อนงค์นางถูกฉุดเข้ามาภายในห้องเธอถูกผลักจนถลาล้มลงบนพื้น ดอนหนุ่มผวาเฮือก เขารีบปรับสีหน้าแววตาให้นิ่งสงบ แอบชำเลืองมองผู้หญิงตรงหน้า สีน้ำเงินขับผิวขาวๆ ของหล่อนผ่องเป็นยองใยเตะตาจนตาพร่า เขารีบกะพริบเปลือกตาขับไล่ความรุ่มร้อนที่จวนเจียนระเบิดให้ย้อนกลับลงไปที่เดิม
“ออกไป” เสียงแหบพร่ากระซิบไล่ลูกน้องคนสนิท อารมณ์เดือดปะทุแทบจะแตกกระจัดกระจาย
“ฉันมีข้อเสนอให้เธอ สนใจไหมล่ะ” เฟรโดยื่นทางเลือกให้หญิงสาว สิ่งที่ต้องการเขาไม่เคยพลาดสักครั้ง
“อะไรคะ?”
“ฉันจะปล่อยเธอไป แต่…”
“แต่ แต่อะไร? ดอนต้องการอะไรจากฉันกันแน่”
“หึๆ ไม่ต้องเดาไปหรอกน่าคนสวย สิ่งที่ฉันต้องการฉันต้องได้ เธอไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยอมสถานเดียว”
“นางกลัว นางกลัวแล้ว...ปล่อยนางไปเถอะค่ะ นางเป็นห่วงพ่อ!” อนงค์นางวอนขอเสียงสั่นสะอื้น ดวงตากลมโตเอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำตา
“เธอชื่ออะไรนะ”
“คะ”
“เธอชื่ออะไรสาวน้อย ฉันจะได้เรียกถูก”
“อนงค์นางค่ะ นางชื่ออนงค์นาง”
“อืม เพราะดีนะ แปลกๆ ดี เธอไม่ใช่คนที่นี่ใช่ไหม?”
“นางโตที่นี่ค่ะ นางแม่เป็นคนไทยพ่อเป็นอิตาเลี่ยน”
“เธอรู้จักการ์เซียน่าไหม? มิคาเอลน่ะรู้จักไหม” เฟรโดถามแบบที่องค์นางคาดไม่ถึง ดวงตากลมโตไหวระริก รีบเสก้มใบหน้าหลบเมื่อจวนตัวหาคำตอบไม่ทัน
“รู้จักสินะ ทำแบบนี้ทำไมฉันอยากรู้ บอกฉันหน่อยได้ไหม แล้วฉันจะปล่อยเธอไป” เฟรโดกตะล่อมถาม พิรุธเพียงนิดเดียวเขาก็พอจะเดาได้
“นางจะเชื่อดอนได้ยังไงคะ ว่าดอนจะปล่อยนางไปจริงๆ”
“ฉัน ดอนเฟรโดไม่เคยโกหก ปล่อยก็คือปล่อย ฉันเอาศักดิ์ศรีตัวเองค้ำประกันเลย” ชายหนุ่มพูดเสียงกระหึ่ม
“นาง นาง” อนงค์นางกระอึกกระอัก เธออยากบอกความจริงให้ดอนหนุ่มรู้ แต่ความกลัวที่เกาะกุมอยู่ในใจทำให้ยังไม่มีความกล้า
ชายหนุ่มหัวเราะหึๆ ในลำคอ เขาไม่อยากเชื่อว่าการ์เซียน่าจะส่งคนอ่อนประสบการณ์เข้ามาก่อกวน แค่ตะล่อมถามไม่กี่คำก็เผยพิรุธจนจับได้ ไม่น่าเชื่อก็ต้องเชื่อ เด็กไม่ประสีประสากลับทำให้คอลิเอโน่แทบซวนเซ ถึงแม้จะมีประกันอัคคีเพลิงไว้ แต่การสูญเสียความเชื่อมันของลูกค้าคือการเสียท่าเชิงธุรกิจ ชายหนุ่มจึงเร่งสั่งให้ฟื้นฟูท่าเทียบเรือเร็วๆ แม้จะสูญเสียกำลังทรัพย์มหาศาลก็ไม่เสียดายสักนิด เพราะเป็นการเรียกความมั่นใจของคู่ค้าคืนมา และประกาศอำนาจทางการบริหารให้คู่แข่งรู้ถึงศักยภาพขีดความสามารถที่คอลิเอโน่มี
“ไม่ต้องพูดแล้วฉันพอจะรู้แล้วล่ะ” ชายหนุ่มหยัดกายลุกขึ้นยืน เขาเดินย่างสามขุมเข้าไปหาอนงค์นางด้วยท่าทีคุกคาม หญิงสาวทะลึ่งกายลุกขึ้นยืน เธอถอยหลังหนีอย่างลุกลน “ดอนจะทำอะไรคะ?”
“เธอไม่อยากรู้หรอกอนงค์นางว่าฉันจะทำอะไรเธอ” เฟรโดตอบเสียงปร่า เขากระโจนรวบอนงค์นางไว้ในวงแขน ก่อนที่ทั้งสองจะเสียหลักล้มลงบนเตียง ริมฝีปากหนาหยักกดกระแทกเรียวปากจิ้มลิ้มที่หมายตา ดอนหนุ่มบดจูบอย่างดุดัน บดเบียดเรียวปากหนาหนักเข้าหาเรียวปากจิ้มลิ้ม ดูดดึงขบเม้มกลีบปากเหมือนต้องการลงทัณฑ์ให้คนรับได้จำ ชายหนุ่มหรรษากับการทรมานเรือนกายใต้ร่าง อนงค์นางตัวแข็งทื่อด้วยความตกใจ จูบเธอถูกจูบจากคนแปลกหน้าที่เพิ่งพบเจอกันครั้งแรก เธอเคยได้ยินชื่อเสียงของเขามานาน ภาพข่าวตามหนังสือแมกกาซีนชื่อดังที่แอบอ่านโดยไมให้แม่ชีผู้ดูแลรู้ หนุ่มหล่อฉายา ดอนเฟรโด ที่สาวๆ ค่อนเมืองวิ่งไล่จับ พวกเธออยากลากชายหนุ่มเจ้าเสน่ห์ขึ้นมานอนกอดบนเตียงของตัวเอง ไม่ใช่แค่ทรัพย์สมบัติติดตัวของดอนผู้นั้นที่ทุกคนปรารถนา เสน่ห์อันล้นเหลือของชายหนุ่มก็เช่นกัน เขาหล่อเหลายิ่งกว่าดารานายแบบ ดวงตาสีคาราเมลฉ่ำแต่แฝงความร้อนแรงจนต้องสยบใต้ฝ่าเท้ายามชายหนุ่มต้องการ
“อื้อ…” อนงค์นางพยายามดิ้นให้หลุดออกไปจากกรงเล็บสิงห์หนุ่ม เรือนกายอวบอัดส่ายไหวเสียดสีกับแผงอกหนาจนชายผ้าหลุดลุ่ย
มือเรียวบางพยายามผลักดันแผงอกหนาของดอนหนุ่มสุดแรง แต่มันเหมือนผลักกำแพงหินที่ทั้งหนักและไม่ขยับเลย ริมฝีปากจิ้มลิ้มก็ยังถูกรุกรานไม่หยุดไม่หย่อน เรียกปากหนาหยักบดเบียดจนสามารถสอดปลายลิ้นเข้าไปในโพรงปากได้สำเร็จ ลิ้นสากหนาเกี่ยวกระหวัดเรียวลิ้นเล็กๆ ดูดดึงด้วยความพึงพอใจ เขาสูบพลังของเธอจนหดหาย สิ้นเรี่ยวแรงจะฝืนสู้ มือหนารวบมือเรียวเล็กมากอบกุมเอาไว้ เขากดทับไว้ด้วยมือข้างเดียว สอดมืออีกข้างเคล้นคลึงความอวบใหญ่ที่หมายตา คอเสื้อถูกแหวกด้วยปลายนิ้วแข็งแรงจนกอบกุมหน้าอกอวบไว้ในอุ้งมือได้สำเร็จ เขาบีบเคล้นด้วยความพอใจ จนเสียงครางแผ่วๆ หลุดออกมาจากกลีบปากหวานฉ่ำที่ยังถูกครอบครองด้วยริมฝีปากตัวเอง ดอนหนุ่มยังตักตวงความหวานละไมอย่างลุ่มหลง
ชุดเดรสสีน้ำเงินเข้มถูกปลดออกจากเรือนกายบอบบางโดยที่เจ้าตัวไม่รู้ ซับในน้อยชิ้นถูกปลดตามไปติดๆ ด้วยความช่ำชอง ผิวกายขาวผ่องเนียนละเอียดสะท้อนแสงไฟจนเฟรโดตาพร่า หน้าอกอวบใหญ่ปลายยอดสีระเรื่อชูช่อยั่วสายตาชวนให้โถมเข้าใส่ ดอนหนุ่มครางกระหึ่ม รีบชันเข่าลุกขึ้นนั่งกลางเตียง เขาสลัดชุดคลุมรุ่มร่ามออกจากกายแกร่งไปอย่างรวดเร็ว แล้วจึงโถมทับเรือนกายอ่อนบางที่นอนระทดระทวยตรงหน้า
“นาง นางสวยมาก สวยจริงๆ” เสียงกระซิบแหบพร่าชิดริมฝีปากอิ่มเต็ม ก่อนจะครอบครองกลีบปากหวานหอมไว้อีกครั้งด้วยความฮึกเหิม
ปลายเล็บกลมมนจิกบ่ากว้าง เธอฝังปลายเล็บบนผิวเนื้อของเขาเพื่อจะปลุกสติของชายหนุ่ม เขาจะได้หยุดสิ่งที่เขากำลังทำ อนงค์นางหลุบเปลือกตาลงน้ำตาไหลริน เมื่อหมดสิ้นหนทางหนี เธออ่อนแรงใกล้จะสูญสิ้นทุกอย่าง ยอมรับการลงทัณฑ์ชดใช้ความผิดที่ก่อไว้
มือร้อนๆ โลมลูบตลอดเรือนกายอวบอิ่ม สัมผัสผิวกายเนียนละเอียด ปลุกความปรารถนาของเฟรโดให้ตื่นเตลิด ปลายจมูกซุกไซ้ไล้เลียไปตามซอกคอขาว กลิ่นสาบสาวหวานหอมปลุกความต้องการของเฟรโดให้ลุกกระพือ นิ้วทั้งห้าลูบไล้ไปตามเรือนร่างอวบอัด กเคลื่อนมือเคล้นคลึงเนินอกอวบอูมทั้งสองข้างอย่างเมามัน เฟรโดหยัดกายขึ้นเสมอดวงหน้าหวาน มอบจุมพิตให้อนงค์นางอย่างเร่าร้อน สอดปลายลิ้นสากๆ ลูบไล้ล้วงลึก ชายหนุ่มถอนปลายลิ้นสากหนาออกจากโพรงปากจิ้มลิ้ม ในขณะที่มือก็ยังคงเคล้นคลึงเต้าทรวงอันอวบอิ่มอยู่เช่นเดิม ปลายนิ้วแข็งแรงสะกิด ยอดอกที่หดเกร็งจนอนงค์นางผวาเฮือก เธอเผลอตัวครางระรัวด้วยความเสียวซ่าน
ปลายนิ้วร้อนๆ ลากไล้จากแอ่งชีพจรลงมาจนถึงเนินหน้าท้องแบนเรียบ เขาวางมือร้อนชื้นเหนือเนินเนื้ออวบอูมที่ซุกอยู่เบื้องหลังเส้นไหมอ่อนนุ่มสีดำสนิท ปลายนิ้วร้อนๆ แหวกกลุ่มไหมสีดำสัมผัสความฉ่ำชื่น บ่งบอกความพร้อมของหญิงสาว นิ้วซุกซนหายลับไปในล่องหลืบคับแน่น เสาะหาความชุ่มฉ่ำอย่างเริงร่า เฟรโดยกยิ้มมุมปาก เขาเริ่มต้นปฏิบัติภารกิจพิศวาสที่เดิมพันด้วยความสาวสดในเรือนกายอ่อนบาง ดอนหนุ่มชันเรียวขาเพรียวให้อ้ากว้าง จับแก่นกายแข็งตึงสอดลึกลงในส่วนสัดอ่อนนุ่ม
“เจ็บ!...นางเจ็บ ปล่อยนางนะได้โปรด” อนงค์นางเกร็งตัวแน่นเธอเจ็บร้าวแทบขาดใจ แก่นกายทรงพลังปักคาเข้ามาภายในกาย มันเหมือนร่างกายตนเองจะปริแยก แตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ หลังถูกสิ่งแปลกปลอมแทรกลึกเข้ามา
“ชูว์…อย่าดิ้นนาง อยู่เฉยก่อนทูนหัว” เฟรโดกัดกรามกรอดๆ ข่มความรู้สึกตัวเองเอาไว้ เขาหยุดอยู่นิ่งๆ เมื่อคนใต้ร่างกรีดร้องอย่างเจ็บปวด เม็ดเหงื่อร้อนๆ ซึมตามไรผมองศาความร้อนพลุ่งพล่าน เขาอยากจะถาโถมลึกเข้าไปสุดพลัง แต่ก็ต้องฝืนเอาไว้เพราะหญิงสาวยังไม่พร้อม เธอกำลังทรมานกับการเสียสาวครั้งแรก!!
มือหนาเคล้นคลึงความอวบใหญ่ของเนินอกอวบอัด หันเหความสนใจของอนงค์นางไปจากความทรมานที่กำลังผจญ จนกระทั่งมีเสียงครางแผ่วๆ เฟรโดจึงเริ่มขยับบั้นเอวช้าๆ อนงค์นางเสียวสยิวจนครางฟังไม่ได้ศัพท์ ชายหนุ่มจึงเพิ่มจังหวะรักให้หนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ เอวอ่อนส่ายไหวยกรับจังหวะหนักหน่วงอย่างไม่อาจห้ามใจ รสชาติหวานแหลมแปลกใหม่กระทุ้งใจจนสั่นไหว ปลุกกระแสเลือดให้เดือดพล่าน ปรารถนาให้ความแข็งแกร่งถาโถมเข้าใส่หนักขึ้นเรื่อยๆ ร่างกายเธอชื้นเหงื่อจนชุ่มแม้อากาศรอบตัวจะเย็นฉ่ำด้วยแอร์คอนนิชั่นที่เปิดทิ้งไว้ แต่ร่างกายเปลือยเปล่ากลับร้อนรุ่มเพราะไฟเสน่หา ผลักดันให้ทั้งสองคนห้ำหันเข้าหากันอย่างไม่ออมแรง เฟรโดเร่งจังหวะสุดท้ายรัวเร็วขึ้น ขณะที่อนงค์นางร้องลั่นขึ้นอย่างห้ามไม่อยู่ เกร็งปลายเล็บกดจิกแผ่นหลังหนา ผวาตัวเกาะกอดชายหนุ่มเมื่ออารมณ์พุ่งสูงสุด เฟรโดกระทั้นกายครั้งสุดท้าย รีบถอดถอนแก่นกายออกมาภายนอก ปลดปล่อยสายธารสวาทขุ่นข้นเมื่ออารมณ์พุ่งทะยานขึ้นถึงขีดสุดเช่นกัน