ตอนที่ 4 ของขวัญปริศนา/3

1361 คำ
หนึ่งสัปดาห์ผ่านไป ร่างของนักร้องสาวคนดังก้าวลงจากรถคันหรู เมื่อแล่นเข้ามาจอดบริเวณด้านหน้าโรงแรมที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในเมืองเซี่ยงไฮ้ซึ่งเป็นสถานที่พำนักของหยางเฟยอี้และหลี่ยู่ ผู้จัดการส่วนตัวของเธอที่ได้บินด่วนมาจากฮ่องกง ทันทีที่ล่วงรู้ข่าวว่านักร้องสาวคนดังล้มป่วยจนต้องหามส่งโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน และในวันนี้หญิงสาวกลับมาจากงานประกาศผลรางวัลเฟยเทียน ซึ่งเพลงประกอบยอดเยี่ยมในซีรีสเรื่องดัง โดยเธอเป็นผู้ขับร้องได้รับรางวัลเพลงประกอบละครยอดเยี่ยมไปครอง รวมไปถึงเดินสายรับรางวัลในวงการเพลงซึ่งทางการจีนจัดขึ้นเพื่อมอบให้กับศิลปินของวงการที่ได้รับความนิยมอย่างล้นหลามอยู่ในแผ่นดินจีนขณะนี้ “โอ๊ยเหนื่อยจังเลย” หญิงสาวพูดพลางยืนบิดขี้เกียจไปมา ตุบ! ร่างแน่งน้อยอรชรทิ้งตัวลงนอนคว่ำหน้าบนเตียงสปริงของโรงแรม พลางไขว่คว้าหมอนหนุนมารองศีรษะของตัวเอง หลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าอาบน้ำชำระล้างกายจนเรียบร้อย “อ้าว! ทำไมนอนหลับเร็วนักละเพิ่งจะสี่ทุ่มเอง ไม่ลุกขึ้นมาแกะของขวัญที่บรรดาแฟนคลับของเธอมอบให้ในวันแรกที่มาถึงจีนก่อนเหรอ” ผู้จัดการส่วนตัวหรือหลี่ยู่ซึ่งเป็นพี่สาวต่างพ่อของนักร้องคนดังเอ่ยถามน้องสาวของเธอกลับไป หญิงสาวส่ายหน้าไปมาเป็นการใหญ่ทั้งที่ตายังหลับอยู่ ส่งเสียงตอบอู้อี้กลับไป “ไม่ละพี่ใหญ่ถิงถิงเหนื่อย วันนี้เดินสายรับรางวัลตลอดทั้งเลย ฉีกยิ้มจนเมื่อยแก้มไปหมดแล้ว พี่ใหญ่แกะไปคนเดียวเถอะ หนูขอตัวเข้านอนล่วงหน้าไปก่อนแล้วกัน” หญิงสาวตอบกลับไปเสียงงึมงำ “ตามใจเราเดี๋ยวพี่ใหญ่จะตั้งนาฬิกาปลุกเอาไว้ให้ พรุ่งนี้ยังเหลืออีกหนึ่งงานต้องเดินทางไปเมืองลั่วหยาง และเข้าพักในเมืองที่ทีมงานจัดไว้ให้เรียบร้อยแล้ว วันถัดไปพวกเราก็จะต้องเข้าร่วมงานเทศกาลดอกโบตั๋นที่เมืองลั่วหยางจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี โชคดีเป็นบ้าเลยที่บินมาทำงานช่วงเวลานี้พอดี จะได้เห็นดอกโบตั๋นหลายหลากสีบานพร้อมกันเป็นทุ่งกว้างเลย” หลี่ยู่อธิบายรายละเอียดของงานให้น้องสาวสุดที่รักของเธอฟัง มือก็แกะกล่องสี่เหลี่ยมจัตุรัสทรงยาวคล้ายสำหรับใส่เทียนหรือสิ่งของที่มีความยาวมากๆ ก่อนจะเปิดฝาพลางเทออกมาจากกล่องและพบว่าภายในนั้นเป็นม้วนภาพวาดก่อนจะค่อยๆ คลี่ออกมาเผยให้เห็นภาพตรงหน้า ซึ่งวาดมาจากปลายพู่กันทุกส่วนลงตัว รายละเอียดทุกอย่างเห็นได้อย่างชัดเจนราวกับว่ามีชีวิต ภาพตรงหน้าแสดงแม้กระทั่งป้ายชื่อที่ติดไว้ตรงหน้าจวนได้อย่างชัดเจน “จวนอุปราช!” หลี่ยู่อ่านป้ายชื่อที่ติดอยู่ตรงหน้าจวนจากในภาพออกมา พลางก้มลงสำรวจรายละเอียดปลีกย่อยที่ลงลึกเข้าไปที่แม้แต่ตัวปลากำลังแหวกว่ายอยู่ในสระยังชัดเจนและคล้ายจะเคลื่อนไหวได้ด้วย “ภาพวาดสามมิติเหรอ ทำไมรู้สึกว่าเห็นปลาขยับไปมาได้หรือเราจะตาฝาด” หลี่ยู่บ่นพึมพำให้กับตัวเอง “นี่ถิงถิง! แฟนเพลงของเธอคนนี้ท่าทางจะต้องเป็นจิตรกรเอกระดับโลกแน่ๆ เลย วาดภาพจวนอุปราชลงลึกถึงรายละเอียดจนเห็นแม้กระทั่งปลาว่ายน้ำได้เลย ดูสิจวนนี้อยู่ในเมืองลั่วหยางด้วย!” หลี่ยู่พูดพลางถือภาพวาดที่อยู่ในมือกลับไปหาน้องสาวเพื่อจะเอ่ยปากถาม “โอโห่สภาพ!” หลี่ยู่พูดพลางส่ายหน้าไปมา เมื่อเธอหันกลับมาเห็นท่านอนของน้องสาวสุดที่รักในสภาพนอนก่ายหมอนข้าง ศีรษะที่เคยหนุนหมอนตกลงไปกองที่พื้น ผ้าห่มถูกถีบออกจากกาย และที่สำคัญร่างของนักร้องดังเลื้อยมาอยู่ที่ปลายเตียง นอนอ้าปากหลับสนิทไปไม่รู้ตั้งแต่ตอนไหน “ฉันอายท่านอนของแกจริงๆ เลยถิงถิงเอ๊ยถิงถิง เมื่อไรจะเลิกนอนดิ้นหัวไปทางหางไปทางแบบนี้เสียทีนะ ขืนนอนแบบนี้ต่อไปชาตินี้จะได้แต่งงานมีสามีเป็นตัวเป็นตนกับเขาหรือเปล่าก็ไม่รู้ เล่นนอนถีบทุกอย่างลงจากเตียงทั้งหมด สงสัยผัวก็คงถีบลงจากเตียงแน่ๆ เลย” หลี่ยู่บ่นพึมพำด้วยความอ่อนใจกับพฤติกรรมของน้องสาว ภาพวาดที่อยู่ในมือถูกเก็บเข้าไปในกล่องตามเดิม ก่อนจะเดินไปหย่อนใส่ไว้ในกระเป๋าสะพายใบใหญ่ซึ่งใช้เป็นที่เก็บข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัวของน้องสาว ด้วยเพราะมองหาที่เก็บได้ไม่ดีเท่าเจ้ากระเป๋าใบใหญ่ของหยางเฟยอี้ “เก็บไว้ในนี้แหละ พรุ่งนี้ไปเมืองลั่วหยางถือโอกาสไปชมจวนนี้ด้วยเลย ภาพวาดยังสวยขนาดนี้ของจริงคงต้องสวยกว่าแน่นอน” หลี่ยู่ยืนกอดอกคุยกับภาพวาดตรงหน้าราวกับว่ามันฟังเธอรู้เรื่อง หาววววว!!!! เสียงหาวนอนดังออกมาบ่งบอกให้ล่วงรู้ว่า เจ้าตัวมีอาการง่วงนอนเข้าให้เสียแล้ว “นอนเอาแรงดีกว่า พรุ่งนี้ต้องตื่นเช้าออกเดินทางไปต่างเมืองเสียด้วย” หลี่ยูเดินกลับไปที่เตียงนอนของเธอ หญิงสาวหันกลับไปก้มหยิบผ้าห่มนำมาคลุมร่างของน้องสาวที่นอนดิ้นไปคนละทิศละทาง โดยไม่จับเธอให้นอนดีๆ ด้วยเพราะล่วงรู้ว่าจับให้นอนท่าไหน ก็เปล่าประโยชน์เพราะเมื่อตื่นเช้าขึ้นมาก็จะอยู่ในท่าอื่นเสมอเป็นแบบนี้มาตั้งแต่เด็กจนโต ตุบ!ร่างอวบอิ่มของหลี่ยู่เอนลงนอนบนเตียงของเธอซึ่งอยู่ทางด้านซ้ายติดกำแพง เพียงครู่หญิงสาวก็นอนหลับสนิทในเวลาต่อมา ไม่รับรู้เรื่องราวอะไรทั้งสิ้น ไม่เห็นแม้กระทั่งเสียงคนพูดคุยกันดังออกมาจากภาพวาดที่อยู่ในกระเป๋าใบเขื่องของน้องสาวเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน “ทหารเฝ้าเวรยามเตรียมผลัดเปลี่ยนกะ เวรยามผลัดต่อไปเตรียมตัวให้พร้อม” เสียงสั่งการดังออกมาจากภาพวาด “คืนนี้เดือนดับรีบไปจุดโคมไฟเพิ่มให้ทั่วจวนเดี๋ยวนี้ ยกเว้นบริเวณท้ายจวนไม่ต้องจุดโคมไฟเพิ่มเพราะที่คนนั่นไม่ชอบแสงสว่าง พระนางชอบอยู่ในความมืดตามลำพัง” เสียงสั่งการดังออกมาจากภาพวาด “ชายาที่เลื่องลือว่าอัปลักษณ์มากยิ่งนักราวปีศาจก็ว่าได้ ไม่น่าเชื่อว่าจะได้อภิเษกกับองค์ชายอุปราชของพวกเรา” “ได้ยินมาว่าไม่มีนางกำนัลคนไหนกล้าอยู่ถวายงานเลยนะ เห็นทีไรตกใจใบหน้าผีของพระนางจนหัวใจวายตายคาที่ไปหลายคนเลยเชียวละ “สงสารก็แต่องค์ชายอุปราชได้อภิเษกสมรสทั้งที กับได้ชายาอัปลักษณ์หน้าปีศาจแทนที่จะได้หญิงงาม” “เฮ้อ! สวรรค์ช่างกลั่นแกล้งพระองค์เสียจริงๆ” “พวกเจ้าไม่ต้องไปจุดโคมไฟที่ท้ายจวนนะ ปล่อยให้ตำหนักตรงนั้นอยู่อย่างเดียวดายแบบนั้นแหละ เพราะข้ากลัว” เสียงพูดคุยดังออกมาจากภาพวาดได้ยินคล้ายเสียงผู้คนซุบซิบนิทราเรื่องของเจ้านายระดับสูง “ตำหนักไหนนะไม่ต้องจุดโคมไฟเพิ่ม!” เสียงทหารยามกะใหม่ตะโกนถาม “ตำหนักท้ายจวน!” เสียงทหารยามผลัดเก่าตะโกนตอบกลับไป “เข้าใจแล้ว!” เสียงพูดคุยค่อยๆ เบาลงก่อนจะเงียบงันราวกับว่าไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น ในขณะที่สองพี่น้องยังคงนอนหลับสนิทอยู่เช่นเดิมโดยไม่ล่วงรู้ว่าเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันเมื่อครู่ที่ผ่านมา และเป็นสิ่งที่เหนือความคาดหมายของผู้คน แม้กระทั่งวิทยาศาตร์อันทันสมัยในศตวรรษที่ 21 ก็ไม่สามารถพิสูจน์เรื่องลี้ลับเช่นนี้ได้
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม