ตอนที่ 7 จัดการสั่งสอน
ค่ำคืนที่เงียบเหงาและอ้างว้างช่างดูเปล่าเปลี่ยวหัวใจยิ่งนัก สตรีนางหนึ่งกำลังนอนหลับ เปลือกตากลมโตของดวงตาคู่งามได้ปิดสนิท ลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอ ค่ำคืนอันหนาวเหน็บนี้กำลังจะผ่านพ้นไป
อาจิงกลับไปนอนพักยังเรือนของตนเอง คงเหลือเอาไว้เพียงแค่ฮูหยินน้อยที่มักจะออกปากว่านางอยากจะอยู่คนเดียวเท่านั้น จ้าวกุ้ยหลินนอนกระสับกระส่าย คล้ายว่าตนเองนั้นกำลังฝันร้าย ในห้วงความฝัน นางมองเห็นเพียงแค่แผ่นหลังของท่านแม่
สองเท้าเล็ก ๆ ของนางกำลังเร่งฝีเท้า หวังว่าจะตามท่านแม่ทัน แต่ทว่า ยามเมื่อนางเร่งฝีเท้าวิ่งเพื่อหวังว่าจะคว้าท่านแม่เอาไว้ กลับกลายเป็นเพียงแค่ความว่างเปล่า กุ้ยหลินมิเข้าใจสักนิด เอ่ยถามเงาเลือนรางว่า “เหตุใดท่านแม่จึงทอดทิ้งข้ากับท่านพ่อ”
คำถามนี้แม้ไม่น่าจะถาม นางรู้อยู่แก่ใจเหตุใดท่านแม่จึงจากไป ด้วยเพราะโรคร้ายที่ไม่มีทางรักษาได้ น้ำเสียงอบอุ่นละมุนหวานได้ส่งตอบกลับมายังลูกสาวที่นางเฝ้ามองอยู่ว่า “ลูกแม่ เจ้าต้องเข้มแข็งนะ” น้ำเสียงได้จางหายไปเพียงในพริบตาเดียว
จ้าวกุ้ยหลินละเมอร้องไห้สะอึกสะอื้นจนตัวโยน และความฝันนี้ได้มลายหายไปสิ้น เพียงแค่นางถูกอาจิงปลุกขึ้นมาในรุ่งอรุณของวันใหม่ แต่ทว่าสาวใช้ผู้ไม่รู้อีโหน่อีเหน่กลับถูกฮูหยินน้อยคนใหม่รังแกนางเพียงแค่พบหน้า ดังนั้นอาจิงจึงมาด้วยใบหน้าที่ฟกช้ำไม่น้อย
กุ้ยหลินค่อย ๆ ขยับเปลือกตาอย่างช้า ๆ ราวกับว่าปีกผีเสื้อกำลังขยับจะโผบิน เมื่อนางเปิดเปลือกตาก็พบกับว่า อาจิงก้มหน้าลงมองที่พื้น ฝ่ามือเล็ก ๆ จับที่ข้อเท้าของนางเบา ๆ เพียงแค่นั้น กุ้ยหลินมองอย่างสงสัย
“อาจิง เหตุใดเจ้าไม่เงยหน้าเป็นอะไรไป” คนเพิ่งตื่นนอนได้เอ่ยถาม นั่นเพราะเห็นว่าสาวใช้ผู้นี้ก้มหน้าไม่ยอมเงยหน้าพูดคุยเหมือนเช่นวันก่อน ๆ
“คือว่า...” ใบหน้าของอาจิงนั้นดูฟกช้ำไม่น้อย ด้วยเพราะฝีมือฮูหยินน้อยคนใหม่ที่เพิ่งจะแต่งเข้ามา สาวใช้ของนางจับแขนของอาจิงเอาไว้สองข้าง นางไม่อาจดิ้นรนขัดขืนได้ ใบหน้าของนางจึงถูกฮูหยินน้อยผู้นั้นฟาดฝ่ามือลงมาหลายครั้งที่ใบหน้า
“ใครกล้าทำร้ายเจ้าถึงเพียงนี้” กุ้ยหลินตกใจนัก เมื่ออาจิงเงยหน้าขึ้นมา ใบหน้าของสาวใช้ที่น่าสงสารดูบวมช้ำไม่น้อย แก้มขาว ๆ มีแต่รอยเขียวม่วงคล้ำ ทำให้กุ้ยหลินเดือดดาล ไฟโทสะพุ่งสูงขึ้นอย่างทันตาเห็น
“ฮูหยินน้อย ช่างมันเถิดเจ้าค่ะ ข้าเป็นเพียงแค่บ่าว” อาจิงตัวสั่นงันงกนึกหวาดกลัวยิ่งนัก ใจคอฮูหยินคนใหม่ช่างโหดเหี้ยม ผิดกับใบหน้าที่งดงาม แต่ทว่าใจดำอำมหิตราวกับปีศาจร้าย
“จะบ่าว จะนายก็เป็นคนเหมือนกันไหม มีเลือดเนื้อ รู้สึกเจ็บปวดเสียใจเช่นเดียวกัน ใครกันที่กล้าทำร้ายเจ้า! บอกข้ามา! ข้าจะไปถลกหนังหัวมันออกมาเช็ดเท้าเจ้า!” กุ้ยหลินนางไม่ยอมให้ใครมารังแกคนของนางได้ง่าย ๆ
แม้ว่าอาจิงจะเป็นเพียงแค่สาวใช้ นางได้รับมอบหมายมาให้ดูแลกุ้ยหลิน และสาวใช้ผู้นี้ก็เป็นคนของจวนตระกูลกวน หาใช่คนของนางไม่ กระนั้นนางรู้สึกกับอาจิงราวกับญาติของนางผู้หนึ่ง และกุ้ยหลินไม่มีทางยอมให้คนอื่นมารักแกคนของนางได้ง่าย ๆ
“ฮูหยินน้อย อย่ามีเรื่องกันเลยเจ้าค่ะ” อาจิงจับข้อมือของกุ้ยหลินเอาไว้ เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายรีบลุกขึ้นพรวดพราดและจะออกไปข้างนอกเรือนนอนของตนเอง สีหน้านั้นประเดี๋ยวดำ ประเดี๋ยวแดงเต็มไปด้วยความกรุ่นโกรธ
นางโทษแต่ตัวเองเท่านั้น ที่ไม่น่าไปเดินขวางหูขวางตาฮูหยินคนใหม่
“จะไม่ให้ข้ามีเรื่องได้อย่างไร มันทำร้ายเจ้าก็เหมือนมันตบหน้าข้า” กุ้ยหลินพ่นลมหายใจไปหลายครั้ง ที่เห็นว่าอาจิงนั้นน่าสงสารเพียงใด มือเรียวของฮูหยินน้อยปัดมือของสาวใช้ออก
“เจ้าไม่อยากจะให้ข้ามีเรื่อง ก็ได้...อาจิง” กุ้ยหลินยอมอ่อนข้อให้ แต่นางหาได้ยอมใครง่าย ๆ เสียเมื่อไหร่กัน นางมีแผนที่จะจัดการสั่งสอนแล้ว ไหน ๆ นางก็คิดจะหย่ากับเจ้าบ้านั่นอยู่แล้ว มิทำให้ทุกอย่างมันง่ายขึ้น
หากชายที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสามีของนาง เห็นใบหน้าดำคล้ำอัปลักษณ์ คิดว่าชายผู้นี้ไม่อยากให้นางอยู่ร่วมจวนเป็นแน่ และอีกอย่างคนพวกนี้มักดูถูกนางว่าชั้นต่ำ ไร้การอบรม ไร้การศึกษา คนอย่างจ้าวกุ้ยหลินนะรึที่ไร้การอบรม
บิดาของนางแม้ฐานะยากจนก็จริง แต่สอนสั่งนางราวกับท่านอาจารย์สอนลูกศิษย์ก็ว่าได้ ยิ่งท่านแม่ยังสอนอักษรของชาวผมทองตัวสูงใหญ่อีก นี่เรียกได้ว่า นางไร้การศึกษาหรือ คนพวกนี้ชอบดูถูกคน ดังนั้นนางก็จะใช้สิ่งเหล่านี้
ว่าแล้วเจ้ากุ้ยหลิน มิได้อาบน้ำ ผมยาวนุ่มสลวยของนางนั้นจัดการรวบขึ้นอย่างง่าย ๆ ปักด้วยปิ่นไม้ธรรมดา ใบหน้างดงามหลังจากตื่นนอน จะมีสภาพเช่นไร กุ้ยหลินมองกระจกของนาง เอียงซ้ายที ขวาที
อาจิงมิเข้าใจนายสาวจะทำเช่นไร นางเดินไปนำน้ำมาให้สำหรับล้างหน้า และบ้วนปาก เมื่อกุ้ยหลินตัดสินใจแล้วว่าจะทำอย่างไรต่อไปนี้ แววตาตื่นเต้นดีใจเมื่อมีแผนร้ายผุดขึ้นมาในห้วงสมองของนาง
“ข้านี่ช่างฉลาดจริง ๆ” นั่นปะไร อาจิงยิ่งงงงวยเข้าไปใหญ่ อยากจะเอ่ยถามแต่ทว่ามุมปากของนางนั้นยกขึ้นได้เพียงแค่เล็กน้อย และเจ็บระบมไปหมด
“นี่อาจิง เจ้าเดินไปที่ครัวสิ เอาผ้าไปด้วย แล้วก็หาอะไรก็ได้ที่มีกลิ่นเหม็น ๆ นะมาให้ข้าหน่อย อีกอย่างเจ้าใช้ผ้านี่เช็ดก้นหม้อที่ดำ ๆ มาด้วยนะ” แววตาปีศาจร้าย ได้ผุดขึ้นมาบนใบหน้างดงามของกุ้ยหลิน นางยกยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย ก่อนจะจางหายไป หลงเหลือเพียงแค่ใบหน้าราบเรียบเท่านั้น
แม้ว่าอาจิงจะสงสัยไม่น้อย นางเก็บงำความสงสัยเอาไว้ สองเท้าเล็ก ๆ ของสาวใช้รีบเดินไปยังห้องครัวตามที่เจ้านายบอก นางจัดการทุกอย่างรวดเร็วยิ่งนักและรีบวิ่งแจ้นกลับมาเรือนนอนของฮูหยินน้อย
กุ้ยหลินฮัมเพลงเบา ๆ อย่างมีความสุข มือเรียว ๆ รูปร่างเล็ก ๆ บอบบางน่าทะนุถนอมกำลังจัดการเก็บของลงใส่หีบ ดีที่ว่านางมีสมบัติไม่มากไม่เช่นนั้นนางต้องขนกลับเรือนเล็ก ๆ ของนางกับบิดาเหนื่อยแย่
เสื้อผ้าไม่ถึงห้าชุด ปิ่นปักผมเรียบง่ายเพียงแค่สี่อัน กับต่างหูเล็ก ๆ สองคู่ และนอกนั้นก็มีของใช้ไม่มากนัก พอดีที่อาจิงกลับเข้ามา แววตาของกุ้ยหลินเบิกกว้างแห่งความดีใจ สิ่งแรกที่นางดีใจมากที่สุดคือคราบก้นหม้อที่มันดำยิ่งนัก
นางจัดการละเลงลงใบหน้าซีกแก้มของนาง ทาเพียงแค่บาง ๆ เท่านั้น ดูน่าเกลียดอัปลักษณ์ยิ่งนัก อาจิงเห็นเช่นนั้นแล้วนางก็หัวเราะออกมา “ฮูหยินน้อย ท่านช่างเจ้าเล่ห์ยิ่งนัก ข้าขอคารวะท่านเป็นอาจารย์” ว่าแล้วอาจิงก็ยื่นมือทั้งสอง คำนับเล็กน้อย
สตรีสองนางกำลังสนุกสนานเสียยกใหญ่ อาจิงก็ไม่ต่างกัน นางทาใบหน้า และนำของสำคัญที่บอกว่าอะไรก็ได้ที่เหม็นเน่ามาให้นาง อาจิงตอนแรกก็ไม่รู้จะหาอะไรดี จนนางนึกได้ว่า วันนั้นที่ฮูหยินน้อยเชือดเจ้าบ่าวไก่ มีเครื่องในไก่เหลืออยู่และส่งกลิ่นเหม็นเน่าได้เป็นอย่างดีอีกด้วย
“มันเน่าได้ใจข้าจริง ๆ ได้กลิ่นก็แทบจะอ้วกแล้ว” ปากว่าแต่มือยังทำอยู่ นางไม่ขยะแขยงสักนิด จัดการละเลงพวงเครื่องในไก่ใส่เสื้อผ้าของนางและของอาจิง
“ฮูหยินน้อยแบบนี้จะได้ผลหรือเจ้าค่ะ” อาจิงสงสัยยิ่งนัก หากฮูหยินใหญ่เกิดสงสัยขึ้นมาจะว่าอย่างไร ไม่เพียงไม่ได้ออกไปจากจวนนี้ มิหนำซ้ำยังต้องถูกลงโทษเป็นแน่
“ได้ผลเกินคาดเชียวล่ะ” สีหน้าของกุ้ยหลินดูมั่นใจ จากนั้นสองนายบ่าวก็เดินไปยังเรือนหอของคู่บ่าวสาวเมื่อคืนนี้ กุ้ยหลินและอาจิงเดินผ่านสาวใช้ แต่ละคนรีบวิ่งหนีกันไปคนละทาง นั่นเพราะสภาพของพวกนางยิ่งกว่าขอทานเสียอีก
ขนาดยังไม่ตายกลิ่นยังเหม็นขาดนี้ แล้วถ้าตายเล่าจะเหม็นขนาดไหนกัน แววตายิ้มเยาะให้กับความเจ้าเล่ห์เพทุบายของตนเอง และแล้วทั้งสองก็มาถึงยังเรือนหอ เป้าหมายสำคัญ กุ้ยหลินเดินเข้าไปแม้ว่าสาวใช้ข้างนอกจะออกปากห้ามแล้วก็ตาม
กุ้ยหลินผลักพวกนางไปให้พ้นทาง และเดินเชิดหน้าเข้าไปข้างในห้องด้วยความมั่นอกมั่นใจเต็มเปี่ยมอย่างไรเสีย วันนี้นางต้องได้ก้าวออกไปจากตระกูลกวนได้อย่างแน่นอน
“ในเมื่อมาแล้วก็ดี ข้าจะได้สั่งสอนเจ้า” โม่อวี้เฟย ยามนี้นางคือฮูหยินกวนอวี้เฟย เดินออกมาข้างนอกห้องนอน เมื่อสาวใช้ไปรายงานว่า ผู้หญิงหน้าด้านที่แต่งงานเข้ามาก่อนมาขอพบหน้า เมื่อนางเดินออกมายังไม่ทันได้พบหน้าอีกฝ่าย แต่น้ำเสียงที่ดังออกจากปากนั้นส่งมาให้กุ้ยหลินได้ยินเสียก่อนตัวจะมาถึง
กุ้ยหลินยืนกอดอกสายตามิยอมใครง่าย ๆ เรียกได้จ้องจะจัดการอีกฝ่าย หากสตรีคนนั้นพุ่งเข้ามา ส้นเท้าน้อย ๆ ของนางเตรียมรอตะบันหน้าของคนใจดำอำมหิตอยู่แล้ว เมื่ออวี้เฟยกับเหวินปินเดิน ออกมา ทั้งสองคนก็รีบปิดจมูกอย่างรวดเร็ว
“เหม็นเน่าขนาดนี้ไปให้พ้นหน้าข้าเสีย” เหวินปินเห็นหน้าภรรยา ก็นึกรังเกียจยิ่งนักยามเมื่อเขามองใบหน้าที่ดำราวกับถ่าน ช่างอัปลักษณ์สิ้นดี และกลิ่นตัวนางราวกับซากศพเน่า เขาแทบจะอาเจียนทันที
“จะให้ข้าไปให้พ้นหน้าเจ้าก็ได้ ลงนามในหนังสือหย่าให้ข้าเสีย” กุ้ยหลินรีบเข้าประเด็นทันที ไม่ใช่เพียงแค่คุณชายน้อยจะอาเจียนเท่านั้น อาจิงเองก็พะอืดพะอมไม่ต่างกัน นางกลั้นแทบจะทนไม่ไหว ฮูหยินน้อยทนได้อย่างไร
อาจิงมองไปยังใบหน้าของนางครั้งแล้วครั้งเล่า แววตานั้นดูแน่วแน่ยิ่งนัก นางจึงฮึกเหิมคิดจะกล่าวโป้ปดเพิ่มด้วยอีกคน
“เจ้ามันสตรีวิปลาส แต่งงานได้สี่วันกลับยื่นหนังสือหย่าให้ข้า” เหวินปิน ความจริงมิอยากจะหย่ากับนาง เขาเพียงแค่อยากจะให้นางทนทุกข์ทรมานอยู่ในจวนนี้ต่อไป แต่นึกไม่ถึงนางเป็นฝ่ายออกปากขอหย่า เขานึกเสียดายนักที่ไม่ได้สั่งสอนนางให้รู้เสียบ้าง อย่าได้คิดมาเล่นตลกกับคนอย่างเขา
“ก็เพราะว่าข้ามีสามีแบบนี้อย่างไร จึงได้ขอหย่า หากไม่อยากตายเร็ว รีบลงนามในหนังสือหย่าเสีย!” กุ้ยหลินตวาดเสียงดังเข้าให้ อวี้เฟยหน้านิ่วคิ้วขมวดริมฝีปากบิดเบี้ยว นางโกรธเกรี้ยวยิ่งนัก นางมิพูดจาแต่ทว่านางก้าวเท้าเดินปรี่เข้าหมายจะฟาดใบหน้าของกุ้ยหลิน
แต่...คราวซวยจะเป็นใครไปได้เล่า เมื่อกุ้ยหลินยกเท้าขึ้นเตะเสยเข้าที่ปลายคางของอีกฝ่าย จนทำให้อวี้เฟยหงายหลังเหวินปินเข้าไปประคองภรรยาเอาไว้ได้ทันมิเช่นนั้นนางหัวฟาดพื้นเป็นแน่ ดูเหมือนว่าอวี้เฟยจะแน่นิ่งไปทันใด
“เฟยเอ๋อร์ เจ้าฟื้นสิ” คนตัวโตร้อนใจนักเมื่อเห็นภรรยาหมดสติไปเช่นนี้ สาวใช้ทั้งสองก็รีบวิ่งเข้ามา คิดจะแก้แค้นให้คุณหนูของพวกนาง แต่ก็ไม่ทันเช่นเดียวกัน
กุ้ยหลินจับแขนของสาวใช้ที่วิ่งเข้ามา กระชากนางจนหน้าไถลไปกับพื้น ส่วนอีกคนก็ถูกเท้าขอนางแตะเข้าให้ที่ท้องน้อยจนล้มลงที่พื้นแข็งกระด้าง เหวินปินเบิกตากว้างทีเดียว มิคิดว่ากุ้ยหลินจะร้ายกาจถึงเพียงนี้ นางทำร้ายสาวใช้ได้รวดเร็วยิ่งนัก
แววตายิ้มเยาะเย้ยเหยียดหยันอีกฝ่าย ย่างสามขุมเข้าไปหาสามีชั่วช้า ที่แต่งงานกับนางได้ไม่เท่าไหร่ เขาก็หยามหน้านางถึงเพียงนี้ ไม่รักไม่ว่า แต่เหตุใดคนพวกนี้จึงได้หยามหน้ากันนัก
“อยู่ไปไม่มีความสุข! ก็แค่หย่าเท่านั้นก็จบ! ในเมื่อมีผัวไม่เอาไหนเห็นแก่ตัวแบบนี้ อยู่ไปก็โง่นะสิ! ข้าจะเป็นหม้ายสาวพราวเสน่ห์ ดีกว่ามีผัวแบบเจ้า สู้ดีข้าไปหาผัวใหม่ดีกว่า คอยดูเถิด ข้าจะมีผัวให้ดีกว่าคนชั่วช้าอย่างเจ้า” กุ้ยหลินเดินเข้าไปแววตานั้นดูราวกับมีเพลิงโทสะ ใบหน้าดำคล้ำเพราะก้นหม้อที่นางทาเองกับมือ
แววตาดูมุ่งมั่นยิ่งนักกว่าอย่างไรวันนี้นางจะต้องหย่าให้ได้ “จะหย่าให้ข้าดี ๆ หรืออยากเจ็บตัวบอกมา อีกอย่างข้าจะนำอาจิงไปด้วย ยกนางให้ข้า เอาหนังสือไถ่ตัวนางให้ข้าด้วย หากไม่ทำตามคำสั่งข้า เกรงว่า รายต่อไปได้เป็นเจ้าแน่ ๆ”
“สตรีเช่นเจ้าช่างหน้าด้านกล้าเรียกร้องเสียมากมาย” เหวินปินก็ไม่ยอมเช่นเดียวกัน
“เจ้าไม่ยอมใช่หรือไม่ ดี!... เช่นนั้นข้าจะกรีดใบหน้าของเมียเจ้า ดูสิหากอัปลักษณ์ขึ้นมาเจ้าจะทำอย่างไร” กุ้ยหลินข่มขู่ แววตาของนางจ้องมองยังสตรีที่นอนสลบอยู่นั่น อีกนานกว่าจะฟื้น ใครถูกเตะเสยปลายคางเช่นนี้ก็ย่อมสลบเหมือดทุกราย
“จ้ากล้าขู่” เหวินปินไร้หนทางจะต่อสู้ มารดาก็ไม่อยู่ที่จวน บิดาก็ไปทำงาน หลงเหลือเพียงแค่เขากับภรรยา ข้างนอกก็ไม่มีใครเข้ามาช่วยเหลือ เขาอดแปลกใจไม่น้อย ในเรือนของเขาเหตุใดจึงเงียบเชียบเช่นนี้นัก แววตาของเหวินปินเบิกกว้างเมื่อคิดว่าจ้าวกุ้ยหลินสังหารคนของเขาที่อยู่ข้างนอกนั่น
“หากเจ้ายังไม่ยอมหย่าให้ข้า เกรงว่าไอ้มังกรน้อยของเจ้าจะถูกข้าเชือดแน่ ๆ”
“หากข้าตอบว่าไม่” เหวินปินดูจะลนลานไม่น้อย เมื่อเขารู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาจับใจ เกิดมายังไม่เคยพานพบสตรีนางใดชั่วร้าย จิตใจโหดเหี้ยมสังหารคนได้แบบนี้
กวนเหวินปินคิดจนเตลิดไปไกลโข คนที่อยู่ด้านนอก บรรดาพวกบ่าวชายทั้งหลายนั้นถูกกุ้ยหลินมัดมือและปิดเอาไว้ นั่งเรียงรายกันในแต่ละมุมเสา เรียกได้ว่านางไม่อาจจะทำสำเร็จได้เพียงแค่คนเดียว มีอาจิงช่วยนางอีกแรง
วันนี้นางเสียเหงื่อไปเยอะไม่น้อย เช่นนั้นก็ขอข่มขู่สามีชั่วช้านี้สักเล็กน้อยก็แล้วกัน
“เจ้าก็ต้องถูกเชือดไอ้มังกรลูกชายสุดรักสุดหวงของเจ้า ขนาดเจ้าบ่าวตัวแทนของเจ้ายังถูกข้าเชือดทำน้ำแกงให้แม่ของเจ้ากิน นับประสาอะไรกับแค่ไส้เดือนของเจ้าที่ข้าจะไม่กล้าจับมันและลงมีดเชือดมันล่ะ” กุ้ยหลินยิ้มอย่างร้ายกาจ
“เลือกเอาจะให้ลงนามหย่าให้ข้า หรือจะให้ข้าเชือดไอ้ลูกชายของเจ้า ข้าขอไม่มากแค่อาจิงคนเดียว อย่างอื่นข้าไม่ต้องการ ยิ่งเงินทองของเจ้ายิ่งแล้วใหญ่ ข้าไม่ต้องการสักอีแปะ”
อาจิงยื่นมีดเล่มเล็ก ๆ ให้นายสาว กุ้ยหลินรับมันมา นางปักเข้าไปที่หว่างขาของเหวินปิน เฉียดเจ้าลูกชายของเขาไปนิดเดียวก็เท่านั้น
“เจ้าจะทำจริง ๆ รึไง” เหวินปินฉี่แทบราด ดีนะเขาผลักภรรยาให้นอนข้าง ๆ มิเช่นนั้นลูกชายของเขาไม่อยู่เป็นแน่
“ก็เออนะสิ! ใครล้อเล่นกัน ไม่อยากตายก็หย่าเสีย!”