บทที่ 6 หมูสามชั้นผัดพริกเกลือ
เมื่อมาถึงโรงหมอ ท่านหมอก็ตรวจอาการของไป๋เหมยเหม่ยอย่างละเอียด ก่อนจะเอ่ยกับจางเหยียนเหวย
"ทูลท่านอ๋อง ก่อนหน้านี้ศีรษะนางได้รับความกระทบกระเทือนหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ"
จางเหยียนเหวยหันมองไป๋จินเซียงคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ย
“ท่านถามเขาเถิด เขาเป็นพี่ชายของนาง”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นท่านหมอชราจึงรอคอยคำตอบจากไป๋จินเซียง ไป๋จินเซียงยิ้มออกมาคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ย
"ใช่ขอรับท่านหมอ ไม่นานมานี้นางศีรษะกระแทกขอบโต๊ะจนสลบไป"
ท่านหมอพยักหน้าคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ย
"ข้าเข้าใจแล้ว เพราะไม่ได้รับการรักษาต่อเนื่องทำให้ข้ามองเห็นรอยโลหิตจ้ำๆเป็นจุดที่บาดแผลของบนศีรษะของนาง ร่างกายของนางยังไม่แข็งแรงดี เมื่อออกมาเดินจนร่างกายเหนื่อยล้า จึงหมดสติไป ข้าจะให้จัดยาให้สักสองเทียบ แล้วมาตามที่ข้านัดพบอีกครา มิทราบว่าพวกท่านจะสะดวกหรือไม่"
จางเหยียนเหวยหันไปมองไป๋จินเซียงคราหนึ่ง เรื่องนี้เขาไม่อาจตัดสินใจได้ ทำได้เพียงให้ไป๋จินเซียงเป็นคนให้คำตอบกับท่านหมอเพียงเท่านั้น
ไป๋จินเซียงยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะตอบ
“เช่นนั้นรบกวนท่านหมอไปตรวจนางที่จวนตระกูลไป๋ได้หรือไม่ ข้าไม่อยากให้นางออกมาตากลมเกรงว่าอาการจะหายช้าไปอีก"
“อืม ได้สิ”
“ขอบคุณท่านหมอยิ่งนัก”
แม้ใบหน้าจะยิ้มแย้ม แต่ทว่าในใจของไป๋จินเซียงกลับไม่พอใจในตัวของหยางเจ๋อหยวนยิ่งนัก จะอำมหิตเกินไปแล้วกระมัง น้องสาวเขาเจ็บตัวในจวนตระกูลหยาง แต่ทว่าหยางเจ๋อหยวนกลับไร้เมตตา ส่งนางกลับจวนทั้งที่ร่างกายของนางยังไม่หายดีเช่นนี้
ไม่นานนักไป๋เหมยเหม่ยก็ได้สติคืนมา นางค่อยๆลืมตาขึ้น รู้สึกปวดหนึบที่ศีรษะเล็กน้อย เดิมทีนางไม่รู้สึกเจ็บเลยด้วยซ้ำอีกทั้งยังคิดว่าอาการคงหายดีแล้ว ไม่คาดว่าจะเป็นลมไปเสียได้ อาจเพราะระยะนี้นางไม่ค่อยพักผ่อนให้เพียงพอร่างกายจึงแย่ลงเช่นนี้
ไป๋จินเซียงที่เห็นว่าน้องสาวของตนฟื้นแล้ว จึงรีบเข้ามาหาท่านที
"เหมยเหม่ย เจ้าเป็นเช่นไรบ้าง"
"ปวดหัวเจ้าค่ะ"
"ไม่เป็นอันใดนะ พี่จะพาเจ้ากลับจวน"
"พี่ใหญ่"
"หืม"
"ข้าหิวแล้ว อยากกินหมูสามชั้นผัดพริกเกลือเจ้าค่ะ"
ไป๋จินเซียงที่ได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก น้องสาวของเขานี่ก็ช่างกระไร ตนเองป่วยอยู่แท้ๆแต่ยังร้องหาของกินไม่หยุด
จางเหยียนเหวยที่ได้เห็นเช่นนั้นก็รู้สึกแปลกใจไม่น้อย ท่าทางราวกับเด็กน้อยสามขวบร้องขอขนมจากพี่ชายนั่นมันดูน่ารักน่าชังดีเหลือเกิน
เมื่อคิดได้เช่นนั้นเขาจึงหันไปเอ่ยบางอย่างกับทหารคนสนิท ทหารคนสนิท พยักหน้ารับก่อนจะจากไป
"อาเหยียน ข้าคงต้องขอตัวกลับจวนก่อนแล้ว เจ้าอย่าไปใส่ใจคำพูดนางเลย นางคงสติเลอะเลือนไปชั่วขณะ ขายหน้าเจ้าแล้ว อย่างไรวันนี้ต้องขอบคุณเจ้ามาก"
"อืม เจ้ารีบพานางไปเถิด ข้าเองก็จะไปโรงสุราแล้วเช่นกัน"
ไป๋เหมยเหม่ยแอบชำเลืองมองจางเหยียนเหวยคราหนึ่ง เมื่อเห็นว่าเขามองเองก็หันมานางเช่นกัน นางจึงแกล้งก้มหน้าลงไม่กล้าสบตาเขา
เมื่อกลับมาถึงจวนไป๋จินเซียงก็โดนบิดามารดาบ่นจนหูชาที่พาไป๋เหมยเหม่ยออกจากจวนไปจนล้มป่วย ด้านไป๋กู้ชวนนั้นลอบเบ้ปากคราหนึ่ง พลางครุ่นคิดในใจ
คนเช่นพี่สาวเขาน่ะหรือจะล้มป่วย หากบอกว่านางไปทุบตีผู้อื่นจนป่วยเขายังจะน่าเชื่อถือเสียมากกว่า
"ฮูหยินเจ้าค่ะ มีคนจากภัตตาคารเพ่ยเซียนมาขอพบเจ้าค่ะ บอกว่านำสามชั้นผัดพริกเกลือมาส่งให้คุณหนูเจาค่ะ"
ไป๋เหมยเหม่ยหันไปสบตากับไป๋จินเซียงคราหนึ่ง ไป๋ฮูหยินที่ได้ยินเช่นนั้นก็รีบเอ่ยทันที
"ผู้ใดสั่งมากัน ข้าไม่ได้ส่งคนไปสั่งมาเลยนะ"
"เอ่อ เสี่ยวเอ้อร์ที่มาส่งอาหารบอกว่า จวิ้นอ๋องจางเหยียนเหวยส่งมาให้คุณหนูเพื่อเป็นการไถ่โทษที่ทำให้คุณหนูล้มป่วยเจ้าค่ะ หากไม่เพราะชวนคุณชายใหญ่สนทนาจนนานเกินไป คุณหนูคงจะไม่เป็นลมเช่นนี้"
เมื่อได้ยินว่าเป็นคำสั่งของจวิ้นอ๋อง แม่ทัพใหญ่โจวและไป๋ฮูหยินจึงรีบออกไปรับของด้วยตนเองทันที แม่ทัพใหญ่ไป๋ขมวดคิ้วมุ่นคราหนึ่ง ตั้งแต่เมื่อใดกันที่เหมยเหม่ยของเขาไปสนิทสนมกับท่านอ๋องผู้นั้น
ด้านไป๋เหมยเหม่ยนั้น ยามนี้นางกำลังมองดูสามชั้นผัดพริกเกลือหลายสิบจานที่วางอยู่ตรงหน้าก็รู้สึกหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก
"นี่เขาเหมามาหมดทั้งภัตตาคารเลยกระมัง"
นางใช้ตะเกียบคีบหมูสามชั้นผัดพริกเกลือขึ้นมาชิมคำหนึ่ง ก่อนจะพบว่ารสชาติของมันช่างอร่อยล้ำเหลือเกิน เนื้อหมูติดมันเยิ้มๆรสชาติหนุบหนับ มันช่างเข้ากันกับข้าวร้อนๆในถ้วยเสียจริง
ผ่านไปราวครึ่งชั่วยามหมูสามชั้นผัดพริกเกลือตรงหน้าก็หมดไปกว่าครึ่ง ไป๋เหมยเหม่ยยกมือขึ้นลูบท้องตน ก่อนจะยิ้มตาหยี
อิ่มจัง!!
ไม่ได้!!ต้องกำจัดไขมันส่วนเกินออก!!
เมื่อคิดได้เช่นนั้นไป๋เหมยเหม่ยจึงรอให้อาหารในท้องย่อย ก่อนจะยกแขนขึ้นและบิดกายไปมาแล้วจึงลุกขึ้นยืน เฉียวเหลียนที่เห็นเช่นนั้นจึงเอ่ยถามเจ้านายของตนทันที
"คุณหนู ท่านจะไปที่ใดเจ้าคะ"
"ไปเบริน์"
"ฟันเหยินหรือเจ้าคะ เอ๋? ฟันคุณหนูก็ปกติดีนี่เจ้าคะ!!!!"
ไป๋เหมยเหม่ยถอนหายใจออกมาคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ย
"ข้าจะไปวิ่งออกกำลังกาย ไม่เช่นนั้นข้าต้องอึดอัดเป็นแน่"
ไป๋เหมยเหม่ยกล่าวจบก็เดินตรงไปที่นอกเรือน ก่อนจะใช้มือจับชายประโปรงยกขึ้นมาเล็กน้อยเพื่อให้สะดวกต่อการวิ่ง นางสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะค่อยๆวิ่งไปรอบๆจวน เริ่มแรกค่อยๆวิ่งอย่างช้าๆแล้วจึงเร่งจังหวะการวิ่งให้เร็วยิ่งขึ้นจนเม็ดเหงื่อผุดซึมขึ้นมาทั่วทั้งใบหน้างาม
ไป๋เหมยเหม่ยพลันนึกขึ้นได้ว่าตนเองร่างกายยังไม่สู้ดี จึงหยุดวิ่งก่อนจะยกมือขึ้นนวดขมับ รู้สึกคล้ายว่าจะหน้ามืดอีกครา นางจึงทิ้งกายลงนั่งพิงใต้ต้นไม้ พลางหายใจเหนื่อยหอบ ก่อนจะยกมือขึ้นพนมกลางอก แล้วพ่นลมหายใจออกมาพร้อมกับยักไหล่ซ้ายขวาสลับกันขึ้นลงเพื่อบริหารหัวไหล่ ไป๋กู้ชวนที่เดินออกมาเห็นภาพตรงหน้าก็เบิกตากว้างก่อนจะเอ่ย
"มารดามันเถอะ!!!ไป๋เหมยเหม่ยเป็นบ้าไปแล้ว ท่านพ่อท่านแม่ ในจวนมีคนบ้าขอรับ!!!!!"