“ทำไมยังไม่ไปอีก”
คลินท์เอ่ยถามเสียงเรียบเก็บซ่อนความเป็นห่วงปนตกใจภายใต้ท่าทางเคร่งขรึมไว้อย่างมิดชิด หลังจากเดินออกมาจากห้องนอนแล้วพบว่าร่างบางระหงนั่งสะอื้นจนตัวโยนอยู่บนโซฟาตัวใหญ่กลางห้อง โดยมีกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ตั้งอยู่ข้างๆ ส่วนเบนลีและการ์ดทั้งสองยืนรออยู่ที่ประตูเงียบๆ
มือเล็กยกขึ้นมาปาดน้ำตาลวกๆออกจากแก้มงาม เมื่อร่างสูงสง่าเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าเธอ พลอยไพลินกระพริบตาถี่ๆไล่น้ำตาที่เอ่อล้นขึ้นมาท่วมดวงตากลมโตพลางลุกขึ้นยืนเผชิญหน้ากับชายหนุ่ม
“ถ้ายังไม่ออกไปจะให้การ์ด…”
คลินท์พูดยังไม่ทันจบก็ต้องชะงักนิ่งอยู่กับที่ด้วยความตกใจปนคาดไม่ถึงเมื่ออยู่ดีๆเธอก็โผล่เข้ากอดเขาแน่นโดยที่ชายหนุ่มไม่ทันตั้งตัว
“หนู…ขอโทษที่โกหกป๋า ขอโทษที่ทำให้ป๋าผิดหวัง หนู…หนูขอเวลาป๋าแค่ครู่เดียวขอกอดป๋าเป็นครั้งสุดท้ายนะคะ”
พลอยไพลินบอกด้วยเสียงสะอื้นน้อยๆโดยไม่สนใจว่าเขาจะเอ่ยอะไรอีก ใบหน้างามฝังลงกับอกแกร่งแข็งแรงของชายหนุ่มนิ่งราวกับต้องการซึมซาบเวลาแห่งความอบอุ่นนี้ไว้ให้อยู่ในห้วงความทรงจำของเธอตราบนานเท่านาน
“แล้วจะไปไหนต่อ”
หลังจากถามออกไปคลินท์ก็รู้สึกตกใจกับคำถามของตนเองเล็กน้อยเมื่อรู้ตัวว่าตอนนี้เขากำลังใจอ่อนกับเธอ ที่ผ่านมาเขาไม่เคยรู้สึกใจอ่อนกับคนที่เขาออกปากไล่ หรือว่าความรู้สึกนี้จะเป็นเพียงมนุษยธรรมที่มนุษย์ทุกคนพึงมี เพราะตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว คลินท์คิดเข้าข้างตัวเองเพราะไม่อยากยอมรับว่าตัวเองนั้นมีความรู้สึกดีๆกับเธอเข้าแล้ว
“ก่อนไปหนูขอสารภาพความผิดอีกข้อนะคะ…”
พลอยไพลินไม่สนใจตอบคำถามแต่กลับพรั่งพรูความในใจออกมาเพราะตระหนักได้ว่าเวลาของเธอเหลือน้อยลงทุกที ใบหน้างามผละออกจากอกกว้างเงยขึ้นมาสบตากับเขาฝืนระบายยิ้มทั้งน้ำตา แม้คลินท์อยากจะเอามือเช็ดน้ำตาให้เธอแค่ไหนแต่ก็ทำใจแข็งพร้อมเอ่ยถามเสียงเรียบ
“ความผิดอะไร”
เสียงทุ้มเรียบเอ่ยถามพร้อมนัยน์ตาคมกริบสีบรอนซ์ที่กำลังจับจ้องมองใบหน้างามทำให้หัวใจดวงน้อยสั่นไหว แต่ก็ยังควบคุมสติให้มั่นคงเพื่อพูดในสิ่งที่เธอตั้งใจบอกกับเขาก่อนที่จะไม่มีโอกาสบอกกับเขาอีก
“ที่จริงแล้ว หนู…หนูตกหลุมรักป๋าตั้งแต่แรกพบแล้วค่ะ ยิ่งป๋าดีกับหนูเท่าไหร่หนูก็หลงรักป๋ามากขึ้นเท่านั้น ที่ไม่กล้าบอกเพราะกลัวจะถูกไล่ออก แต่ไหนๆวันนี้ก็ถูกไล่ออกแล้วขอสารภาพตรงๆกับป๋าเลยแล้วกันว่าป๋าเป็นรักแรกของหนู ต่อไปนี้ป๋าต้องดูแลสุขภาพดีๆ และที่สำคัญอย่าลืมดูแลใบหน้าหล่อๆด้วยนะคะ”
เสียงหวานบอกความในใจของตัวเองที่มีต่อเขา ตามด้วยการกำชับสั่งเพื่อไม่ให้เขาลืม ขณะที่คนฟังยืนนิ่งด้วยความรู้สึกอึ้งเพราะคาดไม่ถึงว่าเธอจะหลงรักเขาเข้าแล้วจริงๆ แต่ทำไมคราวนี้เขาถึงได้รู้สึกดีไม่เหมือนครั้งก่อนๆที่ถูกสาวๆสารภาพรักแล้วต้องโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ
เมื่อเห็นชายหนุ่มยืนนิ่งเฉยไม่กล่าวอะไรกับเธออีก หญิงสาวก็สุดหายใจเข้าปอดลึกๆก่อนจะตัดใจบอกลา
“หนูไปแล้วนะคะป๋า …ขอให้ป๋าโชคดี”
พูดจบเท้าเล็กก็เขย่งขึ้นเพื่อยื่นใบหน้างามขึ้นมาจุ๊บแก้มสากๆหนึ่งทีเป็นการร่ำลา จากนั้นร่างบางระหงก็ผละจากอกกว้างคว้ากระเป๋าเดินทางใบใหญ่ หมุนตัวก้าวยาวๆไปทางประตู
“ฉันพร้อมแล้วค่ะ ไปกันได้”
พลอยไพลินบอกกับเบนลี ทันทีที่ก้าวเข้ามาในลิฟต์น้ำตาก็ร่วงหล่นลงเป็นสายอีกครั้ง หญิงสาวรู้สึกเจ็บปวดจนแทบจะหายใจไม่ออก บางทีเธอก็รู้สึกสงสัยว่าทำไมความรักต้องมาคู่กับน้ำตา เพราะความรักที่เธอมีต่อผู้มีพระคุณ เธอก็ได้รับการตอบแทนด้วยน้ำตาเช่นกัน
ทางด้านคลินท์หลังจากที่หญิงสาวจากไป เขาก็กระวนกระวายใจจนนั่งไม่ติด เกือบสิบนาทีแล้วที่ชายหนุ่มเดินวนไปวนมาอยู่ในห้องด้วยความคิดมากมายจนรู้สึกสับสนไปหมด และในที่สุดเขาก็อดรนทนไม่ไหวต้องต่อสายหาเลขาคนสนิท
ติ๊ด…ติ๊ด…ติ๊ด
‘เบนลี! นายได้ยินฉันหรือเปล่า’
เสียงทุ้มเรียบกรอกลงไปตามสายโทรศัพท์ ขณะที่ในใจนั้นร้อนรุ่มแทบจะระเบิด
‘ครับท่าน ได้ยินครับ’
‘พลอยไพลินอยู่ไหน ฉันขอคุยกับเธอหน่อย’
‘ขอโทษครับท่าน ตอนนี้คุณพลอยไพลินลงจากรถไปแล้วครับ และดูเหมือนว่าจะมีคนตามเธออยู่ครับ’
เบนลีบอกก่อนจะรายงานสถานการณ์ตอนนี้ ทางอีกฟากฝั่งของถนน ดูเหมือนหญิงสาวจะถูกล้อมด้วยกลุ่มชายฉกรรจ์ชุดดำ
‘ว่าไงนะ แล้วนายรู้หรือเปล่าว่าใครตามเธอ’
คลินท์ร้องเสียงหลงด้วยความตกใจ ก่อนจะถามด้วยเสียงรัวเร็ว
‘ถ้าเดาไม่ผิดน่าจะเป็นคู่อริที่เธอเคยขอให้ทางเราปกป้องนะครับ เป็นชายฉกรรจ์ประมาณสามสี่คนครับท่าน’
‘เข้าไปช่วยเธอเดี๋ยวนี้ แล้วฉันจะตามไป’
ทันทีที่เลขารายงานจบ เสียงทรงอำนาจก็ออกคำสั่งเฉียบขาดแทบจะทันที ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าตอนนี้หัวใจเขาอยู่ที่ไหน
‘ครับท่าน!’
เบนลีรับคำแล้วก็ต้องหักเลี้ยวพวงมาลัยรถกลับไปทางเดิม ขณะเดียวกันสายตาคมกริบก็พยายามมองไปยังถนนอีกฝั่งเพื่อไม่ให้คลาดจากร่างบางระหงในกลุ่มชายฉกรรจ์นั้น
“พลอยบอกแล้วไงว่าไม่กลับ ไปบอกป๊าเลยว่ายังไงพลอยก็ไม่กลับบ้านเด็ดขาด!”
พลอยไพลินโวยวายเมื่อถูกกลุ่มชายฉกรรจ์ล้อมหน้าล้อมหลังไม่ยอมให้เธอเดินหนีไปไหนได้
“คุณหนูอย่าดื้อเลยครับ พวกเราไม่อยากใช้กำลังกับคุณหนู ช่วยให้ความร่วมมือด้วยครับ นะครับคุณหนู”
คมสันชายฉกรรจ์หนึ่งในกลุ่มที่เป็นคนสนิทของบิดา หรือจะเรียกว่าเป็นมือขวาของท่านเอ่ยขอร้องหญิงสาวแทบจะคุกเข่าอ้อนวอนเลยทีเดียว เขารู้จักและเห็นหญิงสาวมาตั้งแต่เล็กๆทำไมเขาจะไม่รู้ว่าเธอนั้นดื้อรั้นแค่ไหน
“อย่ามาขอร้องอ้อนวอนเลยเสียเวลาเปล่า พลอยบอกแล้วไงว่าไม่กลับ ก็คือไม่กลับสิ!”
“ถ้าคุณหนูไม่กลับ ท่านเอาพวกเราตายแน่ครับ”
“ไม่ต้องห่วงหรอก ถึงพ่อจะดุแต่ก็ไม่เคยฆ่าใครตายสักคน พวกพี่หลีกไปเลยนะ พลอยไม่อยากกลับบ้าน!”
หญิงสาวตะโกนใส่หน้าชายฉกรรจ์ ขณะที่พยายามหาจังหวะหนีออกจากวงล้อมให้ได้ และในที่สุดเธอก็พบทางออก ใบหน้างามยิ้มเก๋เมื่อคิดบางอย่างขึ้นมาได้ เร็วเท่าความคิดหญิงสาวถีบกระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่ใส่กล่องดวงใจของคนที่เดินมาขวางจนร่างสูงทรุดอวบลงตรงหน้าสีหน้าบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด และระหว่างที่ทุกคนกำลังอึ้งอยู่กับเหตุการณ์แผงฤทธิ์ของสาวเจ้า พลอยไพลินก็ได้จังหวะวิ่งออกมาจากวงล้อมทันที เท้าเรียวยาววิ่งอย่างไม่คิดชีวิต ดวงตากลมโตเล็งเป้าหมายไปที่ฝั่งตรงข้ามจนลืมดูรถที่กำลังเล่นๆมาบนท้องถนน
เอี้ยด!!! โคร่ม!!!
เสียงเบรกรถดังสนั่นก่อนที่จะตามมาด้วยเสียงเฉี่ยวชนกับอะไรบางอย่างเต็มแรง ส่งผลให้ทุกสายตาต้องเบิกกว้างด้วยความตกใจพร้อมใจที่หล่นหายไปตามๆกัน