ด้านไป๋กู้ชวนนั้นหลังจากที่อ่านตำราจนเริ่มเบื่อหน่ายแล้ว จึงเดินออกมาสูดอากาศเสียหน่อย ยิ่งเข้าใกล้ช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิอากาศก็เริ่มดีขึ้น ไม่หนาวมากเท่าใดนัก เขาก้าวเดินออกมาจากห้องนอนของตนเอง ก่อนจะพบกับไป๋เหมยเหม่ยที่เดินผ่านมาพอดี เขาปรายตามองพี่สาวตนคราหนึ่ง ระยะหลังมานี้เขาคุ้นชินกับการวิ่งไปทั่วจวนของไป๋เหมยเหม่ยเสียแล้ว
ไป๋เหมยเหม่ยหันมาจ้องมองน้องชายตนคราหนึ่งก่อนจะเอ่ย
"กู้ชวน วันนี้เจ้าอยากกินสิ่งใด ข้าจะทำให้เจ้ากิน"
ไป๋กู้ชวนที่ได้ยินเช่นนั้นก็เม้ริมฝีปากแน่น นับตั้งแต่พี่สาวตัวดีกลับมาอยู่ที่จวน นอกจากนางจะไม่่อาละวาดด่าทอตบตีบ่าวไพร่แล้วยังทำอาหารอร่อยมากอีกด้วย เขาหรี่ตามองนางคราหนึ่ง รู้สึกว่าพี่สาวของเขาตั้งแต่หย่าขาดจากสามีก็มีท่าทางแปลกไปไม่น้อย
แต่เขากลับรู้สึกดีกับนางกว่าแต่ก่อนมากนัก
เมื่อคิดได้เช่นนั้นเขาจึงเอ่ยกับไป๋เหมยเหม่ยทันที
"ทำสิ่งใดก็ทำมาเถิด กินได้ก็พอ"
ไป๋เหมยเหม่ยยิ้มตาหยีก่อนจะพยักหน้าเล็กน้อย แล้วจึงเดินตรงไปโรงครัวทันที เมื่อมาถึงโรงครัวเหล่าบ่าวไพร่ก็ช่วยนางเตรียมวัตถุดิบ นางคอยบอกเหล่าสาวใช้ให้ช่วยเตรียมสิ่งของต่างๆ อย่างใจเย็น ไม่ได้มีท่าทีเกรี้ยวกราดเช่นกาลก่อนอีก
"คุณหนูเจ้าคะ บ่าวก่อไฟเสร็จเรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ"
หญิงชราผู้หนึ่งซึ่งเป็นหัวหน้าแม่ครัวเอ่ยกับไป๋เหมยเหม่ยด้วยน้ำเสียงที่นอบน้อม ไป๋เหมยเหม่ยหันมายิ้มให้หญิงชราคราหนึ่งก่อนจะเริ่มทำอาหารทันที ทุกคราที่ได้จับกะทะนางจะรู้สึกมีความสุขที่สุด กลิ่นอาหารหอมหวลไปทั่วทั้งโรงครัว จางเหยียนเหวยที่เดินผ่านมาพร้อมกับไป๋จินเซียงหยุดชะงักฝีเท้าก่อนจะมองมาที่โรงครัว เขาเห็นไป๋เหมยเหม่ยกำลังทำอาหารและหัวเราะพูดจากับเหล่าสาวใช้อย่างสนุกสนาน เขาขมวดคิ้วมุ่นก่อนจะครุ่นคิดในใจ
ไม่พบกันหลายปีนางมารน้อยผู้นี้ใจดีขึ้นผิดหูผิดตาจริงๆ
ไป๋จินเซียงที่เห็นว่าจางเหยียนเหวยหยุดเดินจึงหันไปมอง ก่อนจะยิ้มออกมาเล็กน้อย
"เหมยเหม่ยทำอาหารอีกแล้ว"
"นางทำทุกวันเลยหรือ"
จางเหยียนเหวยหันมาเอ่ยถามไป๋จินเซียงคราหนึ่ง ไป๋จินเซียงส่ายหน้าเล็กน้อยก่อนจะตอบ
"ไม่ทุกวันหรอก ยามใดที่นางมีเวลาและอาหารไม่ถูกปากนางก็จะทำเอง นับตั้งแต่นางหย่ากับหยางเจ๋อหยวนก็ดูจะเปลี่ยนไปในทิศทางที่ดีไม่น้อยเลย คงเพราะนางศีรษะกระแทกโต๊ะครานั้น หลังจากฟื้นขึ้นมาคงคิดได้ อีกทั้งคงคิดได้ว่าหยางเจ๋อหยวนไม่เคยรักนาง นับว่าโชคดีที่นางหย่าขาดจากคนเช่นหยางเจ๋อหยวนได้"
จางเหยียนเหวยไม่เอ่ยสิ่งใดเพียงยิ้มเล็กน้อยเท่านั้น
วันนี้จางเหยียนเหวยอยู่กินอาหารค่ำที่จวนตระกูลไป๋ เขามองดูอาหารตรงหน้าคราหนึ่ง ก่อนจะหันไปมองไป๋เหมยเหม่ยที่ยามนี้กำลังถกเถียงอยู่กับไป๋กู้ชวน
"นี่คือสิ่งใดไป๋เหมยเหม่ย ไหนเจ้าบอกว่าจะทำอาหารอร่อยให้ข้ากิน"
ไป๋เหมยเหม่ยถลึงตาใส่ไป๋กู้ชวนคราหนึ่งก่อนจะเอ่ย
"นี่อย่างไรเล่า หมูพันมันฝรั่งทอดผัดเปรี้ยวหวาน"
"มันกินได้หรือ"
"กินได้สิยัดเข้าปากไปเสีย ถามมากจริง"
ไป๋เหมยเหม่ยคีบอาหารให้ไป๋กู้ชวนอย่างใส่ใจ นี่คืออาหารจากยุคปัจจุบันที่นางนำมาลองทำ พบว่าแม้วัตถุดิบจะไม่ครบถ้วนแต่ก็ยังรสชาติดีไม่น้อย นางจะนำมันไปขายที่ร้านหม้อไฟด้วย
แม่ทััพใหญ่ไป๋ยิ้มออกมาคราหนึ่ง ก่อนจะหันมาเอ่ยกับจางเหยีนเหวย
"ทำให้ท่านอ๋องขายหน้าแล้ว จวนของกระหม่อมก็มักวุ่นวายเช่นนี้"
จางเหยียนเหวยยิ้มออกมาคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ย
"ไม่ต้องมากพิธีกับข้าหรอกท่านแม่ทัพใหญ่ เรารู้จักกันมานาน ยามอยู่ค่ายทหารที่ชายแดนก็นั่งกินอาหารร่วมกันอยู่เสมอ บรรยากาศเช่นนี้ก็ครึกครื้นดี ชวนให้นึกถึงยามที่อยู่ชายแดนยิ่งนัก"
จางเหยียนเหวยเอ่ยเพียงเท่านั้นก่อนจะครุ่นคิดในใจ จวนตระกูลไป๋ครึกครื้นจริงดังเขาว่า ครอบครัวที่อบอุ่นเช่นนี้มันทำให้เขารู้สึกอิจฉาในใจ เขาพยายามสงบสติอารมณ์เพื่อไม่ให้ความดำมืดในจิตใจปรากฏตัวออกมา ไป๋เหมยเหม่ยลอบสังเกตท่าทีของจางเหยียนเหวยเป็นะยะ นางอยากจะคีบอาหารให้เขาแต่กลับไม่กล้า
จางเหยียนเหวยรับรู้ได้ถึงสายตาที่มองมาจึงหันมาสบตากับไป๋เหมยเหม่ย ไป๋เหมยเหม่ยตกใจไม่น้อย ก่อนจะรีบก้มหน้าก้มตากินอาหารต่อทันที จางเหยียนเหวยยิ้มออกมาคราหนึ่ง ก่อนจะใช้ตะเกียบคีบหมูพันมันฝรั่งทอดผัดเปรี้ยวหวานขึ้นมากิน พบว่ารสชาติดีไม่น้อยเลย
อาหารมื้อนี้ผ่านไปด้วยดี จางเหยียนเหวยกำลังจะกลับจวนของตน ในระหว่าที่เขากำลังเดินไปที่หน้าประตูจวนพร้อมกับไป๋จินเซียง ก็พบกับไป๋เหมยเหม่ยเข้าเสียก่อน นางเดินมาหยุดตรงหน้าเขาก่อนจะยื่นกล่องอาหารส่งให้เขา จางเหยียนเหวยจ้องมองกล่องอาหารในมือนางก่อนจะเอ่ย
"นี่คือสิ่งใดหรือ"
ไป๋เหมยเหม่ยยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนจะเอ่ย
"นี่คือปลาต้มผักดองเพคะ ท่านอ๋องเสวยมื้อเย็นไปมากนักเกรงว่าจะท้องอืดได้ หม่อมฉันจึงทำปลาต้มผักดองเอาไว้ให้ท่านอ๋องนำกลับไปเสวยที่จวนเผื่อว่าจะสบายท้องมากขึ้น ตอบแทนที่ท่านอ๋องมอบขนมให้หม่อมฉันถึงสองครั้ง"
ไป๋จินเซียงจ้องมองท่าทีของน้องสาวตนก่อนจะขมวดคิ้วมุ่นแต่ทว่าไม่ได้เอ่ยสิ่งใด จางเหยียนเหวยมองนางคราหนึ่ง ก่อนจะยื่นมือไปรับกล่องอาหารนั้นมาจากมือของนาง
"ขอบคุณเจ้ามาก"
"เพคะ เช่นนั้นหม่อมฉันขอตัวก่อน ท่านอ๋องกลับดีดีนะเพคะ"
ไป๋เหมยเหม่ยเอ่ยเพียงเท่านั้นก่อนจะเดินจากไป จางเหยียนเหวยไม่ได้เอ่ยสิ่งใด เขาเดินทางกลับจวนไปพร้อมกับกล่องอาหารนั้นของไป๋เหมยเหม่ย เมื่อเข้ามานั่งในรถม้าแล้ว เขาจึงเอ่ยกับองค์รักษ์คนสนิทของตนทันที
"กลับโรงน้ำชา"
“ไม่ไปโรงพนันก่อนหรือพ่ะย่ะค่ะ”
“ข้าสั่งให้กลับโรงน้ำชา”
องค์รักษ์มองเขาคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยถาม
"ท่านอ๋อง จะไม่คิดกลับไปที่จวนอ๋องจริงหรือพ่ะย่ะค่ะ อย่างไรที่นั่นก็เป็นบ้านของพระองค์นะพ่ะย่ะค่ะ"
จางเหยียนเหวยปรายตามององค์รักษ์ของตนด้วยแววตาที่เย็นเยียบ ก่อนจะเอ่ย
"ข้าสั่งให้ไปที่ใดก็ไปตามที่ข้าสั่ง หากเจ้ายังเอ่ยถามอีกข้าจะถีบเจ้าจริงๆ"
"ขออภัยพ่ะย่ะค่ะ"
องค์รักษ์ยกมือขึ้นเกาศีรษะคราหนึ่ง ก่อนจะครุ่นคิดในใจ
ระยะหลังมานี้คล้ายว่าเจ้านายของเขาจะแปลกไป ทุกคราเคยชอบไปแต่โรงพนัน แต่ครานี้กลับเปลี่ยนใจชอบมาที่จวนตระกูลไป๋แทน
จางเหยียนเหวยยิ้มออกมาเล็กน้อย ยามนี้เขาคิดว่าจวนตระกูลไป๋น่าสนใจกว่าโรงพนันเสียอีก
เปลี่ยนจากนำเงินที่มีไปจ่ายให้โรงพนันเปลี่ยนมาซื้อของกินให้นางดีกว่า
ใช้เวลาไม่นานรถม้าก็มาจอดที่ด้านหน้าโรงน้ำชา จางเหยียนเหวยก้าวเดินขึ้นไปที่ชั้นบนสุด ที่นี่คือที่พักของเขา ตั้งแต่กลับมาเมืองหลวงเขาก็สั่งให้คนนำของทุกอย่างที่เขาเคยใช้ที่จวนอ๋องมาไว้ที่นี่ เขานอนที่นี่ใช้ชีวิตที่นี่ โดยมีแม่นมเหลียน แม่นมที่เคยดูแลเขาในวัยเยาว์ดูแลกิจการโรงน้ำชาแทนในช่วงหลายปีที่ผ่านมา อีกทั้งยังรักเขาราวกับบุตรตนคอยรับใช้
"ท่านอ๋อง เสด็จมาแล้วหรือเพคะ หม่อมฉันสั่งให้สาวใช้เตรียมน้ำอุ่นเอาไว้แล้วเพคะ หากอาบน้ำเสร็จแล้วจะทรงรับอาหารเย็นเลยหรือไม่เพคะ"
"ไม่ล่ะ ข้ากินมาจากข้างนอกแล้ว"
"เพคะ”
จางเหยียนเหวยกำลังจะไปอาบน้ำ แต่ทว่ากลับนึกขึ้นมาได้ว่าตนนำอาหารของไป๋เหมยเหม่ยติดมือมาด้วย จึงหันมาเอ่ยกับแม่นมเหลียนพร้อมกับยื่นกล่องอาหารส่งให้
“แม่นมช่วยนำปลาต้มผักกาดดองนี่ไปอุ่นให้ข้าที"
แม่นมเหลียนรับกล่องอาหารมาจากจางเหยียนเหวยก่อนจะก้าวเดินจากไป จางเหยียนเหวยที่เห็นเช่นนั้นจึงเดินไปที่อ่างน้ำพลางถอดเสื้อผ้าของตนออก เผยให้เห็นร่างกายกำยำล่ำสัน แต่ทว่ากลับมีบาดแผลเป้นรอยแผลเป็นนับไม่ถ้วน ทั้งรอยบาดแผลจากสงครามและรอยบาดแผลจากคมมีดที่เขาทำร้ายตนเอง
เขาถอนหายใจออกมาคราหนึ่ง ก่อนจะทิ้งกายลงนั่งในอ่างน้ำอุ่น เขาแช่ตัวอยู่เช่นนั้นเพื่อผ่อนคลาย พลางหลับตาลง แต่ทว่าภาพของไป๋เหมยเหม่ยกลับรบกวนจิตใจของเขายิ่งนัก จนเขาต้องลืมตาขึ้นมา
เห้อ!!! นางมารน้อย เจ้ากล้ามาก่อกวนในความฝันของข้าเชียวหรือ
ด้านไป๋เหมยเหม่ยที่กลับมาถึงเรือนแล้ว ก็ได้ยินว่าไป๋จินเซียงมาขอพบ นางจึงเดินออกมาพบเขาทันที
"พี่ใหญ่มาหาข้ามีเรื่องใดหรือ หรือว่ากินมื้อเย็นไม่อิ่ม ข้าจะไปทำของอร่อยมาให้ท่านเพิ่มดีหรือไม่"
ไป๋จินเซียงส่ายหน้าไปมา ก่อนจะหันไปสั่งให้เหล่าสาวใช้ออกไปจนหมด ไป๋เหมยเหม่ยที่เห็นเช่นนั้นก็ขมวดคิ้วมุ่น ก่อนจะเอ่ยถาม
"มีเรื่องใดหรือเจ้าคะ"
ไป๋จินเซียงถอนหายใจออกมาคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ย
"เหมยเหม่ย แต่ไหนแต่ไรเจ้าก็ไม่เคยสนใจอาเหยียน พี่คิดว่าเจ้าจะจำเขาไม่ได้เสียแล้ว แต่เมื่อใดกันที่เขาและเจ้าดูจะสนิทสนมกันมากเหลือเกิน"
ไป๋เหมยเหม่ยที่ได้ยินเช่นนั้นก็เม้มริมฝีปากแน่น ก่อนจะเอ่ย
"ท่านอ๋องเคยช่วยข้าในครั้งนั้นที่ฟ่านกุ้ยอิงมาก่อกวน ข้าจึงอยากตอบแทนเขา ไม่ได้คิดสิ่งใดทั้งนั้น"
ไป๋จินเซียงจ้องเข้ามาในดวงตาของน้องสาวตนเองจนคนถูกจ้องถึงกับหลบสายตา
"เหมยเหม่ย ทุกสิ่งในใต้หล้าพี่และท่านพ่อล้วนหามาให้เจ้าได้ แต่กับอาเหยียนไม่ใช่ เขาเป็นถึงเชื้อพระวงศ์ ส่วนเจ้าเป็นสตรีที่เคยผ่านการแต่งงานมาแล้ว แคว้นไท่เหลียงไม่เคยปรากฏมาก่อนที่เชื้อพระวงศ์จะแต่งสตรีที่ถูกหย่าเป็นภรรยาเอกได้ พี่ไม่ได้อยากพูดให้เจ้ารู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ หากเจ้าคิดกับเขาเพียงคนที่เคยช่วยเหลือกันพี่ก็วางใจ เจ้าเข้าใจที่พี่พูดใช่หรือไม่ พี่ไม่อยากให้เจ้าเป็นทุกข์อีก เจ้าเองก็เคยมีสามีมาก่อนผ่านการมีชีวิตคู่มาแล้ว เจ้าเองก็รู้ดีว่ามันไม่ใช่เรื่องง่าย"
ไป๋เหมยเหม่ยชะงักไปชั่วขณะ ก่อนจะปรับสีหน้าให้เป็นปกติและยิ้มให้พี่ชายตนเล็กน้อยแล้วเอ่ย
"ข้าเข้าใจเจ้าค่ะ พี่ใหญ่ไม่ต้องกังวล ข้าจะไม่ทำสิ่งใดให้ตนเองต้องเป็นทุกข์อีก ท่านพี่วางใจเถิด"
ไป๋จินเซียงที่ได้ยินเช่นนั้นก็ถอนหายใจออกมาคราหนึ่ง ก่อนจะขอตัวกลับเรือนของตนเองไป
เมื่อไป๋จินเซียงจากไปแล้ว ไป๋เหมยเหม่ยก็เดินกลับเข้ามาในห้องนอน นางจ้องมองไปที่กล่องอาหารกล่องหนึ่งบนหัวเตียง ก่อนจะหยิบมันมาเปิดออก ด้านในคือขนมกุ้ยฮวาที่เหลืออยู่และถังหูลู่ที่จางหเยียนเหวยมอบให้นาง ไป๋เหมยเหม่ยยิ้มออกมาคราหนึ่งก่อนจะครุ่นคิดในใจ
ชาติปัจจุบันนางไม่อาจเอื้อมเขา ชาตินี้นางกับเขาก็ยังมีเรื่องฐานะที่กีดขวางเอาไว้ แม้จะเข้าใกล้เขาได้มากขึ้นแต่คล้ายกับว่ามีเส้นบางๆ กั้นกลางระหว่างนางและเขาเอาไว้ไม่ให้ล้ำเส้นมากไปกว่านี้ได้
ความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจพลันปรากฏขึ้นในใจของไป๋เหมยเหม่ยเล็กน้อย นางถอนหายใจก่อนจะยิ้มออกมา
ช่างเถิด เพียงเท่านี้ก็ดีแล้วไม่ใช่หรือ นางเองก็รู้ดีว่าไม่ควรล้ำเส้นไปหาเขามากกว่านี้