปเสียทุกครั้งหรอก! โอกาสวันหน้าของข้ายังมี!” องค์ชายเผ่ามารร่ายเวทเร้นพระวรกายที่เต็มไปด้วยความบอบช้ำให้เลือนหายไปจากบริเวณดังกล่าวทันที
“ไม่มีโอกาสสำหรับเจ้าอีกต่อไปแล้ว!” เทพศาสตรารับสั่งตวาดกลับไปทันที
ทว่ายังมิทันที่จะติดตามองค์ชายเผ่ามาร เสียงตะโกนของบรรดาทหารเบื้องล่างดังก้องขึ้นมาทันที
“ท่านเฟิ่งเหมี่ยน! องค์ชายพ่ะย่ะค่ะ!!!” บรรดาทหารของแคว้นจ้าวตะโกนเรียกพระนามของพระองค์และพระสหายสนิทจนดังเอ็ดอึงไปทั่วเทือกเขาอันเหน็บหนาว และนั่นทำให้เทพศาสตราพระเนตรเบิกกว้างขึ้นมาทันที
“แย่แล้ว! ข้าลืมเหวินฉางไปเสียสนิทเลย!” รับสั่งพร้อมเร้นพระวรกายเลือนหายไปจากยอดเขาทันที
ก่อนจะมาปรากฏพระวรกายอยู่เบื้องล่าง รีบใช้พระเนตรทิพย์ค้นหาพระสหายสนิทอย่างรวดเร็ว
“เหวินฉาง! เหวินฉาง! เหวิน...” รับสั่งพระนามเดิมของพระสหายติดต่อกัน ก่อนจะทรงนึกขึ้นได้ว่าที่แห่งนี้คือโลกมนุษย์ พระสหายทรงมีพระนามในฐานะมนุษย์แล้ว
“เฟยหลง! เฟยหลง! ท่านอยู่ไหน!!!” รับสั่งตะโกนหาพระสหายจนดังเอ็ดอึงไปทั่วขุนเขา
“เจ้าเพื่อนบ้าเอ๊ย! บนสวรรค์เก้าชั้นฟ้า เจ้าขึ้นชื่อได้ว่าปราดเปรื่องเหนือกว่าผู้ใด เป็นมหาเทพสงครามที่เพียงแค่เอ่ยชื่อทั่วทั้งซือไฮ่ปาฮวงมีแต่ผู้หวั่นเกรง แต่นี่อะไรพอมาเกิดเป็นมนุษย์ กลับกลายเป็นผู้เต็มไปด้วยความเมตตา ผดุงยุติธรรม ข้าไม่คิดเลยนะว่าเจ้าจะโง่ถึงขนาดวิ่งเข้าไปในพื้นที่สุ่มเสี่ยงเช่นนั้น แล้วไหนยังชินซางโอรสของคางค่ายผู้นั้นอีก!” เทพศาสตรารับสั่งบ่นกระปอดกระแปด แต่แล้วพระเนตรสีเม็ดองุ่นพลันเบิกกว้างขึ้นมาทันที
“แย่แล้ว! ข้าลืมคิดไป ชินซางปรากฏตัวแบบนี้ หากไปพบเฟยหลงจะทำยังไง สหายรักของข้ามิดับสิ้นชีวาวายคาน้ำมือของโอรสเผ่ามารผู้นั้นหรอกรึ! มิได้การแล้ว! มิได้การ! ข้าต้องติดตามไอปีศาจขององค์ชายเผ่ามารผู้นั้นให้ได้และต้องรีบกำจัดให้สิ้นซาก หลังจากนั้นค่อยกลับมาค้นหาเฟยหลง...” หากแต่รับสั่งได้เพียงเท่านั้น เทพเฟิ่งเหมี่ยนพลันนึกถึงพระสหายต่างวัยขึ้นมาโดยพลัน
“ไม่ใช่สิ! เรื่องนี้ข้าต้องไปหาเยว่เทียน ต้องปรึกษาท่านผู้เฒ่า ชินซางปรากฏตัวเช่นนี้ต้องมีอะไรแอบแฝงอย่างแน่นอน” เทพศาสตรารับสั่งพร้อมรีบร่ายเวทกลับขึ้นสวรรค์เก้าชั้นฟ้าอย่างเร่งรีบ