ตอนที่ 8 สมใจแล้วสินะ

2008 คำ
ตอนที่ 8 สมใจแล้วสินะ จ้าวกุ้ยหลินเบิกบานใจนัก นางเดินด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส บอกกล่าวให้อาจิงเตรียมตัวเก็บเสื้อผ้า จะกลับไปบ้านกัน อาจิงร้องไห้ด้วยความดีอกดีใจนักที่ตนเองนั้นเป็นอิสระ มิต้องเป็นสาวใช้ในจวนแห่งนี้อีกแล้ว อาจิงปาดน้ำตาด้วยความซาบซึ้งใจ นางคุกเข่าลงที่พื้นโขกศีรษะตนเองลงไปหลายครั้ง กุ้ยหลินพยายามห้ามแต่ไม่เป็นผล เกิดมาตัวคนเดียวไม่มีน้องและพี่ กุ้ยหลินก็เหงาเช่นเดียวกัน กระนั้นบอกว่าให้อาจิงเป็นน้องสาว อาจิงส่ายหน้า นางบอกว่ามิคู่ควร ขอเป็นบ่าวติดตามรับใช้นางต่อไป ไม่ว่าจะสุขหรือทุกข์จะร่วมฝ่าฟันมันไปด้วยกัน ตอบแทนน้ำใจที่กุ้ยหลินนั้นยื่นมือปลดนางออกจากการเป็นทาส อาจิงรีบวิ่งไปหาพ่อบ้านวัยชราผู้หนึ่ง เขาเป็นคนจิตใจดีนักในบรรดาบ่าวรับใช้ในจวน อาจิงจึงขอร้องให้ท่านพ่อบ้าน จัดหารถม้าให้สักคัน พ่อบ้านชายชรารับปากและจัดเตรียมรถม้ารอให้สตรีทั้งสองเดินทางออกจากจวนหลังนี้ ประจวบเหมาะกับแม่สามีเดินทางเข้ามา ดังนั้นนางจึงได้ถามไถ่ว่าอาจิงมีอันใดจึงได้ให้พ่อบ้านเรียกรถม้า เมื่อได้ยินถ้อยคำของอาจิงแล้ว ฮูหยินใหญ่แทบจะลมจับ ใบหน้าหญิงสูงวัยซีดเผือดไปทันที นางเองก็นึกสงสารลูกชายนัก คิดว่าป่านนี้ขวัญหนีดีฝ่อไปแล้วกระมัง นางคิดว่าจะเดินไปยังเรือนของลูกชาย แต่เปลี่ยนใจกลับไปยังเรือนของตนเอง จ้าวกุ้ยหลินอาบน้ำชำระคราบสกปรกเหม็นเน่าออกจากร่างกายของตนเองให้สะอาดเอี่ยมแล้ว นางก็แต่งตัวเสียใหม่ หวังว่าจะทันเวลาหากอาจิงมา ก็จะได้พากันกลับบ้าน บ้านหลังเล็ก ๆ ของนางที่ไม่ได้ใหญ่โตเหมือนจวนของตระกูลกวน อาจิงจัดการชำระร่างกายแต่งตัวเสียใหม่ นางมีเพียงแค่ห่อผ้าเล็ก ๆ เท่านั้น เอ่ยอำลาบรรดาสาวใช้ด้วยกัน นางกำลังจะไปเริ่มต้นชีวิตใหม่กับคุณหนูจ้าวกุ้ยหลิน สีหน้าของอาจิงนั้นเบิกบานใจ ใบหน้าประดับรอยยิ้มอยู่เสมอ สองเท้าเล็ก ๆ เดินมายังเรือนท้ายจวนเพื่อมาช่วยคุณหนูจ้าวจัดเก็บเสื้อผ้า แต่ทว่าอาจิงเดินมาถึงข้างในห้องนอนก็พบกับคนสำคัญ “คุณหนูข้าพร้อมแล้วเจ้าค่ะ” อาจิงยอบกายลงเล็กน้อยฉีกยิ้มให้กับจ้าวกุ้ยหลิน ยามนี้นางคือคุณหนูจ้าว สตรีหม้ายหย่าร้างสามี ทั้งสองคนจับจูงมือเดินออกมาจากเรือนหลังเล็ก ๆ กุ้ยหลินจึงได้ถามผู้ติดตามของนางนั่นก็คือสาวใช้อย่างอาจิงว่า ฮูหยินใหญ่กลับมาเข้ามาหรือยัง นางจะไปคารวะก่อนกลับไปยังบ้านของนาง อาจิงพยักหน้าเอ่ยกล่าวว่ากลับมาแล้ว ดังนั้นกุ้ยหลินลูกสะใภ้ที่ครอบครัวนี้รังเกียจนักหนา จะขอคารวะก่อนกลับไปยังที่ ที่จากมา สองเท้าเล็ก ๆ เดินเข้ามายังเรือนหลังใหญ่ด้านหน้า ยามนางเดินเข้ามานั้นดูเย่อหยิ่งไม่น้อย ใบหน้างดงามราบเรียบ ผิวพรรณผุดผายผ่องใส คิ้วเรียว ริมฝีปากเล็กจิ้มลิ้มดูน่ารัก ใบหน้าที่เปรอะคราบก้นหม้อนั้น ได้ถูกทำความสะอาดใหม่เสียหมด ยามนางเดินเข้ามาในเรือนด้านหน้า สาวใช้แต่ละคนมิกล้าสบตาอดีตฮูหยินผู้นี้ นั่นเพราะว่าวีรกรรมที่เพิ่งก่อมาได้ถูกกล่าวขานจนทั่วจวนแล้ว “คารวะท่านแม่ อดีตลูกสะใภ้ผู้นี้มาขอลาเจ้าค่ะ” แววตาดูอ่อนโยนลงมาก เมื่อกุ้ยหลินนั้นเดินเข้ามา สองมืออยู่เบื้องหน้า ปรายสายตามองอดีตแม่สามี รอยยิ้มเล็ก ๆ ดูน่ารัก ทำให้ฮูหยินใหญ่งุนงงไม่น้อย เดิมทีมองเห็นลูกสะใภ้ผู้นี้ดูเหมือนไร้การอบรม “อืม” กวนฮูหยินใหญ่ตอบสั้น ๆ เท่านั้น นางปรายตามองกลับมายังลูกสะใภ้ผู้นี้ด้วยความสงสัย นางไม่ต้องการสิ่งอื่นใด เงินทองมากมายก็มิได้ต้องการ เมื่อคืนนางนั้นนอนไม่หลับ กลัดกลุ้มใจนักด้วยความหวาดกลัวว่าจะกำจัดสะใภ้ผู้นี้ไปได้อย่างไร นึกไม่ถึงว่าลูกสะใภ้จะเป็นฝ่ายออกปาก ขอหย่าร้างกับลูกชายของนาง มันช่างง่ายดายนัก ริมฝีปากของหญิงสูงวัยเหยียดยิ้มเล็กน้อย “เจ้าต้องการแค่อาจิง ข้ามอบเงินให้เจ้าเอาไว้ไปตั้งตัวสักก้อน” แม่สามีผู้มีใจดุจแม่น้ำเอ่ยขึ้น นางเกรงว่า จะเป็นขี้ปากชาวบ้าน หากว่านางนั้นไม่ได้มอบอะไรให้ลูกสะใภ้ผู้นี้เลย เหมือนว่าอีกฝ่ายจะร่วงรู้ กุ้ยหลินยืนตัวตรงใบหน้างดงาม ดูราบเรียบและไม่รู้สึกสิ่งใด “ท่านแม่ไม่ต้องห่วงเจ้าค่ะ อดีตลูกสะใภ้ผู้นี้จะปิดปากเงียบ มิพูดเรื่องท่านเป็นคนตระหนี่เหนียวเจ้าค่ะ” กุ้ยหลินเหยียดยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะขอตัวกลับไปยังบ้านของนางจริง ๆ สักที คิดถึงท่านพ่อใจจะขาด อาจิงก่อนกลับนางคุกเข่าโคกศีรษะลงที่พื้นเอ่ยขอบคุณที่ฮูหยินใหญ่ เมตตารับนางเอาไว้เมื่อตอนที่นางยังเป็นดรุณีน้อย ยามนี้นางเติบโตเป็นสาวสะพรั่งอายุได้สิบเจ็ดปีแล้ว สมควรที่จะออกเรือน แต่ทว่านางไม่มีชายใดในดวงใจเลย “สมใจเจ้าแล้วสินะ” ฮูหยินใหญ่เอ่ยขึ้น แววตาดูยินดียิ่งนัก ที่ลูกสะใภ้คนนี้ออกไปจากจวนนางได้เสียที จวนของนางจะได้กลับมาเงียบสงบเหมือนเช่นดังเดิม “เจ้าค่ะ สมใจของข้าแล้ว” รอยยิ้มเล็ก ๆ ส่งกลับไปให้ยังฮูหยินใหญ่ แต่เป็นรอยที่ปั้นแต่งขึ้นมา สีหน้าของนางนั้นดูเย็นยะเยือก แววตาดูราบเรียบไร้ความรู้สึกเสียใจ เท้าเล็ก ๆ ยังไม่ทันได้ก้าวไปไกล นางกำลังเดินได้เพียงแค่สาม สี่ก้าวเท่านั้น และได้พบกับเหวินปิน อีกครั้งหนึ่งโดยบังเอิญ “เจ้า!” ชายคนนี้ตกใจราวกับเห็นภูตผี เขาผงะเล็กน้อย ดวงตาคมกริบ เบิกกว้างขึ้นอย่างตกใจ นางคือภรรยาที่เขาแต่งเข้ามา แต่เหตุใดใบหน้าของนางจึงได้งดงามนัก ผิดกับที่เขาเห็นในเรือนของเขาตอนเช้าตรู่ เหมือนสายฟ้าฟาดลงมากลางหัว เมื่อนึกขึ้นได้ว่าตนเองโง่เขลาเพียงใด หากรู้เช่นนี้เขาจะอยู่กับนางมิไปไหน นั่นเพราะนางสวยงดงามจนเขาไม่อาจละสายตาไปได้ เขามองนางอยู่ครู่ใหญ่ ใบหน้างดงามเช่นนี้ทำให้เขาหลงใหลยิ่งนัก “หลินเอ๋อร์” คนที่เพิ่งรู้ตัว พูดจาเสียงอ่อนหวานรื่นหู แต่ทว่ามันเป็นเสียงที่ฟังแล้วทำให้กุ้ยหลินถึงกับอารมณ์เสียขึ้นมาอีกครั้ง “หลินเอ๋อร์ บิดาเจ้าสิ!” กุ้ยหลินต่อว่าเล็กน้อย แต่ทว่าเหวินปินทำทีกางแขนกั้น มิให้นางก้าวไปไหนได้ มีหรือที่กุ้ยหลินจะยอม คงยังไม่เข็ดสินะ นางให้โอกาสอีกครั้งหนึ่ง “ถอยไป” แววตาแน่วแน่ มาดหมายว่าหากอีกฝ่ายไม่เปิดทาง จะถูกนางจัดการเข้าคราวนี้นางจะแตะหว่างขา หวังให้ไอ้ไส้เดือนนั่นได้รับความทุกข์ทรมาน “คือว่า เรากลับมาเป็นสามีภรรยา กันอีกครั้งได้หรือไม่ ข้าเปลี่ยนใจไม่หย่า” เมื่อเจอคนงามที่เขาเคยเหยียดหยามนางถึงปานนั้น แต่เขาคิดว่ากุ้ยหลินน่าจะยินยอมอยู่ที่นี่ด้วยกัน หากเขาดูแลเอาใจใส่ไม่ละเลยนางเหมือนที่ผ่านมา “ข้า...กับ...เจ้า ฝันไปหรือไม่ ในเมื่อข้าได้หนังสือหย่ามาแล้ว เหตุใดข้าจะต้องรั้งอยู่ด้วย เจ้าลองบอกมาสิว่า ข้ามีอันใดให้อยู่ต่อ” กุ้ยหลินยืนกอดอกมองอีกฝ่ายด้วยสายตาไม่พอใจ “...” เขาหาคำตอบไม่ได้แม้แต่น้อยนิด ที่เขาอยากให้นางอยู่ต่อก็เพราะนางงดงามราวกับนางเซียนน้อย ที่แดนใต้จะหาคนงดงามเช่นนี้นั้นยากยิ่ง เขาหลงกลหลุมพรางของนางเข้าให้แล้ว “ผู้ชายอย่างเจ้า ไม่มีค่าในสายตาของข้าเสียด้วยซ้ำไป” นางเหยียดยิ้มให้อีกฝ่ายอย่างดูแคลนนัก ผู้ชายก็เหมือนกันหมด เมื่อเจอสาวงามเข้าให้ก็ปากหวาน “แต่ว่า” เขากำลังจะอ้าปากพูด “หากเจ้าอยากตายเร็ว ก็พูดมาสิ รั้งข้าสิ รับรองว่าไอ้ไส้เดือนของเจ้าจะถูกขาเชือดตรงนี้แน่ หลีกทาง ข้าจะกลับบ้าน” กุ้ยหลินต่อว่าอย่างเจ็บแสบมิหนำซ้ำนางยังขึ้นเสียงตวาดใส่กวนเหวินปินอีกด้วย มีหรือที่คนอย่างนางจะหวาดกลัว ฝันไปเถอะ หากนางกลัวนางจะไม่มีทางลงมือประกาศศึกกับคนตระกูลกวนเสียด้วยซ้ำไป นางเดินเชิดหน้าออกจากตระกูลกวนด้วยรอยยิ้ม ต่อไปนี้นางจะเริ่มต้นชีวิตใหม่และกิจการของนางที่ตั้งใจเอาไว้ว่า หากนางหลุดพ้นจากที่นี่เมื่อไหร่ สตรีทั้งสองคนเดินออกมาจากตระกูลกวนขึ้นรถม้าเพื่อกลับไปยังที่จากมา อาจิงมองจวนหลังนี้เป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะเอ่ยถามบางอย่าง “เหตุใดคุณหนูไม่อยู่ต่อเจ้าคะ คุณชายน้อยดูเหมือนว่าจะหลงคุณหนูเข้าให้แล้ว มิเช่นนั้นไม่รั้งเอาไว้แน่เจ้าค่ะ” “อาจิง วันนี้เขาให้ข้าอยู่ต่อ แต่วันหน้าข้าอาจถูกขับไล่เหมือนสุนัข เจ้าไม่เห็นรึ ข้าทาหน้าดำเนื้อตัวเหม็นเน่าไอ้บ้านั่นเป็นเช่นไร พอเห็นข้า งดงามเข้าให้ก็รั้งและพูดจาหวานหู เจ้าคิดว่าคนเช่นนี้เหมาะจะเป็นสามีของข้ารึ” กุ้ยหลินนางไม่มีทางกลับไปคว้าเศษสวะเน่า ๆ นั้นมาทำเป็นสามีของนางแน่นอน นางต้องการเพียงแค่ผู้ชายที่รักจริงเท่านั้น “ข้าต้องการใครสักคนที่เห็นคุณค่าในตัวของข้า มากกว่าความงามที่ข้ามี” นางจะเจอผู้ชายคนนั้นหรือไม่ ผู้ชายดี ๆ นั่นช่างหายากยิ่งนัก หายากยิ่งเสียกว่างมเข็มในมหาสมุทรเสียอีก ว่าแล้วนางก็ถอนหายใจ ไม่อยากจะคิดหาสามี มีแต่ตอนนี้นางคิดจะเปิดร้านและหาทำเลค้าขายหวังว่าจะได้พลิกชีวิตกลับมาให้ดีขึ้น ต่อไปนี้นางจะตั้งใจค้าขาย กวนเหวินปินนั่งอยู่ข้างมารดา เขากำลังเขย่าแขนขอร้องท่านแม่อีกครั้งหนึ่ง “ท่านแม่ข้าชอบนาง ท่านแม่ ท่านแม่ฮูหยินของข้างดงามนัก เหตุใดท่านแม่ไม่บอกข้า มิเช่นนั้นข้าจะไม่เมินเฉยนางเช่นนี้” “ไอ้ลูกโง่ เจ้าเป็นคนลงนามหย่าให้นางเองมิใช่รึ แล้วมันเกี่ยวกับข้าตรงไหนกัน” มารดาหน้าแดงเพราะกรุ่นโกรธที่มือลูกชายไม่เอาถ่านเช่นนี้ หากอยากได้อะไรก็มักจะมาออดอ้อนขอร้องนางให้ออกพูดคุยให้เสมอ กวนเหวินปินเมื่อคิดได้ก็สายไปเสียแล้ว เขาสูญเสียหยกล้ำค่าในมือของเขาไปเพียงแค่เพราะเขาเห็นว่านางมีใบหน้าดำคล้ำและมีกลิ่นเหม็นราวกับศพเน่า คนที่มีอคติอยู่แล้ว ย่อมมองไม่ออกว่าเป็นหลุมพราง นางช่างร้ายกาจนัก และเขาจะคว้านางกลับมาเป็นฮูหยินของเขาให้ได้ ในเมื่อนางเป็นของเขามาก่อน ดังนั้นเขาจึงได้คาดคั้นมารดาอย่างเอาแต่ใจ “ไม่รู้ล่ะ ท่านแม่ต้องส่งแม่สื่อไปที่จวนของนางอีกครั้ง ยิ่งเร็วได้เท่าไหร่ยิ่งดี ข้าจะแต่งงานกับนางอีกครั้ง และจะจัดงานให้ยิ่งใหญ่ให้เหมาะสมกับนาง”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม