หลายวันต่อมาอากาศค่อนข้างเย็นสบายไม่น้อย ไป๋เหมยเหม่ยตื่นขึ้นมาในยามเช้า หลังจากรับกินอาหารเช้าเรียบร้อยแล้ว นางก็ดื่มยาที่ท่านหมอจัดให้ซึ่งเฉียวเหลียนเป็นคนต้มให้นาง ไป๋เหมยเหม่ยเบ้หน้าคราหนึ่ง เพราะรสชาติยานั้นขมจนนางอยากจะอาเจียนออกมา เฉียวเหลียนยื่นผลไม้เชื่อมให้นางหนึ่งชิ้นด้วยท่าทีกล้าๆกลัวๆ ไป๋เหมยเหม่ยรับมันมาอมไว้ในปากทำให้นางรู้สึกดีขึ้นไม่น้อย สองสามวันมานี้นางเริ่มคุ้นชินกับภาษาและการใช้ชีวิตของคนในยุคนี้มากขึ้น นางค้นพบว่าโลกโบราณเช่นนี้ก็ไม่ได้น่าเบื่ออย่างเช่นที่นางคิดเลยสักนิด
"เหมยเหม่ย"
"พี่ใหญ่"
ไป๋เหมยเหม่ยหันไปยิ้มให้ไป๋จินเซียงคราหนึ่ง ไป๋จินเซียงที่เห็นว่าสีหน้าของน้องสาวดูสดใสขึ้นมากก็เบาใจลงไปไม่น้อย
"อาการของเจ้าเป็นเช่นไรบ้าง ดีขึ้นแล้วกระมัง"
ไปเหมยเหม่ยที่ได้ยินเช่นนั้นจึงยิ้มให้ไป๋จินเซียนคราหนึ่ง พลางเอ่ยตอบ
"ดีขึ้นมากแล้วเจ้าค่ะ ข้าไม่เป็นอันใดแล้ว ติดตรงที่ยาขมไปหน่อย"
ไป๋จินเซียงที่ได้ยินเช่นนั้นจึงหันมองนางคราหนึ่ง ไป๋เหมยเหม่ยที่ถูกพี่ชายตนจ้องมองก็สงสัยไม่น้อย
"พี่ใหญ่ ท่านมองเช่นนั้นด้วยเหตุใดกันเจ้าคะ"
ไป๋จินเซียงยิ้มออกมาคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ย
"พี่เพียงแปลกใจน่ะ ทุกคราที่ยาขมเกินไป เจ้าจะพ่นยาใส่หน้าสาวใช้เป็นการลงโทษ"
"พ่นยาใส่หน้าสาวใช้!!"
"อืม"
ไป๋เหมยเหม่ยรู้สึกหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออกนี่มันเรื่องบ้าใดกัน เจ้าของร่างเดิมเหตุใดจึงชั่วร้ายปานนั้น
เมื่อเห็นท่าทีคล้ายตืื่นตระหนกของไป๋เหมยเหม่ย ไป๋จินเซียงก็รู้สึกเอ็นดูไม่น้อย
"ช่างมันเถิด เจ้าคงจำไม่ได้แล้ว"
"เจ้าค่ะ ข้าจำไม่ได้จริงๆ"
ไป๋จินเซียงที่เห็นเช่นนั้นก็ไม่ได้ติดใจอยากไถ่ถามน้องสาวตนอีก จึงเอ่ยเรื่องอื่นขึ้นมาแทน
"วันนี้พี่หาช่างฝีมือดีไปจัดการร้านอาหารที่เจ้าจะเปิดกิจการเรียบร้อยแล้ว เหมยเหม่ยพี่ขอถามเจ้าอีกสักครา เจ้ามั่นใจแล้วหรือว่าจะทำเช่นนี้"
ไป๋เหมยเหม่ยยิ้มออกมาคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ย
"มั่นใจเจ้าค่ะ พี่ใหญ่วันนี้ข้าอยากไปดูร้านเจ้าค่ะ"
"เจ้าอย่าเพิ่งรีบไปเลย รักษาตัวให้หายก่อนเถิด"
"ข้าไม่เป็นอันใดแล้ว พี่ใหญ่วางใจได้เจ้าค่ะ"
"แน่ใจหรือ ข้าไม่ถูกท่านพ่อท่านแม่ด่าทอหรอกนะ"
"แน่ใจเจ้าค่ะ"
"เช่นนั้นก็ไปกันเถิด ป่านนี้ช่างเหล่านั้นคงมาถึงแล้ว"
ไป๋เหมยเหม่ยพยักหน้ารับก่อนจะเดินตามไป๋จินเซียงไปที่รถม้า ระหว่างทางก็พบกับไป๋กู้ชวนที่กำลังเดินผ่านมาพอดี ไป๋กู้ชวนจ้องมองนางด้วยแววตาแปลกประหลาด ก่อนจะเอ่ย
"พี่ใหญ่ ท่านจะพาไป๋เหมยเหม่ยไปที่ใดกัน"
"ไปตลาด"
ไป๋กู้ชวนพยักหน้าคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ย
"เช่นนั้นข้าขอไปด้วยสิ ข้าอยากได้ตำราเล่มใหม่"
"เช่นนั้นก็ไปด้วยกันเถอะ"
ระหว่างทางไป๋กู้ชวนไม่ได้เอ่ยส่งใดกับไป๋เหมยเหม่ยเลยแม้แต่น้อย เขายังคงมีท่าทีห่างเหินและหวาดระแวงนางอยู่ ไป๋เหมยเหม่ยเองก็พอจะดูออกว่าน้องชายผู้นี้ไม่ค่อยชื่นชอบนางเท่าใดนัก ดูจากสรรพนามที่เขาเรียกนางก็พอมองออกว่ามันไม่มีความเคารพนับถือเลยแม้แต่น้อย
ต้องเป็นสตรีเช่นใดกัน แม้แต่น้องชายยังไม่อยากเข้าใกล้
รถม้ามาจอดที่หน้าร้านอาหารของนางพอดี ไป๋เหมยเหม่ยจึงก้าวเดินลงมาจากรถม้า พลางจ้องมองร้านที่กำลังต่อเติม นับว่าช่างที่จ้างมาทำฝีมือดีและทำงานรวดเร็วไม่น้อยเลย นางมองดูพวกเขาคราหนึ่งก่อนจะหันไปเอ่ยกับไป๋จินเซียง
"ข้าชอบยิ่งนัก ข้าวางใจได้แล้ว เราไปหาของกินกันเถิด"
"อืม"
ไปกู้ชวนที่ได้ยินเช่นนั้นจึงเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ดูแคลนทันที
"เห็นแก่กิน"
ไป๋เหมยเหม่ยหันไปมองไป๋กู้ชวนคราหนึ่ง ก่อนจะยื่นมือไปหยิกแก้มน้องชายของตนเองด้วยความหมั่นเขี้ยว
"ทำไม เจ้าเด็กปากเสีย"
"ไป๋เหมยเหม่ย!!นี่เจ้ากล้าว่าข้าหรือ"
"ใช่ เจ้าจะทำไม?"
"ข้าเกลียดเจ้า!!!!"
ไป๋กู้ชวนกระทืบเท้าเร่าๆด้วยความโมโหสร้างความขบขันให้แก่ไป๋เหมยเหม่ยเป็นอย่างยิ่ง ไป๋จินเซียงรีบเข้ามาห้ามปราม ก่อนที่สามพี่น้องจะพากันเดินไปที่ตลาด นางพาไป๋กู้ชวนแวะมาที่ร้านตำราก่อน จากนั้นจึงพากันเดินซื้ออาหารข้างทางอย่างมีความสุข
"ไม่พบกันเพียงไม่กี่วัน คาดไม่ถึงว่าคนเช่นเจ้าจะมาเดินในสถานที่เช่นนี้เป็นด้วย"
น้ำเสียงที่คุ้นเคยทำให้ไป๋เหมยเหม่ยชะงักไปคราหนึ่ง ก่อนจะหันไปมอง
หยางเจ๋อหยวน!!!
เมื่อเห็นเช่นนั้นไป๋เหมยเหม่ยจึงถอนหายใจออกมาคราหนึ่ง ไป๋จินเซียงและไป๋กู้ชวนจ้องมองหยางเจ๋อหยวนด้วยแววตาที่เย็นชา ส่วนไป๋เหมยเหม่ยก็ยืนมองเขาด้วยแววตาที่เรียบเฉย
หยางเจ๋อหยวนส่งเสียงเหอะในลำคอคราหนึ่ง หลังจากที่หย่าขาดกับนางเขาก็ยกย่องฟ่านกุ้ยอิงขึ้นเป็นภรรยาเอก นางทั้งรู้ความและเป็นที่เคารพของบ่าวไพร่ยิ่งนัก ส่วนไป๋เหมยเหม่ยเขาได้ยินว่าหลังจากกลับจวนนางก็ไม่ทำสิ่งใด วันๆเอาแต่เที่ยวเล่นกินนอน ช่างเป็นสตรีที่ไร้ประโยชน์โดยแท้ เขาคิดถูกจริงๆที่หย่าขาดจากนาง
เมื่อเห็นว่าไป๋เหมยเหม่ยไม่ตอบซ้ำเอาแต่จ้องตน หยางเจ๋อหยวนจึงเอ่ยถามนางทันที
"จ้องข้าทำไม หรือว่านึกเสียใจขึ้นมา หืม?"
ไป๋เหมยเหม่ยที่ได้ยินเช่นนั้นก็เบ้ปากคราหนึ่งอย่างดูแคลน ก่อนจะเอ่ยกับหยางเจ๋อหยวน
"ใช่ ข้าเสียใจมาก เสียใจที่ต้องมาเจอตัวอัปมงคลในเวลาเช่นนี้ เสียใจที่บรรยากาศดีๆต้องกลายเป็นบรรยากาศที่ย่ำแย่น่าเบื่อจริงๆ"
"ไป๋เหมยเหม่ย เจ้าจะเหิมเกริมมากไปแล้วนะ ข้าเป็นถึงอาจารย์ที่ผู้คนให้ความนับถือ แต่เจ้าเป็นเพียงสตรีไร้ประโยชน์ มีความกล้าใดจึงมาเอ่ยวาจาเช่นนี้กับข้า"
ไป๋เหมยเหม่ยเริ่มโมโหแล้ว นางจึงเอ่ยหยางเจ๋อหยวนอย่างไม่ยอมอ่อนข้อเช่นกัน
"ข้าจะเอาความกล้ามาจากไหนแล้วมันเกี่ยวอันใดกับท่าน ผู้คนก็มองเห็นว่าข้าอยู่ของข้าดีดี แต่ท่านต่างหากที่สอดปากเข้ามาต่อว่าข้า หย่าขาดกันแล้วกลับยังตามรังควาญภรรยาเก่าเช่นนี้ ช่างไม่มีความเป็นบุรุษเอาเสียเลย ใครกันแน่ไม่ยอมเลิกรา!!!!"
"ไป๋เหมยเหม่ย!!! ผู้ใดอยากตามตื้อสตรีหน้าไม่อายเช่นเจ้ากัน"
“เช่นนั้นท่านก็ไสหัวไปสิ อย่ามายืนเกะกะขวางทางคนจะเดิน!!!”
ไป๋จินเซียงที่เห็นหยางเจ๋อหยวนเอ่ยวาจาไม่ไว้หน้าน้องสาวตนก็เริ่มที่จะควบคุมอารมณ์ตนเองไม่ได้ ด้านไป๋กู้ชวนก็ปรายตามองหยางเจ๋อหยวนอย่างดูแคลนเช่นเดียวกัน แม้เขาจะไม่ชอบหน้าพี่สาวผู้นี้ของตน แต่ยามที่อยู่นอกจวนเขาย่อมต้องปกป้องนาง นี่คือสิ่งที่ท่านพ่อท่านแม่สอนเขาเอาไว้ ผู้ใดก็ห้ามแตะต้องหรือด่าทอนาง มีเพียงเขาเท่านั้นที่สามารถด่านางได้!!!
"หยางเจ๋อหยวน ท่านมาทำสิ่งใดที่นี่กันหรือ"
จู่จางเหยียนเหวยก็ปรากฏตัวขึ้นมา ไป๋เหมยเหม่ยหันไปมองจางเหยียนเหวยคราหนึ่ง ก่อนจะหลบสายตาเขา
ให้ตายเถิด!!!ออร่าความหล่อนี่มันคือสิ่งใดกัน
หยางเจ๋อหยวนชะงักไปชั่วครู่ก่อน ก่อนจะหันมามองจางเหยียนเหวย
"คารวะท่านอ๋อง ไม่คิดว่าจะพบพระองค์ที่นี่"
จางเหยียนเหวยยิ้มให้หยางเจ๋อหยวนคราหนึ่ง ก่อนจะยกขวดสุราขึ้นดื่มแล้วเอ่ยกับหยางเจ๋อหยวนด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉย
"ร้านน้ำชาของข้าอยู่ที่นี่ ข้าย่อมต้องมาดูกิจการเสียหน่อย ทิ้งให้บ่าวรับใช้ดูแลมานานหลายปีแล้วกลับมาครานี้คงต้องจัดการเอง แล้วท่านเล่ามาทำอันใด วันนี้ที่สำนักศึกษาไม่มีสอนหรือ"
หยางเจ๋อหยวนที่ได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มออกมาเล็กน้อย
"เพียงผ่านทางมาเท่านั้นพ่ะย่ะค่ะ ไม่คิดว่าจะพบเจอสตรีไร้ประโยชน์เข้า"
ไป๋เหมยเหม่ยที่ได้ยินเช่นนั้นก็ปรายตามองหยางเจ๋อหยวนคราหนึ่ง ในใจนึกเกลียดชังไม่น้อย
จางเหยียนเหวยรับรู้ได้ว่าสถานณการณ์ไม่ปกติ สองสามวันมานี้ทุกคราที่พบเจอไป๋จินเซียงเขามักจะแกล้งทำทีเป็นสอบถามความเป็นไปในระยะนี้ ไป๋จินเซียงเป็นคนซื่อเขาจึงบอกเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้ฟัง รวมถึงเรื่องของไป๋เหมยเหม่ยด้วย
คล้ายว่าหยางเจ๋อหยวนจะปฏิบัติต่อนางไม่ดีเท่าใดนัก เมื่อคิดได้เช่นนั้นเขาจึงเอ่ยกับหยางเจ๋อหยวนด้วยน้ำเสียงที่หยอกเย้า
"หยางเจ๋อหยวนท่านจะกล่าวเกินไปแล้ว ที่นี่มีแต่สตรีงดงามสูงศักดิ์ จะมีสตรีไร้ประโยชน์ที่ท่านว่าได้เช่นไรกัน"
หยางเจ๋อหยวนไม่ตอบ เขาเพียงยิ้มออกมาคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ย
"เช่นนั้นกระหม่อมขอตัวก่อน มีงานให้ต้องสะสางที่จวนพ่ะย่ะค่ะ"
"เชิญ"
หยางเจ๋อหยวนเอ่ยเพียงเท่านั้น ก่อนจะจากไป ในนึกก่นด่าจางเหยียนเหวยในใจหนึ่งคำรบ
เสนอหน้ามาสอดทำไมกัน!!!!
ในขณะที่หยางเจ๋อหยวนกำลังหันหลังเดินจากไปนั้น ไป๋เหมยเหม่ยก็ยกยิ้มมุมปาก ก่อนจะยกเท้าข้างขวาถีบไปที่บั้นท้ายของอดีตสามีจนเขาไม่ทันตั้งตัวล้มหน้าคะมำไปกับพื้น หยางเจ๋อหยวนหันขวับมามองไป๋เหมยเหม่ยก่อนจะเอ่ย
“ไป๋เหมยเหม่ยเจ้าถีบข้าหรือ!!!!”
ไป๋เหมยเหม่ยยิ้มตาหยี ก่อนจะเอ่ย
“ผู้ใดถีบท่านกัน ท่านพูดจาชั่วๆฟ้าดินเลยลงโทษขัดขาเจ้าต่างหาก เกี่ยวอันใดกับข้าเล่า”
“นี่เจ้า!!!!”
หยางเจ๋อหยวนอับอายยิ่งนัก เขาชังน้ำหน้าไป๋เหมยเหม่ยเหลือเกินเพราะสตีนางนี้เพียงคนเดียวทำให้เขาต้องพบเจอแต่เรื่องน่าอับอายเช่นนี้
เมื่อหยางเจ๋อหยวนจากไปแล้ว ไป๋เหมยเหม่ยถอนหายใจออกมาคราหนึ่ง จางเหยียนเหวยหันไปจ้องมองนาง เขารู้สึกว่านางช่างน่าค้นหายิ่งนัก อีกทั้งคำด่าก็จัดจ้านไม่เบา ไม่พบกันหลายปี เขาไม่รู้ว่านางเป็นเช่นไร ได้ยินผู้คนเล่าลือกันว่าไป๋เหมยเหม่ยทำตัวร้ายกาจไร้กฎระเบียบ โง่เขลาเบาปัญญา
แต่เขากลับคิดว่านางก็น่ารักน่าชังดี ไม่เห็นจะโง่งมตรงที่ใด
ลูกถีบเมื่อครู่นี้ก็ถือว่าใช้ได้ทีเดียว เสียดายไม่น่าถีบบั้นท้าย น่าจะถีบยอดหน้าไปเลย!
ไป๋เหมยเหม่ยหันมาสบตากับจางเหยียนเหวยนางพยายามปรับสีหน้าให้เป็นปกติ ทั้งที่ในใจเต้นระรัวอย่างบ้าคลั่ง
ทรงเท่มากเพคะท่านอ๋อง!!!
เมื่อไม่สิ่งใดน่าสนใจแล้ว จางเหยียนเหวยจึงหันมาเอ่ยกับไป๋จินเซียงทันที
"อาจิน วันนี้เจ้ามาทำอันใดหรือ"
"ข้ามาส่งเหมยเหม่ยดูร้านที่นางจะเปิดน่ะ"
"เปิดร้านหรือ ร้านอันใด"
จางเหยียนเหวยเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ ไป๋จินเซียงที่ได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มเล็กน้อยก่อนจะตอบ
"นางบอกว่าจะเปิดร้านหม้อไฟ"
จางเหยียนเหวยที่ได้ยินเช่นนั้นจึงหันไปมองไป๋เหมยเหม่ยคราหนึ่ง ไป๋เหมยเหม่ยตกใจเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มให้เขา จางเหยียนเหวยพลันชะงักไปชั่วขณะ
บัดซบจริงๆ!!!ยิ้มกระชากใจเสียด้วย
เขาเองนับว่าผ่านสาวงามมาไม่น้อย แต่สตรีที่มีรอยยิ้มชวนหลงใหลเช่นนางนั้นเขาไม่เคยเจอ
ในชั่วขณะนั้นเขาจึงยิ้มตอบนางเช่นกัน ไป๋เหมยเหม่ยรู้สึกว่าโลกนี้หยุดหมุนไปชั่วขณะ นางรีบหันไปมองทางอื่น พลางยกมือขึ้นจับผมตนเอง จางเหยียนเหวยยกยิ้มมุมปากคราหนึ่ง ในขณะที่พวกเขากำลังยืนสนทนากันอยู่นั้น ก็มีสตรีนางหนึ่งที่กำลังเดินผ่านไป หันมาจ้องมองไป๋เหมยเหม่ยพร้อมกับเอ่ย
"อุ๊ยตายไป๋เหมยเหม่ย เจ้ายังกล้ามาเดินเล่นในตลาดได้อีกหรือ ได้ข่าวว่าท่านอาจารย์หยางหย่าขาดกับเจ้าแล้ว โอะ ไม่นานมานี้ยังมีข่าวลือว่าเจ้าคิดยั่วยวนจวิ้นอ๋อง หวังจะเป็นพระชายาของเขา เจ้าฝันไปเถิด สตรีหม้ายเช่นเจ้าได้ตาแก่ร้านขายผักก็นับว่าดีมากแล้ว!!!"
ไป๋เหมยเหม่ยหันไปมอง ก่อนจะพบกับสตรีน้อยนางหนึ่ง ภาพในความทรงจำเดิมพลันปรากฏชัดเจนขึ้น
สตรีน้อยนางนี้มีนามว่า เย่เพ่ย เป็นบุตรสาวของท่านเสนาบดีกรมพิธีการ ในอดีตเคยเป็นไม้เบื่อไม้เมากับไป๋เหมยเหม่ยคนเก่า เคยตบตีกันกลางตลาดมาแล้ว!!!
ไป๋เหมยเหม่ยหลับตาลงช้าๆ ให้ตายเถิด!! ไป๋เหมยเหม่ยร่างเก่าศัตรูเจ้าช่างเยอะยิ่งนัก เป็นศัตรูกับคนทั่วทั้งเมืองหลวงแล้วกระมัง!!!
เย่เพ่ยที่เห็นว่าไป๋เหมยเหม่ยไม่ตอบก็ยิ่งได้ใจ จึงเอ่ยวาจาเหน็บแนมไม่หยุด
"เหตุใดจึงไม่ตอบข้าเล่า หรือว่าอับอายจนเอ่ยวาจาใดไม่ออก"
ไป๋กู้ชวนที่ได้ยินเช่นนั้นก็ปรายตามองเย่เพ่ยทันที ก่อนจะเอ่ยตอบ
"คุณหนูท่านนี้ ไม่ทราบว่าในจวนท่านเลี้ยงสุนัขเอาไว้ใช่หรือไม่"
เย่เพ่ยที่ได้ยินเช่นนั้นก็หันมามองไป๋กู้ชวนคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยถาม
"ไม่นี่ ทำไมหรือ"
"โอว เช่นนั้นหรือ ข้าคิดว่าท่านเลี้ยงเอาไว้เสียอีก เพราะข้าเห็นว่าปากท่านเหมือนมีสุนัขวิ่งออกมาเลย พี่สาวข้ายังไม่่ได้เอ่ยวาจาต่อว่าท่านสักคำ แต่ท่านกับต่อว่านางฉอดๆ"
ไป๋เหมยเหม่ยที่ได้ยินเช่นนั้นก็ขำพรืดออกมา ไป๋กู้ชวนหันมาถลึงตาใส่นางคราหนึ่ง ในขณะที่เย่เพ่ยอับอายจนเลือดขึ้นหน้า
"เจ้า!!!พวกเจ้ามันคนบัดซบ พี่สาวเจ้ามันหน้าด้านหน้าทนเจ้าไม่รู้หรือ หย่ากับหยางเจ๋อหยวนไม่นานก็คิดจะจับท่านอ๋องเสียแล้ว!!!!"
จางเหยียนเหวยที่ยืนมองดูเหตุการณ์ตรงหน้าอยู่นาน ก็พลันหันมาเอ่ยกับเย่เพ่ยทันที
"ข้าดูเหมือนท่านอ๋องหน้าโง่ที่จะให้สตรีปั่นหัวได้ง่ายๆเช่นนั้นหรือ ข่าวลือไม่มีที่มาที่ไปแต่เจ้ากลับเอ่ยได้ราวกับตนเองเป็นบุคคลในเหตุการณ์ หรือว่าเจ้าเองริษยานาง เพราะแท้จริงเจ้าต่างหากที่อยากจะแต่งกับข้า เช่นนั้นก็ได้ ข้าจะรับเจ้าเข้าจวนไปเป็นอนุคนที่หนึ่งร้อยดีหรือไม่ ในจวนข้ายามนี้มีเหล่าอนุที่ข้าได้มาจากชายแดนเก้าสิบเก้าคนแล้ว เพิ่มเจ้าไปอีกคนข้าย่อมเลี้ยงได้"
อนุคนที่หนึ่งร้อย!!!!
เย่เพ่ยที่ได้ยินเช่นนั้นก็หันขวับมามองจางเหยียนเหวยทันที เมื่อครู่นางมัวแต่หาเรื่องไป๋เหมยเหม่ยจนไม่ทันมอง ยามนี้เมื่อได้เห็นจางเหยียนเหวยเต็มๆตา นางก็ถึงกับเข่าอ่อน
"ท่านอ๋อง? ท่านคือท่านอ๋องที่เพิ่งกลับมาชายแดนหรือ!!!"
"ใช่ ข้าเอง"