ตอนที่ 9 กลับบ้าน

1680 คำ
ตอนที่ 9 กลับบ้าน รถม้าคันหนึ่งมุ่งหน้าออกมาจากตระกูลกวนเพื่อมาส่งสตรีสองคนที่นั่งอยู่ข้างในนั้น และกว่าจะเดินทางมาถึงที่บ้านหลังหนึ่งก็ใช้เวลาเดินทางค่อนข้างที่จะยาวนานไม่น้อยและแล้วก็มาถึงบ้านหลังเล็ก ๆ ที่กุ้ยหลินนั้นบอกทางแก่สารถีขับรถม้า ทว่าเมื่ออาจิงลงมาถึงกลับแปลกใจนัก เหตุใดคุณหนูจ้าวจึงได้บอกว่าบ้านของนางหลังเล็ก ๆ เล่า อาจิงตกตะลึงจนตาค้าง และไหนบอกว่าครอบครัวยากจนด้วยเล่า นางไม่อาจเชื่อคำพูดของจ้าวกุ้ยหลินได้เลย “อาจิง นี่คือบ้านของเจ้าต่อไปนี้นะ” กุ้ยหลินแย้มยิ้มขึ้นมาและนางอดที่จะขำขันไม่ได้ เมื่ออาจิงเห็นบ้านของนางที่บอกว่าหลังเล็ก ๆ “บ้านไม่ได้ใหญ่โตเหมือนตระกูลกวนเจ้าอยู่ได้หรือไม่” บ้านที่นางพูดถึงก็หลังไม่ได้ใหญ่จริง ๆ แต่ว่าบ้านหลังนี้นั้นเป็นบ้านที่มีความยาวไม่น้อย กุ้ยหลินเดินเข้ามาในบ้านของนาง ข้างในนั้นมีแจกันลวดลายงดงามประดับอยู่ ไหนบอกว่าบ้านยากจนนัก อาจิงเหมือนถูกหลอกเสียด้วยซ้ำไป แค่นางประเมินราคาแจกันก็แทบจะลมจับ บ้านหลังนี้เป็นบ้านชั้นเดียว แต่มีหลายห้องข้างใน ท่านแม่ของนางจงใจออกแบบบ้านที่อบอุ่นนี้ขึ้นมา เป็นบ้านชั้นเดียว และมีแค่ห้าห้องเท่านั้น เอาไว้เผื่อต้อนรับใครเดินทางมาค้างอ้างแรม มิได้แบ่งแยกเป็นเรือนเหมือนคนในแคว้นนี้ บ้านของนางรูปร่างแปลก ๆ ไม่เหมือนของใคร กระนั้นอาจิงมิกล้าเอ่ยถามอันใดอีกเดินตามหลังต้อย ๆ เข้าไปข้างในบ้านแห่งนี้ด้วยความงุนงง สาวใช้ในบ้านหรือก็หาได้มีไม่ และวันที่คุณจ้าวแต่งงานนางใช้บ้านหลังไหนกันแน่ แม่สื่อยังออกปากกับกวนฮูหยินถึงเรื่องที่บ้านนั้นสภาพดูยับเยินทีเดียว วันนั้นนางได้ยินที่แม่สื่อพูดคุยรู้สึกเห็นใจคุณหนูยิ่งนัก แต่วันนี้นางได้ประจักษ์ในความเจ้าเล่ห์แสนร้ายกาจแล้ว “ท่านพ่อ” คนตัวเล็กเสียงหวาน เมื่อเห็นท่านพ่อนั่งอยู่ในบ้านคนเดียว คงจะเหงามากสินะที่นางไม่อยู่หลายวันแล้ว เมื่อชายสูงวัยเงยหน้าสบตาผู้เป็นลูกสาว เขารีบลุกขึ้นอ้าวงแขนรอรับลูกสาวเข้ามาสู่อ้อมกอดอีกครั้งหนึ่ง “ลูกพ่อ เหตุใดจึงได้กลับมาคนเดียวเล่า แล้วลูกเขยพ่อล่ะมิได้กลับมาด้วยกันรึ” เถ้าแก่จ้าวยังไม่รู้เรื่องของลูกสาว กุ้ยหลินนั่งคุกเข่าที่พื้น เงยหน้ามองบิดาจากนั้นนางจึงเอ่ยขึ้นว่า “ท่านพอ วันแรกเขามิเข้าหอ ส่งเจ้าบ่าวไก่มา วันที่สองข้าไม่ได้พบหน้า วันที่สามเขาแต่งภรรยาใหม่เข้ามาเย้ยหยันและดูแคลน พูดจาสารพัดเอ่ยเปรียบกระทบกระเทียบ และยังพูดจาว่าเหม็นกลิ่นสาบสางความจนจากข้า เช่นนี้แล้วลูกจึงขอหย่า หมายมั่นว่าจะเปิดร้านขายข้าวมันไก่เจ้าค่ะ” กุ้ยหลินบรรยายให้ท่านพ่อได้ฟัง เถ้าแก่จ้าวทรุดนั่งที่เก้าอี้ เขาคิดผิดไปที่ส่งลูกสาวให้ไปแต่งงานกับคนพวกนั้น คิดว่าอยากให้ลูกสาวสบายไม่ต้องมาค้าขายตากฝน ตากแดดอยากจะให้นางสุขสบายจนลืมนึกไปว่า คนพวกนั้นใจดำนัก “แล้วนั่นใครกัน” ชายสูงวัยเอ่ยถามขึ้น เมื่อเห็นเด็กสาวยืนก้มหน้ามิกล้าพูดโต้ตอบ “นายท่านข้าน้อยเป็นสาวใช้ของคุณหนูเจ้าค่ะ” อาจิงรีบคุกเข่าลงที่พื้นทันที เงยหน้าสบตาผู้เป็นนายของตนเอง จึงได้เอ่ยตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่ดังฟังชัด ทำให้เถ้าแก่จ้าวนั้นหัวเราะชอบใจ แผนการของลูกสาวของเขานี้หาได้ดูเบาไม่ คราแรกเขานั้นมิคิดเห็นด้วย ที่ไปขออาศัยบ้านที่ใกล้จะผุพังมาเป็นวันที่ส่งตัวเจ้าสาว แม่สื่อผู้นั้นเขาอุตส่าห์ไปบากหน้าว่าจ้างนางมาทำพิธีทุกอย่างให้ ขนาดจ่ายเงินก้อนโตที่มีติดตัวอยู่ก้อนเดียวให้นาง นางยังดูแคลนเสียขนาดนี้ และชุดของลูกสาวของเขาก็เจียดเงินเก็บส่วนหนึ่งสั่งตัดให้นาง ราคาไม่เบาทีเดียว คนพวกนี้ช่างดูแคลนผู้อื่นเก่งนัก มิน่าลูกสาวของเขาจึงได้คิดแผนนี้ขึ้นมา นางบอกว่าเป็นแผนผ้าขี้ริ้วห่อทอง เขามิเคยเข้าใจอะไรเลย คนแก่เช่นเขามิได้มีความคิดซับซ้อนอันใดนัก นางคงจะซึมซับมาจากมารดาของนางกระมัง ภรรยาของเขาช่างเจ้าเล่ห์ไม่น้อย ดั้นด้นจากเมืองหลวงเดินทางมาค้าขายแดนใต้ นางเก็บเงินได้มากมายแต่มินำมาใช้ฟุ่มเฟือยให้สิ้นเปลือก ไม่จ้างสาวใช้ให้มายุ่มย่ามรำคาญใจ ทุกอย่างนางทำเองทั้งนั้น บ้าน ที่นางเรียกจนติดปากแท้ที่จริงก็คือจวนที่หน้าตาของมันช่างประหลาดนัก กว่าจะสร้างจนเสร็จก็ใช่เวลาหลายเดือน ภรรยาของเขาเก็บเงินเก่ง ทำทุกอย่างและค้าขายเก่งนัก ติดแต่ที่นางมิให้ลูกสาวเปิดเผยโฉมหน้า มักจะทำให้ลูกสาวนั้นตัวมอมแมม มิให้เป็นที่สะดุดตาและมักจะให้ลูกสาวสวมผ้าคลุมหน้า ยามไปช่วยเขาค้าขายในตอนเช้าตรู่ นึกไม่ถึงว่ามีประโยชน์ยิ่งนัก ใคร ๆ ก็รู้จักว่า เถ้าแก่จ้าวนั้นยากจนเพียงใด “ต่อไปพ่อจะไม่บังคับเจ้าแล้ว” เถ้าแก่จ้าวพูดคุยกับลูกสาว “พ่อขอโทษเจ้านัก ไม่คิดว่าสิ่งที่พ่อทำลงไปทำให้เจ้าเจ็บปวดใจถึงเพียงนี้” ชายสูงวัยพูดไปสีหน้าก็ดูหมองเศร้าไปด้วย นั่นเพราะเขาหวังดีจนเกินไป “ท่านพ่อลูกมิเคยโทษท่านเลย ต่อไปนี้ข้าจะแบ่งเบาภาระของท่านพ่อเองเจ้าค่ะ” กุ้ยหลินคลี่ยิ้มให้บิดา เมื่อพูดคุยถามไถ่กันเรียบร้อยแล้ว นางก็เดินไปยังห้องนอนของตัวเอง ห้องเล็ก ๆ ของนางมิได้กว้างขวางมากนัก อาจิงดีใจอย่างยิ่งนางมีห้องเป็นของตนเองแล้ว ถึงแม้จะอยู่ในเรือนเดียวกันกับเจ้านายทั้งสองก็ตาม อาจิงไม่รอช้าจัดการนำเสื้อผ้ามาจากห่อผ้าแขวนเอาไว้ที่ราวไม้จนเสร็จเรียบร้อย นางก็เดินไปยังส่วนด้านท้ายของบ้าน สองสายตากวาดมองช่างดูเป็นระเบียบยิ่งนัก อาจิงนึกแปลกใจยิ่งเครื่องปรุงต่าง ๆ ในจวนนี้ดูเหมือนจะอักษรที่นางหยิบขึ้นมาดูและไม่เข้าใจยิ่งนัก อาจิงทำหน้านิ่วตั้งนานพยายามเพ่งดูอย่างไรก็ไม่มีอักษรที่คุ้นตา จนในที่สุดกุ้ยหลินจึงได้เดินเข้ามา คิดว่าจะทำอาหารสำหรับมื้อค่ำของวันนี้ คิดจะทำเพียงแค่ง่าย ๆ ก็น่าจะพอเพราะเพียงแค่สามคนเองก็เท่านั้น อาจิงเมื่อเห็นคุณหนูเดินมา ด้วยความสงสัยจึงได้เอ่ยถามขึ้นมาว่า “คุณหนูในขวดแก้วนี้คืออันใดเจ้าคะ” อาจิงทำหน้าสงสัยราวกับเด็กน้อยเองคอเล็ก ๆ ดูน่ารักน่าหยิกยิ่งนัก กุ้ยหลินคลี่ยิ้มก่อนจะหยิบมันมาและวางมันกลับเข้าไปที่เดิม “อ้อมันเป็นเครื่องปรุงสูตรพิเศษ” กุ้ยหลินนางไม่ได้บอกอาจิงแต่อย่างใด เห็นเด็กสาวทำหน้าสงสัย นางก็หัวเราะอยู่ในลำคอ “เครื่องปรุงของชาวผมทอง ว่าง ๆ ข้าจะพาเจ้าไปเดินแถวนั้น คนพวกนั้นตัวโตสูงใหญ่ ดวงตาสีฟ้า ผมสีทอง” ทางด้านตระกูลกวน ฮูหยินน้อยที่ถูกกุ้ยหลินเตะเสยปลายคางให้นางก็เพิ่งจะฟื้นขึ้นมา นางเจ็บและรู้สึกมึนงง จำได้เพียงแค่ว่านางกำลังจะไปทำร้ายกุ้ยหลิน แต่เหตุใดนางจึงหมดสติไป สาวใช้ทั้งสองที่ถูกกุ้ยหลินจัดการ พวกนางมีสีหน้าดูตื่นตกใจไม่น้อย “ฮูหยินน้อยตื่นแล้ว” แม้ว่าน้ำเสียงของพวกนางดูเหมือนจะดีใจที่ฮูหยินน้อยของพวกนางนั้นฟื้นขึ้นมา “หิวหรือไม่เจ้าคะ” สาวใช้พยุงร่างบอบบางให้เอาศีรษะพิงที่หัวเตียงนอน อวี้เฟยยังคงนึกเหตุใดการณ์นั้นอยู่ “ข้าเป็นอะไรไป” นางอยากรู้ว่าเหตุใดนางจึงหมดสติไป “คือว่า...” สาวใช้อึกอักไม่รู้จะตอบอย่างไรดี จนกระทั่งแม่สามีเดินเข้ามากับสาวใช้คนสนิท มาดหมายว่าจะมาดูอาการของลูกสะใภ้เสียหน่อย หากจู่ ๆ เกิดอาการย่ำแย่ขึ้นมานางจะได้เรียกหมอได้ทัน “ไม่มีอะไรมากหรอก เจ้าก็แค่ถูกจ้าวกุ้ยหลินเล่นงาน” ขนาดแม่สามีเช่นนางยังถูกรังแกเลย นับประสาอะไรกับโม่อวี้เฟย นางถอนหายใจเหนื่อยหน่ายกับลูกชายที่สมองหมู ยังคิดจะไปตามกุ้ยหลินกลับมาที่จวนอีก หากกุ้ยหลินกลับมา นางมิอาจอยู่ร่วมจวนได้ เห็น ๆ ว่าลูกสะใภ้คนนี้ร้ายกาจเพียงใด นางจะเป็นเชื้อฟืนดี ๆ ทำให้ในจวนมีแต่ความวุ่นวายและบาดหมางกันเป็นแน่ ครั้นจะเอ่ยปากห้ามลูกชายที่เอาแต่ใจ จนเกิดการโต้เถียงเกิดขึ้น ลูกชายของนางหุนหันออกไปตามกุ้ยหลินกลับ เขาช่างไม่รักมารดาเช่นนางบ้างเลย นางห้ามเท่าไหร่ก็ไม่ยอมฟัง “ท่านแม่แล้วท่านพี่เล่าเจ้าคะ” อวี้เฟยลืมตาขึ้น นางคาดหวังว่าจะเจอสามี และอยากให้เขาปลอบใจนางเสียหน่อย แต่กลับไม่เห็นแม้แต่เงาของเขา สาวใช้ก็ส่ายหน้าบอกไม่รู้ “เห็นว่าจะไปตามกุ้ยหลินกลับมาจวน”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม