ไป๋จินเซียงมองตามนักฆ่าผู้นั้นไป เขาเป็นคนใช้ธนูยิงมันเองกับมือ เดิมทีเขาละจางเหยียนเหวยคิดจะมาเที่ยวเล่นในตลาด คอยสังเกตความเป็นไปของราษฎร และตั้งใจจะไปหาไป๋เหมยเหม่ยที่ร้านหม้อไฟเสียหน่อย แต่กลับพบว่ามีผู้คนวิ่งแตกตื่นกันชุลมุนวุ่นวายไปหมด เมื่อสอบถามความก็พบว่าเกิดเรื่องขึ้นทีร้านของไป๋เหมยเหม่ย เดิมทีเขาคิดว่าเป็นการทะเลาะเพื่อแย่งซื้ออาหารกันเท่านั้น แต่เมื่อมาถึงกลับเหนือความคาดหมายยิ่งนัก กลับกลายเป็นว่ามีนักฆ่าคิดสังหารจางจิ้งเฉวียนและจางหนิงหนิง
จางเหยียนเหว่ยขมวดคิ้วมุ่น ก่อนจะเดินตรงเข้ามาจางจิ้งเฉวียนและจางหนิงหนิง
"ครานี้พวกเจ้าคงหลาบบจำแล้วกระมัง ออกมาโดยไม่มีทหารติดตาม มีเพียงองค์รักษ์ผู้เดียวติดตามมาเท่านั้น พวกเจ้าเห็นหรือยังว่ามีคนจ้องจะทำร้ายพวกเจ้า!!!"
"ท่านพี่ ข้าไม่รู้ว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้ ข้าขออภัยด้วย"
จางจิ้งเฉวียนเอ่ยด้วยท่าทีที่รู้สึกผิดไม่น้อย
ไป๋เหมยเหม่ยยืนจับกระทะเอาไว้พลางจ้องมองจางเหยียนเหวยสลับกับมองจางจิ้งเฉวียนและจางหนิงหนิง นางไม่คิดเลยว่ายามที่จางเหยียนเหวยโมโหแล้วจะน่ากลัวถึงเพียงนี้
ทุกคราที่ได้พบกันบนใบหน้าของเขาจะประดับด้วยรอยยิ้มและชอบเอ่ยวาจาหยอกเย้านางและคนอื่นๆ เล่น เขาดูเหมือนอ๋องเจ้าสำราญที่อารมณ์ดีตลอดเวลา นี่เป็นครั้งแรกที่นางเห็นว่าเขาโมโหและเคร่งเครียดเช่นนี้
เมื่อรู้ว่าจางจิ้งเฉวียนและจางหนิงหนิงเป็นใคร ไป๋เหมยเหม่ยก็วางตัวไม่ถูก เป็นจางหนิงหนิงที่เดินเข้ามาจับมือนางก่อนจะเอ่ย
"ไม่ต้องมากพิธีกับข้า ต้องขอบใจเจ้าที่กล้าหาญออกมาปกป้อง ข้าไม่มีสิ่งใดตอบแทน มีเพียงหัวใจและร่างกาย..."
"แฝดน้อง มันใช่เวลาหรือ!!!"
จางจิ้งเฉวียนเอ่ยขัดน้องสาวตนทันที เขารู้หรอกนะว่าจางหนิงหนิงคิดจะเอ่ยสิ่งใด จางหนิงหนิงที่ถูกขัดก็หันมาถลึงตาใส่จางจิ้งเฉวียนคราหนึ่ง
“วันนี้ขอบใจเจ้ามากนะแม่นาง”
“เพคะ”
นางยิ้มให้จางจิ้งเฉวียนคราหนึ่ง ก่อนจะหันมามองจางหนิงหนิงที่ยืนส่งยิ้มหวานให้นาง ไป๋เหมยเหม่ยที่ได้เห็นเชนนั้นก็ขมวดคิ้วมุ่น พลางครุ่นคิดในใจ
เหตุใดองค์หญิงจึงมองนางเช่นนี้?
"พวกเจ้ารีบกลับวังไปเสีย ข้าจะให้ทหารของข้าติดตามไปอารักขาเจ้า"
"ขอรับท่านพี่ ข้าไปก่อนนะไป๋เหมยเหม่ย"
จางจิ้งเฉวียนพยักหน้าให้จางเหยียนเหว่ย ก่อนจะหันมาเอ่ยกับไป๋เหมยเหม่ยอย่างอ่อนโยน ด้านจางหนิงหนิงนั้นก่อนจากยังหันมาเอ่ยกับนางอีกหนึ่งประโยค
“แล้วพบกันใหม่นะแม่นางคนงาม”
ไป๋เหมยเหม่ยยิ้มให้คนทั้งสองคราหนึ่ง ก่อนจะมองพวกเขาจากไปจนลับสายตา
จางเหยียนเหวยที่เห็นเช่นนั้นจึงหันมาเอ่ยกับไป๋จินเซียนด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา
"หากเรามาไม่ทันและเกิิดเร่ื่องขึ้นกับอาจิ้งและหนิงหนิง ข้าไม่อยากคาดคิดเลยว่าจะเกิดสิ่งใดขึ้นกับตะกูลไป๋ของเจ้า"
ไป๋จินเซียงที่ได้ยินเช่นนั้นก็เข้าใจในคำพูดของจางเหยียนเหว่ยในทันที
หากพวกเขามาไม่ทันและจางจิ้งเฉวียนถูกสังหาร อีกทั้งยังถูกสังหารในร้านหม้อไฟของไป๋เหมยเหม่ยน้องสาวของเขา ย่อมต้องเกิดเรื่องใหญ่เป็นแน่ ฝ่าบาทจะต้องสงสัยว่าคนตระกูลไป๋มีส่วนในการลอบปลงพระชนม์องค์รัชทายาทและองค์หญิงของราชสำนัก แม้ที่ผ่านมาฝ่าบาทจะได้ชื่อว่าเป็นสหายสนิทกับท่านพ่อของเขา แต่อย่างไรย่อมระแวดระวังเหล่าขุนนาง เกรงว่าจะหวังโค่นล้มราชบัลลังก์
ตระกูลไป๋อาจจะถูกเนรเทศโทษฐานก่อกบฏ หรือที่แย่กว่านั้นก็คือการถูกสำเร็จโทษด้วยการประหารชีวิตทั้งตระกูล
เพียงแค่คิดก็น่ากลัวยิ่งนัก!!! แม้จะมีความดีความชอบในการปกป้องแว่นแคว้น แต่เมื่อใดที่ฝ่าบาททรงหวาดระแวง ก็ย่อมร่วงตกลงจากที่สูงลงมาสู่ที่ต่ำได้เช่นเดียวกัน
ไป๋เหมยเหม่ยเองก็ตกใจไม่ต่างกัน เรื่องราวมันเกิดขึ้นและผ่านไปอย่างรวดเร็วจนนางตั้งตัวไม่ติด นางรีบหันไปสั่งเฉียวเหลียนให้เก็บของในร้านทันที
"เหมยเหม่ย พี่จะส่งคนมาเฝ้าดูที่ร้านของเจ้า คล้ายว่าเมืองหลวงของเราจะเริ่มไม่ปลอดภัยเสียแล้ว"
ไป๋เหมยเหม่ยพยักหน้าให้ไป๋จินเซียงคราหนึ่ง ไม่ได้เอ่ยถามสิ่งใดต่อ
เมื่อกลับมาถึงจวนนางก็รู้สึกเหนื่อยล้าไม่น้อย จึงขอตัวไปนอนหลับพักผ่อนทันที
ข่าวเรื่องจางจิ้งเฉวียนและจางหนิงหนิงถูกลอบปลงพระชนม์นั้นล่วงรู้มาถึงพระเนตรพระกรรณของฮ่องเต้จางเหลียนไห่ ทำให้ทรงพิโรธไม่น้อย จึงมีคำสั่งเรียกตัวเหล่าขุนนางเข้าร่วมระชุมไม่เว้นแม้แต่จางเหยียนเหวย
ในท้องพระโรงยามนี้คล้ายมีเมฆหมอกหนาทึบปกคลุม เหล่าขุนนางต่างไม่กล้าแม้แต่จะหายใจดัง
"ช่างเหิมเกริมยิ่งนัก แม่ทัพใหญ่ไป๋ ได้ยินเว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นที่ร้านหม้อไฟของบุตรสาวเจ้า เจ้าสืบความมาได้หรือไม่ว่าผู้ใดส่งนักฆ่ามา"
ไป๋จินเซียงหันไปสบตากับบิดาตนคราหนึ่ง แม่ทัพใหญ่ไป๋พยักหน้าให้บุตรชายตนเล็กน้อย ก่อนจะก้าวออกมาด้านหน้าพร้อมเอ่ย
"คนร้ายยังไม่ยอมรับสารภาพว่าผู้ใดส่งมันมาพ่ะย่ะค่ะ อีกทั้งยังฆ่าตัวตายในคุกหลวงไปแล้ว"
สิ้นสุดคำพูดถ้วยชาที่อยู่บนโต๊ะก็ถูกเขวี้ยงแตกกระจัดกระจายบนพื้นทันที
"ทำงานไม่ได้เรื่อง!!!!"
ทุกคนในท้องพระโรงต่างนิ่งเงียบ จางเหยียนเหวยเองก็ไม่ได้เอ่ยสิ่งใด เป็นจางจิ้งเฉวียนที่เอ่ยปากขึ้นมาทำลายบรรยากาศตึงเครียด
"ทูลเสด็จพ่อ อย่ากล่าวโทษผู้ใดเลยพ่ะย่ะค่ะ เดิมทีก็เป็นความผิดของลูกและน้องหญิงเองที่อยากออกไปเที่ยวเล่น อีกทั้งยังเกือบจะนำความเดือดร้อนไปสู่ไป๋เหมยเหม่ย นางปกป้องลูกทั้งที่ตนเองก็ไม่มีวรยุทธ์ อีกทั้งรองแม่ทัพไป๋และท่านพี่จางเหยียนเหวยก็ปกป้องลูกเป็นอย่างดี ขอเสด็จพ่อโปรดระงับโทสะด้วย"
ฮ่องเต้จางเหลียนไห่หันมามองบุตรชายของตนคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ย
"ข้าเคยบอกเจ้าแล้ว นอกวังหลวงอันตรายเพียงใดแต่พวกเจ้ากลับไม่ฟัง!!!ต่อไปห้ามออกนอกวังหลวงโดยไม่มีทหารคอยติดตามอีก"
"พ่ะย่ะค่ะ"
“เมื่อครู่เจ้าบอกว่าคุณหนูไป๋ช่วยเหลือพวกเจ้าทั้งสองเช่นนั้นหรือ นางช่วยเช่นไร”
จางจิ้งเฉวียนที่ได้ยินเช่นนั้นก้รีบเอ่ยตอบทันที
“นางใช้ตนเองกำบังลูกและน้องหญิงเอาไว้ อีกทั้งยังใช้กระทะเขวี้ยงใส่นักฆ่าจนแทบล้มเลยพ่ะย่ะค่ะ นางช่วยถ่วงเวลามันเอาไว้จนท่านพี่และท่านรองแม่ทัพไป๋มาถึง”
ฮ่องเต้จางเหลียนไห่ที่ได้ยินเช่นนั้นก็ขมวดคิ้วคราหนึ่ง ระยะหลังมานี้รู้สึกว่าเขาจะได้ยินเรื่องของสตรีนางนี้ไม่น้อยเลย เขาถอนหายใจออกมาคราหนึ่ง ก่อนจะหันไปมองจางเหยียนเหวยที่มีสีหน้าเรียบเฉยคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ย
“พวกเจ้าทุกคนออกไปเถิด จางเหยียนเหวยเจ้าอยู่ก่อน”
จางเหยียนเหวยที่ได้ยินเช่นนั้นก็เลิกคิ้วพลางจ้องมองฮ่องเค้จางเหลียนไห่คราหนึ่ง เมื่อคนอื่นๆ ออกไปจนหมดแล้ว เขาจึงเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา
“เรียกให้ข้าอยู่มีเรื่องใดหรือพ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้จางเหลียนไห่ถอนหายใจออกมาอย่างปลงไม่ตก เห็นทีในใต้หล้าแห่งนี้คงจะมีเพียงจางหเยียนเหวยที่เอ่ยวาจาไม่เกรงกลัวเขาเลยแม้แต่น้อย อีกทั้งยังเอ่ยวาจาไม่ไว้หน้าเขาอีกด้วย
จางเหยียนเหวยที่รออยู่นานก็ไม่เห็นว่าฮ่องเต้จางเหลียนไห่จะเอ่ยสิ่งใด จึงเอ่ยขึ้นมาทันที
“หากไม่มีสิ่งใดเช่นนั้นข้าจะไปแล้ว ข้ามีงานต้องทำ”
“อาเหยียน เจ้าอยู่ก่อนเถิด”