ตอนที่8. การหมักสุราเป็นเรื่องง่าย พิชิตใจแม่ทัพยากกว่า/2

1709 คำ
ตอนที่ 8.การหมักสุราเป็นเรื่องง่าย พิชิตใจแม่ทัพยากกว่า/2 "รสชาติรุนแรง บาดคอเหลือเกิน" สุราในสมัยนี้ช่างรสชาติป่าเถื่อนสิ้นดี หลิวชิวเยว่ลิ้มรสสุรารสชาติดีมาตลอดชีวิต จึงรู้สึกทนไม่ไหว "แม่นมฉี ในครัวมีน้ำตาลกรวดหรือไม่" "มีเจ้าค่ะ" "เช่นนั้นนำมาให้ข้าสักชั่ง แล้วนำไหเปล่ามาให้ข้าใบหนึ่งด้วย หลิงเอ๋อหลังเรือนต้นกุ้ยกำลังออกดอก เจ้าไปเก็บดอกกุ้ยให้ข้า ตอนเก็บเบามือสักหน่อยระวังกลีบจะช้ำ ข้าต้องการสักตะกร้า" "เจ้าค่ะ" ทั้งสองรับคำ แล้วแยกย้ายกันทำตามคำสั่ง ครู่ต่อมา แม่นมฉีก็กลับมาพร้อมน้ำตาลกรวด ส่วนหลิงเอ๋อเก็บดอกกุ้ยมาเต็มตะกร้า "หลิงเอ๋อ เจ้านำไหมาวางตรงนี้ เอาน้ำตาลกรวดเรียงสลับชั้นกับดอกกุ้ยให้เต็มไห" หลิวชิวเยว่สั่งการ เมื่อหลิงเอ๋อจัดเรียงน้ำตาลกรวดกับดอกกุ้ยเต็มไหแล้ว นางก็เทสุราเติมลงไป เรียกหาผ้าสะอาดมาปิดไหไว้ แล้วนำฝามาปิดอีกชั้น "รออีกไม่กี่วัน เราจะได้ชิมสุราดอกกุ้ย" การหมักสุราดอกกุ้ยสูตรเร่งด่วนนี้ ทำกินไม่ยาก ใช้เวลาไม่กี่วันก็ได้สุราดอกกุ้ยรสชาติหอมหวาน "ดอกกุ้ยเอามาหมักสุราได้ด้วยหรือเจ้าคะ" หลิงเอ๋อรู้สึกแปลกใจ แม่นมฉีเองก็ไม่เคยรู้วิธีการหมักสุราแบบนี้มาก่อน "นอกจากดอกกุ้ยแล้ว ดอกไม้ชนิดอื่นก็นำมาหมักสุราได้เช่นกัน ผลไม้เช่นผลท้อ ผลบ้วย ก็ใช้หมักสุราได้รสชาติดี เอาไว้ข้าหาวัตถุดิบได้ จะทำให้พวกเจ้าลองชิม" หลิวชิวเยว่คันมืออยากลองหมักสุราเล่น นางเชี่ยวชาญเรื่องการหมักสุรา สามารถคิดสูตรหมักสุราจากพืชผลได้หลากหลาย หลังจากได้ชิมสุราของที่นี่แล้ว ในใจรู้สึกอยากหมักสุรารสชาติดี ให้ผู้คนได้ลิ้มลอง ชีวิตจะได้มีสีสันแตกต่างจากเดิม ใต้หล้ามีคนเก่งกล้าสามารถมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเซียนกระบี่ เซียนดาบ หมอยาเซียน คงจะดี หากนางจะเป็น เซียนสุราหญิงคนแรกของประวัติศาสตร์... /// หลังจากจัดการหมักสุราดอกกุ้ยแล้ว หลิวชิวเยว่ก็ชวนแม่นมฉีกับหลิงเอ๋อดื่มต่อ สุรารสชาติบาดคอเกินไป นางจึงผสมกับน้ำผลไม้และน้ำเชื่อม ทำค็อกเทลผลไม้ให้ดื่มง่ายลื่นคอกว่าเดิม สามนายบ่าวยกดื่มกันไปชนแก้วกันไป สุดท้ายก็เมาได้ที่ คนเมามักปากเปราะความในใจจึงหลุดปากออกมาง่ายดาย "คุณหนู ไม่ต้องเสียใจไปหรอกนะเจ้าคะ การได้แต่งงานกับท่านแม่ทัพถือว่าเป็นเกียรติ แก่ตัวคุณหนูและตระกูลหลิว อย่าได้สนใจพวกชาวบ้านเหล่านั้นเลย พวกนั้นก็ปากหอยปากปูไปเรื่อย แค่ใช้ชีวิตให้มีความสุขก็พอแล้วเจ้าค่ะ" แม่นมฉีเอ่ยปลอบโยน นางคิดเอาเองว่า หลิวชิวเยว่อาจจะรู้สึกเสียใจ ที่สามีไม่ยอมไปเยี่ยมบ้านด้วย ไม่พอยังถูกชาวบ้านนินทา "ข้าเกลียดพวกปากเสียพวกนั้น กล่าวหานินทาคุณหนูมาหลายปีไม่เลิกรา น่าเอาเข็มเย็บปากให้หมด จะได้ไม่พ่นคำพูดเน่าๆ ออกมาอีก" หลิงเอ๋อแค้นใจชาวบ้านชอบนินทาพวกนั้นนัก ตระกูลหลิวเป็นคหบดีมีฐานะก็จริง แต่เป็นเพียงพ่อค้าไม่ใช่ขุนนาง จึงไร้บารมีขาดคนเกรงกลัว คุณหนูวาสนาดีได้แต่งงานกับแม่ทัพเสิ่นมู่ฉือ แต่มิได้หลุดพ้นจากปากพวกขี้นินทาเหล่านั้น "ข้าอ้วนแล้วหนักหัวใคร สามีข้าชอบตัดแขนเสื้อแล้วอย่างไร ใครสนกัน" หลิวชิวเยว่พูดจบก็สาดเหล้าลงคอ ปากนางบอกว่าไม่สนใจ แต่ในใจก็อดคิดไม่ได้ว่า นางจะมีชีวิตในร่างหญิงอ้วนไปจนตายได้อย่างไร สามีของนางเป็นพวกชายรักชายจริงหรือ นางแค่เชื่อตามความทรงจำของร่างเก่า ที่บอกว่ามีคนนินทาเสิ่นมู่ฉือว่าอาจจะเป็นพวกชอบตัดแขนเสื้อ แม่ทัพเสิ่น กล้าหาญชื่อเสียงเกรียงไกร รบร้อยครั้งไม่เคยพ่ายแพ้ คนเช่นนี้จะเป็นชายรักชายจริงหรือ "หลายวันมานี้ ข้าไปคุยกับพวกบ่าวในจวน พวกเขาต่างชมชอบข้า แม้แต่พ่อบ้านหวังเอง ก็มักจะแอบมองแม่นมฉีบ่อยๆ" หลิงเอ๋ออาศัยช่วงเวลาว่าง ไปคุยกับบ่าวในจวน นางเป็นดรุณีน้อยหน้าตาน่ารักพริ้มเพรา หนุ่มๆ ย่อมต้องตาได้ง่าย จวนแม่ทัพไรสตรีมานานปี เมื่อมีผู้หญิงเข้ามาจึงมักถูกสายตาจับจ้อง นางสังเกตพฤติกรรมของแต่ละคน ก็ไม่พบความผิดปกติ นางแกล้งเลียบๆ เคียงๆ ถามถึงท่านแม่ทัพ บ่าวในเรือนก็เหมือนจะถูกอุดปากไว้ ไม่ยอมปริปากถึงเจ้านายสักคำ "เจ้าเอาอะไรมาพูด พ่อบ้านหวังหรือจะมองข้า เขาแค่มาจับผิดข้า ไม่ได้สนใจข้าหรอก ข้าอายุเท่านี้แล้ว มิใช่ดรุณีน้อย ผู้ใดจะคิดสนใจ" แม่นมฉียกจอกเหล้าขึ้นดื่ม แก้มเจือสีชมพูระเรื่อขึ้นมา ไม่รู้จากฤทธิ์สุราหรือความเขินอาย "แม่นมฉีของข้า ยังเปล่งปลั่งงดงามเพียงนี้ ชายไม่ตาบอดย่อมเห็นความงาม" แม่นมฉีแม้จะอายุมากกว่าสามสิบปีแล้ว แต่ใบหน้ายังอ่อนเยาว์รูปร่างอรชรอ้อนแอ้น หากจับมาเปลี่ยนเสื้อผ้าทรงผมใหม่ สวมชุดที่มีสีสันสดใสกว่าชุดสีหม่นที่เจ้าตัวชอบใส่ คงไม่ต่างจากพี่สาวคนโตของหลิงเอ๋อ "ข้าว่าพ่อบ้านหวังสายตาดีมากนะเจ้าคะ" หลิงเอ๋อเหล้าเข้าปากก็กล้าพูดหยอกแม่นมฉี ปกตินางจะกลัวแม่นมฉีดุ ยามนี้กล้าปีนเกลียวเล่นหัวคนสูงวัยกว่า "หุบปาก เจ้าเองก็ระวังตัวบ้าง ไปพูดคุยเล่นกับบ่าวผู้ชายในจวน ถ้ามีใครคิดไม่ซื่อเจ้าจะลำบาก" "ข้าเป็นถึงสาวใช้ต้นห้องฮูหยินแม่ทัพ ใครจะกล้าทำอะไรข้า" หลิงเอ๋อไม่เดือดร้อนสักนิด นางเป็นคนสดใสร่าเริง มักชอบพูดคุยสนุกไม่คิดอะไรมาก บวกกับใบหน้าจิ้มลิ้มน่ารัก ใครเห็นย่อมชุ่มชื่นหัวใจ "พวกเจ้าคงเมาแล้ว ไปพักผ่อนเถอะ ข้าจะนอนแล้ว" หลิวชิวเยว่ไล่สองคนให้ออกจากห้อง ตัวนางนั่งจิบเหล้าต่อครู่หนึ่ง เหล้าค้อกเทลรสหวานหอมหมดแล้ว นางจึงลุกออกไปเดินเล่นในสวนให้สร่างเมา ยามดึกจวนแม่ทัพเงียบสงบ บ่าวไพร่หลบอยู่ในเรือนของตน หลิวชิวเยว่เดินเล่นไปรอบๆ ลมเย็นๆ ทำให้ฤทธิ์เหล้าสร่างลง นางเดินไปใช้ความคิดไป นางข้ามภพมาอยู่ในยุคอดีต ห่างไกลจากยุคปัจจุบันนับพันๆ ปี ความทรงจำสุดท้าย นางกับบิดาถูกคนร้ายไล่ล่า และต้องตายไปอย่างอนาถ หากตายไปคือสิ้นชาติภพ ใยนางต้องกลับมาเกิดในร่างของบรรพบุรุษหญิงผู้นี้ด้วย ยิ่งคิดไปก็ยิ่งไม่เข้าใจฟ้าดิน ให้นางมาอยู่ในร่างนี้เพื่ออะไร นางจะเปลี่ยนอนาคตของท่านบรรพบุรุษได้อย่างไร เมื่อบันทึกของตระกูลบอกว่า ท่านบรรพบุรุษเป็นผู้คิดค้นสูตรหมักเหล้า สืบทอดต่อมาจนถึงรุ่นของนาง ชีวิตของหลิวชิวเยว่ผู้นี้มีอะไรให้เปลี่ยนแปลงกันเล่า หลิวชิวเยว่ถอนใจหลุดจากภวังค์ความคิด พลางแหงนมองท้องฟ้า คืนนี้จันทร์เต็มดวงทอแสงสว่างนวลตา นางมองไปรอบกายแล้วพบว่าตัวเองเดินเพลินจนเข้ามาสู่เขตเรือนหน้า อันเป็นที่พักของแม่ทัพเสิ่น "โอ๊ย ! ท่านแม่ทัพปล่อยข้า ข้าเจ็บ..." ทันใดนั้นเองเสียงนี้ก็ดังลอยตามลมมา หลิวชิวเยว่ชะงักนิ่ง รีบเงี่ยหูฟัง "นั่นมันเสียงท่านหมอจิน" หลิวชิวเยว่พาร่างอ้วนกลมของตัวเองเดินหาที่มาของเสียง จนมาถึงห้องๆ หนึ่ง ความอยากรู้อยากเห็น ทำให้นางพยายามย่องหารูส่อง จนพบว่าหน้าต่างหนึ่งปิดไม่สนิท จึงกลั้นใจเอาตาแนบรอยแยกแล้วส่องดู ภาพที่เห็นคือภายในห้องนอน บนเตียงม่านมุ้งบางกำลังขยับไหว แสงจากเทียนสาดส่องมองเห็นเงาของชายสองคนหลังม่าน คนหนึ่งนั่งทับชายอีกคนบนเตียง ชายด้านบนใช้มือบีบลำคอคนข้างใต้ไว้ คนโดนบีบคอดิ้นรนไปมาส่งเสียงร้องไปด้วย "ท่านแม่ทัพตั้งสติ ปล่อยมือก่อน อย่าฝืน" "หมอจิน ข้าทนไม่ไหวแล้ว มันทรมานเหลือเกิน ให้ข้าทำเถอะ..." ฟังจากเสียง ชายสองคนนั้นคือแม่ทัพเสิ่น และหมอจินนั่นเอง คนที่แอบมองอยู่ถึงกับตาเบิกกว้างอ้าปากค้าง ชายคนที่อยู่ด้านบนก็คือแม่ทัพเสิ่น ส่วนชายที่ถูกจับกดเอาไว้ด้านล่าง ก็คือหมอจินซีถิง หลิวชิวเยว่ผละออกจากรูที่ส่อง ตื่นตะลึงกับสิ่งที่ได้เห็น เขาว่าร้อยคำพูดไม่สู้ได้เห็นด้วยตาตัวเอง ครั้งนี้นางเห็นสามีของตนกับท่านหมอ กำลังโรมรันกันอยู่บนเตียง จากเงาชายทั้งสองเสื้อผ้าหลุดลุ่ย จะให้คิดเป็นอื่นได้อย่างไร หลิวชิวเยว่ พาร่างอ้วนกลมของตัวเองเดินออกมาจากตรงนั้นด้วยท่าทางอ่อนระโหยโรยแรง ในใจก็นึกเสียดายความหล่อของสามี แม่ทัพเสิ่นมู่ฉือเป็นผู้ชายที่มีใบหน้าหล่อเหลารูปร่างกำยำล่ำสัน ส่วนท่านหมอจินนั้น ก็หล่อสำอางแบบสุภาพบุรุษ น่าเสียดายทั้งสองไม่ได้ใช้ความเป็นชายให้เกิดประโยชน์กับสตรี "สวรรค์ตาบอด หรือข้าไร้วาสนา มีสามีทั้งทีดันเป็นชายรักชาย" หลิวชิวเยว่ก่นด่าชะตากรรมของตัวเอง พาร่างมาทิ้งตัวลงบนเตียงด้วยความโมโห โครม ! ร่างอ้วนทั้งหนักทั้งใหญ่ ขาเตียงข้างหนึ่งรับภาระอันหนักอึ้งต่อไปไม่ไหว หักโครมลงมา พื้นเตียงจึงเอียงไปฝั่งหนึ่ง "แม้แต่เตียงยังเอียง ไม่เข้าข้างข้าเลย เจ็บใจโว้ย!" ///
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม