ตำหนักที่ 2
หวังเฟิง
ภายในจวนติ้งกว๋อกง หลี่หูแม่ทัพใหญ่ห้ามณฑลนั่งอ่านรายงานทางทหารอยู่ภายในห้องหนังสือ
“เจ้ามั่นใจหรือไม่ว่านางจะตั้งท้องแน่นอน”
เบื้องหน้าหลี่หูยืนไว้ด้วยคนเครายาวผู้หนึ่ง คนผู้นี้เป็นกุนซือคนสนิทที่ติดตามเขามากว่าสามสิบปี
“นายท่านไม่ต้องเป็นห่วง หวังเฟิงผู้นี้มีลักษณะหยางแข็งแรง คุณหนูเองก็มีลักษณะให้กำเนิดบุตรได้ง่าย”
หลายวันก่อนหลี่หูได้รับรายงานว่า ฮ่องเต้หลังจากเข้าหอก็ไม่ได้เสด็จไปหาเหมยอวิ๋นอีก การกระทำเช่นนี้เท่ากับบอกต่อคนภายนอกว่าเขาไม่พอใจในตัวฮองเฮาผู้นี้
ไม่แปลกที่เรื่องราวจะเป็นเช่นนี้ ก่อนหนิงอ๋องเป็นฮ่องเต้ เพราะเพื่อต้องการกำลังทหารสนับสนุน เขาถึงขั้นตกลงรับข้อเสนอแต่งบุตรสาวตระกูลหลี่เข้าวังเป็นฮองเฮา
ตระกูลหลี่แม้มีกำลังทหารอยู่ในมือ แต่การเปลี่ยนตัวฮ่องเต้เป็นการตัดสินใจเป็นตาย ยามนั้นเพื่อความมั่นคงของอำนาจ หลี่หูจึงยื่นข้อเสนอให้แต่งบุตรีเขาเป็นฮองเฮา
หนิงอ๋องแม้ไม่พอใจกับข้อตกลงนี้ แต่เขาไม่มีทางเลือกมากนัก เวลานั้นจึงตกลงรับข้อเสนอ หนึ่งปีหลังจากนั้นเขาขึ้นเป็นฮ่องเต้ สิ่งแรกที่กระทำคือปลดพระชายาตนเอง ไล่ให้ไปอยู่ตำหนักเย็น
พระชายาหนิงอ๋องวัยสามสิบ นางไม่รู้เรื่องรู้ราว ความจริงสามีขึ้นเป็นฮ่องเต้ นางสมควรได้รับการแต่งตั้งเป็นฮองเฮา ขณะที่นางยินดีอยู่ในห้อง กลับมีขันทีนางกำนัลจำนวนมากจับนางมัด
รู้ตัวอีกทีนางถูกโยนเข้าตำหนักที่เก่า จนมีสภาพไม่ต่างจากเรือนร้าง นางร้องไห้ดิ้นรนขอพบฮ่องเต้ แต่ไม่มีผู้ใดสนใจนางแม้แต่น้อย
“เจ้าส่งคนไปเฝ้าลี่เฉินไว้ ให้หวังเฟิงหาทางควบคุมบางให้ได้”
ลี่เฉินเป็นบุตรีตระกูลลี่ แม้ตระกูลลี่จะตกต่ำตอนนี้ แต่บิดานางยังเป็นอาจารย์สอนหนังสือในสถานศึกษาชื่อดัง บัณฑิตกว่าครึ่งที่สอบติดล้วนเคยเล่าเรียนมาจากเขาทั้งสิ้น
ตอนหนิงอ๋องเป็นเพียงองค์ชาย เพราะไม่ต้องการให้เขามีอำนาจมากเกินไป ฮ่องเต้จึงทรงแต่งบุตรสาวอาจารย์สอนหนังสือธรรมดาเป็นชายาเอกให้กับเขา
หนิงอ๋องแม้ไม่พอใจเพียงไหน แต่ยามนั้นเขาเป็นเพียงโอรสผู้ไม่เป็นที่โปรดปราน จึงทำได้เพียงกลืนความแค้นลงท้องไป
ลี่เฉินเป็นสตรีดีงาม นางเติบโตมาในตระกูลบัณฑิต ชีวิตไม่คิดไม่ฝันว่าจะได้ขึ้นสูงเป็นถึงพระชายา ยามนั้นแม้นางหลับยังยิ้มหวาน ต่อให้องค์ชายที่แต่งด้วยมีอายุห่างจากตนสิบกว่าปี ก็เป็นการยินยอมพร้อมใจของนางแล้ว
***
มุมหนึ่งของตำหนังฮองเฮา
หวังเฟิงในชุดขันทีรับจดหมายจากนางกำนัลผู้หนึ่ง หูตาของแม่ทัพหลี่แผงตัวอยู่ทั่ววังหลวง
“ท่านแม่ทัพกำชับมาว่าฮองเฮาต้องตั้งท้องเท่านั้น หากไม่ท้องเจ้าคงทราบว่าจะเกิดอะไรขึ้น”
หลังจากส่งมอบจดหมายและกล่าวข่มขู่เขาอีกหลายคำ นางกำนัลผู้นั้นก็เดินจากไป
หวังเฟิงฉีกจดหมายอ่านดู เขาถึงกับตะลึงเนื้อความในจดหมาย แม่ทัพหลี่อำมหิตนัก นี่เขาไม่คิดจะเหลือทางรอดให้ตนเองแม้แต่น้อยหรือ
ขันทีปลอมรีบเดินกลับเข้าไปในห้องฮองเฮา เมื่อเข้ามาถึงเขาส่งสายตาให้ฮองเฮาไล่ทุกคนออกไป เหมยอวิ๋นเข้าใจความหมายที่เขาจะสื่อ นางจึงบอกว่าจะพักผ่อนห้ามทุกคนอยู่ในตำหนัก
“เจ้าให้ข้าไล่คนออกไปทำไม”
“ฮองเฮาท่านหันหลังไปเถอะ หวังว่าคงเข้าใจความจำเป็นของเรา”
กล่าวจบเขายื่นจดหมายให้นาง เหมยอวิ๋นรับจดหมายมาอ่านเพียงครู่เดียวก็สิ้นหวังทันที
หวังเฟิงดันนางเข้าไปหลังฉากกั้น นางไม้แม้แต่จะขัดขืนก็ปล่อยให้เขาถลกกระโปรงขึ้น ชุดชาววังหรูหราถูกขันทีด้านหลังรวบขึ้นมาใส่ไว้ในมือนาง
“ถือไว้ฮองเฮา เราจะเข้าไปแล้ว”
กล่าวจบเขาค่อยๆ ยกบั้นท้ายนางขึ้นเล็กน้อย แท่งเนื้อร้อนลวกค่อยๆ ดุนดันเข้ามา
“อืมม”
หลี่ฮองเฮาครางออกมายามแท่งเนื้อขนาดใหญ่สอดใส่เข้าไปจนสุด
“พับ พับ พับ”
หวังเฟิงล็อกเอวนางไว้แน่น เขาจัดให้นางหันหน้าออกทางประตู ตนเองยืนประกบอยู่ทางด้านหลัง หลี่ฮองเฮาทำได้เพียงยืนถือชายกระโปรงตนเองไว้ ปล่อยให้เขากระแทกเข้าออกรูร่องนางตามใจปรารถนา
“อืมม อืมม อืมม”
เสียงครางในลำคอของหลี่ฮองเฮายิ่งทำให้ขันทีด้านหลังคึก หวังเฟิงรัวสะโพกใส่นางราวกับสุนัขตัวผู้ตัวหนึ่ง ฮองเฮาด้านหน้าไม่มีที่ยึดจับจึงเซถลาแทบล้มลง
“ซีดด..เจ้าเบาๆ หน่อยข้ายืนไม่ไหว”
“พับ พับ พับ”
ท่านไปเกาะโต๊ะตรงนั้นดีหรือไม่ หวังเฟิงค่อยๆ โยกเอวดันนางเข้าไปหาโต๊ะตัวหนึ่ง
“อืมม อืมม อืมม”
หลี่ฮองเฮาเดินตามแรงกระแทกเจ้าขันทีปลอมด้านหลัง นางค่อยๆ เอื้อมมือข้างหนึ่งค้ำยังโต๊ะตัวนั้นเอาไว้
***
ตำหนักเย็น
ลี่เฉินฟูมฟายจนหมดแรงแล้ว นางถูกส่งเข้าตำหนักเย็นเพียงเดือนเดียว ร่างกายที่เคยงดงามอวบอัดมีน้ำมีนวล ยามนี้ผอมลงจนใบหน้าเรียวตอบ ถึงเป็นเช่นนี้ลี่เฉินในวัยสามสิบยังคงงดงาม
“เจ้าออกไปได้แล้ว”
ขันทีผู้หนึ่งไล่นางกำนัลที่เดินนำเข้ามาออกจากห้องไป
“พระชายาท่านสบายดีหรือไม่”
ลี่เฉินเงยหน้ามองผู้มาใหม่ นอกจากนางกำนัลที่คอยส่งอาหารทุกวันแล้ว นี่เป็นขันทีคนแรกที่มาหานางในตำหนักแห่งนี้
“ฮ่องเต้ส่งเจ้ามารับข้ากลับไปใช่หรือไม่ ใช่หรือไม่ ใช่หรือไม่”
นางพุ่งเข้าใส่ขันทีนั้น มือทั้งสองกำคอเสื้อเขาไว้ นางออกแรงเขย่าจนศีรษะขันทีผู้นั้นกระเด็นไปมา
“พระชายาท่านปล่อยเราก่อน”
หวังเฟิงไม่ทราบควรเรียกนางว่าเช่นไรดี เนื่องจากนางยังไม่ถูกแต่งตั้งเป็นฮองเฮาก็ถูกส่งเข้าตำหนักเย็น เขาจึงเรียกนางตามตำแหน่งเดิม
“พระชายา ไม่ใช่ฮ่องเต้เรียกหาท่าน เป็นเราถูกสั่งให้ปรนนิบัติรับใช้ท่านอยู่ที่นี้ นับจากพรุ่งนี้ไปยามเช้าเราจะมาอยู่เป็นเพื่อนท่าน”
กล่าวจบไม่รอฟังเสียงร้องโวยวายของนาง หวังเฟิงก็เดินกลับออกมาทันที ที่แห่งนี้น้อยครั้งจะมีผู้คนเดินเข้ามา เนื่องจากอยู่ห่างจากตำหนักในมากนัก เวรยามจึงไม่รัดกุมเท่าทีควร
หวังเฟิงเดินหลบซ้ายหลบขวา จนกระทั้งเดินมาถึงกำแพงชั้นนอกพระราชวัง กำแพงที่สูงราวสิบวา หวังเฟิงกระโดดเตะเท้าใส่กำแพงสองสามครั้งก็เหินข้ามออกไปได้
***
บ้านซอมซ้อหลังหนึ่ง
“หวังอี้ เจ้าพบร่องรอยหรือไม่”
หวังอี้ผู้นี้เป็นญาติผู้น้องของเขา ยามนี้ตระกูลหวังทั้งตระกูลถูกแม่ทัพหลี่คุมตัวไว้ที่ไหนซักแห้ง
“พี่ใหญ่ เราสืบตามที่ต่างๆ ไปทั่วภาคกลางแล้วไม่พบร่องรอยแม้แต่น้อย”
ครึ่งปีก่อนจู่ๆ คนตระกูลหวังถูกจับทั้งตระกูล ความจริงตระกูลหวังไม่มีศัตรูที่ไหน ทางบ้านประกอบอาชีพคุ้มกันสินค้า เวลาเพียงคืนเดียวทหารทางการหลายร้อยคนบุกยึดคฤหาสน์ จับตัวผู้คนทั้งหมด
“เจ้าไปหาอาเล็กที่เป่ยจิง ด้วยเส้นสายของเขาสมควรช่วยเหลือเราได้”
หวังอี้รับคำ ขณะจะจากไปกลับถูกหวังเฟิงเรียกไว้ “หวังอี้ เราไม่แน่ว่าจะสามารถออกจากวังมาพบเจ้าได้อีก หากถึงเวลานัดหมายเราไม่มา ไม่ว่าพบคนทางบ้านหรือไม่ ให้เจ้าคิดว่าเราตายแล้ว เข้าใจหรือไม่”
***
หวังอี้จากไปแล้ว นี่เป็นญาติของเขาไม่กี่คนที่ยังไม่ถูกจับกุม โชคดีตอนนั้นญาติผู้น้องคนนี้ออกไปท่องเที่ยวภายนอก กว่าเขาจะกลับมากคนทั้งตระกูลก็หายตัวไปหมดแล้ว
ก่อนเข้าวังหวังเฟิงทิ้งสัญลักษณ์ติดต่อไว้ภายนอก หวังอี้พบเห็น ทั้งสองจึงสามารถลอบติดต่อกันได้
หวังเฟิงลอบกลับเข้ามาภายในวัง ยามนี้ฟ้าใกล้มืดค่ำแล้ว เขาซอกแซกเข้ามาจนถึงตำหนักใหญ่หลังหนึ่ง จู่ๆ มีทหารยามเดินออกมาจากหัวมุม
“พรึบ!”
หวังเฟิงลอยตัวขึ้นไปบนหลังคา รอจนทหารกลุ่มนั้นเดินจากไปไกล เขาจึงคิดจะซอกแซกกลับตำหนักฮองเฮา
เพียงแต่เรื่องราวไม่เป็นเช่นนั้น จู่ๆ ขบวนเสด็จฮ่องเต้ก็มุ่งมาทางที่เขาซ่อนตัวอยู่ หวังเฟิงจึงทำได้เพียงหมอบอยู่บนหลังคา รอให้ฮ่องเต้เสด็จผ่านไป
“ฉีเฟย ทรงกลับเข้ามาในตำหนังเถอะเพคะ”
เสียงนางกำนัลผู้หนึ่งดังขึ้นด้านล่าง
“วันนี้ฮ่องเต้พลิกป้ายเสียนเฟยอีกแล้วหรือ”
นับตั้งแต่ท่านอ๋องขึ้นเป็นฮ่องเต้ นางยังไม่ได้พบหน้าพระองค์แม้แต่ครั้งเดียว ความจริงนางเป็นบุตรสาวแม่ทัพนายหนึ่งของราชสำนัก สองปีก่อนจู่ๆ ท่านพ่อก็ยกเลิกสัญญาหมั้นหมายเก่าของนางกับคุณชายจ้าว
ไม่กี่เดือนต่อมานางแต่งเข้าตำหนักอ๋อง หลังจากนั้นนางตั้งท้องบุตรสาวหนึ่งคน นางเพิ่งคลอดบุตรไม่กี่เดือนหนิงอ๋องก็ขึ้นเป็นฮ่องเต้
หวังเฟิงฟังพวกนางคุยกันจึงทราบว่ายามนี้ตนอยู่บนหลังคาตำหนักของฉีเฟยนั่นเอง
***
ภายในตำหนักฮองเฮา
หลี่ฮองเฮายังคงถูกจับให้ยืนแอ่นสะโพกเช่นเดิม นางยืนรองรับแรงกระแทกจนสองขาอ่อนระท่วย
“อืมม อืมม อืมม”
เสียงครางด้วยความทรมานของนางถูกกักไว้ในลำคอ รูร่องนางยามนี้ฝืดเคืองยิ่งนัก
“เจ้าพอเถอะนะ ทำมาตั้งหลายรอบแล้ว”
นางอ้อนวอนขอให้เขาหยุด นับจากเขาเข้ามาในตำหนักเมื่อสองชั่วยามก่อน จนถึงตอนนี้ นางถูกกระแทกบั้นท้ายต่อเนื่องโดยไม่หยุดพัก
เขาจับนางพลิกคว่ำพลิกหงายเล่นราวกับเป็นโสเภณีผู้หนึ่ง
***